Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2011 เสียงกระดิ่งบนยอดเขากุ้ยต้าว

Now you are reading Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน Chapter 2011 เสียงกระดิ่งบนยอดเขากุ้ยต้าว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 2011 เสียงกระดิ่งบนยอดเขากุ้ยต้าว

ณ แผ่นดินของอาณาเขตเต๋า หุบเขาเขตอาคมที่ซ่อนอยู่ในภูเขา บ่อน้ำบนพื้นที่ราบและสุสานใต้ดินขนาดใหญ่ ทั้งสามแห่งเป็นพื้นที่ที่มีโชควาสนาอันมากมาย ซวนลั่วเตรียมสถานที่ทั้งสามแห่งให้แก่ศิษย์ของตนเอง…หวังหลิน

ภายในภูเขามีหวังหลินและซวนลั่วยืนอยู่ รวมถึงปรากฏร่างอยู่ด้านนอกบ่อน้ำและภายในสุสานด้วยเช่นกัน

บ่อน้ำบนพื้นที่ราบนี้มีจิตสังหารอันทรงพลัง และหวังหลินก็เพ่งสมาธิอยู่ภายในนี้ถึงสามเดือน!

ซวนลั่วรออยู่ด้านนอกบ่อน้ำตลอดเวลา ขณะที่ปกป้องหวังหลินก็มองศิษย์ตัวเองอย่างเงียบๆ ไปด้วย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเมตตา

หน้าผาบนหุบเขาถูกแกะสลักด้วยอักขระรูน แต่ละชิ้นมีเขตอาคมแฝงเอาไว้ พอเวลาผ่านไปหลายปี หุบเขาแห่งนี้จึงค่อยๆ กลายเป็นสถานที่โด่งดังในอาณาเขตเต๋า เรียกกันว่า หุบเขาเขตอาคมอันทรงเกียรติ!

คนธรรมดาไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้เนื่องจากถูกซวนลั่วปิดผนึกไว้หลายร้อยปีก่อน มันกลายเป็นที่ที่เขาเตรียมไว้ให้ศิษย์คนพิเศษเพื่อมารู้แจ้งแก่นแท้เขตอาคม

หวังหลินทำความเข้าใจอยู่ภายในหุบเขาเขตอาคมถึงสามเดือน

มีสถานที่ลึกลับมากอีกแห่งในอาณาเขตเต๋า มันคือสุสานใต้ดิน ไม่มีร่างศพใครถูกฝังไว้ที่นี่แต่เป็นสมบัติที่ถูกทิ้งไว้จำนวนมากมาย มีคนฝังพวกมันไว้ที่นี่เหมือนเป็นเครื่องสังเวย พวกมันไร้ประโยชน์และไร้ค่า

เนื่องจากตัวตนของเหล่าสมบัตินี้ พื้นที่จึงห่อหุ้มไปด้วยพลังงานของธาตุทั้งห้า กลิ่นอายจึงรุนแรงหนาแน่นจนเกิดเป็นกลิ่นอายของแก่นแท้ขึ้นมา

หวังหลินนั่งอยู่ในสุสานแห่งนี้เป็นเวลาสามเดือนเช่นกัน จากนั้นถึงไม่ค่อยเต็มใจนักแต่ก็หยุดการดูดซับแก่นแท้ห้าธาตุและจากไปกับซวนลั่ว

ในอาณาเขตฉี หวังหลินได้เจอกับมหาชั้นฟ้าของที่นี่ เขาไปยังสถานที่สามแห่งเพื่อฝึกฝนและทำความเข้าใจ หวังหลินกับซวนลั่วอยู่อาณาเขตนี้เป็นเวลาห้าเดือน

ในอาณาเขตจวี่ หวังหลินไม่ได้เจอมหาชั้นฟ้าแต่ไปทำความเข้าใจยังพื้นที่หลายแห่งทั่วสิบสองแคว้น ใช้เวลาเกือบครึ่งปี

พริบตาเดียวนับเวลาตั้งแต่ที่หวังหลินและซวนลั่วออกไปจากเมืองหลวงอาณาเขตเต๋า ผ่านมาได้หนึ่งปีครึ่ง

ช่วงเวลาหนึ่งปีครึ่งนี้หวังหลินไม่เจออันตรายอันใดและไม่ต้องดิ้นรนอยู่ระหว่างความเป็นความตาย เขาเพียงแค่ต้องดูดซับแก่นแท้และเพิ่มระดับบ่มเพาะ

หวังหลินไม่ต้องคิดอะไรมาก ทุกอย่างถูกอาจารย์ดูแลไว้หมดแล้ว อาจารย์ซวนลั่ว!

หวังหลินสัมผัสได้ว่าซวนลั่วดูแลเอาใจใส่เขา เหมือนศิษย์จริงๆ ที่ไม่มีแผนการอะไรแอบแฝง สายตาอบอุ่นที่ซวนลั่วมอบให้เขาทำให้หวังหลินฝึกฝนเหมือนอยู่ที่บ้าน

หวังหลินไม่ได้เจอเรื่องแบบนี้ในชีวิตมากนัก แต่ยิ่งหายากเท่าไร เขายิ่งหวงแหนมากเท่านั้น หวังหลินหวงแหนช่วงเวลานี้ หวงแหนซวนลั่วและทะนุถนอมช่วงเวลาแห่งความสุขในชีวิตที่หาได้ยากแบบนี้

ในใจหวังหลินต้องการให้เวลาเช่นนี้คงอยู่ไปตลอดกาล หวังหลินกระทั่งไม่ใส่ใจแรงกดดันจากจักรพรรดิเต๋าได้

‘อาจารย์ดูแลข้าดีแบบนี้…ข้าต้องปกป้องอาณาเขตเต๋า…’ หวังหลินพูดขึ้นในใจอีกครั้ง

เขาห่วงใยเรื่องความสัมพันธ์อย่างมาก ซวนลั่วช่วยหวังหลินในโลกถ้ำและกลายเป็นอาจารย์ เขาเห็นทุกอย่างและจำไว้ให้ขึ้นใจ

หวังหลินไม่ต้องการทำให้ซวนลั่วผิดหวัง

การเดินทางหนึ่งปีครึ่งจบลงเช่นนี้ จากนั้นทั้งสองก็ได้ผ่านพื้นที่ส่วนใหญ่ของเผ่าโบราณ หวังหลินและซวนลั่วมาถึงที่ภูเขากุ้ยต้าว!

ภูเขากุ้ยต้าวอยู่ตรงจุดตัดของสามเผ่าโบราณและเป็นที่ที่มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวพักอาศัย!

ภูเขาแห่งนี้ถูกเรียกอีกอย่างว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์และพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหมดเป็นเพราะมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว

เบื้องล่างภูเขากุ้ยต้าว แม้แต่ซวนลั่วยังแสดงท่าทีเคารพ เขาไม่ได้เหาะเหินหรือเคลื่อนที่พริบตาแต่เป็นก้าวเดินขึ้นไปบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เหมือนคนธรรมดาและเดินไปคู่กับหวังหลิน

ทางเดินแห่งนี้คล้ายกับนำทางขึ้นไปสู่ท้องฟ้าและปกคลุมไปด้วยหมู่เมฆ แค่มองด้วยสายตาก็ไม่สามารถเห็นจุดสิ้นสุดได้แล้ว

ณ ด้านล่างภูเขา ซวนลั่วเดินอยู่ด้านหน้าและมองหวังกลินกลับมาอย่างเมตตา “หากมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวได้เห็นเจ้า จำไว้ว่าต้องเคารพนับถือเอาไว้ มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเป็นผู้อาวุโส แม้แต่อาจารย์ยังต้องโค้งคำนับ”

“อาจารย์สบายใจได้ ศิษย์เข้าใจดี” หวังหลินมีสีหน้าเคร่งขรึมและรู้สึกจิตใจอบอุ่น ระหว่างทางซวนลั่วตักเตือนเขาไว้มากเหมือนชายชราที่ห่วงใยว่าลูกหลานจะทำอะไรผิดพลาด แม้ซวนลั่วจะมีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่มและไม่ได้ดูแก่กว่าหวังหลินก็ตาม

“มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเป็นคนรุ่นเดียวกับยุคที่มีบรรพชนโบราณและเป็นองครักษ์ของเผ่าโบราณ หากเขาไม่อยู่ ข้ากลัวว่าเผ่าโบราณคงจะถูกเผ่าเทพกลืนกินและไม่สามารถดำรงอยู่อีกต่อไป” ซวนลั่วมองขึ้นไปที่ภูเขากุ้ยต้าวด้วยความเคารพจากหัวใจ

“ตอนที่ศิษย์อยู่ในเผ่าเทพ ศิษย์เห็นรายละเอียดบางส่วนของมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวในหนังสือ พวกเขาพูดว่าระดับบ่มเพาะของมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวสูงยิ่งกว่ามหาชั้นฟ้าคนอื่นและเป็นคนเดียวที่สามารถสังหารมหาชั้นฟ้าหลายคนได้ ศิษย์เคารพคนทรงพลังเช่นนี้” หวังหลินก้าวเดินขึ้นไปแต่ละก้าวและมองไปบนยอดเขา

“แม้แต่อาจารย์ก็ไม่รู้ว่ามหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวมีระดับบ่มเพาะแท้จริงอยู่ขั้นไหน แต่เบื้องหน้าเขา อาจารย์รู้สึกเหมือนกลายเป็นคนธรรมดา…” ซวนลั่วส่ายศีรษะและถอนหายใจ

“นอกจากมหาชั้นฟ้าแล้ว ผู้อาวุโสกุ้ยต้าวจะไม่เรียกใครง่ายๆ มีเพียงตอนที่จักรพรรดิโบราณคนใหม่ได้รับการรับเลือกเท่านั้นถึงจะถูกเชิญมาที่นี่” ซวนลั่วก้าวเดินแต่ละก้าวอย่างเงียบๆ รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

‘ข้าสงสัยจริงว่าหากผู้อาวุโสกุ้ยต้าวจะเจอหวังหลินได้ ข้าต้องรายงานผู้อาวุโสว่าหวังหลินได้รับโลหิตบรรพชนถึงสิบหยดและหยดที่สิบคือโลหิตวิญญาณ ผู้อาวุโสน่าจะได้พบเจอศิษย์ข้า’ ซวนลั่วเดินขึ้นไปพลางขบคิด ยิ่งเข้าไปใกล้บนยอดเขายิ่งทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ

‘หากมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเรียกหวังหลินเข้าพบ เช่นนั้นเรื่องที่หวังหลินจะเป็นองครักษ์ของอาณาเขตเต๋าจะไหลลื่น ด้วยการยอมรับจากกุ้ยต้าว สถานะของหวังหลินในอาณาเขตเต๋าจะพุ่งสูงขึ้น ไม่ว่าเย่ต้าวจะเกลียดหวังหลินแค่ไหน เขาก็คงไม่กล้าพูดอะไรมากนัก’

‘แต่หากมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวไม่เรียกเข้าพบ…’ ซวนลั่วถอนหายใจ ความจริงเขาพาหวังหลินมาที่นี่ก็เสี่ยงทำให้กุ้ยต้าวโกรธได้แล้ว เพราะพามาโดยไม่ได้ถูกเรียกตัว

ซวนลั่วทำทั้งหมดก็เพื่ออาณาเขตเต๋าและเพื่อให้ศิษย์ได้ปกป้องอาณาเขตเต๋าโดยไม่ต้องเจอกับความอับอาย

ด้านหนึ่งคือเผ่าพันธุ์ที่เขาปกป้องทั้งชีวิต อีกด้านคือศิษย์ที่เขาถูกใจยิ่งและดูแลเหมือนดั่งลูกของตัวเอง ซวนลั่วต้องการรักษาทั้งสองฝั่งให้เท่ากัน

หวังหลินเดินตามซวนลั่วและมองมาที่แผ่นหลังของซวนลั่ว แผ่นหลังนี้ไม่ได้สูงใหญ่แต่ทำให้หวังหลินรู้สึกถึงความอบอุ่นอันหาได้ยาก ความอบอุ่นนี้อยู่กับเขามาถึงปีครึ่ง

‘ข้ารู้สึกไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าโบราณ ข้ามาที่นี่เพื่ออาจารย์ซวนลั่วและจะปกป้องอาณาเขตเต๋าเพื่ออาจารย์ซวนลั่ว…’ หวังหลินก้าวเดินอย่างเงียบๆ

แต่ละก้าวเงียบงันราวกับผสานความเงียบไปกับภูเขา พอพวกเขาเข้าใกล้ยอดภูเขา หวังหลินจึงเห็นหอคอยแห่งหนึ่ง!

หอคอยแห่งนี้มีเก้าชั้นและมีเสาขนาดใหญ่สี่แห่งผูกเข้ากับโซ่ตรวน บนโซ่ตรวนมีกระดิ่งแขวนไว้จำนวนมาก พอหวังหลินและซวนลั่วเข้าไปใกล้ กระดิ่งจึงส่งเสียงสดใส

เสียงน่าฟังยิ่งและเมื่อเข้าไปในจิตใจจะทำให้จิตใจแจ่มใส กระทั่งทำให้พลังโบราณในร่างหมุนเวียนได้เร็วขึ้น

พอยืนอยู่ที่นี่ หวังหลินหน้าซีดเล็กน้อย เขารู้สึกว่าระดับบ่มเพาะกำลังโดนกดทับ แต่ไม่ใช่แค่นั้นยังรวมถึงพลังโบราณและพลังชีวิตด้วย

การกดทับระดับบ่มเพาะและแก่นแท้ทำให้หวังหลินรู้สึกเหมือนกำลังแบกภูเขาหลายลูกไว้บนบ่า ทำให้รู้สึกหายใจลำบากเล็กน้อยแต่ก็กัดฟันแน่นและยืนอยู่ด้านหลังซวนลั่ว

สี่เสายักษ์แต่ละแห่งมีคนนั่งอยู่หนึ่งคน ทั้งสี่อยู่ในวัยกลางคน ร่างกายผอมบางและสวมเสื้อสีเทา ชุดคลุมพริ้วสะบัดไปกับสายลมแต่หลับตานิ่งสนิท

แม้ซวนลั่วจะมาถึงก็ไม่ทำให้ทั้งสี่คนลืมตาขึ้นมาได้

หวังหลินหน้าซีดและกวาดสายตาผ่านสี่คนนั้นไป เขาตกตะลึงเล็กน้อย ทั้งสี่คนดูเหมือนคนธรรมดาที่ไม่มีพลังโบราณอยู่ในร่างกายเลย

“ผู้น้อยซวนลั่วขอเข้าพบมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว” ซวนลั่วคำนับฝ่ามือและโค้งให้แก่หอคอย

หวังหลินคำนับฝ่ามือเช่นกันและโค้งตัวอยู่ด้านหลังซวนลั่ว

รอบด้านเงียบสนิท มีเพียงสายลมและกระดิ่งที่ยังคงดังกึกก้อง พวกมันไม่หยุดและเสียงยังเปล่งพลังประหลาด แก่นแท้และระดับบ่มเพาะของหวังหลินถูกกดทับมากขึ้นจนผุดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก

ผ่านไปสักพักประตูชั้นแรกได้เปิดออกอย่างเงียบๆ และมีคนผู้หนึ่งก้าวเดินออกมา เขาเป็นชายหนุ่มหัวล้านสวมชุดคลุมสีเทา หลังจากก้าวเดินออกมาจึงโค้งคำนับให้แก่ซวนลั่ว

“ท่านกุ้ยต้าวยังอยู่ระหว่างการเดินทางแห่งจิตใจ มหาชั้นฟ้าซวนลั่วโปรดรอสักครู่” ชายหนุ่มมีท่าทีเคารพ

“ไม่มีปัญหา ข้าจะรอที่นี่” ซวนลั่วไม่คิดมากพลางยิ้มและพยักหน้า

ชายหนุ่มมองหวังหลิน หลังจากถอนสายตาจึงโค้งคำนับซวนลั่วอีกครั้ง เขาหันตัวกลับเข้าไปในหอคอยและประตูค่อยๆ ปิดลง

เวลาสามวันผ่านในพริบตา ช่วงเวลานี้ซวนลั่วยืนอยู่โดยไม่มีอาการเหนื่อยล้าและมีท่าทีเคารพตั้งแต่เริ่ม หวังหลินยืนด้านหลังซวนลั่ว สามวันที่ผ่านมาเหมือนสามร้อยปี!

เพราะเสียงกระดิ่งดังกึกก้องในใจหวังหลินอย่างต่อเนื่องราวกับพวกมันต้องการละลายระดับบ่มเพาะเทพและแก่นแท้ทั้งหมด

พวกมันคล้ายกับมีพลังในการสลายแก่นแท้และระดับบ่มเพาะเพื่อให้เหลือแต่พลังโบราณอยู่ในร่างกาย เพื่อให้โลหิตวิญญาณในร่างแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่าง

……………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด