Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2083 คุณสมบัติ

Now you are reading Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน Chapter 2083 คุณสมบัติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 2083 คุณสมบัติ

พายุส่งเสียงดังสนั่นรุนแรงขึ้นหลายเท่า จนเกิดเป็นรอยแยกอวกาศขึ้นรอบพื้นที่ ราวกับภูติผีกำลังร้องคร่ำครวญส่งเสียงเล็กแหลม เสียงเหล่านี้ได้แผ่กระจายออกไปทั่วทิศทางจากใจกลางพายุทะเล

ผู้คนนับร้อยจากเผ่าโบราณเพิ่งมาถึงและมองพายุตรงหน้า หลายคนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทำลายล้างที่สามารถทำลายพวกเขาได้อย่างชัดเจน

พลังนี้มากพอให้ทุกสิ่งมีชีวิตเกิดอาการสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว แต่ไม่รวมถึงหวังหลินและมหาชั้นฟ้าอีกหกคน ด้วยระดับบ่มเพาะของแต่ละคนจึงสามารถต้านทานเสียงรุนแรงนี้ในระดับที่แตกต่างกัน…สำหรับพวกเขาถือว่าไม่ใช่ปัญหา

หวังหลินไม่สนใจเสียงดังสนั่น ถึงจะดังเข้าหูก็ไม่อาจทำให้จิตใจเขาสั่นเทาได้เลย ราวกับเสียงนี้ไม่มีคุณสมบัติพอให้เขาสั่นไหว แม้มันจะแข็งแกร่งมากกว่านี้อีกหลายเท่าก็ตาม

หลังจากบ่มเพาะมาถึงระดับนี้ ลืมเรื่องแผ่นดินเซียนดาราไปได้เลย แม้แต่ในอวกาศอันกว้างใหญ่ด้านนอกแผ่นดินเซียนดาราก็ยังมีแค่ไม่กี่อย่างที่ทำให้เขาสั่นไหว

ทว่าสำหรับมหาชั้นฟ้าอีกหกคนนั้นไม่เหมือนกัน ถึงพวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงเหล่านี้มากนัก แต่ก็รู้ว่าอีกหลายคนด้านหลังไม่สามารถอดทนได้

ซ่งเทียนขยับไปเบื้องหน้าเหล่าผู้คนของเผ่าโบราณอย่างไม่ลังเล เขาสะบัดแขนเสื้อปรากฏดวงตะวันขนาดยักษ์ขึ้นด้านหลัง ใช้พลังมหาชั้นฟ้าของตัวเองเพื่อช่วยเหลือคนด้านหลังจากแรงสั่น

ซวนลั่วและมหาชั้นฟ้าอาณาเขตจวี่เองก็ทำแบบเดียวกัน ด้วยการที่ทั้งสามคนร่วมมือกันจึงสามารถทำให้ผู้คนเผ่าโบราณนับร้อยไม่บาดเจ็บหรือโดนพลังตีกลับได้

ทางเผ่าเทพเองก็เช่นกัน จิ่วตี้และพรรคพวกทำเหมือนกันเพื่อปกป้องเซียนเผ่าเทพนับร้อยจากเสียงดังสนั่น

มีเพียงหวังหลินที่นั่งอยู่ตรงนั้นและมองพายุอย่างสงบนิ่ง

เขาไม่ได้ลงมือช่วยใคร

หวังหลินรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีกสิบสองวันนับจากนี้ เขามองคนจากสองฝั่งและหลับตา

“มีเวลาอีกสิบสองวันจนกว่าประตูจะเปิด แต่ในอดีตเสียงจะดังสนั่นอย่างรุนแรงสองวันก่อนแดนเทพบรรพกาลเปิด…”

“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้ากลัวว่าพวกเขาจะไม่สามารถทนไหว!”

“แดนเทพบรรพกาลประหลาดยิ่ง มันแตกต่างจากในอดีตมาก!”

มหาชั้นฟ้าทั้งหกคนจากสองฝั่งต่างก็มองกันเองและมีสีหน้ามืดมน

ขณะที่ทั้งหกคนต่อต้านต่อไป วันเวลาก็ได้ผ่านไปอีกครั้ง ทุกวันเสียงจากพายุจะรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งถึงเวลาเก้าวันก่อนประตูเปิด เสียงจึงได้แผ่กระจายไปทั่วทะเลอันกว้างใหญ่ แม้แต่ชายขอบทะเลที่เชื่อมกับเผ่าเทพและเผ่าโบราณยังได้ยินเสียงดังสนั่น

ยามพลบค่ำก่อนประตูเปิดอีกเก้าวัน เสียงได้ดังสนั่นจนถึงจุดที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้แล้ว

แม้แต่มหาชั้นฟ้าทั้งหกคนจะใช้พลังเต็มที่ก็เหมือนจะไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป

เสียงดังมากจนท้องฟ้าแตกกระจายและเกิดรอยแตกร้าวบนพื้นดิน ผู้คนหลายร้อยที่ได้รับการปกป้องจากมหาชั้นฟ้าต่างก็มีโลหิตไหลออกจากรูทวารทั้งเก้า

“ยังเหลืออีกเก้าวัน! ข้าไม่สามารถทนได้นานกว่านี้อีกแล้ว มันรุนแรงเท่าวันสุดท้ายก่อนประตูเปิด หากเป็นแบบนี้ต่อไปพรุ่งนี้จะมีหลายคนต้องตายและกระทั่งบาดเจ็บก่อนจะได้เข้าไปเสียอีก!”

“ข้ากลัวว่าครั้งนี้เราจะไม่สามารถส่งคนเข้าไปในแดนเทพบรรพกาลได้มากนัก…” หวู่เฟิงรีบพูดและต้าวยี่พยักหน้าอย่างเงียบๆ

จิ่วตี้กัดฟันแน่นและส่งข้อความสัมผัสวิญญาณออกไป

“เหล่าเซียนที่ต่ำกว่าผู้สูงส่งชั้นทอง รีบถอยและเคลื่อนย้ายออกไปนอกทะเล!”

เพียงเขาพูดออกมา ทางด้านของฝั่งเผ่าโบราณ ซ่งเทียนและคนอื่นก็ตัดสินใจเช่นกัน นอกจากคนหลายร้อยที่พวกเขากำลังคุ้มกันอยู่ คนที่ไม่ได้ผ่านสามบททดสอบเจ็ดหายนะต่างก็รีบออกไปจากเสียงดังสนั่นแห่งนี้

ครู่ต่อมาจึงเหลือแต่ละฝั่งไม่ถึงร้อยคน และเพราะมีคนจำนวนน้อย แรงกดดันที่ส่งต่อมหาชั้นฟ้าหกคนจึงลดลงไปอย่างมหาศาล

หวังหลินเห็นทุกอย่าง เขาขบคิดอย่างเงียบงันและไม่ได้ทำอะไร สายตามองพายุข้างหน้าและเห็นช่องว่างในประตูใหญ่ขึ้นเล็กน้อย

พริบตาเดียวเวลาผ่านไปสามวัน เหลืออีกหกวันจนกว่าประตูสู่แดนเทพบรรพกาลจะเปิดออก เสียงจากประตูรุนแรงยิ่งกว่าเดิมซึ่งมันไม่เคยเกิดแบบนี้ขึ้นมาก่อนจนมหาชั้นฟ้าทั้งหกคนถึงกับกระวนกระวาย

หลายคนไม่สามารถอดทนได้อีกแล้ว พวกเขาจะต้องลดจำนวนคนไม่เช่นนั้นจะได้รับผลกระทบเสียเอง

“หวังหลิน!” ซวนลั่วมองหวังหลิน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับหวังหลินตั้งแต่ที่เสียงจากทะเลเริ่มดังขึ้น ความจริงแล้วซ่งเทียนและมหาชั้นฟ้าอาณาเขตจวี่ได้ตั้งความหวังเอาไว้กับหวังหลิน และสงสัยว่าทำไมกุ้ยต้าวยังไม่มา

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องนั้น หลังจากได้ยินซวนลั่วพูดขึ้น พวกเขาจึงมองมาที่หวังหลินทันที

“อาจารย์…” หวังหลินยืนขึ้นและมองมาที่ซวนลั่วผู้กำลังใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดเข้าต่อต้าน

“อาจารย์ ท้ายที่สุดพวกนี้ก็ไม่สามารถเข้าไปได้ แม้แต่พวกท่าน…ก็จะไม่สามารถเข้าไปได้…” หวังหลินพูดเสียงเบาแต่ยังยกแขนขวาขึ้นมาสะบัดแขนใส่คนไม่ถึงร้อยที่ถูกกลุ่มของซวนลั่วคุ้มกันเอาไว้

เพียงแค่สะบัดแขน กลุ่มของซวนลั่วพลันรู้สึกว่าแรงกดดันหายไป ราวกับเสียงดังสนั่นได้เลือนหาย คนเกือบร้อยล้วนฟื้นพลังจากความเจ็บปวดที่กำลังเผชิญ

“กุ้ยต้าวน่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ปรากฏตัวเพื่อยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง”

กลุ่มของซวนลั่วเงียบลง พวกเขารู้สึกถึงความแปลกประหลาดของการเปิดแดนเทพบรรพกาลครั้งนี้เช่นกัน ยังเหลืออีกหกวันแต่ก็พบว่ามันยากขนาดนี้จนแม้แต่พวกเขาก็ต้องต่อต้าน

เผ่าโบราณมีการปกป้องของหวังหลิน แต่ฝั่งของเผ่าเทพ พวกเขาจำต้องลดจำนวนคนภายใต้การปกป้องของกลุ่มจิ่วตี้

“เซียนระดับผู้สูงส่งชั้นทอง…ผู้สูงส่งชั้นฟ้า ถอยมาและรีบกลับไป!” เพียงจิ่วตี้เอ่ยเสียงดังกึกก้อง เหล่าเซียนเกือบร้อยคนต่างก็ขบคิดอย่างเงียบๆ พวกเขามองพายุด้วยความรู้สึกเสียใจและจากไปทีละคน จนตอนนี้เหลือเพียงสิบเอ็ดคน

ระดับผู้สูงส่งชั้นเทวะไม่ได้มาทั้งหมด คนที่เหลือสิบเอ็ดคนนี้คือผู้สูงส่งชั้นเทวะที่เลือกมาที่นี่

เหลือเวลาอีกหกวันเท่านั้น

ช่วงเวลาหกวันนี้ได้เกิดความเจ็บปวดต่อทุกคนยกเว้นหวังหลิน แม้เผ่าโบราณจะมีคนมากมาย คำพูดของหวังหลินจึงทำให้แต่ละคนลังเล

เวลาผ่านไปจนเหลือเพียงแค่สามวันเท่านั้น เสียงดังสนั่นออกมารุนแรงยิ่งกว่าในอดีตหลายเท่า ทางด้านฝั่งของเผ่าเทพ ผู้สูงส่งชั้นเทวะสิบเอ็ดคนต่างก็จากไปโดยไม่ลังเลและเคลื่อนย้ายออกจากทะเล

กลุ่มของจิ่วตี้นั่งด้วยกัน เมื่อไม่ต้องช่วยเหลือผู้สูงส่งชั้นเทวะจึงใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองเข้าต่อต้านเสียงดังสนั่นได้อย่างเต็มที่ ตอนนี้พวกเขาสามารถอยู่ได้นานกว่าเดิม

กลุ่มของซวนลั่วมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเผ่าเทพและรู้สึกขมขื่นในใจ พวกเขายอมรับว่าสิ่งที่หวังหลินพูดเป็นเรื่องจริง

ถ้าไม่ใช่เพราะหวังหลินช่วยเหลือก่อนหน้านี้ พวกเขาคงเหมือนกับอีกฝั่งที่เหลือเพียงสามคนอยู่เท่านั้น

สามวันสุดท้ายเป็นสามวันที่ยากที่สุด เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างไม่รู้ตัวและถึงเวลานั้นพายุก็รุนแรงขึ้นอีกร้อยเท่า!

พื้นที่บริเวณนี้แตกกลายเป็นเศษละอองนับไม่ถ้วนและกลายเป็นความว่างเปล่า กลุ่มของจิ่วตี้หน้าซีดและเชื่อมสัมผัสวิญญาณของแต่ละคนเข้าด้วยกันเพื่อต่อต้านโดยไม่ลังเล

เผ่าโบราณยังสงบนิ่งเช่นก่อนหน้านี้ กลุ่มของซวนลั่วรู้สึกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หากมองอีกฝั่งจึงเข้าใจได้ว่าหวังหลินทรงพลังแค่ไหน

เมื่อเหลือเวลาอีกสองวัน กุ้ยต้าวก็มาถึง

เขามาอย่างเงียบเชียบราวกับอยู่ที่นี่มาตลอด สองขาก้าวเดินออกมาจากความว่างเปล่าและนั่งลงข้างหวังหลิน มองไปยังพายุและถอนหายใจ

“ซวนลั่วและเจ้าสามคนอยู่ต่อ ที่เหลือจากไปได้” หลังจากเขาพูดขึ้นจึงสะบัดแขนขวาใส่สมาชิกเผ่าโบราณเกือบร้อยคน พวกเขาจึงเลือนหายไปอย่างช้าๆ

หวังหลินมองกุ้ยต้าวและไม่พูดอะไร เขามองพายุต่อไป ช่องว่างในประตูหินตอนนี้ใหญ่กว่าเดิมและเขาเกิดความสนใจมากขึ้น

ยามนี้เหลือคนอยู่ด้านนอกพายุเพียงแค่แปดคนเท่านั้น พวกเขาถูกล้อมรอบด้วยความว่างเปล่าซึ่งเกิดจากการพังทลายในบริเวณนี้ เมื่อผ่านไปอีกหนึ่งวันและถึงวันสุดท้ายจึงได้เกิดวังวนขึ้นมา วังวนหมุนอย่งรวดเร็วจนทำให้กลุ่มของจิ่วตี้กระอักโลหิต พวกเขาถอยร่นอย่างไม่ยินยอมและรู้อยู่ในใจแล้วว่ามาถึงขีดจำกัดแล้ว

ต้าวยี่กัดฟันเป็นคนแรกและจากไป ตามมาด้วยหวู่เฟิงที่อับจนหนทาง เหลือเพียงจิ่วตี้ที่เผยสีหน้าบิดเบี้ยวและมีเส้นโลหิตบนใบหน้าบวมเป่ง เขาต้องการต่อต้านต่อไป

ทว่าเขาทนอยู่ได้อีกแค่สองชั่วโมงก่อนจะหายไปด้วยใบหน้าขมขื่น

……………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด