Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1899

Now you are reading Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน Chapter 1899 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ข้อเสนอ!

“ข้าเกลียด!!!” เป็นคำพูดสุดท้ายก่อนชายชราได้สิ้นลมหายใจ ด้วยสติปัญญาของเขาจึงเข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เขาได้เห็นหวังหลินใช้ดวงตาข่มอำนาจและดาบหยินที่เขามอบให้แทงใส่แมงป่องเขียว

ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้เขาโกรธเกรี้ยวจนหัวใจวาย เนื่องจากไม่มีอายุขัยเหลือมากแล้วจึงได้กระอักโลหิตและเสียชีวิต!

เขาให้ร่างอันยืดหยุ่นกับหวังหลิน ดวงตาข่มอำนาจ เส้นชีพจรที่สร้างจากเส้นผมของบรรพชนเทพ ดาบหยินและแก่นแท้ปฐพี นอกเหนือจากนั้นเขายังช่วยให้หวังหลินสร้างร่างแก่นแท้อีกสองร่าง!

ทั้งหมดนี้เขามอบให้ทั้งหมด…

ดวงตาจึงเบิกกว้างด้วยความโกรธและเกลียดชังรุนแรง แม้แต่ตอนตายยังเหลือความเกลียดชัง ราวกับความเกลียดกำลังจะกลายเป็นภูติผี

หวังหลินไม่มีเวลาให้ความสนใจต่อชายชรา เขากระโจนไปข้างหน้า ยกดาบขึ้นมา ร่างแก่นแท้อีกสี่ร่างทำท่าเหมือนกัน เขาฟาดฟันลงไปใส่วิญญาณแมงป่องมารเขียวที่กำลังหนีอย่างโหดเหี้ยม!

วิญญาณแมงป่องมารเขียวก็มีความเกลียดชังมหาศาล มันเกลียดชายชราที่ทำให้มันต้องมาจบอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่ชายชราได้ตายไปแล้วมันจึงไม่มีที่ให้ระบายความโกรธ อีกทั้งยังระบายความโกรธไม่ได้ตอนนี้ มันทำได้แค่หนีเท่านั้น

มองไกลๆ ช่างเป็นฉากที่น่าตกตะลึง เตาหลอมยังคงพังทลายและมีเศษเสี้ยวกระจัดกระจาย วิญญาณแมงป่องเขียวบินหนีและกรีดร้องไปด้วย ด้านหลังมีหวังหลินผมขาวไล่ล่าด้วยกลิ่นอายทรงพลัง เขายกดาบในมือขึ้นมาด้วยแรงเหวี่ยงดุจทำลายฟ้าดิน ฟาดฟันพร้อมกับร่างแก่นแท้อีกสี่ร่าง!

จังหวะนี้เองเป็นตอนที่ระลอกคลื่นดังกึกก้องและมีลำแสงอีกสามสายเข้ามาใกล้ ทว่าเมื่อพวกเขาเผยร่างออกมา ทั้งสามกลับตัวสั่นเพราะไม่เชื่อสิ่งที่เห็นด้วยตาตัวเอง!

คนทั้งสามที่มาถึงคือเจ้าของเกราะวิญญาณกระทิงสวรรค์ คือหยุนยี่เฟิง ถังเจียและขอบเมฆา!

หลังจากผ่านมาร้อยปีทั้งสามจึงได้มาที่อารามแมงป่องเขียวด้วยเหตุผลบางอย่าง การเดินทางมาที่อารามนับว่ายากยิ่ง แต่หลังจากมาถึงแล้วกลับไหลลื่นไม่มีอุปสรรค พวกเขาไม่เจออะไรเลยและมาถึงส่วนที่ลึกที่สุดได้

อย่างไรก็ตามสิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือคมมีดเฉือนวิญญาณเล่มนี้!

“หวังหลิน!! เขาอยู่ที่นี่จริงๆ” หยุนยี่เฟิงและถังเจียตกตะลึงกันทั้งคู่

“เขาไม่ได้ตายไปแล้วหรือ?” ขอบเมฆาหรี่สายตาและเต็มไปด้วยอาการตกใจ

คมดาบฟาดฟันลงไปและกะพริบวาบ วิญญาณแมงป่องส่งเสียงกรีดร้องถึงขีดสุด มันสั่นเทาและต้องการต่อต้านแต่ต้องเผชิญหน้ากับคมมีดของหวังหลิน ยังมีคมมีดของร่างแก่นแท้อีกสี่ร่างที่กำลังพุ่งเข้าหาด้วย!

เมื่อคมดาบแรกใกล้เข้ามา วิญญาณแมงป่องเกิดการบิดเบี้ยวและพยายามหลบหลีก คมมีดเล่มที่สองและสามก็มาถึงแต่วิญญาณแมงป่องไม่สามารถหลบหลีกได้เลย มันหันกลับมาและพ่นหมอกสีเขียวจำนวนมากใส่คมมีดเล่มที่สี่และห้า

เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วบริเวณ เจ้าวิญญาณแมงป่องส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนและถูกคมมีดห้าเล่มผ่าเป็นหกส่วน

มีสี่ส่วนถูกหวังหลินดูดซับไป กลายเป็นควันหลายเส้นรอบตัวหวังหลินทำให้เขารู้สึกราวกับเป็นเทพเซียน

ส่วนที่เหลืออีกสองส่วนส่งเสียงกรีดร้องพลางหลบหนีออกไปไกล พวกมันหายวับเข้าไปในอารามแมงป่องและหายไปที่ไหนไม่มีใครรู้

รอบด้านค่อยๆ สงบลง มีเพียงกลุ่มของหยุนยี่เฟิงที่กำลังหายใจและเห็นทุกอย่างชัดเจนในอารามแมงป่อง

หวังหลินลอยอยู่ตรงที่เดิม สายหมอกรอบด้านควบแน่นกลายเป็นพลังวิญญาณเจ็ดสายไหลเข้าสู่ร่างกาย แขนขวายังคงเป็นมีดและมีร่างแก่นแท้ทั้งสี่ยืนอยู่อย่างเย็นเยียบ สายตาเขากวาดไปทางกลุ่มของหยุนยี่เฟิง

“ไปซะ!” เขาไม่ได้พูดอะไรมากนักและเอ่ยเพียงแค่ประโยคเดียว ทว่ากลับระเบิดกลิ่นอายน่าตกตะลึงออกมาจากร่ายกาย พอสายตาสบกับพวกเขา หยุนยี่เฟิงรู้สึกจิตใจสั่นเทาราวกับหวังหลินมองทะลุความลับทั้งหมดได้อย่างปรุโปร่ง แม้แต่ภาพมายาก็ยังถูกกดทับ

โชคดีที่ความรู้สึกนี้หายไปทันทีที่ผุดขึ้นมา ไม่เช่นนั้นเขาคงแค่ตัวสั่นจนพูดไม่ออก

ความรู้สึกเดียวกันนี้เต็มไปทั่วจิตใจถังเจีย นางจ้องมองหวังหลินและหน้าซีดขาว นางไม่เชื่อว่าสายตาของหวังหลินนั่นจะทำให้หวาดกลัวขนาดนี้หลังจากผ่านไปแค่ร้อยปี!

สายตาอันคมกริบจนสามารถผ่าโลกออกเป็นสองส่วน มีพลังกดขี่ข่มเหงสามารถทำให้ทุกที่โดนสายตานี้กวาดผ่านไปต้องแตกสลาย!

หากเทียบกับสองคนนี้แล้ว เมฆาสูญสิ้นรู้สึกรุนแรงยิ่งกว่า เขาต่อสู้กับหวังหลินมาก่อนและหวังหลินไม่ได้จัดการได้ง่ายๆ ตอนที่เมฆาสูญสิ้นโดนสายตาคู่นี้กวาดผ่านเข้ามา เขารู้สึกจิตใจสั่นสะท้านและก้าวถอยหลังไปสามก้าว ใบหน้าซีดเผือด หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ ในหูส่งเสียงดังกึกก้องและรู้สึกเหมือนถูกโลกทั้งใบทอดทิ้ง เขาอยู่ตัวคนเดียวและโดนสวรรค์กดดัน

เขากระทั่งรู้สึกว่าสรวงสวรรค์กำลังข่มเหงเขาด้วยสายตาหวังหลิน เหมือนสายตาหวังหลินมีกระบี่ที่ไม่ได้ปรากฏขึ้นมาทั้งเล่ม หากมันปรากฏขึ้นมาจริงๆ เขาคงโดนกระบี่เล่มนั้นฟาดฟันใส่!!

ความรู้สึกนี้รุนแรงจนเขาแทบบ้าคลั่ง ขณะที่กำลังจะแตกสลาย หวังหลินเอ่ยคำพูดขึ้นมาเสียงดังกึกก้อง ขอบเมฆาล่าถอยอย่างบ้าคลั่ง หลังจากห่างไปได้หลายพันลี้จึงรู้สึกปลอดภัย ทั้งร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อและเหลือแต่เพียงความรู้สึกเย็นวูบ

หยุนยี่เฟิงและถังเจียก็ล่าถอยเช่นกัน ทั้งสองคนไม่ได้โดนหวังหลินข่มดังนั้นจึงไม่ได้ถอยเนื่องจากอับอายเหมือนขอบเมฆา ทว่าหยุนยี่เฟิงนั้นขมขื่นยิ่ง เขาไม่คิดว่าจะมาเจอหวังหลินที่นี่หลังจากผ่านไปร้อยปีและได้เจอภาพเหตุการณ์แบบนี้

ทั้งสามขบคิดและล่าถอยอย่างเงียบๆ พวกเขาไม่ได้ออกไปจากอารามแมงป่องแต่หยุดอยู่ห่างจากหวังหลิน พวกเขายังต้องทำภารกิจให้สำเร็จ อารามแมงป่องไม่ได้ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์

แต่การมีหวังหลินอยู่ทำให้พวกเขาไม่กล้าทำอะไรวู่วาม ถังเจียมองออกไปไกลและยังไม่เชื่อสายตาตัวเอง นางขบคิดเงียบๆ จิตใจกำลังปั่นป่วน

หวังหลินลอยตัวอยู่ในอากาศและมองไปยังชายชราชุดเขียวที่เสียชีวิต หวังหลินสงบนิ่งมาก คนผู้นี้ช่วยเขาไว้อย่างมหาศาล หากไม่นับว่าทั้งหมดนั้นมีเจตนาจะสังหารหวังหลิน!

หากโชควาสนาที่คนตรงหน้ามอบให้เขาไม่ได้มากมาย หวังหลินคงไม่รู้สึกขอบคุณอะไร ขณะที่กำลังถอนสายตาออกมาจึงอุทานเบาๆ และมองอีกครั้ง

เขาเห็นควันสีดำออกมาจากร่างชายชราและควบแน่นอยู่ในศีรษะ ก่อตัวเป็นหมอกขนาดเท่าฝ่ามือ หมอกนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังและเย็นเยียบจนทำให้พื้นที่บริเวณนี้หนาวเย็นขึ้นในทันที

‘นี่มัน…’ จิตใจหวังหลินเอนเอียงและส่งสัมผัสวิญญาณกระจายไปหาหมอกสีดำ วินาทีที่สัมผัสวิญญาณเข้าแตะต้อง เสียงแหบพร่าดังขึ้นในใจเขา

“ข้าเกลียด!!!!”

“ข้าเกลียด!!!!”

เสียงอำมหิตจนจิตใจหวังหลินถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า

‘วิญญาณผี!! หลังจากตายยังได้กลายเป็นวิญญาณผีทรงพลังขนาดนี้!!’ วิญญาณผีดวงนี้ทรงพลังยิ่งกว่าของเซียนขั้นวิบากดับสูญจากทุ่งยอดนภาอยู่หลายเท่า!! มันมากกว่าระดับสูงจนใกล้เคียงระดับสมบูรณ์!!

แววตาหวังหลินเป็นประกายและสะบัดแขนเสื้อโดยไม่ลังเล วิญญาณผีของชายชราจึงทะยานเข้าหาหวังหลินและถูกเก็บเอาไว้!

ด้วยวิญญาณผีดวงนี้และวิญญาณผีจากทุ่งยอดนภา หวังหลินมั่นใจว่าจะสามารถสร้างใบเรือหน้าผีระดับเกือบสมบูรณ์ได้!

ด้วยใบเรือหน้าผีนี้และใบเรือหน้าผีระดับสูงที่หวังหลินมี เขาจะสามารถสร้างวิชามายาระดับใกล้เคียงความสมบูรณ์แบบได้ทีเดียว!

ชายชราไม่เพียงแต่จะมอบโชควาสนาหลายอย่างแก่หวังหลิน เขายังมอบชีวิตตัวเองให้หวังหลินอีก…แบบนี้จะไม่ให้ขอบคุณได้อย่างไร!

หลังจากเก็บวิญญาณไปแล้ว หวังหลินมีท่าทีแปลกประหลาด เขามองชายชราชุดเขียวด้วยท่าทีซับซ้อนบอกไม่ถูก ผ่านไปสักพักจึงถอนหายใจ

โบกสะบัดเพื่อสลายร่างชายชราให้เป็นเถ้าถ่าน เหลือทิ้งไว้แต่เพียงชุดคลุมสีเขียว

หวังหลินคว้าชุดคลุมเอาไว้ ส่งสัมผัสวิญญาณออกไปตรวจสอบ ของชิ้นนี้ประหลาดมาก สัมผัสวิญญาณไม่สามารถมองทะลุหรือเห็นได้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน หลังจากขบคิดเพียงเล็กน้อยจึงเก็บชุดสีเขียวที่ชายชราเหลือทิ้งไว้ให้

เพียงเท่านี้เขาจึงสามารถบอกได้ว่าชายชราได้มอบทุกสิ่งทุกอย่างแก่หวังหลินจริงๆ…

แววตาหวังหลินเป็นประกาย ระดับบ่มเพาะของเขาแสดงสัญญาณว่ากำลังเพิ่มขึ้น เขาสูดหายใจลึก ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น!

‘คราวนี้มาดูกันว่าระดับบ่มเพาะของข้าจะไปได้ไกลแค่ไหน!! ก่อนหน้านี้มันต่ำเกินไป ข้าหวังว่าจะสามารถมีที่ยืนได้ในแผ่นดินเซียนดารานับจากนี้!!’

‘สำนักเต๋ามาร ช่วงร้อยปีที่ผ่านมาข้าไม่เคยลืมคำสาบาน!!’ หวังหลินเต็มไปด้วยจิตสังหาร พอหลับตาเขาจึงมองเห็นศีรษะมนุษย์ที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตา ทั้งหมดเป็นคนที่เขารู้จักจากทุ่งยอดนภา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด