Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1976 เหลียนต้าวเฟย

Now you are reading Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน Chapter 1976 เหลียนต้าวเฟย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 1976 เหลียนต้าวเฟย

เส้นผมร่วงเข้าไปในผมของหวังหลินและทำให้ความรู้สึกคุ้นเคยชัดเจนยิ่งขึ้น หวังหลินไม่รู้ว่าทำไม แต่รู้สึกว่าเส้นผมนี้เป็นส่วนหนึ่งกับร่างกายเขา

เส้นผมไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นอะไรและดูเหมือนเป็นเส้นผมธรรมดา ปลายทั้งสองด้านหันลงพื้น ราวกับสายลมสามารถส่งมันปลิวไปได้อีกครั้ง

หลังจากผ่านความเงียบไปไม่กี่ลมหายใจ จักรพรรดิเทพเอ่ยดังออกมาจากอารามเต๋าเทพ

“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะให้เจ้าเป็นรางวัล แต่หากเจ้าต้องการก็เอาไป”

หวังหลินแสดงการขอบคุณถือว่าทำหน้าที่สำคัญได้ดียิ่ง เพราะนี่คือพิธีแต่งตั้งของเขาและทุกสำนักในเผ่าเทพล้วนเป็นพยานรู้เห็น

นอกจากนี้อสูรสิงโตสวรรค์ก็ถูกอัญเชิญมาในพิธีแต่งตั้ง ดังนั้นถึงแม้หวังหลินจะเอาเส้นผมสีขาวไปก็ไม่มีใครจะกล่าวอะไรได้

ราชครูชางซวนต้าวมองหวังหลินด้วยความล้ำลึกและพูดขึ้น

“สังเวยโลหิตจบแล้ว ตอนนี้ถึงขั้นตอนสุดท้ายของพิธีแต่งตั้ง หวังหลิน ทุกคนที่นี่มีสิทธิ์ท้าประลองเจ้า แต่มีเพียงสามครั้งเท่านั้น หลังจากจบการประลอง จักรพรรดิเทพจะมอบตำแหน่งให้เจ้า!”

ราชครูเอ่ยเสียงดังกึกก้อง สามบรรพชนจากสี่คฤหาสน์ต่างก็มองขึ้นไป ทุกคนล้วนเป็นชายชราที่มีระดับผู้สูงส่งชั้นเทวะ!

คนผู้หนึ่งสวมชุดสีแดงทะยานขึ้นไปในท้องฟ้า เขาคำนับฝ่ามือห่างจากหวังหลินเพียงพันฟุต

“ข้าขอท้าประลองเป็นคนแรก ขอคำชี้แนะผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาวด้วย!” ชายชราเผยแววตามืดมนพลางมองหวังหลิน เขาไม่รอให้หวังหลินตอบกลับพลางนั่งอยู่ในท้องฟ้า ยกแขนขวาขึ้นมาทำให้ร่างกายบวมเป่ง ควันสีดำพวยพุ่งจากร่างกายและควบแน่นก่ลายเป็นเงาสีดำขนาดใหญ่เบื้องหน้า

ร่างเงาสีดำคล้ายกับสวมเกราะดำ ใบหน้าเลือนลางและหลับตาอยู่ ทว่ารูปร่างของมันถึงกับทำให้โลกเปลี่ยนสีสัน ก้อนเมฆกระจัดกระจาย

“หวังหลิน โปรดชี้แนะ!” ชายชรากัดปลายลิ้นและพ่นโลหิตแผ่กระจายราวกับสายหมอกและเข้าสู่ร่างโลหิต ร่างเงานั้นคล้ายกับได้รับการกระตุ้นจากโลหิต ดวงตาจึงเป็นสีแดงฉาน

ร่างเงาส่งเสียงพึมพำพลางยกหอกสีดำยาวในมือขึ้นมาและพุ่งทะยานใส่หวังหลิน!

หวังหลินแววตาเป็นประกาย เขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร แต่จากตำแหน่งของเขาจึงบอกได้ว่าเป็นหนึ่งในสี่ราชา!

ร่างเงาสีดำเต็มไปด้วยพลังความแข็งแกร่ง เพียงมันเข้าไปใกล้ถึงกับทำให้ท้องฟ้าแบ่งแยก หวังหลินไม่ได้ล่าถอย รอยสักกระทิงสวรรค์บนใบหน้าปกคลุมทั้งร่างพลางโยนกำปั้นออกไป

กำปั้นชกใส่หอกของร่างเงาสีดำ เกิดการปะทะดังสนั่นกึกก้อง!

หวังหลินถอนมือกลับมาอย่างช้าๆ แต่ร่างเงาสีดำแตกสลายในทันที ชายชรานั่งนิ่งด้วยใบหน้าซีดเผือดแต่กัดฟันและตีหน้าผากตัวเอง!

เขาสังเวยพลังชีวิตของตัวเองให้ควันสีดำโผล่ออกมาจากร่างกายมากขึ้น ใบหน้าเขาแก่ขึ้นอย่างมากราวกับเพิ่งปีนออกมาจากหลุมศพ

ควันสีดำทรงพลังเข้ารวมตัวกัน ไม่เพียงแต่จะทำให้ร่างเงาฟื้นฟูขึ้นมาเท่านั้น มันยังกลายเป็นม้าศึกอีกด้วย จากนั้นร่างเงาควบม้าพุ่งทะยานเข้าไปหาหวังหลิน

หวังหลินหันหน้าไปมองร่างเงาที่พุ่งเข้ามาหาด้วยท่าทีเคร่งขรึม เขาวางมือไว้บนศีรษะ เอนไปด้านหลังเล็กน้อยก่อนจะเหวี่ยงกลับมา!

กระทิงสวรรค์พุ่งชน!

กระบวนท่านี้ทำให้เกิดเงากระทิงสวรรค์ขนาดยักษ์ขึ้นด้านหลังหวังหลิน กระทิงส่งเสียงคำรามและใช้สองเขาใหญ่ยักษ์เข้าปะทะกับร่างเงา

ตึงตัง ตึงตัง ตึงตัง ตึงตัง!

ร่างเงาและม้าศึกเกิดการพังทลายราวกับไม่สามารถต้านทานพลังได้เลย กระทิงสวรรค์พุ่งทะลวงผ่านร่างเงาและตรงเข้าหาราชครูชางซวนต้าว!

ทั้งหมดนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ ขณะที่กระทิงสวรรค์พุ่งเข้ามาหา ราชครูมีท่าทีนิ่งเฉย แขนขวาเคลื่อนไหวราวกับกำลังทำนาย จากนั้นชี้ออกไปตรงหน้า

เพียงสัมผัสกระทิงสวรรค์ มันก็สั่นเทาอย่างรุนแรง

ราชครูเอ่ยขึ้นมา จากนั้นกระทิงสวรรค์ก็เลือนหายไป “ความว่างเปล่าคือยอดเต๋ารูปแบบหนึ่ง เพราะมีตัวตน เมื่อมันพ่ายแพ้จึงกลายเป็นความว่างเปล่า”

เพราะมีตัวตน เมื่อสูญสิ้นจึงกลายเป็นความว่างเปล่า สิ่งที่เกิดขึ้นตรงกับที่เขาพูดไว้ไม่มีผิด

หวังหลินหรี่สายตาแคบ วินาทีนั้นเขารู้สึกถึงความปั่นป่วนน่าหวาดกลัวจากราชครู นี่มันเป็นระดับความรู้แจ้งต่อเต๋าอันลึกซึ้ง

กระทิงสวรรค์หายไป ร่างเงาสีดำที่ชายชราสังเวยพลังชีวิตเองก็หายไปด้วย เขาดูเหมือนแก่ขึ้นอีกหลายปีและคำนับฝ่ามือหวังหลินด้วยรอยยิ้มขมขื่น ทะยานกลับไปยังตระกูลโดยไม่พูดจาอะไร

“คนที่สอง…” ราชครูยิ้มพลางยืนอยู่เบื้องหน้าอารามเต๋าเทพ ทว่าขณะนั้นเขาพลางขมวดคิ้ว

ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้น หวังหลินยังมองออกไปด้วย เซียนทุกคนด้านล่างสังเกตสายตาได้จึงมองไปทางนั้นเช่นกัน ทุกคนล้วนขมวดคิ้ว

“ฮึ่มฮึ่ม พวกเจ้าช่างกล้า มีเรื่องน่าสนุกขนาดนี้กลับไม่เชิญราชาผู้นี้ด้วย เจ้า…ข้ายังอยู่ในสายตาพวกเจ้าอยู่หรือไม่!?”

“น้องแดง น้องเขียว น้องขาว น้องฟ้า เปิดทางให้ข้า!” ค่ายกลเคลื่อนย้ายด้านนอกประตูเก้าบานพลันส่องสว่างและมีกลุ่มคนก้าวเดินออกมา

คนที่นำหน้าเป็นชายหนุ่มสวมเสื้อลายดอกถือพัดอยู่ในมือ ใบหน้าโกรธเกรี้ยวและโบกพัดจนเส้นผมปลิวไสว

ด้านข้างเป็นฉวี่ลี่กั๋วใบหน้าซีดเผือดราวกับการมาถึงที่นี่ทำให้เขาหน้าซีด ชายหนุ่มชุดเขียวเองก็ซีดเช่นกัน เขาจับชายหนุ่มเสื้อลายดอก จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

“ทะ…ท่านราชา นี่มันวังหลวง!”

“วังหลวงแล้วอย่างไร? ข้าเป็นราชา!” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกดูผิดหวังกับหนุ่มชุดเขียวและโยนไปข้างหน้า

“น้องแดง แสดงบารมีของเจ้าให้ข้าเห็นเหมือนตอนไปที่คฤหาสน์ลี่! ไม่เช่นนั้นราชาผู้นี้จะลงโทษเจ้า!” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกก้าวเดินไปและเตะฉวี่ลี่กั๋วดับป้าบ ฉวี่ลี่กั๋วตัวสั่นเนื่องจาอถูกเหล่าเซียนหลายหมื่นจ้องมอง เขากัดฟันและก้าวออกไปราวกับทุ่มสุดตัว แต่ไม่นานก็กระอักโลหิตและกุมท้องอยู่บนพื้น บิดงออยู่สองสามครั้งและแน่นิ่งไป

“อ้าว? เขาตายแล้วหรือ?” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกมองดูตรงเท้าและตกตะลึง

หวังหลินยืนอยู่ในอากาศ มองดูชายหนุ่มเสื้อลายดอกคนนั้น รูปร่างหน้าตาของเขาเปลี่ยนไปแต่จำได้ทันทีว่าคือเหลียนต้าวเฟย

ชายหนุ่มเสื้อลายดอกสะบัดแขนกระพือด้วยแรงทั้งหมดพลางหมุนรอบร่างที่แน่นิ่งของฉวี่ลี่กั๋ว เตะเขาอยู่สองสามครั้ง

“ฮึ่ม แกล้งทำเป็นตาย เจ้ากล้าแกล้งทำเป็นตายต่อหน้าต่อตาข้าได้อย่างไร? ข้าจะบอกเจ้าให้ฟัง ข้าเจอกับพวกที่แกล้งตายมานักต่อนัก…เอ๋ เขาเป็นใคร…” เขาขบคิดอยู่นานแต่ก็คิดไม่ออก เขาลืมเรื่องฉวี่ลี่กั๋วและก้าวฉับฉับไปด้วยท่าทีโอหัง เหล่าเซียนที่เห็นเขาต่างก็ขมวดคิ้วอย่างขมขื่นและหลีกเลี่ยง

“ขอคารวะ ท่านราชา!”

“ขอคารวะ ท่านราชา!”

แต่ละเสียงดังกึกก้องทันที่เขาเดินผ่าน ชายหนุ่มเสื้อลายดอกดูภูมิใจมากและยังพึมพำ

ชายหนุ่มเสื้อลายดอกหยุดอยู่เบื้องหน้าชายชราที่หวังหลินโจมตี สายตาเบิกกว้างและเริ่มร้องคำรามทันที “ทำไมที่นี่ถึงมีคนมากมาย? หรือว่าพี่ชายข้ากำลังเลือกนางสนม? เฮ้ย เฒ่าลั่ว ทำไมเจ้าถึงแก่ขึ้นขนาดนี้? เจ้าดูเหมือนโดนใครตบตีมา!”

“ใครกันที่กล้ากลั่นแกล้งท่านปู่ของน้องดอกไม้? ข้าจะไปสั่งสอนมัน! เฒ่าลั่ว บอกข้ามาว่าใครตบตีเจ้า!” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกม้วนเสื้อขึ้นและคำรามต่อไป

“มันใช่หรือไม่!? ต้องเป็นมันแน่นอน! ข้าไม่ชอบเขาอยู่แล้ว เขาแก่แต่ก็แกล้งเป็นหนุ่ม มันต้องเป็นเจ้า! ข้า…ข้าจะไปบีบคอเจ้า!” ชายหนุ่มเสื้อชายดอกชี้ไปยังราชครูที่กำลังขมวดคิ้วและพุ่งเข้าหาราวกับกำลังจะไปบีบคอ

พอเห็นว่าเขากำลังจะพุ่งไป ผู้เยาว์ที่ติดตามชายหนุ่มมาถึงกับคว้าจับขาเอาไว้

“ท่านราชา…เขา…เขาคือราชครู! นายท่าน ปล่อยเรากลับไปเถอะ…” ชายหนุ่มหน้าซีด ไม่ว่าชายหนุ่มเสื้อลายดอกจะสบัดขาให้เขาหลุดมากแค่ไหนก็ไม่ยอมปล่อยไป

“เขาแกล้งปู่ของน้องดอกไม้ ข้าจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร?! เจ้าทาสน้อย เจ้าจะไม่ปล่อยไปใช่หรือไม่? ก็ได้ ข้าจะพาเจ้าไปกับข้าด้วย!” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกลากอีกฝ่ายไปด้วยสีหน้าดุดัน ดูเหมือนเขากำลังจะไปบีบคอราชครูจริงๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

เพียงหวังหลินมองเหลียนต้าวเฟยด้านล่าง เขาเผยท่าทีซับซ้อน หวังหลินมาที่เมืองหลวงแห่งนี้เพื่อดูว่าสหายเก่าจะยังจดจำเขาได้หรือไม่

หวังหลินมองเหลียนต้าวเฟยที่ใช้พัดลากชายหนุ่มเข้าหาราชครู ฉวี่ลี่กั๋วที่ฟุบอยู่บนพื้นพลันลืมตาขึ้นมามองชายหนุ่มเสื้อลายดอกห่างออกไปไกล แต่จากนั้นก็หลับตาโดยไม่ลังเล

“ต้าวเฟย!” ขณะที่เหลียนต้าวเฟยยกแขนขึ้นมาจะบีบคอราชครู จักรพรรดิเทพอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงดังกึกก้องออกมาจากอารามเต๋าเทพ

“พี่กำลังทำอะไร? พี่จะเลือกนางสนมแต่กลับไม่บอกข้า…พี่ทำเกินไปแล้ว!!” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกหันไปมองจักรพรรดิเทพที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร

“ต้าวเฟยอย่าทำให้วุ่นวาย วันนี้เป็นพิธีแต่งตั้งของผู้มีพระคุณของเจ้า ทำไมเจ้าไม่ไปทักทายเขา?” คำพูดของจักรพรรดิเทพแฝงพลังอ่อนๆ ผลักดันเหลียนต้าวเฟยออกห่างราชครูหลายร้อยฟุต

“ผู้มีพระคุณ?” ชายหนุ่มเสื้อลายดอกถึงกับตกตะลึง

…………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด