ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ 52

Now you are reading ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ Chapter 52 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ความจริงเบื้องหลัง

 

จิวโมไป๋ขอแยกตัวทันทีที่เมื่อออกจากโรงแรม แต่ถังเจิ้งเฟยไม่ยอมปล่อยให้เขาไปคนเดียว อาสาจะพาเขาไปส่งด้วยตัวเอง เขาบอกปัดทันที เพราะมหาวิทยาลัยอยู่ไม่ไกล เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว เห็นท่าทางเป็นมิตรมากจนเกินเหตุของอีกฝ่าย เขาก็รู้สึกงุนงงอย่างช่วยไม่ได้ ว่าทำไมอยู่ๆอีกฝ่ายถึงได้กลายเป็นมิตรขึ้นมา

เมื่อสลัดถังเจิ้งเฟยออกไปได้สำเร็จ เขาก็เดินกลับไปมหาวิทยาลัย ในระหว่างทางแสงไฟจากรถที่ขับผ่าน ทิ้งเงาทอดยาวไว้เบื้องหลัง

ระหว่างเดินไปตามถนน จิวโมไป๋ก็นึกย้อนกลับไป เมื่อเขาเห็นการตกแต่งของสวนที่มีรูปแบบค่ายกลของสำนักผีเสื้อดารา เขาก็คาดเดาได้ทันที ว่าเจ้าของสวนน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักผีเสื้อดารา

เมื่อชายชราพยายามสอนค่ายกลดารากระจ่างให้แก่เขา เขาก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายเป็นบุคคลระดับสูงในสำนักผีเสื้อดารา เพราะมีเพียงบุคคลระดับสูงในสำนักเท่านั้น ที่สามารถถ่ายทอดวิชาของสำนักให้แก่คนนอกได้

ซึ่งมันก็ไม่น่าแปลกอะไร เพราะส่วนมากแล้ว ตระกูลชั้นสูงหรือตระกูลโบราณ มักจะส่งลูกหลานของพวกเขาเข้าสำนักดั้งเดิมอยู่บ่อยครั้ง

แต่พอเข้าสำนักแล้ว พวกเขาจะต้องปฏิบัติตามกฏของสำนักอย่างเข้มงวด ทำให้ขาดอิสระในการใช้ชีวิตส่วนตัว ไม่สามารถออกมาใช้ชีวิตกับปุถุชนธรรมดาได้ ต้องอยู่แต่ภายในสำนัก ออกมาได้เฉพาะเมื่อมีการทำภารกิจเท่านั้น

ทำให้ส่วนมาก บุตรหลานที่ถูกส่งไป จะเป็นผู้ที่ไม่มีสิทธิ์สืบทอดมรดกของตระกูล เมื่อพวกเขาสามารถชิงตำแหน่งสำคัญภายในสำนักได้สำเร็จ ตระกูลเหล่านั้นจะมีชื่อเสียงและอำนาจมากขึ้น

ตัวอย่างก็ เซียวหนานจิ้น เขาเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเซียว แม้เขาจะมีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะพลังสูงส่ง แต่เขาก็ไม่ได้เข้าสำนักดั้งเดิม เพราะจะเป็นการตัดเขาออกจากการเป็นผู้สืบทอดทันที

แต่การที่เซียวหนานจิ้นไม่ได้เข้าสำนักดั้งเดิม ก็ไม่ได้ทำให้เซียวหนานจิ้นอ่อนแอกว่าคนในสำนักดั้งเดิมมากนัก เพราะแต่ละตระกูลชั้นสูง ต่างก็มีเคล็ดบ่มเพาะและวิชาต่อสู้ของตัวเองอยู่แล้ว และมีโอสถระดับสูงจำนวนมาก ที่มีไว้เพื่อมอบให้กับผู้สืบทอดของตระกูล แต่คนอื่นๆในตระกูลจะไม่ได้รับโอสถมากนัก

การเข้าสำนักดั้งเดิมจึงเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง ของการสร้างฐานอำนาจของตระกูลให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

แต่ที่ทำให้จิวโมไป๋แปลกใจคือ ชายชราเป็นประมุขตระกูลถังและบุคคลระดับสูงในสำนักผีเสื้อ ก็หมายความว่าอีกฝ่ายเลือกที่จะทำหน้าที่เป็นผู้อาวุโสนอก ทำให้เขามีสิทธิ์ออกมาใช้ชีวิตกับปุถุชนธรรมดาได้

แม้ตำแหน่งภายในสำนัก ผู้อาวุโสนอกจะอ่อนแอกว่าตำแหน่งผู้อาวุโสคนอื่นในสำนัก แต่ขึ้นชื่อว่าผู้อาวุโสสำนักดั้งเดิมมันบ่งบอกถึง ความสามารถอันแข็งแกร่งของคนคนนั้นมากพอแล้ว

จากการคาดเดาของเขา เหตุผลที่ถังเทียนเหวิน แกล้งตายก็คงเพราะเขาจะกลับไปที่สำนัก เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็สัมผัสได้ถึงความจริงบางอย่าง

ทำไมถังเทียนเหวินถึงเสียชีวิตโดยไม่เขียนพินัยกรรมทิ้งเอาไว้

ทำไมตระกูลถังถึงเกิดการต่อสู้ เพื่อแย่งชิงมรดกอย่างดุเดือด ทันทีหลังจากประมุขตระกูลถังเสียชีวิตไม่นาน

และทำไม…จี้หยางเฟย ถึงสามารถเข้ายึดครองตระกูลถังได้ ทั้งๆที่เขาไม่มีอำนาจอะไรหนุนหลังเลย ถึงแม้เขาจะมีพรสวรรค์สูงล้ำที่หาได้ยากนับพันปี และ เป็นคนในองกรค์ลับก็ตาม แต่ตระกูลถังเป็นตระกูลโบราณที่สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปี พวกเขาจะไม่มีไพ่ลับใดๆซ่อนอยู่เลยอย่างนั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้

ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา มันไม่มีทางที่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นเพียง ทายาทสายรองที่ถูกทอดทิ้ง จะสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อสู้ได้เลย แค่สิทธิ์ในการต่อสู้ยังไม่มี ไม่ต้องพูดถึง การที่เขาจะได้นั่งตำแหน่งประมุขตระกูลถัง มันเป็นไปไม่ได้…ถ้าไม่มีคนในตระกูลถังที่มีพลังแข็งแกร่งคอยช่วยเหลือ

“วิธีจัดการสิ่งสกปรก ที่ฝังรากลึกจนยากจะลบออก ให้มีประสิทธิ์ภาพมากที่สุดคือ การทำลายมันให้สิ้นซาก ก่อนที่จะสร้างทุกสิ่งขึ้นมาใหม่จากกองขี้เถ้า บนเศษซากของความเสียหาย มันจะเป็นทางเดินให้แก่คนรุ่นต่อๆไป ได้ขบคิดเพื่อไม่ทำให้เกิดปัญหาซ้ำซากจากอดีต”จิวโมไป๋ถอนหายใจ แววตาของเขาฉายแววที่ยากจะคาดเดา

ปล่อยให้คนในตระกูลต่อสู้กันเองจนพินาศ ทำลายเชื้อร้ายที่คอยกัดกินตระกูลจากภายในทิ้งไป และผลักดันคนที่มีความสามารถเข้ามารับตำแหน่งประมุขตระกูล เพื่อชักนำให้ตระกูลก้าวข้ามผ่านความยากลำบาก ทำให้คนที่เหลือรอด หลอมรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อบรรลุความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

เป็นวิธีการที่โหดร้ายเพราะเส้นทางนี้ เต็มไปด้วยเลือดของคนในสายเลือดเดียวกัน แต่มันก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิ์ภาพมากที่สุดในการทำให้ตระกูลยังคงยืนหยัดในยุคสมัยที่เลวร้าย

ในยุคสมัยที่พลังคือทุกสิ่ง ชนชั้นสูงเกือบทั้งหมดโดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ มักจะเย่อหยิ่งจองหอง ทำอะไรโดยไม่คิด เพราะมีพลังเบื้องหลังที่แข็งแกร่งปกป้องตัวเองอยู่

เมื่อทางเชื่อมมิติต่างๆได้เปิดออก ตระกูลชั้นสูงต่างก็เข้าไปยึดครองดินแดนในมิติต่างๆ เพื่อเป็นดินแดนของตนเอง เมื่อไม่มีกฏหมาย การต่อสู้เพื่อทรัพยากรหายากจึงเกิดขึ้น การบาดเจ็บล้มตายและสงคราม เกิดขึ้นทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ

เขามีอายุเกือบร้อยปี เขาได้เห็นตระกูลชั้นสูงจำนวนมาก ต้องล้มสลายเพราะความเย่อหยิ่งและโง่เขลาของคนในตระกูล เป็นจำนวนมากเพราะความไม่ประมาณตน…

เขาจึงมองว่าการกะทำของถังเทียนเหวิน ถือเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม เด็ดขาดและเลือดเย็น แต่น่านับถือ ในภายหลังจี้หยางเฟย ได้ทำให้ตระกูลถังกลับมายิ่งใหญ่กว่ายุคสมัยใดๆ และสร้างนิกายจรัสฟ้า ที่แข็งแกร่งทัดเทียมกับสำนักดั้งเดิม

มันบ่งบอกว่าการตัดสินใจของถังเทียนเหวินในครั้งนั้น เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและยอดเยี่ยมที่สุด

แต่เขาดันไปทำลายแผนการทั้งหมด ด้วยความบังเอิญล้วนๆ…

จิวโมไป๋สะบัดหัว ไล่ความคิดเหล่านั้นออกไปอย่างรวดเร็ว

ในอนาคตอะไรจะเกิดกับคนตระกูลถังก็ไม่เกี่ยวกับเขา เมื่อเขารู้ว่าถังเทียนเหวินเป็นคนของสำนักผีเสื้อดารา เขาก็ไม่กลัวว่าจะถูกอีกฝ่ายทำอะไรลับหลัง เพราะเขารู้จักคนของสำนักผีเสื้อดาราดี ว่าพวกเขาเป็นเพียงคนดีที่น่ารำคาญสำหรับคนที่ก่อกรรมคร่าชีวิตเท่านั้น พวกเขาจะไม่ก่อปัญหายุ่งยากกับคนธรรมดาแบบเขา

ทำให้เขาสามารถเบาใจได้ส่วนหนึ่ง

เมื่อกลับถึงหอพักในมหาวิทยาลัยเทียนซู จิวโมไป๋ก็อาบน้ำทำธุระจนเสร็จ เขาก็เปิดกำไลข้อมือดูหมายเลยติดต่อของพี่ใหญ่หวังเสี่ยวเปาและคนอื่นๆ ก็ไม่สามารถติดต่อได้เหมือนเดิม

เขาได้แต่ถอนใจ และรู้สึกผิด ได้แต่หวังว่าพวกพี่ใหญ่จะไม่เป็นไร ก่อนที่เขาจะตรวจสอบระบบซื้อขายสูตรโอสถ เขาตรวจสอบยอดเงินเป็นอันดับแรก เพราะในตอนนี้เขาได้ผู้สร้างมาเป็นพวกแล้ว เขาจะต้องใช้เงินจำนวนมาก ในการทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อสร้างโลกเสมือนที่แท้จริง

240 ล้านเครดิต

เมื่อเห็นยอดเงินเพิ่มขึ้น 40 ล้านเครดิต เขาก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก และกดตรวจสอบ ผู้ที่ซื้อยอดผลิตโอสถ เป็นร้านขายยาขนาดเล็กตามที่เขาคาดเอาไว้ ร้านขายยาขนาดใหญ่และกลาง ยังไม่มีการเคลื่อนไหว เขาเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังตามหา ตัวตนของเขาอยู่อย่างแน่นอน

เขากดออกจากระบบซื้อขายสูตรโอสถ ก่อนที่จะเปิดเว็บบอร์ดต่างๆ เพื่อหาข่าวที่เขาต้องการ เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เขาก็เขียนโน๊ตบันทึกไว้ในกำไลข้อมือ เป็นโน๊ตคำนวนค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในอนาคตคร่าวๆ เมื่อเสร็จแล้วเขาก็กดปิดกำไลข้อมือ

จากนั้นเขาก็เริ่มบ่มเพาะพลังตามปกติ แต่เมื่อเขาเริ่มท่องเคล็ดบ่มเพาะเตาหลอม 9 สุริยัน ตำหนักยุทธของเขาพลันลุกไหม้อย่างรุนแรง ไอร้อนแผดเผากินพื้นที่ขนาดใหญ่ ทำให้ตำหนักยุทธคล้ายกับดวงอาทิตย์ขนาดย่อม หยดน้ำปราณไหลตกลงมาจากตำหนักอย่างรวดเร็ว จนทะเลปราณสั่นไหวเป็นระลอก

“แค่เพียงชารับแขกของสำนักดั้งเดิม ก็มีผลเท่ากับโอสถระดับ 2 ขั้นสูงแล้ว”จิวโมไป๋ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ นี่เป็นความแตกต่างระหว่างระดับทรัพยากรการบ่มเพาะอย่างแท้จริง แม้แต่ชนชั้นสูงหรือตระกูลโบราณยังไม่มีสิทธิ์ในระดับนี้

มันช่วยไม่ได้ที่เขาในชาติก่อน จะอิจฉาสำนักดั้งเดิม พวกเขาสามารถครอบครองแหล่งทรัพยากรล้ำค่าตั้งแต่เริ่ม เมื่อโลกเกิดการวิวัฒนาการ แหล่งทรัพยากรของพวกเขา จะได้รับการปรับปรุงให้อยู่ในระดับสูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า จะไม่ให้เขาอิจฉาได้ยังไง

โอสถทั้ง 12 สูตรของเขา แม้ในตอนนี้จะถูกจัดให้เป็นโอสถ 3 ดาว แต่เมื่อโลกเกิดการวิวัฒนาการ ระดับของโอสถจะเหลือแค่ระดับ 1 ขั้นกลาง เท่านั้น มันไม่อาจเทียบชารับแขกที่อยู่ระดับ 2 ขั้นสูงได้ แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่ระดับจะต่ำ เพราะวัตถุดิบในการกลั่นเป็นของธรรมดาเท่านั้น

จิวโมไป๋ไล่ความคิดออก ก่อนที่จะเริ่มร่ายกระบวนท่าหลอมกายามังกรเทวะ พลังภายในร่างกายประทุขึ้นอย่างรุนแรง เขาข่มความเจ็บปวดร่ายกระบวนท่าต่อไปเรื่อยๆ

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เขาก็ร่ายกระบวนท่าครบ 3 รอบ ในตอนนี้บนผิวของเขาเต็มไปด้วยของเหลวสีน้ำตาลเข้มส่งกลิ่นเหม็นจนแสบจมูก เขารีบเข้าห้องน้ำทำความสะอาดร่างกายจนเสร็จ

เมื่อขยับกล้ามเนื้อจิวโมไป๋รับรู้ได้ถึงพลังความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น เมื่อลองบีบผิวหนังเขาก็แทบไม่รู้สึกเจ็บ เขาก็ถอนหายใจยาวเหยียดอีกครั้ง

มันช่างความแตกต่างที่แท้จริง บ่มเพาะแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่ากับเขาฝึกประมาณ 3-4 วัน ถ้าเป็นระดับคนธรรมดาก็เท่ากับบ่มเพาะ 1-2 สัปดาห์

เขาเดินไปนั่งสมาธิบนเตียงนอน ก่อนที่จะเริ่มบ่มเพาะจิตวิญญาณหัวใจพิสุทธิ์ เมื่อเริ่มท่องเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณ ท้องฟ้าสีทองแดงภายในทะเลจิตวิญญาณสั่นสะท้านเบาๆ ความหนาแน่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า เขาไม่แปลกใจ เพราะ น้ำชา ช่วยเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ มากกว่าบ่มเพาะพลังอยู่แล้ว

น้ำชา ธูป และ เครื่องหอม เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังจิตวิญญาณ เพราะพวกมันมีส่วนช่วยให้เข้าสมาธิได้รวดเร็ว

เช้าวันต่อมา

จิวโมไป๋และพ่อจิวโมเทียนเดินทางมาถึง บริษัทรักษาความปลอดภัยเหล็กกล้า เป็นบริษัทของตระกูลหลี่ 1 ใน 2 ตระกูลโบราณของเมืองเทียนซู อีกหนึ่งคือ ตระกูลเซียว ของเซียวหนานจิ้น พวกเขาทั้งสองตระกูลถือเป็นคู่ปรับกัน

เพราะภายในเมืองเทียนซูมีเพียงตระกูลโบราณแค่ 2 ตระกูล เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ทำให้เกิดการต่อสู้ภายในที่ลับเสมอ

เหตุผลที่จิวโมไป๋ สั่งให้ชายหัวล้านแกล้งทำลายร้านตัวเอง ก็เพื่อหาข้ออ้างในการ จ้างคนของตระกูลหลี่ มาเป็นยามรักษาความปลอดภัยของร้านอาหารและครอบครัวจิว โดยที่ไม่ทำให้เซียนหนานจิ้นเอะใจ คิดว่าเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่มีคนมาทำลายร้านก่อน ถ้าในอนาคตเซียวหนานจิ้น ส่งคนมาก่อกวนร้าน จะต้องมีเรื่องกับคนของตระกูลหลี่ทันที

เขารู้นิสัยเซียวหนานจิ้นดี ว่าจะต้องไม่ลงมือโจ่งแจ้งและหาทางทำอย่างลับๆที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อชื่อเสียงของตัวเอง

เมื่อเขาออกจากเมืองเพื่อเป็นเหยื่อล่อ เซียวหนานจิ้นจะเลิกสนใจครอบครัวของเขาในทันทีเพราะ เป้าหมายที่แท้จริงก็คือเขาอยู่แล้ว ยิ่งมีคนในตระกูลหลี่มามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เซียวหนานจิ้นจะเลือกกำจัดเขาโดยไม่ก่อปัญหาให้คนรอบข้างของเขาอีกต่อไป

ต่อให้เขาตาย เขาจะต้องไม่ลากครอบครัวของเขาให้ลำบากอย่างเด็ดขาด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด