Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1921

Now you are reading Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน Chapter 1921 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชายหนุ่ผมดำคือมหาชั้นฟ้าต้าวยี่ เขามองหวังหลินและเอ่ยคำพูดแฝงพลังองอาจที่ทำให้ใครก็ตามรู้สึกกลัวเกรงและเชื่อมั่น

ราวกับคำพูดเขาคือคำสัญญากับสวรรค์

หากข้าไม่ตาย เจ้าก็ไม่ตาย!

นี่คือพันธสัญญาที่มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ให้ไว้เพื่อเชิญชวนหวังหลิน แม้จะดูสงบนิ่งและเรียบง่าย แต่สัญญานี้มีน้ำหนักยิ่ง!

พอบรรชนสำนักเต๋ามารได้ยินคำสัญญาจากมหาชั้นฟ้าต้าวยี่ สีหน้าพลันเปลี่ยนไป คลื่นอารมณ์ในใจดังสนั่น มองหวังหลินด้วยท่าทีซับซ้อนบอกไม่ถูก

เขาติดตามมหาชั้นฟ้าต้าวยี่มามากกว่าหมื่นปีและพอเข้าใจตัวตนของมหาชั้นฟ้าอยู่บ้าง พันธสัญญาแบบนี้จากเขานับว่าหาได้ยาก!

ต้องกล่าวว่าตอนที่มหาชั้นฟ้าต้าวยี่เชิญชวนเขา เพียงแค่พูดว่า “หากข้าไม่ตาย เจ้าจะไม่ตายไปแสนปี!”

แต่ตอนนี้บรรพชนสังเกตว่าไม่มีเวลาต่อท้ายคำพูดของมหาชั้นฟ้าต้าวยี่ เป็นคำจริงๆว่า “หากข้าไม่ตาย เจ้าจะไม่ตาย!”

นั่นหมายความว่าประโยคนี้มีค่าอย่างใหญ่หลวง!!

‘คนผู้นี้ได้รับการยอมรับระดับสูงจากวิญญาณกระทิงสวรรค์และมีพลังใกล้เคียงผู้สูงส่งชั้นฟ้า หลังสวมเกราะวิญญาณ ระดับบ่มเพาะยังใกล้เคียงขั้นผู้สูงส่งชั้นเทวะ คนผู้นี้…มิน่าเล่ามหาชั้นฟ้าต้าวยี่ถึงให้คุณค่าเขามากมายนัก’ บรรพชนสำนักเต๋ามารถอนหายใจ

หวังหลินกำลังขบคิด มหาชั้นฟ้าต้าวยี่เป็นมหาชั้นฟ้าคนแรกที่เขาพบ

“ท่านมหาชั้นฟ้า เรื่องนี้สำคัญกับข้าเป็นอย่างยิ่ง ข้าไม่สามารถตัดสินใจได้ทันทีและต้องการพิจารณาเสียก่อน” หวังหลินคำนับฝ่ามือและโค้งตัวให้แก่มหาชั้นฟ้าต้าวยี่

หวังหลินไม่ต้องการตัดสินใจเพียงแค่พบมหาชั้นฟ้าคนเดียว อีกทั้งหลังจากต่อสู้กับบรรพชนสำนักเต๋ามาร เขาได้ค้นพบหนทางของผู้สูงส่งชั้นฟ้า หวังหลินรู้ว่าไม่มีชื่อเสียงมากพอ ดังนั้นจึงต้องการชื่อเสียงเพิ่มขึ้น!

หลังจากมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นแล้ว การเลือกติดตามมหาชั้นฟ้าก็คงจะทำให้อันตรายในการเข้าเมืองหลวงลดน้อยลง

ชายหนุ่มผมดำมองมาที่หวังหลิน สายตาเต็มไปด้วยปัญญาคล้ายกับมองทะลุความคิดหวังหลินออก พลันเผยรอยยิ้ม

“ข้าจะให้เวลาเจ้า ด้วยพลังของเจ้านั้นสามารถเข้าไปลองบททดสอบชั้นฟ้าได้ หากเจ้าสามารถทะลวงผ่านถึงระดับเก้า ข้าจะมาเจอเจ้าอีกครั้ง” เพียงเท่านั้นเขาก็หันกลับไปหาบรรพชนสำนักเต๋ามารและเปลี่ยนกลับเป็นชุดคลุมเต๋าตามเดิม

หลังจากมหาชั้นฟ้าต้าวยี่หายไป ทุกอย่างที่ถูกแช่แข็งจึงเคลื่อนไหวอีกครั้ง พวกมันกลับคืนสู่วงโคจรเดิม ฝุ่นและสายลมพัดปลิวผ่านไป

เมื่อรอบด้านฟื้นคืน แรงกดดันที่ทำให้หวังหลินตกตะลึงก็หายไปด้วย ราวกับทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น

บรรพชนแห่งสำนักเต๋ามารถอนหายใจและคำนับฝ่ามือให้หวังหลิน

“เรื่องเกี่ยวกับสำนักเต๋ามารก็จบแล้ว…แต่เจ้าพลาดโอกาสติดตามมหาชั้นฟ้าต้าวยี่ในทันที…เฮ้อ” คนแข็งแกร่งมักจะเคารพกันเสมอ การต่อสู้อันรุนแรงของทั้งสองได้ทำให้ชายชราผมแดงเคารพหวังหลิน

หลังจากพูดจบแล้ว ชายชราผมแดงกำลังจะจากไป

“สหายเซียน รอเดี๋ยว เหตุผลที่ข้าทำลายสำนักเต๋ามารนั่นก็เพราะทั้งสำนักใช้พลังทั้งหมดผลักดันข้าให้ตกอยู่ในสถานการณ์ความเป็นความตาย ไม่ใช่ด้วยคนเพียงคนเดียว” หวังหลินพูดขึ้นมา เขาไม่ค่อยอธิบายให้ใครฟังนักแต่บรรพชนสำนักเต๋ามารก็ทำให้หวังหลินเคารพเช่นกัน

ชายชราผมแดงหยุดลงและขบคิดเล็กน้อย

“ช่างมันเถอะ โลกนี้หมุนไปด้วยวัฏจักรแห่งเวรกรรม เจ้าทำลายสำนักเต๋ามารนั่นคือหายนะของสำนัก แต่ก็ได้ตัดข้าออกจากเรื่องยุ่งเหยิงไปด้วย ตั้งแต่นี้ไปข้าสามารถใช้สมาธิเพื่อค้นหาเต๋าได้อย่างเต็มที่” ชายชราผมแดงถอนหายใจและมองหวังหลิน

“มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ค่อนข้างเอนเอียงไปที่คนของตัวเองมากกว่ามหาชั้นฟ้าคนอื่น ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าตอนนี้ การเลือกติดตามมหาชั้นฟ้าต้าวยี่คงเป็นตัวเลือกที่ดีมาก”

“ท่ามกลางเหล่ามหาชั้นฟ้า มหาชั้นฟ้าจักรพรรดิเทพแปดสุดขั้วเป็นคนอหังการมากที่สุด มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้แห่งแคว้นกลางเป็นคนเอาแต่ใจมากที่สุด มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงแห่งทิศเหนือเป็นคนพิถีพิถันมากที่สุด นอกจากเหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะ เขาแทบไม่ค่อยชวนผู้สูงส่งชั้นฟ้าเลย”

“และมหาชั้นฟ้าชวงจื่อ(คนคู่)แห่งสำนักตะวันม่วงของทิศตะวันออก…เดิมทีทรงพลังที่สุด แต่ระหว่างการเกิดใหม่ครั้งล่าสุด วิญญาณของนางได้แบ่งออกเป็นสองส่วนและเปลี่ยนกลายเป็นสองคน นางไม่สามารถฟื้นคืนได้ในชีวิตนี้ แม้จะถูกลือกันว่านิสัยของนางอ่อนโยนแต่นางคงไม่ใช่ตัวเลือกของข้า” ชายชราผมแดงรู้ว่าหากเทียบกับผู้สูงส่งชั้นฟ้า สำนักเต๋ามารเป็นแค่มดแมลง ไม่คู่ควรที่จะนำสำนักไปทำเรื่องแย่ๆ

สิ่งสำคัญที่สุด ผู้สูงส่งชั้นฟ้านั้นทรงพลังยิ่ง! พอเขาพูดเรื่องที่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าควรจะรู้เพื่อลบความไม่สบายใจออกไป

หวังหลินไม่รู้ว่าเรื่องนี้สำคัญมาก่อน แม้จะดูเหมือนไม่คล้อยตามแต่หลังจากได้ยินก็เอนเอียงอยู่บ้าง

“ขอบคุณสหายเซียนสำหรับข้อมูลนี้” หวังหลินคำนับฝ่ามือ

“เรื่องบททดสอบชั้นฟ้า…ในเมื่อข้าเป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้าคนแรกที่เจ้าต่อสู้ เจ้าคงไม่รู้เรื่องบททดสอบชั้นฟ้าแน่ มันเป็นสถานที่ประหลาดที่บรรพชนเทพได้สร้างเอาไว้ เป็นมิติแยกออกไปจากโลกนี้ซึ่งเป็นที่ที่เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าสามารถวัดพลังของตัวเองได้อย่างแม่นยำ”

เขาพูดต่อ “บทสอบชั้นฟ้ามีทั้งสิ้นสิบเก้าชั้นและมีเพียงเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่เข้าไปได้ เมื่อห้าร้อยปีข้าลองเข้าไปหนึ่งครั้ง แต่ผ่านได้เพียงแค่ชั้นที่สามเท่านั้น ชั้นที่สี่ข้าล้มเหลว”

“บททดสอบชั้นฟ้า?” หวังหลินหรี่ตาแคบลง เขาได้ยินสิ่งที่มหาชั้นฟ้าต้าวยี่พูดไว้ก่อนหน้านี้แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร หลังจากได้ยินชายชราผมแดงพูดขึ้นจึงเข้าใจขึ้นมาบ้าง

“ข้าได้ยินจากมหาชั้นฟ้าต้าวยี่ว่าบททดสอบชั้นฟ้าถูกสร้างขึ้นจากบรรพชนเทพและคัดลอกมาจากดินแดนเทพบรรพกาล หากเจ้าสามารถทะลวงชั้นที่สิบเก้าได้ หลังจากเข้าสู่แดนเทพบรรพกาล เจ้าจะมีโอกาสกลายเป็นมหาชั้นฟ้ามากกว่าคนอื่น!”

“ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงทะลวงผ่านชั้นที่สิบเก้าไป จากนั้นช่วงที่เปิดแดนเทพบรรพกาล เขาก็โชคดีและได้กลายเป็นมหาชั้นฟ้า!” ชายชราผมแดงไม่เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แม้เขาไม่อธิบายเรื่องนี้ หวังหลินก็คงรู้เมื่อเจอกับผู้สูงส่งชั้นฟ้าคนอื่น เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับ

หวังหลินถามขึ้นทันที “ข้าจะเข้าบททดสอบชั้นฟ้าได้อย่างไร?”

ชายชราผมแดงมองไปยังท้องฟ้าและเอ่ยตอบ “ง่ายมาก ตราบใดที่เจ้าได้รับการยอมรับจากกฎแห่งเซียนดาราในฐานะผู้สูงส่งชั้นฟ้า เจ้าเพียงแค่หาสถานที่ปลอดภัยในแดนเทพ จากนั้นใช้วิญญาณดั้งเดิมทะยานเข้าสู่ท้องฟ้าให้เร็วที่สุด ผ่านไปหกสิบลมหายใจเจ้าจะสามารถเข้าสู่บททดสอบชั้นฟ้าที่บรรพชนเทพสร้างไว้ได้”

“ลือกันว่าในดินแดนของเผ่าโบราณ บรรพชนโบราณได้คัดลอกแดนเทพบรรพกาลเอาไว้เช่นกันและสร้างเป็นสนามฝึกฝนที่เหมาะสมสำหรับเผ่าโบราณ”

“กระทั่งลือกันอีกว่าเหนือกว่าบททดสอบทั้งสองนี้คือบททดสอบมหาชั้นฟ้าที่บรรพชนทั้งสองเผ่าร่วมมือสร้างขึ้นมาด้วยกัน แต่นี่เป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น ข้าไม่รู้อะไรมากนัก” ชายชราผมแดงพูดจบและคำนับฝ่ามือให้หวังหลิน

“สหายเซียน ข้าได้บอกสิ่งที่เจ้าควรรู้ไปแล้ว ลาก่อน!” ชายชราผมแดงไม่แม้แต่จะหันไปมองสำนักเต๋ามารที่กลายเป็นซากปรักหักพัง พริบตาเดียวเขาเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและหายตัวไป

หวังหลินยังคงยืนอยู่ตรงนั้นและมองตรงไปข้างหน้า เขาตัดสินใจปฏิเสธคำชวนของมหาชั้นฟ้าต้าวยี่และถึงจะได้โอกาสอยู่ เขาก็ไม่เสียใจ

‘ในห้ามหาชั้นฟ้า นอกจากจักรพรรดิเทพและต้าวยี่ ยังมีอีกสามคน…ด้วยความแข็งแกร่งของข้า ข้าพอเข้าใจขึ้นบ้างหลังจากต่อสู้กับผู้สูงส่งชั้นฟ้าคนแรก ยิ่งข้าต่อสู้กับผู้สูงส่งชั้นฟ้ามากขึ้น ข้ายิ่งมีชื่อเสียงมากขึ้นตาม!’

‘รวมถึงเรื่องบททดสอบชั้นฟ้า…ไม่คิดว่าจะมีสถานที่แบบนั้นบนแผ่นดินเซียนดารา ไม่รู้ว่าสิ่งที่บรรพชนสำนักเต๋ามารพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่’

หวังหลินนั่งลงและขบคิด เขาย้อนภาพเหตุการณ์ที่ต่อสู้กับบรรพชนสำนักเต๋ามารและกำปั้นจากมหาชั้นฟ้าต้าวยี่ในใจ

กำปั้นปรากฏขึ้นในใจอย่างต่อเนื่องจนแทนที่ทุกสิ่งทุกอย่าง หวังหลินจมความคิดทั้งหมดไว้ในกำปั้นจากมหาชั้นฟ้า

กำปั้นดูเบามากแต่กลับแฝงพลังที่หวังหลินไม่อาจเข้าใจ

กระทั่งเวลาผ่านไปหลายเดือนในพริบตา

ช่วงเวลานี้หวังหลินนั่งนิ่งอยู่ที่นี่แต่กลับมีม่านพลังป้องกันรอบตัวเพื่อไม่ให้มีใครเข้าใกล้ได้

เหล่าเซียนสำนักเต๋ามารได้กลับมาทีละคนจนต่างก็เห็นสำนักกลายเป็นซาก ยิ่งเห็นหวังหลินและจำได้จึงทำให้จิตใจสั่นไหว

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถเข้าใกล้ม่านพลังป้องกันได้ ผ่านไปสักพักจึงรีบแยกย้ายด้วยความหวาดกลัว บางส่วนไม่ได้จากไป พวกเขาพักอยู่ห่างๆ และไม่ได้เข้าใกล้

หวังหลินนั่งอยู่ตรงนั้นมาหนึ่งปี

เวลาหนึ่งปีสำหรับเขาเพียงแค่ชั่วพริบตา วันหนึ่งหวังหลินได้ลืมตาขึ้นมามองดูท้องฟ้า สายตาเปล่งประกายเจิดจ้า

‘กำปั้นนั้น ข้าคำนวณทุกวิถีทางต่อต้าน จำลองมาหลายล้านครั้ง แต่ข้าไม่สามารถต้านได้สักครั้ง…นั่นแค่เศษเสี้ยวสัมผัสวิญญาณของมหาชั้นฟ้าต้าวยี่…’ หวังหลินถอนหายใจ

ความสุขจากการเพิ่มระดับบ่มเพาะได้ลดน้อยลง เทียบกับมหาชั้นฟ้าแล้วเขาช่างอ่อนแอและห่างไกลเกินไป

‘อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นแบบนั้น ข้าก็ยังได้ความเข้าใจมาอย่างลึกซึ้ง โดยเพาะการต่อสู้กับบรรพชนสำนักเต๋ามาร ผสานเต๋าเข้าไปในร่างกายและกำปั้นที่มีวิชาถึง 27 อย่าง…ข้าสามารถเลียนแบบและเรียนรู้มันได้!’ การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้เขาเข้าใจขึ้นอย่างมหาศาล

‘ข้าต้องหาสถานที่ทำความเข้าใจอยู่สักพัก’ ด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลิน เขาสามารถไปที่ไหนก็ได้ในแดนเทพ

หวังหลินยืนขึ้นและมองรอบด้าน เขาสัมผัสได้ว่าสมาชิกของสำนักเต๋ามารได้กลับมาจากแคว้นกระทิงสวรรค์กันแล้ว

‘ช่างมันเถอะ’ หวังหลินก้าวเดินและหายตัวไปทันที

……………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด