หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 65 สถานศึกษาฉางมู่ (ปลาย)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 65 สถานศึกษาฉางมู่ (ปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 65 สถานศึกษาฉางมู่ (ปลาย)

เยี่ยหลิงรู้สึกมีความสุขมากในวันนี้ พี่ชายคนเดียวของนางจะได้เข้าเป็นศิษย์ของฉางมู่ และวันใดที่ชายหนุ่มเข้าเรียนที่สถานศึกษาฉางมู่ เขาจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปด้วยจะได้รับการสนับสนุนและรับประกันความมั่นคงในอนาคต ถึงแม้อาการเจ็บป่วยของตนจะรักษาไม่หาย แต่ทว่านางก็นอนตายตาหลับแล้ว !

คิดถึงตรงนี้เยี่ยหลิงก็พลันแหงนหน้ามองเยี่ยฉวน มือที่กุมมือพี่ชายกระชับแน่นขึ้น นางยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเพราะว่ามีพี่ชายอยู่เคียงข้าง นับจากวันที่มารดาจากไป เยี่ยหลิงไม่เคยหวาดกลัวความตายแม้แต่น้อย เด็กหญิงตัวน้อยกลัวเพียงอย่างเดียวว่าพี่ชายจะเหงาหากนางไม่อยู่แล้วเท่านั้น

ผู้คนมากมายอยู่ตามท้องถนน ราวกับว่าทุกคนจะมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน

สถานศึกษาฉางมู่ !

ทิศเหนือขึ้นไปของเมืองหลวงมีเทือกเขาชื่อว่าภูเขาฉางซาน มีความสูงกว่า 900 จั้ง เมื่อยืนอยู่บริเวณ เชิงเขาจะมองเห็นภูมิทัศน์ทั่วทั้งเมืองหลวง

สถานศึกษาฉางมู่ตั้งอยู่บนยอดเขาฉางชาน

ขณะเดินไปตามถนน ลู่เสี่ยวหรานก็ได้เล่าให้ฟังว่า “สถานศึกษาฉางมู่มีประวัติอันยาวนาน เปลี่ยน แผ่นดินไปอีกกี่ยุคกี่สมัยแต่ฉางมู่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับสำนักอัปสรเมรัย ทั้งสองแห่งนับว่าเป็นสอง ยักษ์ใหญ่อย่างแท้จริง

เยี่ยฉวนถามอย่างครุ่นคิด “เช่นนั้นสถานศึกษาฉางมู่มีสาขาในแคว้นอื่นหรือไม่ ?”

เขาพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะตอบว่า “มีสิ สำนักงานใหญ่ของสถานศึกษาฉางมู่ตั้งอยู่บนแผ่นดินใจกลางดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่ที่ไกลโพ้นออกไป !”

ผู้มีอาวุโสยิ้มขณะหันมามองเยี่ยฉวน “สหายข้า ต่อไปภายหน้าหากเจ้ามีโอกาสออกไปนอกอาณาเขตของแคว้นเจียงและแผ่นดินเมืองชิง เจ้าจะได้เห็นเองว่าโลกภายนอกนั้นกว้างใหญ่เพียงใด และเมื่อนั้นเจ้าจะ ไม่ใช้ชีวิตอยู่โดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป !”

ชายหนุ่มยิ้มรับ “มันคงอีกยาวไกลเหลือเกิน สิ่งสำคัญในเวลานี้สำหรับข้าก็คือทำปัจจุบันให้ดีที่สุด !”

คำตอบนี้ทำให้ลู่เสี่ยวหรานหัวเราะชอบอกชอบใจ “นั่นก็จริง !”

ทันทีที่เดินมาถึงเชิงเขาฉางซาน เมื่อมองลงไปจากจุดที่ทุกคนยืนอยู่ ความรู้สึกหนึ่งพลันเกิดขึ้นเองโดยสัญชาตญาณ

เวลานั้นเบื้องล่างเชิงเขาไม่ต่างอะไรกับทะเลมนุษย์ ทุกผู้ทุกคนล้วนมุ่งหน้ามาเพื่อสมัครเข้าเรียนที่ สถานศึกษาฉางมู่

เยี่ยฉวนมองใบหน้าของทุกคนที่อยู่รอบ ๆ เกิดความรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย ด้วยแต่ละคนยังดูเยาว์วัยและสำเร็จขั้นหลอมรวมลมปราณเป็นอย่างน้อย

ราวกับจะรู้ทันความคิดของชายหนุ่ม เสียงของลู่เสี่ยวหรานพลันดังขึ้นว่า “เจ้าไม่ต้องตกใจ ยอดคน จากทั่วแคว้นเจียงมารวมกันอยู่ที่นี่ มียอดคนมากเท่าใดกันจากประชากรหลายสิบล้าน เจ้ายังคิดว่ามากอยู่อีกหรือไม่ ?”

เยี่ยฉวนเริ่มจะเข้าใจ ในเมืองชิงที่เขาจากมา คนที่บรรลุขั้นหลอมรวมลมปราณเมื่ออายุครบ 18 ขวบปีถือว่าเป็นคนเหนือยอดคน ทว่าเมืองชิงเป็นเมืองเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับเมืองขนาดใหญ่แล้วแทบทุกคนของ ประชากรล้วนเป็นยอดคน !

และถ้าเทียบกับแคว้นเจียง ก็คงได้เพียงเกณฑ์เฉลี่ยเท่านั้น !

ขณะนั้นเองบนท้องฟ้าได้ปรากฏนกกระเรียนมงกุฎแดงบินโฉบมา บนนั้นมีชายชรานั่งมาบนหลังของ มัน โดยไม่รีรอ นกกระเรียนพลันหยุดบินลอยตัวเหนือศีรษะของทุกคน ก่อนที่ทันใดนั้นเสียงประกาศของชาย บนหลังนกจะดังขึ้น “ข้าในฐานะรักษาการอาจารย์ใหญ่ของสถานศึกษาฉางมู่ มารับหน้าที่คัดเลือกศิษย์รุ่นใหม่ในวันนี้ ขอแจ้งให้ทุกคนรับทราบว่าวันนี้จะมีการคัดเลือกศิษย์รุ่นใหม่ 20 คน มีด่านทดสอบทั้งหมด 3 ด่าน หากมีผู้ผ่านทั้ง 3 ด่านเกินกว่า 20 พวกเขาจะต้องแข่งขันกันเองและผู้ชนะจึงจะถือว่าผ่านการคัดเลือก !”

20 คน !

สิ้นเสียงประกาศ เสียงพึมพำพลันดังกระหึ่ม !

ผู้คนมารวมอยู่นับจำนวนพัน ทว่าสถานศึกษาต้องการเพียงยี่สิบ นี่หมายถึงคนกว่าเก้าในสิบจะต้องถูกคัดออก !

สีหน้าและท่าทางของชายหนุ่มมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว

มีที่ว่างเพียงยี่สิบ นับว่าเป็นการแข่งขันที่สร้างความเจ็บปวดแสนสาหัส !

เสียงของรักษาการอาจารย์ใหญ่บนหลังนกดังมาอีก “เริ่มด่านที่หนึ่ง ปีนป่ายภูผา ผู้ที่ปีนไม่ถึงแม้ครึ่ง ทางจะถูกคัดออกทันที !”

“ปีนป่ายภูผา ?”

เยี่ยฉวนงงงัน หันมามองลู่เสี่ยวหราน “ง่ายดายเช่นนั้นหรือขอรับ ?”

ลู่เสี่ยวหรานสั่นศีรษะ “ไม่ง่ายเลย ตลอดเส้นทางมีการวางค่ายกลไว้สกัดกั้นผู้บุกรุก จุดประสงค์เพื่อ กำจัดพวกที่พลังไม่มั่นคง ถึงแม้ว่าคนที่มาล้วนสำเร็จขั้นหลอมรวมลมปราณ แต่ก็มีไม่น้อยที่ไม่ผ่านด่านนี้ !”

ชายหนุ่มหันไปทางเด็กน้อยลู่หมิง “ผู้อาวุโส ว่าแต่หมิงน้อยดูเหมือนว่าพลังยังไม่บรรลุขั้นหลอมรวม ลมปราณ !”

ผู้มีอาวุโสมีสีหน้าหม่นหมอง “เขายังไม่บรรลุถึงขั้นนั้น แต่นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะเข้าเป็นศิษย์ของสถานศึกษาในฐานะลูกศิษย์ชั้นพิเศษ”

“ลูกศิษย์ชั้นพิเศษ ?”

ยิ่งฟังก็ยิ่งชวนพิศวงยิ่งนัก “หมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ ?”

ลู่เสี่ยวหรานมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกก่อนอธิบายว่า “ที่จริงแล้ว ข้าได้ใช้สิทธิพิเศษให้เขาได้เข้า เรียน แต่เขาจะไม่เหมือนพวกที่สมัครเข้ามาตามปกติและจะต้องเรียนในระดับที่ต่ำกว่า แต่ก็มีอาจารย์มาคอย ชี้แนะเช่นกัน อย่างไรก็ตามการปฏิบัติอาจไม่เท่าเทียมกัน ยิ่งกว่านั้นสถานะของการเป็นศิษย์ยังไม่เท่ากับศิษย์ ทั่วไป”

ฝ่ายลู่หมิงได้ยินคำบิดากล่าว เขามีท่าทีขัดใจ “พี่ใหญ่และท่านพ่อ พวกท่านพูดอะไรกัน ขอให้นึกถึง เกียรติของข้าบ้างเถิด !”

เมื่อเห็นบุตรชายโอดครวญ ลู่เสี่ยวหรานพลันโกรธขึ้งมากขึ้นจนพูดอย่างฉุนจัดออกมา “เจ้าเพียงอยากให้พวกเราให้เกียรติ ถ้าเจ้าขยันหมั่นฝึกปรือ บิดาจะต้องไปอ้อนวอนขอสิทธิพิเศษมาให้เจ้าเช่นนี้หรือ ?”

เด็กน้อยลู่หมิงทำหน้ามุ่ยแต่ไม่กล้าโต้แย้ง

เยี่ยฉวนและเยี่ยหลิงเห็นสองพ่อลูกโต้เถียงก็ได้แต่ยิ้ม

ทันใดนั้นลู่เสี่ยวหรานก็ส่งเสียงเร่งมา “สหายเยี่ย พวกเราไปที่จุดเริ่มต้นกันเถิด”

ทั้งสี่จึงมุ่งไปตามทางเดินเชิงเขาของเทือกเขาฉางซาน ข้างทางมีเสาไม้ปักอยู่บนพื้นดิน เหนือยอดเสา มีร่างคนตาย

…เป็นชายผู้หนึ่งที่ถูกเสียบคาอยู่ในสภาพที่ไม่อาจคาดเดาว่าคนผู้นั้นตายมานานเท่าใด

ทุกคนพากันชี้ไปยังภาพที่เห็นและเริ่มวิพากษ์วิจารณ์เสียงอื้ออึง !

เยี่ยฉวนจ้องมองร่างชายคนนั้นก่อนหันกลับมาถามลู่เสี่ยวหราน “ผู้อาวุโส เขาคือใครกัน ?”

ผู้มีอาวุโสตอบกลับด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง “ศิษย์คนหนึ่งของสถานศึกษาฉางหลาน !”

“สถานศึกษาฉางหลาน !”

เยี่ยฉวนได้ยินก็รู้สึกสะดุ้งในใจ ก่อนถามต่อไป “อยู่ในเมืองหลวงด้วยหรือขอรับ ?”

ลู่เสี่ยวหรานพยักหน้ารับคำ “ไม่แปลกถ้าเจ้าจะไม่รู้จัก ทุกวันนี้คนในแคว้นเจียงจะรู้จักแต่สถานศึกษาฉางมู่ น้อยคนนักที่รู้จักชื่อสถานศึกษาฉางหลาน ความจริงมีอยู่ว่าในแผ่นดินราชวงศ์ก่อน สถานศึกษาฉางหลานและสถานศึกษาฉางมู่มีชื่อเสียงทัดเทียมกัน

ทว่าด้วยเหตุผลกลใดไม่แน่ชัด สถานศึกษาทั้งสองกลับกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาต ทุกรอบ 3 ปีทั้งสองแห่งจะมีการแข่งขันประลองเป็นตายจนเกิดความตายอย่างไม่มีที่สิ้นสุดขึ้น ก่อนต่อมาด้วยเหตุผลบางประการ ความกล้าแกร่งของสถานศึกษาฉางหลานกลับค่อย ๆ เสื่อมถอยลงทีละน้อย

ขณะที่สถานศึกษาฉางมู่มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น เพราะเหตุนี้จึงทำให้สถานศึกษาฉางหลานปราชัยให้แก่สถานศึกษาฉางมู่ทุกครั้งในการแข่งขันประลองเป็นตายตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ….เหล่าศิษย์ที่แข่ง ขันในนามสถานศึกษาฉางหลานจะถูกเสาปักตรึงไว้ตลอดแนวทางเดินทางขึ้นเขา ต่อจากนี้เจ้าจะได้พบเห็นอีกมากมายเชียวละ”

เขาส่ายหน้าและถอนใจเฮือก “ทั้งสองแห่งตกลงกันว่าถ้าสถานศึกษาฉางหลานเอาชนะได้ครั้งหนึ่ง จะ ได้นำร่างของศิษย์ที่ถูกปักตรึงไว้กลับไปทั้งหมด ทว่าโชคร้ายที่ไม่เคยมีศิษย์แม้สักคนของฉางหลานทำให้ศิษย์ ของฉางมู่พ่ายแพ้ปราชัย !”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 65 สถานศึกษาฉางมู่ (ปลาย)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 65 สถานศึกษาฉางมู่ (ปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 65 สถานศึกษาฉางมู่ (ปลาย)

เยี่ยหลิงรู้สึกมีความสุขมากในวันนี้ พี่ชายคนเดียวของนางจะได้เข้าเป็นศิษย์ของฉางมู่ และวันใดที่ชายหนุ่มเข้าเรียนที่สถานศึกษาฉางมู่ เขาจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปด้วยจะได้รับการสนับสนุนและรับประกันความมั่นคงในอนาคต ถึงแม้อาการเจ็บป่วยของตนจะรักษาไม่หาย แต่ทว่านางก็นอนตายตาหลับแล้ว !

คิดถึงตรงนี้เยี่ยหลิงก็พลันแหงนหน้ามองเยี่ยฉวน มือที่กุมมือพี่ชายกระชับแน่นขึ้น นางยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเพราะว่ามีพี่ชายอยู่เคียงข้าง นับจากวันที่มารดาจากไป เยี่ยหลิงไม่เคยหวาดกลัวความตายแม้แต่น้อย เด็กหญิงตัวน้อยกลัวเพียงอย่างเดียวว่าพี่ชายจะเหงาหากนางไม่อยู่แล้วเท่านั้น

ผู้คนมากมายอยู่ตามท้องถนน ราวกับว่าทุกคนจะมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน

สถานศึกษาฉางมู่ !

ทิศเหนือขึ้นไปของเมืองหลวงมีเทือกเขาชื่อว่าภูเขาฉางซาน มีความสูงกว่า 900 จั้ง เมื่อยืนอยู่บริเวณ เชิงเขาจะมองเห็นภูมิทัศน์ทั่วทั้งเมืองหลวง

สถานศึกษาฉางมู่ตั้งอยู่บนยอดเขาฉางชาน

ขณะเดินไปตามถนน ลู่เสี่ยวหรานก็ได้เล่าให้ฟังว่า “สถานศึกษาฉางมู่มีประวัติอันยาวนาน เปลี่ยน แผ่นดินไปอีกกี่ยุคกี่สมัยแต่ฉางมู่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับสำนักอัปสรเมรัย ทั้งสองแห่งนับว่าเป็นสอง ยักษ์ใหญ่อย่างแท้จริง

เยี่ยฉวนถามอย่างครุ่นคิด “เช่นนั้นสถานศึกษาฉางมู่มีสาขาในแคว้นอื่นหรือไม่ ?”

เขาพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะตอบว่า “มีสิ สำนักงานใหญ่ของสถานศึกษาฉางมู่ตั้งอยู่บนแผ่นดินใจกลางดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่ที่ไกลโพ้นออกไป !”

ผู้มีอาวุโสยิ้มขณะหันมามองเยี่ยฉวน “สหายข้า ต่อไปภายหน้าหากเจ้ามีโอกาสออกไปนอกอาณาเขตของแคว้นเจียงและแผ่นดินเมืองชิง เจ้าจะได้เห็นเองว่าโลกภายนอกนั้นกว้างใหญ่เพียงใด และเมื่อนั้นเจ้าจะ ไม่ใช้ชีวิตอยู่โดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป !”

ชายหนุ่มยิ้มรับ “มันคงอีกยาวไกลเหลือเกิน สิ่งสำคัญในเวลานี้สำหรับข้าก็คือทำปัจจุบันให้ดีที่สุด !”

คำตอบนี้ทำให้ลู่เสี่ยวหรานหัวเราะชอบอกชอบใจ “นั่นก็จริง !”

ทันทีที่เดินมาถึงเชิงเขาฉางซาน เมื่อมองลงไปจากจุดที่ทุกคนยืนอยู่ ความรู้สึกหนึ่งพลันเกิดขึ้นเองโดยสัญชาตญาณ

เวลานั้นเบื้องล่างเชิงเขาไม่ต่างอะไรกับทะเลมนุษย์ ทุกผู้ทุกคนล้วนมุ่งหน้ามาเพื่อสมัครเข้าเรียนที่ สถานศึกษาฉางมู่

เยี่ยฉวนมองใบหน้าของทุกคนที่อยู่รอบ ๆ เกิดความรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย ด้วยแต่ละคนยังดูเยาว์วัยและสำเร็จขั้นหลอมรวมลมปราณเป็นอย่างน้อย

ราวกับจะรู้ทันความคิดของชายหนุ่ม เสียงของลู่เสี่ยวหรานพลันดังขึ้นว่า “เจ้าไม่ต้องตกใจ ยอดคน จากทั่วแคว้นเจียงมารวมกันอยู่ที่นี่ มียอดคนมากเท่าใดกันจากประชากรหลายสิบล้าน เจ้ายังคิดว่ามากอยู่อีกหรือไม่ ?”

เยี่ยฉวนเริ่มจะเข้าใจ ในเมืองชิงที่เขาจากมา คนที่บรรลุขั้นหลอมรวมลมปราณเมื่ออายุครบ 18 ขวบปีถือว่าเป็นคนเหนือยอดคน ทว่าเมืองชิงเป็นเมืองเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับเมืองขนาดใหญ่แล้วแทบทุกคนของ ประชากรล้วนเป็นยอดคน !

และถ้าเทียบกับแคว้นเจียง ก็คงได้เพียงเกณฑ์เฉลี่ยเท่านั้น !

ขณะนั้นเองบนท้องฟ้าได้ปรากฏนกกระเรียนมงกุฎแดงบินโฉบมา บนนั้นมีชายชรานั่งมาบนหลังของ มัน โดยไม่รีรอ นกกระเรียนพลันหยุดบินลอยตัวเหนือศีรษะของทุกคน ก่อนที่ทันใดนั้นเสียงประกาศของชาย บนหลังนกจะดังขึ้น “ข้าในฐานะรักษาการอาจารย์ใหญ่ของสถานศึกษาฉางมู่ มารับหน้าที่คัดเลือกศิษย์รุ่นใหม่ในวันนี้ ขอแจ้งให้ทุกคนรับทราบว่าวันนี้จะมีการคัดเลือกศิษย์รุ่นใหม่ 20 คน มีด่านทดสอบทั้งหมด 3 ด่าน หากมีผู้ผ่านทั้ง 3 ด่านเกินกว่า 20 พวกเขาจะต้องแข่งขันกันเองและผู้ชนะจึงจะถือว่าผ่านการคัดเลือก !”

20 คน !

สิ้นเสียงประกาศ เสียงพึมพำพลันดังกระหึ่ม !

ผู้คนมารวมอยู่นับจำนวนพัน ทว่าสถานศึกษาต้องการเพียงยี่สิบ นี่หมายถึงคนกว่าเก้าในสิบจะต้องถูกคัดออก !

สีหน้าและท่าทางของชายหนุ่มมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว

มีที่ว่างเพียงยี่สิบ นับว่าเป็นการแข่งขันที่สร้างความเจ็บปวดแสนสาหัส !

เสียงของรักษาการอาจารย์ใหญ่บนหลังนกดังมาอีก “เริ่มด่านที่หนึ่ง ปีนป่ายภูผา ผู้ที่ปีนไม่ถึงแม้ครึ่ง ทางจะถูกคัดออกทันที !”

“ปีนป่ายภูผา ?”

เยี่ยฉวนงงงัน หันมามองลู่เสี่ยวหราน “ง่ายดายเช่นนั้นหรือขอรับ ?”

ลู่เสี่ยวหรานสั่นศีรษะ “ไม่ง่ายเลย ตลอดเส้นทางมีการวางค่ายกลไว้สกัดกั้นผู้บุกรุก จุดประสงค์เพื่อ กำจัดพวกที่พลังไม่มั่นคง ถึงแม้ว่าคนที่มาล้วนสำเร็จขั้นหลอมรวมลมปราณ แต่ก็มีไม่น้อยที่ไม่ผ่านด่านนี้ !”

ชายหนุ่มหันไปทางเด็กน้อยลู่หมิง “ผู้อาวุโส ว่าแต่หมิงน้อยดูเหมือนว่าพลังยังไม่บรรลุขั้นหลอมรวม ลมปราณ !”

ผู้มีอาวุโสมีสีหน้าหม่นหมอง “เขายังไม่บรรลุถึงขั้นนั้น แต่นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะเข้าเป็นศิษย์ของสถานศึกษาในฐานะลูกศิษย์ชั้นพิเศษ”

“ลูกศิษย์ชั้นพิเศษ ?”

ยิ่งฟังก็ยิ่งชวนพิศวงยิ่งนัก “หมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ ?”

ลู่เสี่ยวหรานมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกก่อนอธิบายว่า “ที่จริงแล้ว ข้าได้ใช้สิทธิพิเศษให้เขาได้เข้า เรียน แต่เขาจะไม่เหมือนพวกที่สมัครเข้ามาตามปกติและจะต้องเรียนในระดับที่ต่ำกว่า แต่ก็มีอาจารย์มาคอย ชี้แนะเช่นกัน อย่างไรก็ตามการปฏิบัติอาจไม่เท่าเทียมกัน ยิ่งกว่านั้นสถานะของการเป็นศิษย์ยังไม่เท่ากับศิษย์ ทั่วไป”

ฝ่ายลู่หมิงได้ยินคำบิดากล่าว เขามีท่าทีขัดใจ “พี่ใหญ่และท่านพ่อ พวกท่านพูดอะไรกัน ขอให้นึกถึง เกียรติของข้าบ้างเถิด !”

เมื่อเห็นบุตรชายโอดครวญ ลู่เสี่ยวหรานพลันโกรธขึ้งมากขึ้นจนพูดอย่างฉุนจัดออกมา “เจ้าเพียงอยากให้พวกเราให้เกียรติ ถ้าเจ้าขยันหมั่นฝึกปรือ บิดาจะต้องไปอ้อนวอนขอสิทธิพิเศษมาให้เจ้าเช่นนี้หรือ ?”

เด็กน้อยลู่หมิงทำหน้ามุ่ยแต่ไม่กล้าโต้แย้ง

เยี่ยฉวนและเยี่ยหลิงเห็นสองพ่อลูกโต้เถียงก็ได้แต่ยิ้ม

ทันใดนั้นลู่เสี่ยวหรานก็ส่งเสียงเร่งมา “สหายเยี่ย พวกเราไปที่จุดเริ่มต้นกันเถิด”

ทั้งสี่จึงมุ่งไปตามทางเดินเชิงเขาของเทือกเขาฉางซาน ข้างทางมีเสาไม้ปักอยู่บนพื้นดิน เหนือยอดเสา มีร่างคนตาย

…เป็นชายผู้หนึ่งที่ถูกเสียบคาอยู่ในสภาพที่ไม่อาจคาดเดาว่าคนผู้นั้นตายมานานเท่าใด

ทุกคนพากันชี้ไปยังภาพที่เห็นและเริ่มวิพากษ์วิจารณ์เสียงอื้ออึง !

เยี่ยฉวนจ้องมองร่างชายคนนั้นก่อนหันกลับมาถามลู่เสี่ยวหราน “ผู้อาวุโส เขาคือใครกัน ?”

ผู้มีอาวุโสตอบกลับด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง “ศิษย์คนหนึ่งของสถานศึกษาฉางหลาน !”

“สถานศึกษาฉางหลาน !”

เยี่ยฉวนได้ยินก็รู้สึกสะดุ้งในใจ ก่อนถามต่อไป “อยู่ในเมืองหลวงด้วยหรือขอรับ ?”

ลู่เสี่ยวหรานพยักหน้ารับคำ “ไม่แปลกถ้าเจ้าจะไม่รู้จัก ทุกวันนี้คนในแคว้นเจียงจะรู้จักแต่สถานศึกษาฉางมู่ น้อยคนนักที่รู้จักชื่อสถานศึกษาฉางหลาน ความจริงมีอยู่ว่าในแผ่นดินราชวงศ์ก่อน สถานศึกษาฉางหลานและสถานศึกษาฉางมู่มีชื่อเสียงทัดเทียมกัน

ทว่าด้วยเหตุผลกลใดไม่แน่ชัด สถานศึกษาทั้งสองกลับกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาต ทุกรอบ 3 ปีทั้งสองแห่งจะมีการแข่งขันประลองเป็นตายจนเกิดความตายอย่างไม่มีที่สิ้นสุดขึ้น ก่อนต่อมาด้วยเหตุผลบางประการ ความกล้าแกร่งของสถานศึกษาฉางหลานกลับค่อย ๆ เสื่อมถอยลงทีละน้อย

ขณะที่สถานศึกษาฉางมู่มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น เพราะเหตุนี้จึงทำให้สถานศึกษาฉางหลานปราชัยให้แก่สถานศึกษาฉางมู่ทุกครั้งในการแข่งขันประลองเป็นตายตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ….เหล่าศิษย์ที่แข่ง ขันในนามสถานศึกษาฉางหลานจะถูกเสาปักตรึงไว้ตลอดแนวทางเดินทางขึ้นเขา ต่อจากนี้เจ้าจะได้พบเห็นอีกมากมายเชียวละ”

เขาส่ายหน้าและถอนใจเฮือก “ทั้งสองแห่งตกลงกันว่าถ้าสถานศึกษาฉางหลานเอาชนะได้ครั้งหนึ่ง จะ ได้นำร่างของศิษย์ที่ถูกปักตรึงไว้กลับไปทั้งหมด ทว่าโชคร้ายที่ไม่เคยมีศิษย์แม้สักคนของฉางหลานทำให้ศิษย์ ของฉางมู่พ่ายแพ้ปราชัย !”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+