หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 192 ท่านพี่ ข้าอยากไปกับนาง ! (ปลาย)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 192 ท่านพี่ ข้าอยากไปกับนาง ! (ปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 192 ท่านพี่ ข้าอยากไปกับนาง ! (ปลาย)

เมื่อกงชิงเฉิงพาเยี่ยหลิงมาส่งเยี่ยฉวน เยี่ยหลิงก็พลันกระโจนเข้าหาพี่ชายพลางกอดแขนไว้แน่น ราวกับเกรงว่าพี่ของนางจะหายไปไหน

เยี่ยฉวนเอื้อมมือลูบศีรษะของเด็กหญิงอย่างเอ็นดู เขาละสายตาเงยขึ้นมองกงชิงเฉิงซึ่งพูดขึ้นว่า “พี่เยี่ย ถึงแม้ว่าท่านจะแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้แล้ว แต่ในอนาคตท่านจะต้องเผชิญกับศึกใหญ่แน่นอน ทั้งยังเป็นศึกที่ท่านและสถานศึกษาฉางหลานเป็นผู้ริเริ่ม !” เยี่ยฉวนนิ่งฟังอย่างสนใจ

เสียงคนพูดดังต่อไปอีก ในขณะเดียวกันเขาก็ได้กวาดตามองใบหน้าของทุกคน “คนที่มาที่นี่ล้วนแล้วแต่ได้รับฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจากอิทธิพลที่เกื้อหนุนพวกเขา วันนี้พวกท่านสังหารคนเหล่านี้ เชื่อเถอะว่าพวกผู้มีอิทธิพลทั้งหลายไม่ยอมจบเพียงเท่านี้แน่ ! โดยเฉพาะสถานศึกษาฉางมู่แห่งอาณาจักรต้าอวิ๋น ซึ่งตั้งอยู่ในแผ่นดินชิงกับพวกจากดินแดนอันธกาล… ผู้ทรงอิทธิพลทั้งสองจะต้องยอมทุ่มเททุกสิ่งอย่างเพื่อรักษาชื่อเสียง วันนี้พวกเขาต้องสูญเสียกำลังคนไปมากมาย ฉะนั้นวันหนึ่งพวกเขาจะต้องกลับมาแก้แค้นเป็นแน่ และเมื่อถึงวันนั้น คนพวกนี้จะไม่ทำตามกฎกติกามารยาทใดทั้งสิ้นอีกต่อไป !!!”

เมื่อกล่าวถึงตอนนี้ คนพูดส่ายหน้าน้อย ๆ “สำหรับตอนนี้ เป็นเพราะเรื่องราวแต่หนหลังระหว่างพวกท่าน ข้าจึงมิอาจก้าวก่าย หากท่านยังมีชีวิตอยู่รอดจนผ่านพ้นวิกฤติไปได้แล้ว อาณาจักรต้าอวิ๋นยินดีต้อนรับท่านทุกเมื่อ และเชื่อว่าอีกไม่นานท่านจะได้ไปเยือนอาณาจักรต้าอวิ๋นสักครั้งภายหลังจากผ่านศึกใหญ่แล้ว ลาก่อน”

จากนั้นกงชิงเฉิงกระแทกกำปั้นค้อมกายแสดงคารวะอำลาต่อเยี่ยฉวนและทุกคน ก่อนจะหันหลังเดินจากไป แล้วจึงเป็นเสียงคนผู้หนึ่งเดินขึ้นมายืนข้าง เป็นโม่อวิ๋นฉีที่พูดขึ้นว่า “อย่าบอกนะว่าหมอนี่พยายามจะทำดีกับพวกเรานะ ?”

เจียงจิ่วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ถ้าเจ้าไม่ตาย และพัฒนาก้าวหน้าขึ้นกว่าเดิม เขาจะสานสัมพันธ์ด้วย อย่างไรก็ตาม  ถ้าปรากฏว่าเจ้าเป็นแค่คนอ่อนด้อย ข้าเชื่อว่าเขาไม่เสียเวลามาเสวนากับเจ้าแม้แต่คำเดียว พวกยอดอัจฉริยะมีความทะนงเชื่อมั่นในตัวเอง จะยอมคบหาแต่กับคนที่ทัดเทียมเสมอกัน และจะยื่นข้อเสนอให้กับคนที่มีความโดดเด่นเข้ารวมกลุ่มด้วย เพื่อคอยเป็นมือเป็นเท้าให้แก่กัน”

โม่อวิ๋นฉีพยักหน้าหงึกหงัก “ข้าพอจะเข้าใจได้ !” ทันใดนั้นเจียงจิ่วหันมาพูดกับเยี่ยฉวน “จงหนีไปเสีย” ทำเอาทุกคนพากันหันมองเจียงจิ่วด้วยสีหน้าตกตะลึง ! “ว่าไงนะ หนี ?”

หญิงสาวมองตรงเข้าไปในดวงตาเยี่ยฉวนแน่แน่ว “เจ้าต้องหนี ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่มีโอกาสรอดชีวิต ถึงอย่างไร การหนีไปตอนนี้… มันก็ยังมีโอกาสคอยเจ้าอยู่ในวันหน้า !”

เยี่ยฉวนส่ายศีรษะดิก ครานี้เจียงจิ่วชักหงุดหงิด “เจ้าจะเป็นคนที่ยอมหัก ไม่ยอมงอเช่นนี้หรือ ? การหนีเพื่อไปตั้งหลัก ไม่ได้น่าอายแม้แต่น้อย !”

ชายหนุ่มมองหน้าคนพูด ริมฝีปากแสยะยิ้มขื่นขม “ถ้าข้าหนี จอมกะล่อนโม่อวิ๋นฉีกับคนอื่นล่ะ ? สถานศึกษาฉางหลานล่ะ ?” เจียงจิ่วนิ่งอึ้งไปด้วยคิดไม่ถึง

คราวนี้ชายหนุ่มจึงหันไปทางโม่อวิ๋นฉีและพวก “ข้ากับน้องไร้ญาติขาดมิตรที่ทำให้พวกเราต้องพะวักพะวง แต่จอมกะล่อนโม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อ พวกเจ้าไม่เหมือนข้า ทั้งสองคนยังมีครอบครัวจึงหนีไม่ได้ ถ้าข้าหนีไปเสีย คนพวกนั้นจะต้องทำอันตรายต่อเจ้าและครอบครัว…” กล่าวจบก็เบนสายตามายังหญิงสาว “แม้แต่ท่านก็ต้องพลอยเดือดร้อน”

คำพูดนั้นทำเอาเจียงจิ่วถึงกับนิ่งงันไป

เสียงโม่อวิ๋นฉีเอ่ยเบา ๆ “พี่หัวขโมยเยี่ย เจ้าควรหนีไปเสีย ! สำหรับพวกเรา…” คนฟังส่ายหน้าหนักแน่น และขัดจังหวะขึ้นว่า “ไม่ต้องพูด”

จากนั้นก็เอื้อมมือไปฉวยจับมือเล็ก ๆ ของน้องสาวมากุมไว้ “พวกเราสองพี่น้องกล้าพอ ที่จะยอมรับในผลแห่งการกระทำของเรา”

ในขณะนั้นเจียงจิ่วพูดทันที “อันที่จริงพวกเราเสมือนลงเรือลำเดียวกันแล้ว คนพวกนั้นไม่ยอมรามือจากน้องหลิงเอ๋อร์ ทั้งไม่ปล่อยวางฉางหลานแน่” นางหันไปพูดกับโม่อวิ๋นฉีและคนอื่นที่เหลือ “ถ้าพวกเจ้าอ่อนด้อยหรือโง่เง่า พวกมันคงยอมปล่อยให้เจ้าได้หายใจอยู่ต่อไป แต่นี่พวกเจ้าไม่มีใครอ่อนแอสักคน ซ้ำยังเป็นยอดคนตัวฉกาจซึ่งต่อไปจะนำพาปัญหามาให้พวกมันไม่จบไม่สิ้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจปล่อยพวกเจ้าให้มีชีวิตอยู่ต่อไป และต้องการกำจัดทั้งหมด !”

โม่อวิ๋นฉีถอนใจเฮือก “เป็นคนเก่งเด่นดัง ก็ผิดแล้ว !” ไป๋เจ๋อชำเลืองหางตาอย่างหมั่นไส้ “โถ ไอ้ขี้คุย กล้าพูดเนอะ !” อีกฝ่ายหันขวับมาตอบโต้ “เหอะคนอย่างเจ้า ข้าขอพูดเลย… ใครเกี่ยวข้องด้วยก็โง่เต็มที่แล้ว !”

ไป๋เจ๋อยังคงสะกดอารมณ์ให้เย็นอยู่ได้ “ข้าก็ไม่เคยนึกชอบเจ้าจนบัดนี้เช่นกัน” โม่อวิ๋นฉีดีดตัวออกห่างไปหลายจั้ง ปากร้องตะโกนยั่วคนร่างใหญ่ “เข้ามาเลย มา !”

ไป๋เจ๋อ “…”

เยี่ยฉวนหันไปมองเพื่อนร่วมสถาบันทั้งสองพลายส่ายหน้า อมยิ้มน้อย ๆ ก่อนหันมองเจียงจิ่วและคิดจะพูดกับนาง ทว่าทันใดนั้นเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งกลับปรากฏกายขึ้นในลาน ทำเอาเยี่ยฉวนที่หันไปเห็น ปากอ้าค้าง นัยน์ตาเบิกโพลงตะลึงงัน

เขาเคยพบนางมาก่อน ด้วยนางคือเด็กหญิงที่มอบหยกเพลิงสวรรค์ให้แก่เยี่ยหลิงเป็นของขวัญ !

เด็กหญิงสวมเสื้อคลุมผ้าสำลีเนื้อหนาสีชมพู ผมรวมถักเป็นเปียใหญ่ห้อยยาวเบื้องหลัง ผิวขาว ละเอียดเนียนดุจเนื้อหยก จัดว่าเป็นเด็กที่หน้าตาสะสวย ! ทว่าน่าเสียดาย ที่แววตากลับเย็นชายิ่ง !

เด็กหญิงตรงเข้ามาทางเยี่ยฉวนโดยไม่คำนึงว่ามีใครอื่นอยู่ในที่นั้น นางเดินไปหาเยี่ยหลิง ทันใดนั้นเองโม่อวิ๋นฉีก้าวพรวดเข้ามาขวางเด็กหญิงผู้มาใหม่ ไม่พอยังฉวยคว้ามือของนางและยิ้มให้ “แม่หนู หน้าตาช่างน่ารักนัก พ่อกับแม่ของเจ้าไปไหนเสียล่ะ ?” เท่านั้นไม่พอ เขายังทำท่าเอื้อมมือไปจับหางเปียยาวทางด้านหลังของศีรษะของเด็กหญิงอีกด้วย

เปรี้ยง !

โดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว โม่อวิ๋นฉีกระเด็นหวือไปทันที !

ร่างคนหล่นกระแทกกับพื้นห่างออกไปหลายจั้ง และจะด้วยความรุนแรงของแรกกระแทกหรือไม่ก็ตาม ด้วยมาบัดนี้พื้นดินบริเวณนั้นก็ได้บังเกิดเป็นหลุมลึก !

เสียงคนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นมาจากก้นหลุม “โอย คุณพระช่วย ! เจ็บจังโว้ย”

ทุกคนงงงัน “…”

เด็กหญิงหันไปคว้าข้อมือเยี่ยหลิง “ไปกับข้า !”

เยี่ยฉวนได้ยินเช่นนั้น เขาก้าวพรวดเข้าขวางเบื้องหน้าน้องสาว สายตาเขม้นมองเด็กน้อยตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา

ทว่าเด็กหญิงกลับตอบโต้เยี่ยฉวนอย่างไม่นึกกลัวเกรง “เจ้าปกป้องนางได้หรือ ?” ชายหนุ่มตอบเสียงเยือกเย็น “ข้าปกป้องนางด้วยชีวิต !”

ทว่าอีกฝ่ายกลับตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นปานกัน “ชีวิตของเจ้า ยังทำอะไรได้อีกงั้นหรือ ?”

ชายหนุ่มอ้าปากจะตอบโต้ถ้อยคำ แต่เด็กหญิงกลับเอ่ยขึ้นก่อนว่า “ถึงแม้ว่าคนที่สำเร็จขั้นผนึกยุทธ์ในสถานศึกษาฉางมู่แห่งอาณาจักรต้าอวิ๋น จะไม่มากเท่าสุนัขที่มีตามท้องถนน แต่อย่างน้อยน่าจะมีเกิน 20  คนอีกอย่างนอกจากฉางมู่ ยังมีดินแดนอันธกาล สำนักมือสังหารแห่งนี้เคยลอบสังหารคนในขั้นผนึกยุทธ์มาแล้ว นอกจากสองกลุ่มอิทธิพล ยังมีกลุ่มอิทธิพลน้อยใหญ่ในแผ่นดินชิงมากมายที่ต่างรอจะมาแก้แค้น…. ! ถึงตอนนั้นเจ้ายังมีปัญญาปกป้องนางอีกหรือ ?”

ชายหนุ่มยืนนิ่ง ริมฝีปากเม้ม มือสองข้างกำหมัดแน่น สีหน้าของเขายามนี้บิดเบี้ยวเหยเก ขณะนั้นเอง เสียงเบาหวิวของเยี่ยหลิงดังขึ้นว่า “ท่านพี่ ข้าอยากไปกับนาง !”

ครานี้ร่างกายของเยี่ยฉวนสั่นน้อย ๆ เขาค่อยเบนหน้ามาทางน้องสาว ชั่ววินาทีนั้นน้ำตาหลั่งรินไหลเป็นทางลงมาตามร่องแก้มทั้งสองข้าง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 192 ท่านพี่ ข้าอยากไปกับนาง ! (ปลาย)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 192 ท่านพี่ ข้าอยากไปกับนาง ! (ปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 192 ท่านพี่ ข้าอยากไปกับนาง ! (ปลาย)

เมื่อกงชิงเฉิงพาเยี่ยหลิงมาส่งเยี่ยฉวน เยี่ยหลิงก็พลันกระโจนเข้าหาพี่ชายพลางกอดแขนไว้แน่น ราวกับเกรงว่าพี่ของนางจะหายไปไหน

เยี่ยฉวนเอื้อมมือลูบศีรษะของเด็กหญิงอย่างเอ็นดู เขาละสายตาเงยขึ้นมองกงชิงเฉิงซึ่งพูดขึ้นว่า “พี่เยี่ย ถึงแม้ว่าท่านจะแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้แล้ว แต่ในอนาคตท่านจะต้องเผชิญกับศึกใหญ่แน่นอน ทั้งยังเป็นศึกที่ท่านและสถานศึกษาฉางหลานเป็นผู้ริเริ่ม !” เยี่ยฉวนนิ่งฟังอย่างสนใจ

เสียงคนพูดดังต่อไปอีก ในขณะเดียวกันเขาก็ได้กวาดตามองใบหน้าของทุกคน “คนที่มาที่นี่ล้วนแล้วแต่ได้รับฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจากอิทธิพลที่เกื้อหนุนพวกเขา วันนี้พวกท่านสังหารคนเหล่านี้ เชื่อเถอะว่าพวกผู้มีอิทธิพลทั้งหลายไม่ยอมจบเพียงเท่านี้แน่ ! โดยเฉพาะสถานศึกษาฉางมู่แห่งอาณาจักรต้าอวิ๋น ซึ่งตั้งอยู่ในแผ่นดินชิงกับพวกจากดินแดนอันธกาล… ผู้ทรงอิทธิพลทั้งสองจะต้องยอมทุ่มเททุกสิ่งอย่างเพื่อรักษาชื่อเสียง วันนี้พวกเขาต้องสูญเสียกำลังคนไปมากมาย ฉะนั้นวันหนึ่งพวกเขาจะต้องกลับมาแก้แค้นเป็นแน่ และเมื่อถึงวันนั้น คนพวกนี้จะไม่ทำตามกฎกติกามารยาทใดทั้งสิ้นอีกต่อไป !!!”

เมื่อกล่าวถึงตอนนี้ คนพูดส่ายหน้าน้อย ๆ “สำหรับตอนนี้ เป็นเพราะเรื่องราวแต่หนหลังระหว่างพวกท่าน ข้าจึงมิอาจก้าวก่าย หากท่านยังมีชีวิตอยู่รอดจนผ่านพ้นวิกฤติไปได้แล้ว อาณาจักรต้าอวิ๋นยินดีต้อนรับท่านทุกเมื่อ และเชื่อว่าอีกไม่นานท่านจะได้ไปเยือนอาณาจักรต้าอวิ๋นสักครั้งภายหลังจากผ่านศึกใหญ่แล้ว ลาก่อน”

จากนั้นกงชิงเฉิงกระแทกกำปั้นค้อมกายแสดงคารวะอำลาต่อเยี่ยฉวนและทุกคน ก่อนจะหันหลังเดินจากไป แล้วจึงเป็นเสียงคนผู้หนึ่งเดินขึ้นมายืนข้าง เป็นโม่อวิ๋นฉีที่พูดขึ้นว่า “อย่าบอกนะว่าหมอนี่พยายามจะทำดีกับพวกเรานะ ?”

เจียงจิ่วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ถ้าเจ้าไม่ตาย และพัฒนาก้าวหน้าขึ้นกว่าเดิม เขาจะสานสัมพันธ์ด้วย อย่างไรก็ตาม  ถ้าปรากฏว่าเจ้าเป็นแค่คนอ่อนด้อย ข้าเชื่อว่าเขาไม่เสียเวลามาเสวนากับเจ้าแม้แต่คำเดียว พวกยอดอัจฉริยะมีความทะนงเชื่อมั่นในตัวเอง จะยอมคบหาแต่กับคนที่ทัดเทียมเสมอกัน และจะยื่นข้อเสนอให้กับคนที่มีความโดดเด่นเข้ารวมกลุ่มด้วย เพื่อคอยเป็นมือเป็นเท้าให้แก่กัน”

โม่อวิ๋นฉีพยักหน้าหงึกหงัก “ข้าพอจะเข้าใจได้ !” ทันใดนั้นเจียงจิ่วหันมาพูดกับเยี่ยฉวน “จงหนีไปเสีย” ทำเอาทุกคนพากันหันมองเจียงจิ่วด้วยสีหน้าตกตะลึง ! “ว่าไงนะ หนี ?”

หญิงสาวมองตรงเข้าไปในดวงตาเยี่ยฉวนแน่แน่ว “เจ้าต้องหนี ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่มีโอกาสรอดชีวิต ถึงอย่างไร การหนีไปตอนนี้… มันก็ยังมีโอกาสคอยเจ้าอยู่ในวันหน้า !”

เยี่ยฉวนส่ายศีรษะดิก ครานี้เจียงจิ่วชักหงุดหงิด “เจ้าจะเป็นคนที่ยอมหัก ไม่ยอมงอเช่นนี้หรือ ? การหนีเพื่อไปตั้งหลัก ไม่ได้น่าอายแม้แต่น้อย !”

ชายหนุ่มมองหน้าคนพูด ริมฝีปากแสยะยิ้มขื่นขม “ถ้าข้าหนี จอมกะล่อนโม่อวิ๋นฉีกับคนอื่นล่ะ ? สถานศึกษาฉางหลานล่ะ ?” เจียงจิ่วนิ่งอึ้งไปด้วยคิดไม่ถึง

คราวนี้ชายหนุ่มจึงหันไปทางโม่อวิ๋นฉีและพวก “ข้ากับน้องไร้ญาติขาดมิตรที่ทำให้พวกเราต้องพะวักพะวง แต่จอมกะล่อนโม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อ พวกเจ้าไม่เหมือนข้า ทั้งสองคนยังมีครอบครัวจึงหนีไม่ได้ ถ้าข้าหนีไปเสีย คนพวกนั้นจะต้องทำอันตรายต่อเจ้าและครอบครัว…” กล่าวจบก็เบนสายตามายังหญิงสาว “แม้แต่ท่านก็ต้องพลอยเดือดร้อน”

คำพูดนั้นทำเอาเจียงจิ่วถึงกับนิ่งงันไป

เสียงโม่อวิ๋นฉีเอ่ยเบา ๆ “พี่หัวขโมยเยี่ย เจ้าควรหนีไปเสีย ! สำหรับพวกเรา…” คนฟังส่ายหน้าหนักแน่น และขัดจังหวะขึ้นว่า “ไม่ต้องพูด”

จากนั้นก็เอื้อมมือไปฉวยจับมือเล็ก ๆ ของน้องสาวมากุมไว้ “พวกเราสองพี่น้องกล้าพอ ที่จะยอมรับในผลแห่งการกระทำของเรา”

ในขณะนั้นเจียงจิ่วพูดทันที “อันที่จริงพวกเราเสมือนลงเรือลำเดียวกันแล้ว คนพวกนั้นไม่ยอมรามือจากน้องหลิงเอ๋อร์ ทั้งไม่ปล่อยวางฉางหลานแน่” นางหันไปพูดกับโม่อวิ๋นฉีและคนอื่นที่เหลือ “ถ้าพวกเจ้าอ่อนด้อยหรือโง่เง่า พวกมันคงยอมปล่อยให้เจ้าได้หายใจอยู่ต่อไป แต่นี่พวกเจ้าไม่มีใครอ่อนแอสักคน ซ้ำยังเป็นยอดคนตัวฉกาจซึ่งต่อไปจะนำพาปัญหามาให้พวกมันไม่จบไม่สิ้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจปล่อยพวกเจ้าให้มีชีวิตอยู่ต่อไป และต้องการกำจัดทั้งหมด !”

โม่อวิ๋นฉีถอนใจเฮือก “เป็นคนเก่งเด่นดัง ก็ผิดแล้ว !” ไป๋เจ๋อชำเลืองหางตาอย่างหมั่นไส้ “โถ ไอ้ขี้คุย กล้าพูดเนอะ !” อีกฝ่ายหันขวับมาตอบโต้ “เหอะคนอย่างเจ้า ข้าขอพูดเลย… ใครเกี่ยวข้องด้วยก็โง่เต็มที่แล้ว !”

ไป๋เจ๋อยังคงสะกดอารมณ์ให้เย็นอยู่ได้ “ข้าก็ไม่เคยนึกชอบเจ้าจนบัดนี้เช่นกัน” โม่อวิ๋นฉีดีดตัวออกห่างไปหลายจั้ง ปากร้องตะโกนยั่วคนร่างใหญ่ “เข้ามาเลย มา !”

ไป๋เจ๋อ “…”

เยี่ยฉวนหันไปมองเพื่อนร่วมสถาบันทั้งสองพลายส่ายหน้า อมยิ้มน้อย ๆ ก่อนหันมองเจียงจิ่วและคิดจะพูดกับนาง ทว่าทันใดนั้นเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งกลับปรากฏกายขึ้นในลาน ทำเอาเยี่ยฉวนที่หันไปเห็น ปากอ้าค้าง นัยน์ตาเบิกโพลงตะลึงงัน

เขาเคยพบนางมาก่อน ด้วยนางคือเด็กหญิงที่มอบหยกเพลิงสวรรค์ให้แก่เยี่ยหลิงเป็นของขวัญ !

เด็กหญิงสวมเสื้อคลุมผ้าสำลีเนื้อหนาสีชมพู ผมรวมถักเป็นเปียใหญ่ห้อยยาวเบื้องหลัง ผิวขาว ละเอียดเนียนดุจเนื้อหยก จัดว่าเป็นเด็กที่หน้าตาสะสวย ! ทว่าน่าเสียดาย ที่แววตากลับเย็นชายิ่ง !

เด็กหญิงตรงเข้ามาทางเยี่ยฉวนโดยไม่คำนึงว่ามีใครอื่นอยู่ในที่นั้น นางเดินไปหาเยี่ยหลิง ทันใดนั้นเองโม่อวิ๋นฉีก้าวพรวดเข้ามาขวางเด็กหญิงผู้มาใหม่ ไม่พอยังฉวยคว้ามือของนางและยิ้มให้ “แม่หนู หน้าตาช่างน่ารักนัก พ่อกับแม่ของเจ้าไปไหนเสียล่ะ ?” เท่านั้นไม่พอ เขายังทำท่าเอื้อมมือไปจับหางเปียยาวทางด้านหลังของศีรษะของเด็กหญิงอีกด้วย

เปรี้ยง !

โดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว โม่อวิ๋นฉีกระเด็นหวือไปทันที !

ร่างคนหล่นกระแทกกับพื้นห่างออกไปหลายจั้ง และจะด้วยความรุนแรงของแรกกระแทกหรือไม่ก็ตาม ด้วยมาบัดนี้พื้นดินบริเวณนั้นก็ได้บังเกิดเป็นหลุมลึก !

เสียงคนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นมาจากก้นหลุม “โอย คุณพระช่วย ! เจ็บจังโว้ย”

ทุกคนงงงัน “…”

เด็กหญิงหันไปคว้าข้อมือเยี่ยหลิง “ไปกับข้า !”

เยี่ยฉวนได้ยินเช่นนั้น เขาก้าวพรวดเข้าขวางเบื้องหน้าน้องสาว สายตาเขม้นมองเด็กน้อยตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา

ทว่าเด็กหญิงกลับตอบโต้เยี่ยฉวนอย่างไม่นึกกลัวเกรง “เจ้าปกป้องนางได้หรือ ?” ชายหนุ่มตอบเสียงเยือกเย็น “ข้าปกป้องนางด้วยชีวิต !”

ทว่าอีกฝ่ายกลับตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นปานกัน “ชีวิตของเจ้า ยังทำอะไรได้อีกงั้นหรือ ?”

ชายหนุ่มอ้าปากจะตอบโต้ถ้อยคำ แต่เด็กหญิงกลับเอ่ยขึ้นก่อนว่า “ถึงแม้ว่าคนที่สำเร็จขั้นผนึกยุทธ์ในสถานศึกษาฉางมู่แห่งอาณาจักรต้าอวิ๋น จะไม่มากเท่าสุนัขที่มีตามท้องถนน แต่อย่างน้อยน่าจะมีเกิน 20  คนอีกอย่างนอกจากฉางมู่ ยังมีดินแดนอันธกาล สำนักมือสังหารแห่งนี้เคยลอบสังหารคนในขั้นผนึกยุทธ์มาแล้ว นอกจากสองกลุ่มอิทธิพล ยังมีกลุ่มอิทธิพลน้อยใหญ่ในแผ่นดินชิงมากมายที่ต่างรอจะมาแก้แค้น…. ! ถึงตอนนั้นเจ้ายังมีปัญญาปกป้องนางอีกหรือ ?”

ชายหนุ่มยืนนิ่ง ริมฝีปากเม้ม มือสองข้างกำหมัดแน่น สีหน้าของเขายามนี้บิดเบี้ยวเหยเก ขณะนั้นเอง เสียงเบาหวิวของเยี่ยหลิงดังขึ้นว่า “ท่านพี่ ข้าอยากไปกับนาง !”

ครานี้ร่างกายของเยี่ยฉวนสั่นน้อย ๆ เขาค่อยเบนหน้ามาทางน้องสาว ชั่ววินาทีนั้นน้ำตาหลั่งรินไหลเป็นทางลงมาตามร่องแก้มทั้งสองข้าง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+