Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1918

Now you are reading Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน Chapter 1918 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ร่างกายคือเต๋า!

วิชาค้นวิญญาณเป็นวิชาที่ทรงพลังมาก แต่สำหรับผู้สูงส่งชั้นทอง แม้วิญญาณดั้งเดิมจะสูญเสียเจตจำนงทั้งหมดไป ยังมีระดับบ่มเพาะอันแข็งแกร่งสร้างม่านพลังป้องกันไปได้หลายปี การค้นวิญญาณจึงเป็นเรื่องยากมาก

ถึงจะบังคับค้นวิญญาณก็อาจได้เพียงแค่เศษเสี้ยวความทรงจำ ไม่ได้ทุกสิ่งกลับมา บางทีจนกว่าระดับบ่มเพาะต้องเหนือล้ำกว่าผู้สูงส่งชั้นทองจึงจะได้ความทรงจำมาอย่างครบถ้วน

แม้หวังหลินสามารถเอาชนะผู้สูงส่งชั้นทองได้ นั่นเป็นเพราะใช้การผสานร่างบัญชาโบราณและระดับบ่มเพาะ ทำให้เขาสามารถมีความแข็งแกร่งระดับนั้นได้ ความจริงระดับบ่มเพาะหวังหลินเพียงแค่ขั้นวิบากดับสูญระดับต้นเท่านั้น

ขณะที่วิญญาณดั้งเดิมของจ้าวสำนักเต๋ามารกำลังถูกหลอมเป็นเส้นชีพจรเซียนในร่างหวังหลิน หวังหลินก็พยายามค้นวิญญาณไปด้วย แต่เขาไม่เจอทรงความทรงจำสำคัญอันใดเช่นความลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังสงครามกับแคว้นกระทิงสวรรค์ หวังหลินพบแต่ความคิดบางส่วนที่เกี่ยวกับบรรพชนผู้สูงส่งชั้นฟ้าเท่านั้น

‘บรรพชนผู้สูงส่งชั้นฟ้าของสำนักเต๋ามาร เป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้าใต้อำนาจมหาชั้นฟ้าต้าวยี่…’ ดวงตะวันกำลังห้อยอยู่กลางท้องฟ้าและส่องกระทบพื้น หวังหลินลืมตาเป็นประกาย

ในร่างเขาปรากฏเส้นชีพจรสายที่สี่และสายที่ห้า!

ระดับผู้สูงส่งชั้นทองถึงกับสร้างเส้นชีพจรเซียนได้สองสาย! หวังหลินสะบัดแขนเล็กน้อยปรากฏร่างเงา หวังหลินรู้สึกว่าไม่เพียงแต่ความเร็วการร่ายจะเพิ่มขึ้นแต่ความแข็งแกร่งทางร่างกายยังเพิ่มขึ้นจนน่าหวาดกลัว

นี่คือกุญแจสำคัญของเคล็ดเร่งความเร็ว เป็นสิ่งที่หวังหลินสนใจ!

‘มาดูกันว่าร่างกายของข้ารวดเร็วแค่ไหน!’ หวังหลินมองขึ้นไปและขยับร่าง เขายังอยู่ใต้ดวงอาทิตย์แต่แสงอาทิตย์กลับบิดเบือน หวังหลินร่างที่สองปรากฏห่างออกไปสามสิบฟุต

หวังหลินร่างที่สองยืนยิ้ม ขณะที่เขาก้าวเดินออกไป แสงอาทิตย์บิดเบือนอีกครั้ง หวังหลินร่างที่สามปรากฏห่างออกไปร้อยฟุต

หวังหลินร่างที่สามขมวดคิ้วและมองไปยังท้องฟ้า ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่

ไม่นานนักแสงอาทิตย์ได้บิดเบือนเป็นครั้งที่สี่ ห้า หก…จนกระทั่งเกิดร่างแยกอีก 98 ร่าง! บางร่างกำลังนั่ง บางร่างกำลังเหาะเหิน ก้าวเดิน กำลังร่ายวิชาหรือกระทั่งชกกำปั้น แต่ละร่างมีท่าทางแตกต่างกัน เพียงแค่ชำเลืองช่างเป็นภาพที่น่าตกตะลึง

ร่างที่ 98 นั่งอยู่ข้างกับร่างแรก ทั้งสองดูเหมือนกัน มีเพียงสีหน้าที่แตกต่าง

“98 ร่างก็ถึงขีดจำกัดแล้ว” ร่างสุดท้ายพึมพำพร้อมกับร่างแรกที่หายไป จากนั้นร่างที่สองจนกระทั่งร่างที่ 97 ได้เลือนหายไปทันที

ทุกอย่างคือร่างอวตารร่างเดียว นี่คือภาพติดตาที่เกิดจากความเร็วของร่างกายล้วนๆ แปลว่าความเร็วของเขามันเกินระดับที่น่าตกตะลึงไปแล้ว

การใช้วิชาเข้าช่วยจนได้ความเร็วระดับนี้ถือว่าเป็นเรื่องง่าย แต่การใช้ร่างกายอย่างเดียวนับว่าไม่ธรรมดา!

‘ข้ามีเส้นชีพจรเซียนถึงหกสายแล้ว เคล็ดเร่งความเร็วสามารถสร้างได้ถึงเก้าสาย แต่ไม่ได้บอกว่าเก้าคือขีดจำกัด ตอนที่ข้าได้เก้าสายอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง…’

‘วิชานี้ทรงพลังมาก ดังนั้นข้าต้องเพ่งสมาธิ!’ หวังหลินมองลงไป ดวงตาเปล่งประกาย เส้นทางข้างหน้ากำหนดเอาไว้แล้วและตอนนี้เขากำลังทุ่มสุดตัวเดินสู่เส้นทางนั้น

‘หลังจากจัดการเรื่องที่เผ่าเทพ ข้าจะไปหาอาจารย์และบ่มเพาะที่นั่น เมื่อข้าทรงพลังขึ้น ข้าสามารถไปที่ไหนก็ได้ที่ต้องการเพื่อค้นหาวิญญาณของหวานเอ๋อร์!’

‘พลังต่อสู้ของข้าตอนนี้สูงมาก แต่ยังห่างจากเหล่าเซียนเฒ่าพวกนั้น’

‘เก้าแก่นแท้ของข้าผสานกลายเป็นสาม ตามความเข้าใจของข้าแล้วหากข้าสามารถสร้างอีกสองธาตุให้กับร่างแก่นแท้ห้าธาตุ ข้าน่าจะบรรลุขั้นวิบากดับสูญระดับกลางได้!’

‘เช่นเดียวกัน หากข้าสามารถเพิ่มแก่นแท้พิเศษอีกสองอย่างเข้าสู่ร่างแก่นแท้สายฟ้า ข้าน่าจะบรรลุขั้นวิบากดับสูญระดับปลายได้ นั่นคือผู้สูงส่งชั้นทอง!’

‘สุดท้ายที่ยากที่สุดคงจะเป็นแก่นแท้นามธรรม หากข้าสามารถรู้แจ้งอีกสองแก่นแท้นามธรรมและรวมเป็นห้า ข้าน่าจะบรรลุขั้นวิบากดับสูญระดับปลายสูงสุด นั่นคือผู้สูงส่งชั้นฟ้า!’

‘หลังจากนั้นหากแก่นแท้ทั้งหมดของข้าสร้างร่างแก่นแท้ของตัวเองได้ และรวมกับสามร่างแก่นแท้ที่มีอยู่ตอนนี้ ระดับบ่มเพาะของข้าจะเกินกว่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าและบรรลุไปถึงจุดที่ห่างจากมหาชั้นฟ้าเพียงแค่ขั้นเดียว!’

‘แม้ข้าจะไม่รู้วิธีการกลายเป็นมหาชั้นฟ้า อาจารย์บอกว่ามันต้องใช้โชคอย่างมหาศาลและรอให้แดนเทพบรรพกาลเปิดออก…’

‘แต่หากข้าสามารถผสานร่างแก่นแท้ทั้งสามให้เป็นหนึ่งได้ บางทีข้าอาจได้เป็นมหาชั้นฟ้า!’ หวังหลินดวงตาเป็นประกาย นี่คือการวิเคราะห์ทั้งหมดของเขาและจำเป็นต้องใช้เวลาพิสูจน์

‘หากการวิเคราะห์ของข้าถูกต้อง จะต้องมีระดับที่เหนือกว่ามหาชั้นฟ้า! บางทีระดับนี้คือขั้นที่สี่ หรือบางทีอาจไม่ใช่…ระดับนั้นจำเป็นต้องให้ร่างแก่นแท้ทั้งสามของข้ากลายเป็นหนึ่งและบรรลุระดับวิญญาณที่แท้จริง!!’

‘ระดับนี้น่าจะเป็นสิ่งที่แม้แต่มหาชั้นฟ้าก็ยังไปไม่ถึง เป็นสิ่งที่พวกเขากำลังแสวงหาอยู่! หรือบางทีมันอาจเป็นระดับของบรรพชนเทพและบรรพชนโบราณ!!’ ความคิดหวังหลินกระจ่างชัดในตอนนี้ แม้จะเป็นการตัดสินและคาดการณ์ของตัวเอง แต่มันก็เป็นเส้นทางที่เขาต้องก้าวไปในอนาคต

ไม่ว่าจะถูกหรือไม่ เมื่อไปถึงจุดนั้นจะรู้เอง!

‘แก่นแท้พิเศษและแก่นแท้นามธรรมไม่ใช่เรื่องที่ได้มาง่ายๆ แต่ธาตุโลหะและธาตุไม้น่าจะง่ายกว่า’ อาทิตย์ยามบ่ายกำลังส่องประกายในท้องฟ้า แต่มีเสียงดังครืนดังออกมาไกล

หวังหลินเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าไกลและยืนขึ้นช้าๆ สายลมพัดเรือนผมและเสื้อผ้าจนกระพือ ด้วยซากปรักหักพังด้านหลังทำให้หวังหลินเปล่งอารมณ์ความรู้สึกแปลกปะรหลาด

‘เขามาแล้ว!’ แววตาหวังหลินเต็มไปด้วยเจตนาต่อสู้ทันที!

‘ทำให้เหล่ามหาชั้นฟ้าสนใจ!’

‘มีชื่อเสียงไปทั่ว 72 แคว้นเผ่าเทพ!’

‘การต่อสู้กำลังเริ่มต้น!!’

เพียงเสียงดังคะนองในท้องฟ้าดังกระจายและครอบคลุมทั่วบริเวณ จิตสังหารอันทรงพลังแผ่กระจายไปพร้อมกับลำแสงสายหนึ่งพุ่งทะยานเข้าหาแคว้นมารเขียว

ข้างในลำแสงเป็นชายผมแดง!

เสี้ยวพริบตาเดียวเสียงดังคะนองได้หายไป นาทีนั้นทุกอย่างเงียบสนิท

ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหวังหลินไปพันฟุต!

ชายชราเรือนผมสีแดงกำลังสวมชุดคลุมสีม่วง ตรงปลายและมุมขวาปักษ์ลวดลายไท้เก๊ก ลวดลายนี้เป็นสีแดงเพลิงราวกับตัวแทนแห่งเต๋า!

ชายชราผมแดงยืนอยู่ตรงนั้นสักพัก เขามองหวังหลินและพูดขึ้น “เจ้าใช่หรือไม่ที่ทำลายสำนักเต๋ามารของข้า?” เขาสงบนิ่งและไม่เผยอารมณ์ความรู้สึกเลย ทว่าเสียงกลับดังกึกก้องจนรุนแรง ท้ายที่สุดท้องฟ้าสั่นไหว แผ่นดินดังคำรามและเกิดคลื่นเสียงโจมตีใส่ร่างหวังหลิน

หวังหลินยืนอย่างสงบนิ่ง หรี่ตาเล็กน้อยและเอ่ยตอบ “ใช่!”

“หลังจากทำลายสำนักเต๋ามารของข้า เจ้ายังรออยู่ที่นี่ เจ้าจะท้าประลองกับข้าใช่หรือไม่?” หลังจากชายชราเห็นท่าทางสงบนิ่งของหวังหลิน แววตาจึงดุดันขึ้น

หวังหลินมองชายชราผมแดงและเอ่ยตอบ “ใช่!”

“ดี!” บรรพชนสำนักเต๋ามารไม่เผยความรู้สึกและไม่แสดงความโกรธเกรี้ยว ด้วยระดับบ่มเพาะของเขา อารมณ์ความปั่นป่วนทั้งหมดได้หายไปจากร่างกาย เขาเป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้าใต้อำนาจมหาชั้นฟ้าต้าวยี่ แม้จะไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดแต่ก็อยู่แนวหน้าของเผ่าเทพ

“ข้าจะให้โอกาสเจ้า หากเจ้าสามารถทนกำปั้นข้าได้สามครั้ง ข้าจะลืมเรื่องที่เจ้าทำลายสำนักเต๋ามาร!” บรรพชนสำนักเต๋ามารสะบัดแขนเสื้อและโยนกำปั้นใส่หวังหลิน

กำปั้นนี้ถึงกับทำให้โลกเปลี่ยนสี ซากปรักหักพังของสำนักเต๋ามารเกิดการบิดเบือน ทุกอย่างเปลี่ยนไป ราวกับมิติแห่งนี้ได้แยกออกมาเป็นอีกแห่ง

ภายในความบิดเบือนนี้ พลังทั้งหมดในโลกถูกกำปั้นของชายชราผมแดงดูดซับไป และไม่มีพลังในโลกเหลืออยู่ในมิติ

“ในขั้นผู้สูงส่งชั้นฟ้า ไม่จำเป็นต้องร่ายวิชา ร่างกายของเซียนคือรากฐาน ไม่จำเป็นต้องมีร่างกายที่ทรงพลังยิ่ง เพียงแค่วางเต๋าไว้ในร่างกาย ทำให้ร่างกายเป็นเต๋า!”

“ด้วยร่างกายที่เป็นเต๋า แม้แต่กำปั้นธรรมดาที่มีเต๋าก็สามารถทำลายทุกอย่างได้!” นี่คือสิ่งที่มหาชั้นฟ้าต้าวยี่บอกชายชราผมแดง

กำปั้นนี้ทำให้หวังหลินต้องหรี่ตา เรือนผมสีขาวสะบัดพริ้วโดยไม่มีแรงลม ดวงตาทอประกายแสงเจิดจ้า เขารู้สึกกลัวกำปั้นนี้ แม้จะดูธรรมดาแต่กลับทำให้โลกคล้อยตามไปด้วย!

กำปั้นนี้ยังแฝงวิชาที่แตกต่างกันถึงเก้าแบบ วิชาเหล่านี้ไม่ต้องใช้ผนึกหรือสัมผัสวิญญษณ เป็นเพียงแค่กำปั้นล้วนๆ จนปรากฏเป็นวิชา!

นี่คือพลังที่แท้จริงของผู้สูงส่งชั้นฟ้า กำปั้นที่ทำให้เหล่าผู้สูงส่งชั้นทองต้องสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว กำปั้นนี้มากพอที่จะสังหารพวกเขาได้ถึงร้อยครั้ง!

นี่คือผลลัพธ์ของการผสานเต๋าเข้ากับร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ ร่างกายคือเต๋า กำปั้นคือเต๋า!

โลกเกิดการบิดเบือน เรือนผมหวังหลินพริ้วสะบัด เขาไม่ได้ล่าถอยแต่ก้าวไปข้างหน้าและส่งกำปั้นจากแขนขวาออกไป!

หวังหลินไม่ได้สวมเกราะวิญญาณกระทิงสวรรค์ในทันทีแต่พยายามใช้พลังของตัวเอง เขาต้องการเห็นว่าสามารถต่อสู้กับผู้สูงส่งชั้นฟ้าโดยไม่ได้ใช้เกราะวิญญาณ!

ถึงตอนนี้ เสียงดังเริ่มทำลายความเงียบ พื้นปฐพีเริ่มทลายไปทีละชั้นจากการปะทะกำปั้น ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายแต่การบิดเบือนนี้ป้องกันไม่ให้มันพังทลายออกไปไกลและสามารถเหาะเหินในอากาศได้เท่านั้น!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด