หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 138 หลิงเอ๋อร์ พี่กลับมาแล้ว ! (ปลาย)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 138 หลิงเอ๋อร์ พี่กลับมาแล้ว ! (ปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 138 หลิงเอ๋อร์ พี่กลับมาแล้ว ! (ปลาย)

ณ เมืองชายแดน

ภายในกระโจมที่พักของเจียงจิ้ว ชายชราผู้หนึ่งถลันเข้าไปอย่างรีบด่วน จากนั้นกล่าวรายงานด้วยน้ำ เสียงร้อนรนตะกุกตะกัก “ฝ่าบาทองค์หญิง คุณชายเยี่ย.. เรือเหาะที่คุณชายเยี่ยโดยสารอับปางพะย่ะค่ะ !”

จากเสียงรายงานร้อนรนที่ได้ยิน หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่เข้ามาใหม่ “ท่านว่าอะไร ?”

ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เรือเหาะระเบิดและแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ…ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบ แน่ชัด ทว่าเชื่อแน่ว่าต้องมีใครสักคนอยู่เบื้องหลัง ทั้งยัง…”

อีกฝ่ายถามตัดบท “เขาเป็นอย่างไร ?”

คนถูกถามอึกอัก เขาส่ายหน้าพลางตอบว่า “กระหม่อมยังไม่ได้ข่าวของเขาว่าเป็นหรือตาย ทว่าตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้น…”

แกร๊ก !

เสียงโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าของหญิงสาวพังทลายลงด้วยน้ำมือของนาง สีหน้าโกรธจัด “ให้ตายสิ สถาน ศึกษาฉางมู่ ! เลวทรามสิ้นดี !”

ชายชราจ้องมองหญิงสาวด้วยความตกตะลึง “ฝ่าบาท…”

อีกฝ่ายหันขวับมาทางชายชราทันที “ส่งทหารม้าหนึ่งร้อยนายออกลาดตระเวน ทำทุกวิถีทางตามหา เขาให้พบให้ได้ !”

ชายชราพยักหน้ารับคำ ก่อนจะหันหลังกลับออกไปอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวยังยืนอยู่ภายในกระโจม ชั่วขณะหนึ่งนางหยิบแผ่นป้ายสีทองออกมา สายตาที่ทอดมองวัตถุ ในมือแววตาเคร่งเครียด “ถ้าเจ้าเป็นอะไรไป ข้าจะทำให้สถานศึกษาฉางมู่ได้รับผลที่มันก่อกรรมเอาไว้อย่าง สาสม”

หลังจากนั้นจึงลุกออกจากที่เดินออกไปภายนอก สายตาเหม่อมองบนท้องฟ้าในระยะไกล “อย่า เจ้า ต้องไม่ตาย… ช่วยมีชีวิตอยู่ให้ได้…”

มือข้างขวากำเข้าหากันโดยไม่ตั้งใจจนปลายเล็บจิกไปบนเนื้ออุ้งมือ…

ยามวิกาล เยี่ยฉวนเดินเท้ากลับเข้าเมืองชายแดน ชายหนุ่มใช้ผ้าคลุมสีดำเพื่อปกปิดอำพรางสายตา ของผู้พบเห็น

เขามิได้ย้อนกลับไปที่ค่ายทหารของเจียงจิ้ว ในเวลานี้เพื่อความปลอดภัยจึงไม่ปรารถนาจะเปิดเผย สถานะของตนเอง

ทว่าเขากลับเข้าไปที่สำนักอัปสรเมรัยและแอบซื้อที่นั่งของเรือเหาะอีกเที่ยว

ในเวลาครึ่งชั่วยามถัดมา เรือเหาะลำนั้นได้ทะยานขึ้นเหนือท้องฟ้าของเมืองชายแดนและไม่นานต่อมาก็กลืนหายไปในท้องฟ้ายามราตรี

บนเรือเหาะ ในห้องผู้โดยสารทั่วไป

เยี่ยฉวนปิดล็อคประตูเรียบร้อยแล้ว จึงเข้าสู่หอคอยแห่งเรือนจำ

การฝึกปรือกระบี่ !

ทว่าในช่วงเวลาเช่นนี้ ชายหนุ่มมิได้ฝึกกระบี่ เขากำลังฝึกปรือการใช้พลังหลอมรวมลมปราณควบคุม กระบี่ !

ภายในหอคอยแห่งเรือนจำชั้นที่หนึ่ง กระบี่เล่มหนึ่งพุ่งทะยานฉวัดเฉวียนไปมากลางลานโดยไร้การ ควบคุม บางขณะก็ตกลงสู่พื้นล่างจากกลางอากาศ หรือไม่บางขณะก็หยุดนิ่งไร้ความเคลื่อนไหว

เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มขาดประสบการณ์ในการควบคุมกระบี่ทว่าเขากลับไม่รู้สึกหวั่นไหว ด้วยว่าตนเองยังขาดทักษะ เขาจึงต้องหมั่นฝึกปรือหนักขึ้น ๆ ไปอีก

ผ่านไปกว่าหนึ่งวันครึ่ง ขณะที่เรือเหาะเข้าใกล้เมืองหลวงขึ้นทุกที

เยี่ยฉวนยังอยู่ภายในหอคอย เขาพร่ำฝึกปรืออย่างหนักหน่วงยิ่ง ทว่าโดยพื้นฐานชายหนุ่มมีความเป็นยอดฝีมือและความประจักษ์แจ้งอยู่แล้ว จึงช่วยให้เขาค่อย ๆ เข้าใจเคล็ดลับและสามารถใช้งานกระบี่หลิงซิ่วได้อย่างราบรื่นขึ้นเรื่อย ๆ …

ครึ่งชั่วยามถัดมาเรือเหาะเข้าใกล้เมืองหลวงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมองจากบนเรือเหาะสายตาของชายหนุ่ม สามารถจับภาพเค้าโครงของเมืองหลวงได้

ณ เมืองหลวง

บริเวณด้านหน้าของห้องโถงประชุมแห่งสถานศึกษาฉางหลาน

เยี่ยหลิงนั่งอยู่บนขั้นบันได ในมือประคองหุ่นไม้แกะสลักชิ้นหนึ่ง หุ่นไม้ตัวน้อยนี้คือเยี่ยฉวน

สายตาจ้องมองหุ่นไม้ในมือ เด็กหญิงทอดถอนใจเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าชะเง้อมองออกไปทางเชิงเขา เสียงรำพึงกับตนเองว่า “ท่านพี่ ข้าคิดถึงท่าน”

ทุกวัน เด็กหญิงจะมานั่งตรงจุดนี้ราวหนึ่งชั่วยามเพื่อรอคอยการกลับมาของเยี่ยฉวน !

ในตอนนั้นเอง จี้อันซื่อพลันปรากฏขึ้นข้างกายของเยี่ยหลิง เด็กน้อยจึงเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่เพิ่งเข้ามา “พี่สาวจี้ ท่านหิวข้าวอีกหรือเจ้าคะ ?”

หญิงสาวก้มมอง นางส่ายหน้าปฏิเสธพลางทรุดลงนั่งข้างเด็กหญิง พลันสายตาเหลือบไปเห็นหุ่นไม้ แกะสลักในมือของเยี่ยหลิง “นั่นคือท่านพี่ของเจ้าล่ะสิ ?”

เยี่ยหลิงพยักหน้ารับ “ท่านพี่แกะสลักเองเจ้าค่ะ หล่อไหมเจ้าคะ ? ฮิฮิ…”

อีกฝ่ายกำลังจะเอ่ยปากพูด ทันใดนั้นนางหันไปมองอีกด้านหนึ่งไม่ห่างออกไป ด้วยมีบุรุษผู้หนึ่งกำลัง ก้าวตรงมาพร้อมด้วยกลุ่มคนอีกนับสิบ

ชายผู้นี้และกลุ่มคน ทั้งหมดคือศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางมู่ !

เมื่อสายตาของหญิงสาวปะทะกับร่างผู้มาเยือน พลันสีหน้าเปลี่ยนไปสิ้นเชิง !

“เฟินเจี๋ย !”

ผู้ที่นำหน้าคือเฟินเจี๋ย ทั้งเขาและเป่ยเฉินได้ชื่อว่ายอดคนแห่งฉางมู่ !

เฟินเจี๋ยที่กวาดสายตามาทางจี้อันซื่อพลันร้องถาม “เยี่ยฉวนอยู่ที่ไหน ?”

คนถูกถามค่อยลุกขึ้นยืน “เขาไม่อยู่”

อีกฝ่ายชำเลืองมองด้วยหางตา “ตอนที่ข้าออกจากเมืองหลวง คนจากสถานศึกษาฉางหลานสังหาร ศิษย์แห่งฉางมู่ มันผู้นั้นกล้าดีอย่างไร ?”

ทันทีที่พูดจบ ร่างเบื้องหน้าอันตรธานไปจากสายตา

แกร๊ก !

พื้นดินที่อยู่เบื้องหน้าของจี้อันซื่อบังเกิดรอยแตกร้าว !

หญิงสาวกระชากดาบออกจากฝัก และตวัดฟาดลงอย่างแรง !

ผัวะ !

ขณะนั้นเกิดเสียงระเบิดกึกก้อง พลันร่างทั้งร่างของหญิงสาวถูกแรงปะทะผลักดันเข้าไปภายในห้องโถงประชุม

เวลานั้นเฟินเจี๋ยตั้งใจจะติดตาม ทว่ามีเสียงจากศิษย์ฉางมู่ด้านหลังชี้มือตรงไปยังเด็กหญิงตัวน้อยซึ่ง ยืนอยู่ไม่ห่างออกไป ที่พูดขึ้นว่า “ศิษย์พี่อาวุโสเฟินเจี๋ยขอรับ นั่นน้องสาวของเยี่ยฉวน ในเมื่อน้องของมันอยู่ที่นี่ ผู้เป็นพี่ชายคงหลบซ่อนอยู่ในนี้เป็นแน่ !”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฟินเจี๋ยหันขวับมาทางเยี่ยหลิง เด็กหญิงเห็นท่าไม่ดีหันหลังวิ่งหนี ทว่าเฟินเจี๋ยกลับ มาปรากฏตัวขวางหน้าไว้ทันทีพลางใช้มือขยุ้มผมของนางและยกร่างของเด็กน้อยลอยขึ้นจากพื้น ทำให้เยี่ยหลิงเริ่มร้องไห้น้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บปวด

ภายในห้องโถง จี้อันซื่อกระโดดสปริงตัวและใช้ดาบในมือฟันเข้าที่เฟินเจี๋ย !

พลังปะทะนั่นสามารถสะบั้นขาดแม้แต่อากาศธาตุ !

อย่างไรก็ตาม ผู้จู่โจมกลับชะงักยั้งดาบกระทันหันและถอยออกห่าง ด้วยเฟินเจี๋ยจับเยี่ยหลิงไว้เป็นเกราะกำบังพลังปะทะจากนาง

สายตาของจี้อันซื่อจ้องเขม็งที่เฟินเจี๋ย “เจ้าใจดำอำมหิตมาก !”

“ใจดำอำมหิตอย่างนั้นหรือ ?”

พลันแปรเปลี่ยนเป็นเสียงคำราม “อย่าคิดว่าข้าเกรงกลัวเจ้า เพียงแต่ยังไม่มีอารมณ์อยากสังหารเจ้า เท่านั้น จงจำไว้ ภายในหนึ่งชั่วยามให้เยี่ยฉวนเดินไปหาความตายที่สถานศึกษาฉางมู่ หรือมิเช่นนั้น จะมีร่าง คนตายถูกแขวนริมทางเดินขึ้นเขาฉางซานอีกหนึ่ง !”

จากนั้นจึงจับเยี่ยหลิงแบกขึ้นบ่าและหันหลังเดินจากไป

ทันใดนั้นมีเสียงของจี้อันซื่อน้ำเสียงเยือกเย็นเจือดูแคลนดังไล่หลัง “จับเด็กน้อยไว้เป็นตัวประกัน ไม่ เกรงว่าคนภายนอกจะมองสถานศึกษาฉางมู่ของเจ้าเป็นตัวตลกหรืออย่างไร ?”

“ตัวตลกหรือ ?”

เฟินเจี๋ยหันกลับ สายตาแฝงแววเหี้ยมเกรียมเขม้นมองคนพูด “ในแคว้นเจียง ใครหน้าไหนกล้าหัวเราะ เยาะสถานศึกษาฉางมู่บ้าง ?”

สายตาของจี้อันซื่อแฝงความโหดเหี้ยมไม่ต่างกัน “เจ้าเป็นบุรุษกลับใช้วิธีสกปรก ไม่คิดหรือว่าการ กระทำเช่นนี้ต่ำทรามสิ้นดี ?”

พลันมุมปากของเฟินเจี๋ยบิดเบี้ยวด้วยรอยยิ้มหยามหยัน “ผู้ยิ่งใหญ่ย่อมใช้ทุกวิถีทางเพื่อบรรลุเป้าหมายข้าไม่อยากเสียเวลาพูดกับเจ้า จำไว้ภายในหนึ่งชั่วยาม ถ้าไอ้เยี่ยฉวนคนที่สังหารศิษย์ฉางมู่ไม่ออกมาปรากฏตัวที่ทางเดินขึ้นเขาฉางซาน เช่นนั้นก็ตามไปเก็บศพน้องสาวของมันได้เลย ในเมื่อมันสังหารศิษย์ฉางมู่… หากไม่ได้ ชีวิตมันมาชดใช้ งั้นแล้วข้าก็จะฆ่าน้องมันแทน !”

จากนั้นก็หันหลังออกไปพร้อมด้วยเด็กหญิงเยี่ยหลิง

ในโถงหอประชุม จี้อันซื่อบดขยี้ศิลาถ่ายสัญญาณอย่างรวดเร็ว

ไม่นานนักภายหลังจากเฟินเจี๋ยและกลุ่มศิษย์ออกไปพร้อมจับตัวเยี่ยหญิงไปด้วย พลันปรากฏคนผู้หนึ่งวิ่งขึ้นมาตามเชิงเขา คนผู้นั้นคือเยี่ยฉวน

เยี่ยฉวนเร่งฝีเท้าเต็มที่ ตลอดตามทางเสียงเขาหัวเราะร่าอย่างมีความสุข “หลิงเอ๋อร์ พี่กลับมาแล้ว”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 138 หลิงเอ๋อร์ พี่กลับมาแล้ว ! (ปลาย)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 138 หลิงเอ๋อร์ พี่กลับมาแล้ว ! (ปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 138 หลิงเอ๋อร์ พี่กลับมาแล้ว ! (ปลาย)

ณ เมืองชายแดน

ภายในกระโจมที่พักของเจียงจิ้ว ชายชราผู้หนึ่งถลันเข้าไปอย่างรีบด่วน จากนั้นกล่าวรายงานด้วยน้ำ เสียงร้อนรนตะกุกตะกัก “ฝ่าบาทองค์หญิง คุณชายเยี่ย.. เรือเหาะที่คุณชายเยี่ยโดยสารอับปางพะย่ะค่ะ !”

จากเสียงรายงานร้อนรนที่ได้ยิน หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่เข้ามาใหม่ “ท่านว่าอะไร ?”

ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เรือเหาะระเบิดและแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ…ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบ แน่ชัด ทว่าเชื่อแน่ว่าต้องมีใครสักคนอยู่เบื้องหลัง ทั้งยัง…”

อีกฝ่ายถามตัดบท “เขาเป็นอย่างไร ?”

คนถูกถามอึกอัก เขาส่ายหน้าพลางตอบว่า “กระหม่อมยังไม่ได้ข่าวของเขาว่าเป็นหรือตาย ทว่าตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้น…”

แกร๊ก !

เสียงโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าของหญิงสาวพังทลายลงด้วยน้ำมือของนาง สีหน้าโกรธจัด “ให้ตายสิ สถาน ศึกษาฉางมู่ ! เลวทรามสิ้นดี !”

ชายชราจ้องมองหญิงสาวด้วยความตกตะลึง “ฝ่าบาท…”

อีกฝ่ายหันขวับมาทางชายชราทันที “ส่งทหารม้าหนึ่งร้อยนายออกลาดตระเวน ทำทุกวิถีทางตามหา เขาให้พบให้ได้ !”

ชายชราพยักหน้ารับคำ ก่อนจะหันหลังกลับออกไปอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวยังยืนอยู่ภายในกระโจม ชั่วขณะหนึ่งนางหยิบแผ่นป้ายสีทองออกมา สายตาที่ทอดมองวัตถุ ในมือแววตาเคร่งเครียด “ถ้าเจ้าเป็นอะไรไป ข้าจะทำให้สถานศึกษาฉางมู่ได้รับผลที่มันก่อกรรมเอาไว้อย่าง สาสม”

หลังจากนั้นจึงลุกออกจากที่เดินออกไปภายนอก สายตาเหม่อมองบนท้องฟ้าในระยะไกล “อย่า เจ้า ต้องไม่ตาย… ช่วยมีชีวิตอยู่ให้ได้…”

มือข้างขวากำเข้าหากันโดยไม่ตั้งใจจนปลายเล็บจิกไปบนเนื้ออุ้งมือ…

ยามวิกาล เยี่ยฉวนเดินเท้ากลับเข้าเมืองชายแดน ชายหนุ่มใช้ผ้าคลุมสีดำเพื่อปกปิดอำพรางสายตา ของผู้พบเห็น

เขามิได้ย้อนกลับไปที่ค่ายทหารของเจียงจิ้ว ในเวลานี้เพื่อความปลอดภัยจึงไม่ปรารถนาจะเปิดเผย สถานะของตนเอง

ทว่าเขากลับเข้าไปที่สำนักอัปสรเมรัยและแอบซื้อที่นั่งของเรือเหาะอีกเที่ยว

ในเวลาครึ่งชั่วยามถัดมา เรือเหาะลำนั้นได้ทะยานขึ้นเหนือท้องฟ้าของเมืองชายแดนและไม่นานต่อมาก็กลืนหายไปในท้องฟ้ายามราตรี

บนเรือเหาะ ในห้องผู้โดยสารทั่วไป

เยี่ยฉวนปิดล็อคประตูเรียบร้อยแล้ว จึงเข้าสู่หอคอยแห่งเรือนจำ

การฝึกปรือกระบี่ !

ทว่าในช่วงเวลาเช่นนี้ ชายหนุ่มมิได้ฝึกกระบี่ เขากำลังฝึกปรือการใช้พลังหลอมรวมลมปราณควบคุม กระบี่ !

ภายในหอคอยแห่งเรือนจำชั้นที่หนึ่ง กระบี่เล่มหนึ่งพุ่งทะยานฉวัดเฉวียนไปมากลางลานโดยไร้การ ควบคุม บางขณะก็ตกลงสู่พื้นล่างจากกลางอากาศ หรือไม่บางขณะก็หยุดนิ่งไร้ความเคลื่อนไหว

เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มขาดประสบการณ์ในการควบคุมกระบี่ทว่าเขากลับไม่รู้สึกหวั่นไหว ด้วยว่าตนเองยังขาดทักษะ เขาจึงต้องหมั่นฝึกปรือหนักขึ้น ๆ ไปอีก

ผ่านไปกว่าหนึ่งวันครึ่ง ขณะที่เรือเหาะเข้าใกล้เมืองหลวงขึ้นทุกที

เยี่ยฉวนยังอยู่ภายในหอคอย เขาพร่ำฝึกปรืออย่างหนักหน่วงยิ่ง ทว่าโดยพื้นฐานชายหนุ่มมีความเป็นยอดฝีมือและความประจักษ์แจ้งอยู่แล้ว จึงช่วยให้เขาค่อย ๆ เข้าใจเคล็ดลับและสามารถใช้งานกระบี่หลิงซิ่วได้อย่างราบรื่นขึ้นเรื่อย ๆ …

ครึ่งชั่วยามถัดมาเรือเหาะเข้าใกล้เมืองหลวงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมองจากบนเรือเหาะสายตาของชายหนุ่ม สามารถจับภาพเค้าโครงของเมืองหลวงได้

ณ เมืองหลวง

บริเวณด้านหน้าของห้องโถงประชุมแห่งสถานศึกษาฉางหลาน

เยี่ยหลิงนั่งอยู่บนขั้นบันได ในมือประคองหุ่นไม้แกะสลักชิ้นหนึ่ง หุ่นไม้ตัวน้อยนี้คือเยี่ยฉวน

สายตาจ้องมองหุ่นไม้ในมือ เด็กหญิงทอดถอนใจเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าชะเง้อมองออกไปทางเชิงเขา เสียงรำพึงกับตนเองว่า “ท่านพี่ ข้าคิดถึงท่าน”

ทุกวัน เด็กหญิงจะมานั่งตรงจุดนี้ราวหนึ่งชั่วยามเพื่อรอคอยการกลับมาของเยี่ยฉวน !

ในตอนนั้นเอง จี้อันซื่อพลันปรากฏขึ้นข้างกายของเยี่ยหลิง เด็กน้อยจึงเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่เพิ่งเข้ามา “พี่สาวจี้ ท่านหิวข้าวอีกหรือเจ้าคะ ?”

หญิงสาวก้มมอง นางส่ายหน้าปฏิเสธพลางทรุดลงนั่งข้างเด็กหญิง พลันสายตาเหลือบไปเห็นหุ่นไม้ แกะสลักในมือของเยี่ยหลิง “นั่นคือท่านพี่ของเจ้าล่ะสิ ?”

เยี่ยหลิงพยักหน้ารับ “ท่านพี่แกะสลักเองเจ้าค่ะ หล่อไหมเจ้าคะ ? ฮิฮิ…”

อีกฝ่ายกำลังจะเอ่ยปากพูด ทันใดนั้นนางหันไปมองอีกด้านหนึ่งไม่ห่างออกไป ด้วยมีบุรุษผู้หนึ่งกำลัง ก้าวตรงมาพร้อมด้วยกลุ่มคนอีกนับสิบ

ชายผู้นี้และกลุ่มคน ทั้งหมดคือศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางมู่ !

เมื่อสายตาของหญิงสาวปะทะกับร่างผู้มาเยือน พลันสีหน้าเปลี่ยนไปสิ้นเชิง !

“เฟินเจี๋ย !”

ผู้ที่นำหน้าคือเฟินเจี๋ย ทั้งเขาและเป่ยเฉินได้ชื่อว่ายอดคนแห่งฉางมู่ !

เฟินเจี๋ยที่กวาดสายตามาทางจี้อันซื่อพลันร้องถาม “เยี่ยฉวนอยู่ที่ไหน ?”

คนถูกถามค่อยลุกขึ้นยืน “เขาไม่อยู่”

อีกฝ่ายชำเลืองมองด้วยหางตา “ตอนที่ข้าออกจากเมืองหลวง คนจากสถานศึกษาฉางหลานสังหาร ศิษย์แห่งฉางมู่ มันผู้นั้นกล้าดีอย่างไร ?”

ทันทีที่พูดจบ ร่างเบื้องหน้าอันตรธานไปจากสายตา

แกร๊ก !

พื้นดินที่อยู่เบื้องหน้าของจี้อันซื่อบังเกิดรอยแตกร้าว !

หญิงสาวกระชากดาบออกจากฝัก และตวัดฟาดลงอย่างแรง !

ผัวะ !

ขณะนั้นเกิดเสียงระเบิดกึกก้อง พลันร่างทั้งร่างของหญิงสาวถูกแรงปะทะผลักดันเข้าไปภายในห้องโถงประชุม

เวลานั้นเฟินเจี๋ยตั้งใจจะติดตาม ทว่ามีเสียงจากศิษย์ฉางมู่ด้านหลังชี้มือตรงไปยังเด็กหญิงตัวน้อยซึ่ง ยืนอยู่ไม่ห่างออกไป ที่พูดขึ้นว่า “ศิษย์พี่อาวุโสเฟินเจี๋ยขอรับ นั่นน้องสาวของเยี่ยฉวน ในเมื่อน้องของมันอยู่ที่นี่ ผู้เป็นพี่ชายคงหลบซ่อนอยู่ในนี้เป็นแน่ !”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฟินเจี๋ยหันขวับมาทางเยี่ยหลิง เด็กหญิงเห็นท่าไม่ดีหันหลังวิ่งหนี ทว่าเฟินเจี๋ยกลับ มาปรากฏตัวขวางหน้าไว้ทันทีพลางใช้มือขยุ้มผมของนางและยกร่างของเด็กน้อยลอยขึ้นจากพื้น ทำให้เยี่ยหลิงเริ่มร้องไห้น้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บปวด

ภายในห้องโถง จี้อันซื่อกระโดดสปริงตัวและใช้ดาบในมือฟันเข้าที่เฟินเจี๋ย !

พลังปะทะนั่นสามารถสะบั้นขาดแม้แต่อากาศธาตุ !

อย่างไรก็ตาม ผู้จู่โจมกลับชะงักยั้งดาบกระทันหันและถอยออกห่าง ด้วยเฟินเจี๋ยจับเยี่ยหลิงไว้เป็นเกราะกำบังพลังปะทะจากนาง

สายตาของจี้อันซื่อจ้องเขม็งที่เฟินเจี๋ย “เจ้าใจดำอำมหิตมาก !”

“ใจดำอำมหิตอย่างนั้นหรือ ?”

พลันแปรเปลี่ยนเป็นเสียงคำราม “อย่าคิดว่าข้าเกรงกลัวเจ้า เพียงแต่ยังไม่มีอารมณ์อยากสังหารเจ้า เท่านั้น จงจำไว้ ภายในหนึ่งชั่วยามให้เยี่ยฉวนเดินไปหาความตายที่สถานศึกษาฉางมู่ หรือมิเช่นนั้น จะมีร่าง คนตายถูกแขวนริมทางเดินขึ้นเขาฉางซานอีกหนึ่ง !”

จากนั้นจึงจับเยี่ยหลิงแบกขึ้นบ่าและหันหลังเดินจากไป

ทันใดนั้นมีเสียงของจี้อันซื่อน้ำเสียงเยือกเย็นเจือดูแคลนดังไล่หลัง “จับเด็กน้อยไว้เป็นตัวประกัน ไม่ เกรงว่าคนภายนอกจะมองสถานศึกษาฉางมู่ของเจ้าเป็นตัวตลกหรืออย่างไร ?”

“ตัวตลกหรือ ?”

เฟินเจี๋ยหันกลับ สายตาแฝงแววเหี้ยมเกรียมเขม้นมองคนพูด “ในแคว้นเจียง ใครหน้าไหนกล้าหัวเราะ เยาะสถานศึกษาฉางมู่บ้าง ?”

สายตาของจี้อันซื่อแฝงความโหดเหี้ยมไม่ต่างกัน “เจ้าเป็นบุรุษกลับใช้วิธีสกปรก ไม่คิดหรือว่าการ กระทำเช่นนี้ต่ำทรามสิ้นดี ?”

พลันมุมปากของเฟินเจี๋ยบิดเบี้ยวด้วยรอยยิ้มหยามหยัน “ผู้ยิ่งใหญ่ย่อมใช้ทุกวิถีทางเพื่อบรรลุเป้าหมายข้าไม่อยากเสียเวลาพูดกับเจ้า จำไว้ภายในหนึ่งชั่วยาม ถ้าไอ้เยี่ยฉวนคนที่สังหารศิษย์ฉางมู่ไม่ออกมาปรากฏตัวที่ทางเดินขึ้นเขาฉางซาน เช่นนั้นก็ตามไปเก็บศพน้องสาวของมันได้เลย ในเมื่อมันสังหารศิษย์ฉางมู่… หากไม่ได้ ชีวิตมันมาชดใช้ งั้นแล้วข้าก็จะฆ่าน้องมันแทน !”

จากนั้นก็หันหลังออกไปพร้อมด้วยเด็กหญิงเยี่ยหลิง

ในโถงหอประชุม จี้อันซื่อบดขยี้ศิลาถ่ายสัญญาณอย่างรวดเร็ว

ไม่นานนักภายหลังจากเฟินเจี๋ยและกลุ่มศิษย์ออกไปพร้อมจับตัวเยี่ยหญิงไปด้วย พลันปรากฏคนผู้หนึ่งวิ่งขึ้นมาตามเชิงเขา คนผู้นั้นคือเยี่ยฉวน

เยี่ยฉวนเร่งฝีเท้าเต็มที่ ตลอดตามทางเสียงเขาหัวเราะร่าอย่างมีความสุข “หลิงเอ๋อร์ พี่กลับมาแล้ว”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+