Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2044 สัญญาณแห่งสวรรค์!

Now you are reading Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน Chapter 2044 สัญญาณแห่งสวรรค์! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 2044 สัญญาณแห่งสวรรค์!

หลังจากดวงอาทิตย์หายไปและท้องฟ้ามืดลง หวังหลินคว้าจับแก่นแท้จุดจบแท้จริง โยนแก่นแท้เข้าไปในท้องฟ้าอันมืดมิดและมันก็หายไป

หวังหลินจ้องมองท้องฟ้าที่ปรากฏบนเพดาน ดวงตาพลันส่องสว่าง ฝ่ามือสร้างผนึกและพึมพำเบาๆ

“ห้วงเวลา…” หวังหลินใช้วิชาที่สร้างขึ้นมาเองเพื่อควบคุมการไหลของเวลา ทั้งยังสามารถย้อนคืนเวลานับพันปีได้ในพริบตา วิชานี้สามารถใช้ในการต่อสู้ได้ด้วย ตอนนี้หวังหลินกำลังใช้มันเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแก่นแท้

บงการแห่งฟ้าดินสำหรับเหล่าเซียนถือว่าควบคุมได้ยากมาก หวังหลินพยายามสร้างท้องฟ้าของตัวเองและมอบกลางวันและกลางคืนให้ ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องยากอยู่ดี

ตอนนี้หากใครมาเห็นเข้าคงเกิดความตกตะลึงอย่างแน่นอน

‘วิชาที่เผ่าต้าวหวังใช้สร้างถ้ำและพลังของมหาชั้นฟ้าในการสร้างสิ่งต่างๆ จากความว่างเปล่า…เพิ่มวิชาห้วงเวลาของข้าเข้าไป ข้าจึงสามารถประกอบการเคลื่อนไหวของโลกได้…’

‘และข้าเพียงแค่หลอมผนังของห้องแห่งนี้เท่านั้น ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่ข้าสามารถควบคุมได้’ หวังหลินมองดูเพดานและเห็นกลางวันและกลางคืนสับเปลี่ยนกันไปหลายสิบครั้งในชั่วเวลาสั้นๆ

‘ข้าหวังว่าข้าจะสามารถใช้วิธีนี้ในการเข้าใจแก่นแท้จุดเริ่มต้นและแก่นแท้จุดจบแท้จริงได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น’ หวังหลินตีหน้าผากตัวเอง แบ่งวิญญาณดั้งเดิมส่วนหนึ่งเข้าไปในเพดานเพื่อทำความเข้าใจการเปลี่ยนไปมาระหว่างกลางวันและกลางคืน

ก้อนวิญญาณดั้งเดิมนี้ได้ผสานเข้ากับเพดาน จากนั้นหวังหลินก็ไม่ให้ความสนใจมันอีก การรู้แจ้งไม่สามารถเสร็จสิ้นได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ในอนาคตเมื่อเขาถอนก้อนวิญญาณดั้งเดิมนั้นกลับมา เขาจะได้รับความเข้าใจทั้งหมดตลอดหลายปี

“แก่นแท้เขตอาคม…” หวังหลินมองดูหมอกประหลาดที่มีอักขระมากมายกะพริบวูบวาบ มันคือแก่นแท้เขตอาคมและเขาก็เกิดความเข้าใจมันจากตอนที่อยู่ในแผ่นดินเทพโบราณ

หลังจากขบคิดอยู่สักพัก หวังหลินจำได้ว่าอาจารย์ซวนลั่วพาเขาไปสถานที่หลายแห่ง เขาได้รับเขตอาคมจำนวนมากและคงใช้ประโยชน์ในการเพิ่มความแข็งแกร่งของแก่นแท้เขตอาคมขึ้นได้อย่างมหาศาล

หวังหลินถอนหายใจและชี้ไปที่ร่างแก่นแท้ห้าธาตุ ร่างแก่นแท้ห้าธาตุมองเข้ามาและมีแววตาเปล่งประกาย จากนั้นแบ่งร่างกายออกเป็นลำแสงห้าเส้นลอยเข้าสู่แก่นแท้เขตอาคม มันกำลังพาหวังหลินเข้าไปผสานเขตอาคมจำนวนมากในแก่นแท้

สุดท้ายหวังหลินได้มองไปที่แก่นแท้สายฟ้าสังหาร แก่นแท้สังหารเป็นแก่นแท้สำคัญที่สุดและแก่นแท้ที่เข้าใจยากที่สุด!!

‘มือสังหาร…ตอนที่เขาปรากฏตัวขึ้นครั้งแรก เขาเรียกตัวเองว่า ‘มือสังหาร’ ราชครูอาณาเขตเต๋าเองก็รู้จักร่างอวตารนี้เช่นกัน…’ หวังหลินมีสีหน้าอันซับซ้อน เขาคาดเดาขึ้นมาเองและเก็บไว้ในส่วนลึกของจิตใจ

‘มือสังหารเป็นร่างอมตะ เป็นตัวแทนของการทำลายล้างและไม่อาจลบเลือนไปได้ แก่นแท้สังหารนี้สมบูรณ์เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น มันจึงยังไม่สามารถสร้างร่างแก่นแท้ขึ้นมาได้ ข้าไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังทำนั้นถูก…หรือผิด’ หวังหลินลังเล

“ข้าได้ข่มแก่นแท้สังหารนี้ไว้ มันเกิดขึ้นมาตอนที่ข้าผสานเข้ากับสายฟ้า จากนั้นก็ใช้เขตอาคมเพื่อสร้างสมดุลเอาไว้ พอผสานกับจุดจบแท้จริงจึงทำให้มันแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นข้าจึงใช้จุดเริ่มต้นแท้จริงเพื่อทำให้เกิดสมดุลอีกครั้ง”

“เป็นผลให้ถึงแม้แก่นแท้ทั้งหมดสร้างร่างแก่นแท้ขึ้นมาได้ ทุกอย่างก็น่าจะเกิดสมดุล นอกเสียจากข้ามีวิธีอื่น!” หวังหลินพึมพำก่อนจะเผยสายตามุ่งมั่น วินาทีนี้เขาไม่ลังเลอีกแล้ว หากต้องการเพิ่มระดับบ่มเพาะ คงต้องทำสิ่งนี้เท่านั้น

หวังหลินคิดขึ้นในใจขณะที่จ้องมองแก่นแท้สังหารและร่างแก่นแท้สายฟ้า ร่างแก่นแท้สายฟ้าพลันลืมตาและสูดแก่นแท้สังหารเข้าไป ประกายสายฟ้ารอบร่างกายพลันเปลี่ยนไปเป็นสีดำ

สายฟ้าสังหารกระหน่ำลงมาอีกครา!

ดวงตาหวังหลินเปล่งประกายเจิดจ้า ฝ่ามือสร้างผนึกและชี้ไปที่ร่างแก่นแท้สายฟ้าสังหารให้ลอยเข้ามาหาและทับซ้อนกับเขา

หวังหลินใช้ร่างของตัวเองที่ทำการสังหารมานานหลายปีเพื่อหล่อเลี้ยงแก่นแท้สังหาร ระหว่างกระบวนการนี้ยังมีร่างที่ทับซ้อนบนร่างหวังหลิน ราวกับการผสานเป็นไปได้อย่างยากลำบาก

แต่หวังหลินไม่ประหลาดใจคล้ายกับคาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้ว ฝ่ามือสร้างผนึกอย่างต่อเนื่องและชี้ไปที่ร่างกายตัวเอง ทุกครั้งที่ชี้ไป เงาที่กำลังทับซ้อนจะหายไปเล็กน้อย ยิ่งเวลาผ่านไปจึงปรากฏเม็ดเหงื่อบนหน้าผากและมีสีหน้าหนักหน่วง

หลังจากเวลาผ่านไปไม่รู้นานแค่ไหน พอเขาชี้เป็นครั้งสุดท้าย แก่นแท้สายฟ้าสังหารจึงได้ผสานเข้ากับร่างกายโดยไม่เกิดร่างเงาทับซ้อนอีกต่อไป จากนั้นหวังหลินกัดปลายลิ้นและพ่นโลหิตออกมาหนึ่งคำ เขาสะบัดแขนให้โลหิตเปลี่ยนกลายเป็นอักขระรูนส่งไปทั่วร่างกาย

“หลอมโลหิต!!” หวังหลินคำรามก่อนจะหลับตาและนิ่งงันต่อไป

ขณะที่เขาทำการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่นแท้สังหารเพื่อป้องกันเหตุการณ์ในภายภาคหน้า เขาจึงต้องหลอมมือสังหารขึ้นอีกครั้ง!

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หวังหลินจะทำการหลอมสายฟ้าสังหาร ครั้งแรกเกิดขึ้นตอนที่เขาบังเอิญสร้างมันขึ้นมา

เวลาผ่านไปโดยไม่หยุดชะงักและไม่เกิดความรู้สึกอื่นใด เวลาได้ผ่านไปในแต่ละปี

ตอนที่แดนเทพบรรพกาลปรากฏขึ้นมา คลื่นใต้น้ำที่กระจายไปทั่วแผ่นดินเซียนดาราเริ่มจะเงียบขึ้น ทว่ามันกลับเกิดแรงกดดันจนห่อหุ้มไปทั่วทั้งแผ่นดินเซียนดารา

สำนักหลายแห่งในเผ่าเทพล้วนเงียบสงัดและสงบสุขจนเป็นช่วงเวลาที่หาได้ยาก ทุกคนต่างก็ทำการรวบรวมพลังงานของตัวเองไว้ใช้ตอนที่แดนเทพบรรพกาลเปิดออก

สำนักใดที่ทรงพลังต่างก็รู้สึกว่าหลังจากช่วงเวลาที่กดดันครั้งนี้จะเกิดสงครามยาวนานกินเวลาไปหลายร้อยปีระหว่างเผ่าเทพและเผ่าโบราณขึ้นอีกครั้ง!!

ระหว่างการต่อสู้ครั้งนี้ แม้กระทั่งมหาชั้นฟ้าอาจจะตายลงได้ ส่วนผู้สูงส่งชั้นเทวะและผู้สูงส่งชั้นฟ้าของหลายสำนักอาจจะหายไปและบางแห่งอาจมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาเลยก็ได้

ในเผ่าโบราณเองก็เช่นกัน ตระกูลราชวงศ์ทั้งสามทำตามคำสั่งของมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวและเตรียมการทำสงคราม ทุกคนต่างรู้สึกถึงแรงกดดันและมหาชั้นฟ้าของแต่ละอาณาเขตได้ปิดด่านบ่มเพาะไปตามๆ กัน

ภายในอาณาเขตเต๋า ลั่วเฉินได้กลายเป็นจักรพรรดิคนใหม่ แต่ในฐานะจักรพรรดิแล้วเขาไม่คุ้นเคยกับทั่วทั้งอาณาเขตเต๋าเลย เขาคงต้องการเวลาปรับตัวก่อนจะครอบครองทุกอย่างได้อย่างแท้จริง

ช่วงกระบวนการนี้ จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เย่เว่ยได้เข้ามาจัดการอาณาเขตเต๋าแทนจักรพรรดิคนปัจจุบันไปชั่วคราว ส่วนซวนลั่ว หลังจากแต่งตั้งลั่วเฉินเป็นจักรพรรดิ เขาก็ปิดด่านบ่มเพาะทันที

เขาใกล้จะถึงช่วงการเกิดใหม่และต้องเผชิญกับการเปิดแดนเทพบรรพกาลอีก ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดในการไปเกิดใหม่ เขาต้องชะลอเอาไว้และรอให้ทุกอย่างสงบลงก่อนจะไปเกิดใหม่

อาณาเขตฉีเองก็เผชิญกับปัญหาคล้ายกัน จักรพรรดิคนเดิมกำลังแก่ชราขึ้นเรื่อยๆ ตามข้อตกลงโบราณแล้ว เขาคงต้องสละตำแหน่งของตัวเองให้ลูกหลานเว้นแต่มหาชั้นฟากุ้ยต้าวจะยินยอม

ตอนนี้ยังมีเวลาอีกร้อยปีหรือจนกว่าเขาจะสละตำแหน่ง เขาอยู่อย่างเงียบๆ โดยไม่มีสิทธิ์เลือก ดังนั้นองค์ชายทุกคนจึงผลักดันตัวเองให้อยู่ในสายตาของมหาชั้นฟ้าซ่งเทียน

จี้ตูได้พบเจอกับมหาชั้นฟ้าซ่งเทียนหลายครั้งแต่ก็ถูกหยุดอยู่ด้านนอกภูเขาต้นกำเนิดทุกครั้งไป เวลากำลังใกล้เข้ามาและเมื่อมหาชั้นฟ้าซ่งเทียนตัดสินใจได้ ก็คงสายเกินไปเสียแล้ว

ตอนนี้มีอยู่สามคนนั่งอยู่ในวังขององค์ชายจี้ตู หนึ่งในนั้นคือจี้ตู เขากำลังขมวดคิ้วและดูเคร่งเครียด

ด้านข้างเป็นหญิงสาวเยาว์วัย นางมักจะมองจี้ตูเป็นครั้งคราวด้วยสายตากังวล

“ท่านพี่ ผู้อาวุโสหวังหลินปิดด่านบ่มเพาะมาร้อยปีแล้ว…วันที่ท่านพ่อจะสละราชสมบัติกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ตามประเพณี จักรพรรดิคนใหม่จะถูกเลือกไว้ร้อยปีก่อนการสละตำแหน่ง”

“มุมมองด้านเวลา น่าจะตัดสินใจในอีกไม่กี่ปี หากท่านไม่ขอให้ผู้อาวุโสหวังหลินช่วยเหลือ ข้ากลัวว่ามันจะสายเกินไป…” นางถอนหายใจ นางคือหญิงสาวเยาว์วัยที่อยู่ข้างจี้ตูเมื่อตอนนั้น จากนั้นต่อมาจึงได้แต่งงานกับหนึ่งในอัจฉริยะของอาณาเขตฉี เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในคนรุ่นใหม่และใกล้ชิดกับพวกพ้องของจี้ตูยิ่ง เขาอยู่ข้างกายนางและมองดูทุกอย่างด้วยความเยือกเย็น

“ลือกันว่าผู้อาวุโสอาจได้เป็นตะวันดวงที่สิบ แต่หลังจากเขาออกมาจากอาณาเขตเต๋า เขาก็ปิดด่านบ่มเพาะในทันที ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ…เขาสามารถทำให้ท่านซ่งเปลี่ยนความคิดได้จริงหรือ?” คนที่พูดคือชายหนุ่มชุดม่วง ผู้เป็นสามีของนาง

“ท่านพี่!” นางกระวนกระวายมากขึ้น

องค์ชายจี้ตูกระอักกระอ่วนไปสักพักก่อนจะถอนหายใจและพูดอย่างมุ่งมั่น “ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้! พ่อบุญธรรมบอกว่าห้ามไปรบกวนเขา…”

“นี่มัน…” นางกัดริมฝีปาก หลังจากเห็นสายตามุ่งมั่นของจี้ตู นางจึงกลืนคำพูดลงคอไป

มีเพียงชายหนุ่มชุดม่วงที่เผยท่าทีเยาะเย้ย เห็นได้ชัดว่ามีเพียงเขาที่ไม่คิดว่าหวังหลินเป็นคนน่าหวาดกลัวตามข่าวลือ

“แม้พ่อบุญธรรมจะไม่ออกมา ข้าก็เตรียมการสำหรับร้อยปีไว้แล้วและข้าจะลองดู! หากฉีหมาน… และพี่ชายร่วมสายเลือดต้องตาย ท่านซ่งยังเลือกคนตายเป็นจักรพรรดิคนถัดไปได้อีกหรือ?” จี้ตูมีแววตาเป็นประกายเย็นเยียบ

หลังจากเขาพูดขึ้น ทั่วทั้งห้องโถงก็เย็นเยียบ จิตใจหญิงสาวสั่นเทาราวกับต้องการพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มอย่างขมขื่น พี่ชายของนางเปลี่ยนแปลงมากเกินไปในช่วงร้อยปีที่ผ่านมาและทำให้นางรู้สึกห่างเหิน

ห้องโถงเงียบสงัด แม้กระทั่งชายหนุ่มชุดม่วงก็ยังเงียบลงหลังจากได้ยินคำพูดของจี้ตู เขาเงยหน้าขึ้นมาจะพูด แต่จังหวะนั้นเกิดแรงกดดันทรงพลังตกลงมา

พอแรงกดดันปรากฏขึ้น โลกได้เปลี่ยนสีสันและเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกตะลึง

กลิ่นอายที่มิอาจอธิบายออกมาได้กำลังออกมาจากห้องของหวังหลินและพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

ท้องฟ้าสดใสคล้ายกับพังทลายจากเศษละอองมากมายกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง

“สัญญาณแห่งสวรรค์!!”

“มันมาจากห้องปิดด่านบ่มเพาะของพ่อบุญธรรม พ่อบุญธรรมออกมาจากการปิดด่านบ่มเพาะแล้ว” จี้ตูลุกขึ้นและตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

……………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด