Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2073 โลกถ้ำ

Now you are reading Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน Chapter 2073 โลกถ้ำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 2073 โลกถ้ำ

หวังหลินเจอสหายเก่าทั้งหมดยกเว้นลี่เฉียนเหมยและฉิงชุ่ย เมื่อเขาได้ให้อีกฝ่ายเลือกว่าจะปลดปล่อยความทรงจำหรือมีสิทธิ์ลืม หวังหลินก็ไม่มีอะไรผูกมัดกับแผ่นดินเซียนดาราอีกแล้ว

ก่อนที่จะไปแคว้นกระทิงสวรรค์ หวังหลินไปหาโจวยี่และฉิงชวงอีกครั้ง เขาเห็นรอยยิ้มมีความสุขของโจวยี่จากที่ห่างไกล หวังหลินจึงยิ้มออกมาเช่นกัน

ความรักอันขมขื่นหลายพันปีในที่สุดตอนนี้ก็สมบูรณ์ เมื่อหวังหลินเห็นแบบนี้จึงนำสุราออกมาขวดหนึ่งและดื่มไปอึกใหญ่ นี่คือสุราที่เขาได้มาจากซือถูหนาน เพื่อเฉลิมฉลองให้แก่การแต่งงานของโจวยี่และฉิงชวง

หวังหลินยังไปที่เมืองหลวงและเห็นไฮ่จื่อ อย่างไรก็ตามเขาทำได้แค่มองดูไกลๆ และจากไปเท่านั้น

แคว้นกระทิงสวรรค์เป็นที่แรกที่เขาปรากฏตัวและออกมาจากโลกถ้ำ หลังจากผ่านมาหลายปีตอนนี้เขาได้กลับมาอีกครั้ง หวังหลินเดินไปบนแคว้นอันคุ้นเคย ผ่านไปยังสำนักมหาวิญญาณและสำนักกุ้ยยี่

ภาพอันคุ้นเคยทำให้หวังหลินนึกถึงอดีต ณ ใจกลางแคว้นกระทิงสวรรค์ที่ที่มีเทือกเขาเรียงรายมากมาย หวังหลินมองลงมาที่พื้นดินเบื้องล่างอย่างเงียบงันและเอ่ยขึ้น

“กระทิงสวรรค์ ตอนนั้นเกราะวิญญาณของเจ้าช่วยข้าผ่านวิกฤติไปได้หลายครั้ง…ข้าหวังหลินตอบแทนผู้ที่มีส่วนช่วยเหลือข้ามาเสมอ วันนี้ข้าจะปลดปล่อยวิญญาณของบรรพชนเทพเพื่อปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระ!”

“แต่ร่างกายเจ้ากลายเป็นผืนแผ่นดินไปแล้วและไม่สามารถฟื้นคืนได้ ข้าจะปลดปล่อยวิญญาณของเจ้าและให้สร้างวิญญาณดั้งเดิมเพื่อที่เจ้าจะได้ออกไปจากแผ่นดินเซียนดารา เจ้าตกลงหรือไม่?”

เสียงของเขาไม่ได้ดังมากนักและไม่ได้แผ่กระจายออกไปทั่ว กระนั้นพื้นดินก็เริ่มสั่นไหว เสียงดังสนั่นออกมาพร้อมกับกลิ่นอายแห่งพื้นดินรั่วไหลกลายเป็นร่างเงาขนาดใหญ่อยู่เหนือเทือกเขา

ร่างเงานี้คือกระทิงสวรรค์และมีขนาดใหญ่มาก ราวกับสามารถค้ำจุนโลกได้ในร่างเดียว หวังหลินดูเล็กลงไปถนัดตาแต่เจ้ากระทิงสวรรค์ตัวยักษ์กลับเผยท่าทีเคารพพร้อมกับคุกเข่าเบื้องหน้าหวังหลิน

“ขอบคุณ…ข้าตกลง…” เสียงดังสนั่นและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มันถูกปิดผนึกมานานเกินไปและทำให้เจ้ากระทิงสวรรค์รู้สึกขอบคุณหวังหลินอย่างสุดซึ้ง

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอก เจ้าช่วยเข้าเอาไว้ก่อนหน้านี้และข้าก็แค่มาตอบแทนเจ้า” หวังหลินมองกระทิงสวรรค์และชี้ออกไป ร่างกระทิงสวรรค์สั่นเทาและเผยท่าทีอันเจ็บปวด อักขระจำนวนมากปรากฏขึ้นมารอบร่างกายคล้ายกับจะฝังรากลงไปในร่างกระทิงสวรรค์ เหล่าอักขระผสานกันกลายเป็นสิ่งของที่เหมือนหัวใจ

และหัวใจกำลังเต้น

หวังหลินชี้ใส่สิ่งของรูปหัวใจ เหล่าอักขระทั้งหมดรอบกระทิงสวรรค์จึงพังทลาย สิ่งของรูปหัวใจได้หดอยู่ในร่างกระทิงสวรรค์ทันที

ชั่วขณะต่อมาเมื่อมันเหลือขนาดเพียงเท่าเล็บก้อย จึงกลายเป็นลำแสงและลอยออกมาด้านนอก มันร่อนลงในฝ่ามือหวังหลินและเขาบีบมันให้แตกละเอียด

วิญญาณกระทิงสวรรค์ส่งเสียงคำรามใส่ท้องฟ้า จากนั้นเปลี่ยนกลายเป็นระลอกคลื่นสะท้อนออกไป ดวงวิญญาณพุ่งทะยานเข้าไปในท้องฟ้าและเมื่อมันอยู่ตรงปลายสุดขอบฟ้า มันได้หันกลับมา คุกเข่าให้หวังหลินอีกครั้งและเลือนหายไปราวกับอุกกาบาต

หลังจากวิญญาณกระทิงสวรรค์จากไป แคว้นกระทิงสวรรค์ดูเหมือนต่างออกไปจากเดิมแต่ก็ตรวจจับได้ยาก หวังหลินมองไปยังจุดที่กระทิงสวรรค์หายไปและเขาเดินเข้าสู่สำนักเจ็ดเต๋า

สำนักเจ็ดเต๋า ที่ตั้งของโลกถ้ำ

ภูเขาล้อมรอบด้วยสายหมอกจนมองเห็นได้ไม่ไกล ที่แห่งนี้รกร้างและไม่มีใครเข้ามานานแล้ว อย่างไรก็ตามมีร่างหนึ่งด้านล่างภูเขากำลังมองขึ้นมา

ร่างนี้เป็นชายวัยกลางคนชุดสีฟ้า เขากำลังมองสายหมอกและเห็นซากปรักหักพังอยู่เบื้องหลังอย่างเลือนลาง

เขาเผยสีหน้าซับซ้อนและพึมพำกับตัวเอง “สำนักเจ็ดเต๋า…”

“ในที่สุดข้าก็มาถึงที่นี่…” ชายวัยกลางคนส่ายศีรษะอย่างขมขื่นและก้าวเดินไปบนถนนที่ผุพัง เขาเดินอย่างเชื่องช้าราวกับต้องการจดจำต้นไม้ทุกต้นและใบหญ้าทุกใบ

หลังจากทะลุสายหมอกเข้ามาถึงยอดเขา เขาจึงเห็นเหล่าตำหนักของสำนักเจ็ดเต๋า สายตาของชายวัยกลางคนจึงเต็มไปด้วยความสับสน

เขามองทุกอย่างเบื้องหน้าก่อนจะถอนหายใจ ก้าวเดินเข้าไปจนมาถึงประตูหินขนาดใหญ่ที่อยู่หลังภูเขา ประตูบานนี้เชื่อมต่อกับภูเขาและถูกปิดผนึกอย่างสิ้นเชิง มีต้นมอสกำลังเติบโตและส่งกลิ่นเหม็น

ชายวัยกลางคนหลับตาเบื้องหน้าประตูหิน

พอเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขามองมาที่ประตูและพึมพำกับตัวเองอย่างขมขื่น “ประตูของโลกถ้ำ…”

“เบื้องหลังประตูคือโลกถ้ำ…ข้าเกิดใหม่จากที่นั่น” ชายวัยกลางคนถอนหายใจ หลังจากได้รับความทรงจำจากชีวิตที่แล้วมา เขาก็ออกมาจากสำนัก เดินตามความรู้สึกมาจนถึงที่นี่

เขามาถึงสำนักเจ็กเต๋า เบื้องหน้าประตูสู่โลกถ้ำ

ร่างสั่นเทาเล็กน้อยพลางเข้าไปใกล้ประตูและสัมผัสอย่างแผ่วเบา ผ่านไปสักพักจึงเผยสายตามุ่งมั่นและหันตัวกลับพร้อมที่จะจากไป

ขณะที่หันกลับมาเขาพลันหยุดชะงัก ด้านหลังนั้นเขาเห็นหวังหลินที่กำลังยิ้มให้

หวังหลินกระซิบ “ศิษย์พี่…”

“หวังหลิน…” ชายวัยกลางคนผู้นี้คือฉิงชุ่ย! หลังจากฟื้นคืนความทรงจำมาได้ อักขระที่อยู่บนตัวเขาจึงเบาบางลง พอเวลาผ่านไปมันจึงเลือนหายอย่างสมบูรณ์

ฉิงชุ่ยมองหวังหลินและเริ่มหัวเราะ เสียงหัวเราะดังลั่นอย่างมีความสุขเต็มเปี่ยม เขาเดินเข้ามากอดหวังหลินและหัวเราะไปด้วยกัน

ทั้งสองนั่งด้วยกันตรงหน้าประตู หวังหลินนำสุราออกมาดื่มกับฉิงชุ่ย

ทั้งสองลืมเลือนเรื่องเวลา ดื่มไปพลางพูดคุยประสบการณ์ของแต่ละฝ่าย ยิ้มให้กันแต่ก็เช็ดคราบน้ำตา ศิษย์พี่ศิษย์น้องจากโลกถ้ำได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง

เมื่อหวังหลินนำเรื่องผีเสื้อสีชาดขึ้นมาพูดคุย ฉิงชุ่ยเกิดความตกตะลึง เขาดื่มสุราอึกใหญ่ไปอย่างขมขื่น

“เรื่องราวในอดีต หากลืมไปแล้วก็ปล่อยให้ลืมไปเถอะ ตั้งแต่มาที่แผ่นดินเซียนดารา ทุกคนสามารถเลือกเส้นทางของตัวเองได้ แต่ตัวข้าจะไม่มีวันลืม!”

“บางทีคงมีหนทางที่ข้าจะฟื้นคืนชีพฮานหยานที่นี่ ต้องมีแน่นอน!” ฉิงชุ่ยพึมพำกับตัวเอง

แม้แต่หวังหลินก็ไม่สามารถฟื้นคืนชีพคนที่ตายไปนานได้และวิญญาณที่ไม่มีอยู่อีกแล้วจะทำอย่างไร ถึงอย่างนั้นหวังหลินก็ไม่ได้บอกฉิงชุ่ยเรื่องนี้ หากไม่มีแม้แต่ความหวัง ก็คงเหลือแต่ความสิ้นหวังเท่านั้น

เมื่อตะวันยามรุ่งสางทะลุผ่านสายหมอกเข้ามา ฉิงชุ่ยก็จากไป ในเมื่อเขาเลือกที่จะไม่ลืม เช่นนั้นเขาจึงไม่ต้องการกลับโลกถ้ำ เขาเพียงต้องการมาเห็นสำนักเจ็ดเต๋า และเห็นว่าโลกถ้ำอยู่ที่ไหน

ตอนนี้เขาได้ทำตามที่ตัวเองต้องการแล้ว การมาเจอหวังหลินถือว่าทำให้เขาเปี่ยมสุขอย่างยิ่ง ต่อไปเขาจึงจะไล่ตามความฝันของตัวเอง แม้จะใช้เวลาทั้งชีวิต แม้จะผ่านการเกิดใหม่อีกหลายครั้ง เขาก็ยังอยู่และไม่มีวันลืม

หวังหลินมองดูฉิงชุ่ยก้าวเดินออกไปไกลลับสายตา จากนั้นจึงยืนอยู่เบื้องหน้าประตูและเผยสีหน้าซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก

จากเหล่าสหายทั้งหมดแล้วมีเพียงฉือซานที่เลือกติดตามหวังหลินกลับโลกถ้ำ ด้านฉือซานนั้นการติดตามอาจารย์คือสิ่งเดียวที่เขาต้องการอยู่แล้ว

คนอื่นมีหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง หลายคนเลือกที่จะลืมชีวิตก่อนหน้านี้และเริ่มชีวิตใหม่

หวังหลินเปิดประตูสู่โลกถ้ำ เมื่อประตูเปิดออกมาแสงอันทรงพลังเปล่งประกายและเขาจึงหายเข้าไปในแสงนั้น

ประตูปิดลงอีกครั้ง

สำนักเจ็ดเต๋ายังคงถูกห่อหุ้มด้วยสายหมอก ตกอยู่ในซากปรักหักพังที่ไม่มีใครสนใจ

โลกถ้ำ

ม่านพลังระหว่างดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอกแข็งแกร่งมาก ในช่วงเวลาหลายร้อยปีนี้ดินแดนชั้นนอกได้ทำการโจมตีเข้ามาแต่ก็ไม่มีพลังอำนาจพอจะพังทลายม่านพลังได้

ชื่อเสียงของหวังหลินกลายเป็นตำนานในโลกถ้ำไปแล้ว หลายคนจดจำเขาแต่ก็มีอีกหลายคนที่ลืมเลือนไป

แม้แต่เซียนของดินแดนชั้นในก็เช่นกัน มีเพียงรูปปั้นอยู่บนดาวซูซาคุ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เหลืออยู่พร้อมทั้งตำนานของเขาที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นพักๆ

นอกจากสถานที่แห่งนี้ยังมีอีกที่หนึ่งที่มีเรื่องเล่าของหวังหลินดำเนินต่อไป นั่นคือแดนสวรรค์แห่งใหม่!

เซียนจำนวนมากจากดาราจักรทั้งสี่แห่งได้ย้ายถิ่นฐานเข้ามาแดนสวรรค์ที่หวังหลินสร้างเอาไว้ เซียนส่วนใหญ่เป็นคนที่รอดชีวิตจากสงครามระหว่างดินแดนชั้นนอก หลายคนเคยเจอหวังหลิน บางส่วนยังได้เห็นหวังหลินต่อสู้ในสงคราม

มู่ปิงเหมยไม่ได้จากไปไหน นางเลือกที่จะอยู่ในโลกถ้ำ อยู่ในแดนสวรรค์ รอคอยว่าสักวันจะมีคนกลับมา

ปรมาจารย์เต๋าความฝันก็ไม่ได้ออกไปภายนอก ในฐานะคนที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนสวรรค์ เขาจำต้องอยู่เพื่อปกป้องที่แห่งนี้ รวมถึงหลายคนเช่นจ้าวเมฆาใต้ที่เลือกจะไม่ออกไปเช่นกัน

อย่างไรก็ตามตอนนี้แดนสวรรค์กำลังมืดมน คล้ายกับเมฆครึ้มกำลังโหมกระหน่ำจนเหล่าเซียนในแดนสวรรค์ยังต้องเงียบเสียง

ปรมาจารย์เต๋าความฝันบาดเจ็บสาหัส

ร่างกายของจ้าวเมฆาใต้แตกสลาย เหลือเพียงดวงวิญญาณดั้งเดิม

ท้องฟ้าในแดนสวรรค์เป็นสีแดงโลหิตและมีร่างเงาวูบวาบเผยสีหน้าดุร้าย ดุจมีภูติผีจำนวนมากข้างในสีโลหิต

“อาจารย์ให้เวลาห้าวันเพื่อให้พวกเจ้าเลือก ตอนนี้ผ่านมาแล้วสามวันและเหลือเพียงสองวัน ข้าหวังว่าพวกเจ้าทั้งหมดจะไม่โง่และเข้าร่วมสำนักวิญญาณสีชาดของข้า ไม่เช่นนั้นก็…ตาย!” ท้องฟ้าสีแดงโลหิตมีชายหนุ่มสวมชุดสีแดงสด เขาพูดกับเหล่าเซียนจำนวนมากด้านล่าง

“ส่วนเจ้า มู่ปิงเหมย เจ้ามีเวลาเหลือแค่สองวันเท่านั้น ภายในสองวันเมื่อค่ายกลห่อหุ้มแดนสวรรค์ถูกทำลาย ไม่ว่าเจ้าจะเป็นคู่ฝึกฝนเต๋าของข้าหรือไม่ ข้าก็จะกวาดล้างดาวซูซาคุและทำลายรูปปั้นหวังหลินให้หมด!”

……………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด