หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 22 ชาตินี้ไม่ขอเป็นคนตระกูลเยี่ยอีกต่อไป (ต้น)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 22 ชาตินี้ไม่ขอเป็นคนตระกูลเยี่ยอีกต่อไป (ต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 22 ชาตินี้ไม่ขอเป็นคนตระกูลเยี่ยอีกต่อไป (ต้น)

“เจ้า !”

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยชี้หน้าเยี่ยฉวนอย่างเกรี้ยวกราด เช่นเดียวกับใบหน้าของเขาที่กลายเป็นสีน้ำเงินคล้ำด้วยโทสะ

เยี่ยฉวนเหลือบมองผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยและคนอื่น ๆ นิ่ง ชายหนุ่มแสยะยิ้มและเอ่ยขึ้น “ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย เราตกลงกันแล้วว่าการประลองแบบชี้เป็นชี้ตายเป็นเรื่องระหว่างข้ากับเขา แต่ท่านกลับขัดขวางการประลอง หึ ๆ ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย ท่านนี่ไร้ยางอายเสียจริง ๆ! ทุกคนกำลังมองอยู่ ท่านไม่กลัวว่าตระกูลเยี่ยจะกลายเป็นตัวตลกงั้นหรือ ?”

ได้ยินสิ่งที่เยี่ยฉวนพูดออกมา ทุกคนโดยรอบก็พากันมองมาที่คนตระกูลเยี่ยด้วยสายตาเหยียดหยาม

คราแรกตกลงกันไว้ว่านี่จะเป็นการท้าประลองแบบตัวต่อตัว แต่ตระกูลเยี่ยกลับกรูเข้ามาต่อสู้พร้อมกัน นี่ไม่ใช่การต่อสู้แบบตัวต่อตัวแล้วแต่เป็นหมาหมู่ !

ใกล้กับลานประลอง ทุกคนต่างพูดถึงเรื่องนี้ !

ในอีกด้านหนึ่ง หลีอวี๋กับคนอีกสองคนมองหน้ากัน ก่อนที่ในดวงตาของพวกเขาจะปรากฏรอยยิ้มลึกลับขึ้น

ความผิดพลาด !

ความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง !

พวกเขาไม่นึกเลยว่าเยี่ยหลางจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยฉวน แม้ว่าเขาจะบรรลุขั้นผสานลมปราณแล้วก็ตาม !

สำหรับสามตระกูลที่เหลือแล้ว เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องดียิ่ง !

หลีอวี๋ยืนขึ้น เขามองที่ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยตระกูลเยี่ย “ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย ท่านเชิญเรามาดูการประลองนะ ดังนั้นแล้วท่านต้องการให้เราดูคนตระกูลเยี่ยของท่านรุมประชาทัณฑ์ชายหนุ่มคนหนึ่งแทนหรือ ?”

อีกด้านหนึ่ง จางเลี่ยก็แสยะยิ้มและเอ่ยขึ้น “นี่หรือการต่อสู้แบบชี้เป็นชี้ตายในตำนาน ? ทันทีที่อยู่บนสังเวียนชี้ชะตา ท่านก็เริ่มสู้แบบหมาหมู่เลยหรือนี่ ? เรื่องนี้ข้าล่ะอยากหัวเราะจริง ๆ เชียว…”

เจียงเหนียนจากตระกูลเจียงเหลือบมองผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยและเอ่ยเย็นชา “ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย ทุกคนกำลังมองท่านอยู่นะ !”

สีหน้าของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยดูย่ำแย่ยิ่ง เขาเหลือบมองเยี่ยหลางที่อยู่ข้างเขา ก่อนพบว่าในตอนนี้เกราะที่เยี่ยหลางสวมใส่อยู่ได้แตกเป็นชิ้น ๆ แล้ว !

ไม่เพียงเท่านั้น แต่ตรงปากของเยี่ยหลางยังมีเลือดไหลอย่างต่อเนื่อง เห็นชัดว่าเขากำลังทรมานจากอาการบาดเจ็บสาหัสภายใน !

“หากเขาสู้ต่อ เขาจะต้องถูกเยี่ยฉวนฆ่าตายแน่ !”

คิดดังนี้แล้ว ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยก็กำหมัดทั้งคู่ช้า ๆ!

ตอนนั้นเอง เยี่ยฉวนที่อยู่ไม่ไกลนักก็พลันยิ้มออกมาและเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนว่าผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยจะไม่ปล่อยให้ข้าสู้กับเขาตัวต่อตัวเสียแล้ว แต่ท่านก็ไม่มีเหตุผลที่จะกำจัดข้า ! มาเถอะ เอ่ยออกมา ข้ากำลังฟังท่านอยู่ ! ทุกคนกำลังฟังท่านอยู่ !”

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยเหลือบมองเยี่ยฉวน “เยี่ยฉวน ข้าสงสัยว่าการประลองนี้ไม่ยุติธรรม เจ้าต้องโกงแน่ ๆ เจ้า…”

ถึงจุดนี้ เยี่ยฉวนพลันชี้หน้าผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยอย่างเดือดดาล “โกง ? ไอ้สุนัขเฒ่า เจ้ายังหน้าไม่อายได้มากกว่านี้อีกหรือไม่ ? ข้าสู้กับเขาตัวต่อตัว แต่พอข้าชนะ ท่านก็หาว่าข้าโกงงั้นหรือ ? หน้าท่านนี่มันหนายิ่งกว่าฝ่าเท้าข้าเสียอีก !”

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยออกคำสั่งอย่างไร้ปรานี “พี่น้องตระกูลเยี่ยทั้งหลาย เยี่ยฉวนต่อต้านผู้ใหญ่และเริ่มขบถต่อเรา ฆ่ามันเสีย !”

เห็นชัดว่าเขากระเหี้ยนกระหือรือจะสังหารเยี่ยฉวนเสียจนไม่สนอะไรอย่างอื่นแล้ว !

“โห่ !” ผู้ชมในลานประลองที่ได้ยินดังนั้นก็พลันส่งเสียงโห่ไล่ !

“ตระกูลเยี่ยช่างหน้าไม่อายจริง ๆ! พวกเขาไม่อาจทนต่อการพ่ายแพ้ได้ !”

“ไม่เพียงแต่พวกเขาจะแพ้ไม่ได้ มันยังเป็นเรื่องขายหน้าอย่างยิ่งอีกด้วย ถ้าใครคนอื่นชนะมันก็จะกลายเป็นเรื่องขี้โกงไปงั้นหรือ ? หรือว่านี่คือสันดานของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย ?”

“เขาจะมีทางเลือกใดเล่า ? ผู้ถูกเลือกนั่นคือหลานชาย ! เขาจะปล่อยให้หลานตัวเองตายได้อย่างไรเล่า ? แต่ถึงเป็นเช่นนั้นก็ยังเป็นเรื่องหน้าไม่อายที่ทำเช่นนี้อยู่ดี !”

“…”

บนอัฒจันทร์ ชายกลางคนจากเมืองเหยียนและสตรีโฉมงามจากเมืองลั่วต่างสบตากันพลางส่ายหน้า ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยแววดูถูกที่ไม่อาจปิดบัง

รอบลานประลองแห่งความเป็นความตาย บรรดาพลหน้าไม้ต่างจ้องมองกันอย่างไร้คำพูด ในตอนนี้ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยก็คำรามเกรี้ยวกราด “ทำไมพวกเจ้าไม่ฆ่ามัน ?”

บรรดาผู้คุ้มกันลังเล จากนั้นขณะที่พวกเขากำลังจะลงมือแต่ ในตอนนั้นเองเสียงหนึ่งพลันดังออกมา “ท่านผู้นำออกจากการเก็บตัวทำสมาธิแล้ว !”

ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยก็ตัวสั่นระริกเล็กน้อย เขามองที่หน้าประตูจวนตระกูลเยี่ยและเห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินออกมาช้า ๆ

บุคคลนี้ก็คือประมุขคนปัจจุบันของตระกูลเยี่ย เยี่ยชาง ! และเขายังเป็นผู้มีพลังฝีมือแข็งแกร่งที่สุดในตระกูลเยี่ย !

“คารวะท่านผู้นำ !”

ทุกคนในสนามต่างโค้งคำนับลง

เยี่ยฉวนเหลือบมองเยี่ยชางและไม่เอ่ยอะไร

เยี่ยชางเดินเข้ามายังลานประลองตัดสินความเป็นตาย เขาเหลือบมองผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยและเอ่ยขึ้น “เจ้าทำบ้าอะไรลงไป !”

สีหน้าของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยน่าเกลียดลงเล็กน้อยขณะที่เขาโค้งคารวะเล็กน้อยและเอ่ยตอบ “ท่านผู้นำ !”

เยี่ยชางเมินผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยเสีย เขากลับประสานมือและโค้งคำนับโดยรอบ “ทุกท่าน ข้าต้องขออภัยด้วยที่เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น !”

หลังจากนั้นเขาก็เหลือบมองผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย “นับจากบัดนี้เป็นต้นไป เจ้าไม่ใช่ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลเยี่ยอีกต่อไปและถูกลดขั้นลงเป็นผู้อาวุโสธรรมดา เจ้าจะไม่ได้กลับมาอำนาจอีกเลยตลอดชีวิต !”

ได้ยินดังนี้ สีหน้าของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยก็พลันเปลี่ยนไปเล็กน้อยและกำลังจะพูด แต่เยี่ยชางกลับหันมองไปทางเยี่ยฉวน “เรามาจบเรื่องนี้กันเถอะดีไหม ?”

เยี่ยฉวนส่ายหน้า เขาชี้ไปที่เยี่ยหลางผู้อยู่ใกล้เคียง “การต่อสู้ตัดสินความเป็นความตายระหว่างข้ากับเขายังไม่จบขอรับ !”

ได้ยินคำพูดของเขา เยี่ยชางก็ย่นคิ้วเล็กน้อย

ถึงตอนนี้ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยกับกลุ่มผู้อาวุโสก็เดินมาอยู่ข้าง ๆ เยี่ยชาง ก่อนเป็นผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอุบอิบ “ท่านผู้นำ เยี่ยหลางเป็นผู้ถูกเลือกผู้ที่มีนิมิตแห่งฟ้าดินด้วยนะขอรับ อนาคตของเขาก้าวไกลไร้ที่สิ้นสุด แม้เขาจะพ่ายแพ้ให้เยี่ยฉวน แต่ตันเถียนของเยี่ยฉวนก็แตกสลายไปแล้วทำให้ตอนนี้เขากลายเป็นผู้พิการ ชีวิตนี้เขาจะเป็นได้ไม่มากไปกว่าอันธพาล และแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้ออกจากเมืองชิงนี้นะขอรับ”

เยี่ยชางมองผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยอย่างเหินห่าง “ก็เพราะเจ้าไม่ใช่หรือไง จุดตันเถียนของเขาเลยแตกสลาย ข้าพูดถูกไหม ?”

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยกำหมัด “ใช่ขอรับ ! แต่ว่าท่านผู้นำ เขาไม่มีอนาคตแล้ว ผิดกับเยี่ยหลางที่มีอนาคตไม่สิ้นสุด ไว้ชีวิตเขาในวันนี้ ในภายภาคหน้าเขาต้องชนะนำเกียรติยศและชื่อเสียงอันขจรไกลมาให้ตระกูลเยี่ยแน่นอนขอรับ !”

บรรดาผู้อาวุโสรอบด้านต่างเห็นด้วย

เยี่ยหลางไม่อาจถูกสังหารได้ !

เพราะว่าเขาเกี่ยวพันกับการได้เกียรติและการเสื่อมเกียรติของตระกูลเยี่ยในภายภาคหน้า !

เยี่ยชางเงียบไป

ทุกตระกูลล้วนต้องการอัจฉริยชน ตันเถียนของเยี่ยฉวนถูกทำลาย จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรับผิดชอบตระกูลเยี่ยได้ในอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย กลับกัน เยี่ยหลางคนนี้คือผู้ถูกเลือกที่มีนิมิตแห่งฟ้าดินอยู่ !

ตระกูลเยี่ยต้องการใครสักคนอย่างเขา !

คิดดังนี้แล้ว เยี่ยชางก็พลันมองเยี่ยฉวน “นับจากบัดนี้ไป การปฏิบัติต่อเจ้าก่อนหน้านี้ทั้งหมดจะเป็นไปเช่นเดิม ยกเว้นเรื่องตำแหน่งทายาทตระกูล เรื่องนี้ขอให้จบลงที่นี่ เจ้าเข้าใจหรือไม่ ?”

เยี่ยฉวนยิ้ม

รอยยิ้มของเขาดูเศร้าและมืดมน !

เยี่ยฉวนมองเยี่ยชาง “ความจริงแล้ว ท่านผู้นำน่าจะรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจวนตระกูลเยี่ยเมื่อนานมาแล้ว ทว่าท่านกลับไม่ออกมาห้ามปรามแต่กลับตามใจผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยผู้ปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ เดาว่าท่านคงไม่เพียงแต่จะกลัวผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยกับคนอื่น ๆ แต่ยังกลัวข้าด้วย ท่านกลัวว่าข้าจะเป็นภัยต่อท่านหากข้าเติบโตเร็วเกินไปสินะขอรับ ?”

ดวงตาของเยี่ยชางหรี่ลงเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น “เจ้านี่มันช่างสู่รู้นัก !”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 22 ชาตินี้ไม่ขอเป็นคนตระกูลเยี่ยอีกต่อไป (ต้น)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 22 ชาตินี้ไม่ขอเป็นคนตระกูลเยี่ยอีกต่อไป (ต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 22 ชาตินี้ไม่ขอเป็นคนตระกูลเยี่ยอีกต่อไป (ต้น)

“เจ้า !”

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยชี้หน้าเยี่ยฉวนอย่างเกรี้ยวกราด เช่นเดียวกับใบหน้าของเขาที่กลายเป็นสีน้ำเงินคล้ำด้วยโทสะ

เยี่ยฉวนเหลือบมองผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยและคนอื่น ๆ นิ่ง ชายหนุ่มแสยะยิ้มและเอ่ยขึ้น “ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย เราตกลงกันแล้วว่าการประลองแบบชี้เป็นชี้ตายเป็นเรื่องระหว่างข้ากับเขา แต่ท่านกลับขัดขวางการประลอง หึ ๆ ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย ท่านนี่ไร้ยางอายเสียจริง ๆ! ทุกคนกำลังมองอยู่ ท่านไม่กลัวว่าตระกูลเยี่ยจะกลายเป็นตัวตลกงั้นหรือ ?”

ได้ยินสิ่งที่เยี่ยฉวนพูดออกมา ทุกคนโดยรอบก็พากันมองมาที่คนตระกูลเยี่ยด้วยสายตาเหยียดหยาม

คราแรกตกลงกันไว้ว่านี่จะเป็นการท้าประลองแบบตัวต่อตัว แต่ตระกูลเยี่ยกลับกรูเข้ามาต่อสู้พร้อมกัน นี่ไม่ใช่การต่อสู้แบบตัวต่อตัวแล้วแต่เป็นหมาหมู่ !

ใกล้กับลานประลอง ทุกคนต่างพูดถึงเรื่องนี้ !

ในอีกด้านหนึ่ง หลีอวี๋กับคนอีกสองคนมองหน้ากัน ก่อนที่ในดวงตาของพวกเขาจะปรากฏรอยยิ้มลึกลับขึ้น

ความผิดพลาด !

ความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง !

พวกเขาไม่นึกเลยว่าเยี่ยหลางจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยฉวน แม้ว่าเขาจะบรรลุขั้นผสานลมปราณแล้วก็ตาม !

สำหรับสามตระกูลที่เหลือแล้ว เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องดียิ่ง !

หลีอวี๋ยืนขึ้น เขามองที่ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยตระกูลเยี่ย “ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย ท่านเชิญเรามาดูการประลองนะ ดังนั้นแล้วท่านต้องการให้เราดูคนตระกูลเยี่ยของท่านรุมประชาทัณฑ์ชายหนุ่มคนหนึ่งแทนหรือ ?”

อีกด้านหนึ่ง จางเลี่ยก็แสยะยิ้มและเอ่ยขึ้น “นี่หรือการต่อสู้แบบชี้เป็นชี้ตายในตำนาน ? ทันทีที่อยู่บนสังเวียนชี้ชะตา ท่านก็เริ่มสู้แบบหมาหมู่เลยหรือนี่ ? เรื่องนี้ข้าล่ะอยากหัวเราะจริง ๆ เชียว…”

เจียงเหนียนจากตระกูลเจียงเหลือบมองผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยและเอ่ยเย็นชา “ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย ทุกคนกำลังมองท่านอยู่นะ !”

สีหน้าของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยดูย่ำแย่ยิ่ง เขาเหลือบมองเยี่ยหลางที่อยู่ข้างเขา ก่อนพบว่าในตอนนี้เกราะที่เยี่ยหลางสวมใส่อยู่ได้แตกเป็นชิ้น ๆ แล้ว !

ไม่เพียงเท่านั้น แต่ตรงปากของเยี่ยหลางยังมีเลือดไหลอย่างต่อเนื่อง เห็นชัดว่าเขากำลังทรมานจากอาการบาดเจ็บสาหัสภายใน !

“หากเขาสู้ต่อ เขาจะต้องถูกเยี่ยฉวนฆ่าตายแน่ !”

คิดดังนี้แล้ว ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยก็กำหมัดทั้งคู่ช้า ๆ!

ตอนนั้นเอง เยี่ยฉวนที่อยู่ไม่ไกลนักก็พลันยิ้มออกมาและเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนว่าผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยจะไม่ปล่อยให้ข้าสู้กับเขาตัวต่อตัวเสียแล้ว แต่ท่านก็ไม่มีเหตุผลที่จะกำจัดข้า ! มาเถอะ เอ่ยออกมา ข้ากำลังฟังท่านอยู่ ! ทุกคนกำลังฟังท่านอยู่ !”

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยเหลือบมองเยี่ยฉวน “เยี่ยฉวน ข้าสงสัยว่าการประลองนี้ไม่ยุติธรรม เจ้าต้องโกงแน่ ๆ เจ้า…”

ถึงจุดนี้ เยี่ยฉวนพลันชี้หน้าผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยอย่างเดือดดาล “โกง ? ไอ้สุนัขเฒ่า เจ้ายังหน้าไม่อายได้มากกว่านี้อีกหรือไม่ ? ข้าสู้กับเขาตัวต่อตัว แต่พอข้าชนะ ท่านก็หาว่าข้าโกงงั้นหรือ ? หน้าท่านนี่มันหนายิ่งกว่าฝ่าเท้าข้าเสียอีก !”

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยออกคำสั่งอย่างไร้ปรานี “พี่น้องตระกูลเยี่ยทั้งหลาย เยี่ยฉวนต่อต้านผู้ใหญ่และเริ่มขบถต่อเรา ฆ่ามันเสีย !”

เห็นชัดว่าเขากระเหี้ยนกระหือรือจะสังหารเยี่ยฉวนเสียจนไม่สนอะไรอย่างอื่นแล้ว !

“โห่ !” ผู้ชมในลานประลองที่ได้ยินดังนั้นก็พลันส่งเสียงโห่ไล่ !

“ตระกูลเยี่ยช่างหน้าไม่อายจริง ๆ! พวกเขาไม่อาจทนต่อการพ่ายแพ้ได้ !”

“ไม่เพียงแต่พวกเขาจะแพ้ไม่ได้ มันยังเป็นเรื่องขายหน้าอย่างยิ่งอีกด้วย ถ้าใครคนอื่นชนะมันก็จะกลายเป็นเรื่องขี้โกงไปงั้นหรือ ? หรือว่านี่คือสันดานของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย ?”

“เขาจะมีทางเลือกใดเล่า ? ผู้ถูกเลือกนั่นคือหลานชาย ! เขาจะปล่อยให้หลานตัวเองตายได้อย่างไรเล่า ? แต่ถึงเป็นเช่นนั้นก็ยังเป็นเรื่องหน้าไม่อายที่ทำเช่นนี้อยู่ดี !”

“…”

บนอัฒจันทร์ ชายกลางคนจากเมืองเหยียนและสตรีโฉมงามจากเมืองลั่วต่างสบตากันพลางส่ายหน้า ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยแววดูถูกที่ไม่อาจปิดบัง

รอบลานประลองแห่งความเป็นความตาย บรรดาพลหน้าไม้ต่างจ้องมองกันอย่างไร้คำพูด ในตอนนี้ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยก็คำรามเกรี้ยวกราด “ทำไมพวกเจ้าไม่ฆ่ามัน ?”

บรรดาผู้คุ้มกันลังเล จากนั้นขณะที่พวกเขากำลังจะลงมือแต่ ในตอนนั้นเองเสียงหนึ่งพลันดังออกมา “ท่านผู้นำออกจากการเก็บตัวทำสมาธิแล้ว !”

ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยก็ตัวสั่นระริกเล็กน้อย เขามองที่หน้าประตูจวนตระกูลเยี่ยและเห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินออกมาช้า ๆ

บุคคลนี้ก็คือประมุขคนปัจจุบันของตระกูลเยี่ย เยี่ยชาง ! และเขายังเป็นผู้มีพลังฝีมือแข็งแกร่งที่สุดในตระกูลเยี่ย !

“คารวะท่านผู้นำ !”

ทุกคนในสนามต่างโค้งคำนับลง

เยี่ยฉวนเหลือบมองเยี่ยชางและไม่เอ่ยอะไร

เยี่ยชางเดินเข้ามายังลานประลองตัดสินความเป็นตาย เขาเหลือบมองผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยและเอ่ยขึ้น “เจ้าทำบ้าอะไรลงไป !”

สีหน้าของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยน่าเกลียดลงเล็กน้อยขณะที่เขาโค้งคารวะเล็กน้อยและเอ่ยตอบ “ท่านผู้นำ !”

เยี่ยชางเมินผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยเสีย เขากลับประสานมือและโค้งคำนับโดยรอบ “ทุกท่าน ข้าต้องขออภัยด้วยที่เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น !”

หลังจากนั้นเขาก็เหลือบมองผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย “นับจากบัดนี้เป็นต้นไป เจ้าไม่ใช่ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลเยี่ยอีกต่อไปและถูกลดขั้นลงเป็นผู้อาวุโสธรรมดา เจ้าจะไม่ได้กลับมาอำนาจอีกเลยตลอดชีวิต !”

ได้ยินดังนี้ สีหน้าของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยก็พลันเปลี่ยนไปเล็กน้อยและกำลังจะพูด แต่เยี่ยชางกลับหันมองไปทางเยี่ยฉวน “เรามาจบเรื่องนี้กันเถอะดีไหม ?”

เยี่ยฉวนส่ายหน้า เขาชี้ไปที่เยี่ยหลางผู้อยู่ใกล้เคียง “การต่อสู้ตัดสินความเป็นความตายระหว่างข้ากับเขายังไม่จบขอรับ !”

ได้ยินคำพูดของเขา เยี่ยชางก็ย่นคิ้วเล็กน้อย

ถึงตอนนี้ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยกับกลุ่มผู้อาวุโสก็เดินมาอยู่ข้าง ๆ เยี่ยชาง ก่อนเป็นผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอุบอิบ “ท่านผู้นำ เยี่ยหลางเป็นผู้ถูกเลือกผู้ที่มีนิมิตแห่งฟ้าดินด้วยนะขอรับ อนาคตของเขาก้าวไกลไร้ที่สิ้นสุด แม้เขาจะพ่ายแพ้ให้เยี่ยฉวน แต่ตันเถียนของเยี่ยฉวนก็แตกสลายไปแล้วทำให้ตอนนี้เขากลายเป็นผู้พิการ ชีวิตนี้เขาจะเป็นได้ไม่มากไปกว่าอันธพาล และแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้ออกจากเมืองชิงนี้นะขอรับ”

เยี่ยชางมองผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยอย่างเหินห่าง “ก็เพราะเจ้าไม่ใช่หรือไง จุดตันเถียนของเขาเลยแตกสลาย ข้าพูดถูกไหม ?”

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยกำหมัด “ใช่ขอรับ ! แต่ว่าท่านผู้นำ เขาไม่มีอนาคตแล้ว ผิดกับเยี่ยหลางที่มีอนาคตไม่สิ้นสุด ไว้ชีวิตเขาในวันนี้ ในภายภาคหน้าเขาต้องชนะนำเกียรติยศและชื่อเสียงอันขจรไกลมาให้ตระกูลเยี่ยแน่นอนขอรับ !”

บรรดาผู้อาวุโสรอบด้านต่างเห็นด้วย

เยี่ยหลางไม่อาจถูกสังหารได้ !

เพราะว่าเขาเกี่ยวพันกับการได้เกียรติและการเสื่อมเกียรติของตระกูลเยี่ยในภายภาคหน้า !

เยี่ยชางเงียบไป

ทุกตระกูลล้วนต้องการอัจฉริยชน ตันเถียนของเยี่ยฉวนถูกทำลาย จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรับผิดชอบตระกูลเยี่ยได้ในอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย กลับกัน เยี่ยหลางคนนี้คือผู้ถูกเลือกที่มีนิมิตแห่งฟ้าดินอยู่ !

ตระกูลเยี่ยต้องการใครสักคนอย่างเขา !

คิดดังนี้แล้ว เยี่ยชางก็พลันมองเยี่ยฉวน “นับจากบัดนี้ไป การปฏิบัติต่อเจ้าก่อนหน้านี้ทั้งหมดจะเป็นไปเช่นเดิม ยกเว้นเรื่องตำแหน่งทายาทตระกูล เรื่องนี้ขอให้จบลงที่นี่ เจ้าเข้าใจหรือไม่ ?”

เยี่ยฉวนยิ้ม

รอยยิ้มของเขาดูเศร้าและมืดมน !

เยี่ยฉวนมองเยี่ยชาง “ความจริงแล้ว ท่านผู้นำน่าจะรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจวนตระกูลเยี่ยเมื่อนานมาแล้ว ทว่าท่านกลับไม่ออกมาห้ามปรามแต่กลับตามใจผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยผู้ปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ เดาว่าท่านคงไม่เพียงแต่จะกลัวผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยกับคนอื่น ๆ แต่ยังกลัวข้าด้วย ท่านกลัวว่าข้าจะเป็นภัยต่อท่านหากข้าเติบโตเร็วเกินไปสินะขอรับ ?”

ดวงตาของเยี่ยชางหรี่ลงเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น “เจ้านี่มันช่างสู่รู้นัก !”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+