หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง 173 เป็นตัวถ่วงไม่ได้

Now you are reading หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง Chapter 173 เป็นตัวถ่วงไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ดังนั้นเจ้าจึงทนไม่ได้ที่จะเห็นสาวน้อยเดินขึ้นและลงเขาเพื่อหาบน้ำ เจ้าจึงสร้างกังหันวิดน้ำให้นางใช่หรือไม่ ? ” ใต้เท้าฟางถามอย่างติดตลก

ฝ่ายเจียงโม่หานกลับตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “บัณฑิตไม่ขอปิดบังใต้เท้าว่าความตั้งใจแรกเริ่มคือเช่นนี้จริงขอรับ แต่ก็หวังว่ากังหันวิดน้ำจะทำให้ราษฎรทั่วหล้าเป็นเหมือนตระกูลหลินที่สามารถลดแรงกดดันจากการเอาชีวิตรอดได้บ้าง”

มันคือการเอาชีวิตรอด ไม่ใช่แรงกดดันในการใช้ชีวิต ! ท่ามกลางภัยธรรมชาติย่อมเห็นได้ชัดว่าพละกำลังของผู้คนมีอยู่น้อยนิด แม้แต่การเอาชีวิตรอดก็ยังกลายเป็นเรื่องเพ้อฝัน !

“หืม ? วิธีใช้กังหันลมแทนแรงคนขับเคลื่อน เจ้าก็คิดเพื่อช่วยตระกูลหลินด้วยหรือ ? ” ใต้เท้าฟางเดินลงเขาไปพลางไต่ถามเจียงโม่หานไปด้วย

เจียงโม่หานเดินตามหลังใต้เท้าฟาง เขาหันไปมองหลินเว่ยเว่ยปราดหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ไม่ใช่ขอรับ หลินเว่ยเว่ยเป็นผู้คิดค้นขอรับ ! ”

ก็เรื่องจริง การใช้พลังงานลมขับเคลื่อนกังหันวิดน้ำแทนนี้เขาคิดไม่ได้จริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะนางพูดออกมา เขาก็ไม่มีทางได้รับคำชมเช่นตอนนี้จากใต้เท้าฟางแน่นอน ชาติก่อนจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เขาก็ยังใช้เท้าถีบกังหันวิดน้ำมาโดยตลอด !

ใต้เท้าฟางเผยสีหน้าเข้าใจ ต้องเป็นเพราะสาวน้อยคนนี้บ่นว่าถีบกังหันวิดน้ำเหนื่อยเกินไป บัณฑิตหนุ่มผู้มากความสามารถจึงทรมานหลายคืนติดเยี่ยงบุรุษหมายเอาใจสตรีเพื่อคิดวิธีเช่นนี้แก่คนรัก ปรับปรุงกังหันวิดน้ำโดยใช้พลังงานลมทดแทน ความรักในวัยเยาว์ช่างบริสุทธิ์และงดงามเหลือเกิน !

เมื่อลงจากเขาและกำลังเดินผ่านบ้านตระกูลฝางอีกครา ในที่สุดใต้เท้าฟางก็เอ่ยชมหลินเว่ยเว่ย “เจ้าไม่เห็นแก่ตัวและนำพาทุกคนในหมู่บ้านมาสร้างโรงงานแปรรูปหลังนี้ขึ้นมา ทำให้ชาวฉือหลี่โกวมีโอกาสในการอยู่รอดมากกว่าเดิม ช่างเป็นสตรีจิตใจดีที่หาได้ยากยิ่ง ! ”

หลินเว่ยเว่ยคลี่ยิ้ม สร้างโรงงานแปรรูปไม่ได้ใจกว้างหรือเห็นแก่ส่วนร่วมอย่างที่ใต้เท้าฟางเอ่ยหรอก ! อยากช่วยชาวบ้านให้รอดพ้นจากปีแห่งหายนะก็เป็นเรื่องจริง แต่เรื่องหาเงินแล้วนางจริงจังยิ่งกว่า !

ท้ายที่สุดใต้เท้าทั้งสองและอาจารย์ฟ่านก็ไม่ได้ไปรับประทานอาหารที่บ้านผู้ใหญ่วัง แต่โดนหลินเว่ยเว่ยเชิญมาที่บ้านนางอย่างกระตือรือร้นแทน ผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ได้คัดค้าน เพราะรู้ดีว่าฝีมือทำอาหารของคนทั้งหมู่บ้านที่พอจะเทียบกับตระกูลหลินได้มีเพียงไม่กี่บ้านเท่านั้น !

ใต้เท้าฟาง นายอำเภอหวางและอาจารย์ฟ่านจึงเดินตามเจียงโม่หานมาสนทนาถึงรายละเอียดกันที่ห้องหนังสือตระกูลเจียง ส่วนหลินเว่ยเว่ยก็เริ่มเตรียมอาหารกลางวันอย่างตั้งอกตั้งใจ

ขุนนางทั้งสองที่เดินทางมาในคราวนี้เอ่ยชื่นชมการสร้างกังหันวิดน้ำของบัณฑิตหนุ่ม นอกจากนี้ยังบอกอีกว่าจะขอรางวัลจากทางราชสำนักให้เขา รางวัลถือเป็นเรื่องรอง แต่ถ้าเขาได้เข้าพระเนตรฮ่องเต้ล่ะก็ อนาคตจะต้องราบรื่นไร้ขวากหนาม บินขึ้นสู่ฟากฟ้าได้อย่างง่ายดาย !

ดังนั้นนางจะเป็นตัวถ่วงให้บัณฑิตหนุ่มไม่ได้ งานจัดหาเสบียงนี้นางจำเป็นต้องรับไว้ ! หลังได้รู้ว่าใต้เท้าฟางชอบกินรสเผ็ด นางก็เตรียมอาหารกลางวันมื้อนี้แบบอาหารเสฉวนเป็นหลัก โดยแบ่งเป็นหัวกระต่ายผัดหม่าล่า เนื้อแล่ต้ม ต้มเลือดหม่าล่า ผัดเผ็ดไก่ป่า ผัดเผ็ดเนื้อกระต่ายใส่ถั่วลิสงและหมูตุ๋นน้ำแดงที่นางถนัดที่สุด ! อาหารจานเนื้อ 6 อย่างรวมกับผักตามฤดูกาลเพิ่มอีกสองสามอย่าง หากอาหารโต๊ะนี้อยู่ในร้านอาหารที่ตัวเมืองก็ถือว่าให้เกียรติแขกมากแล้ว !

ในห้องหนังสือตระกูลเจียงมีจานวางอยู่บนโต๊ะหนังสือ 4 ใบ ใบแรกใส่เมล็ดสนปากอ้ารสห้าเครื่องเทศ ใบที่สองใส่เนื้อกวางแผ่น ใบที่สามใส่สาลี่อบแห้ง และใบสุดท้ายใส่ผลไม้ในโถกระเบื้องเคลือบ คนในครอบครัวคิดได้รอบคอบมาก การต้อนรับเช่นนี้ก็ถือว่าไม่ด้อยไปกว่าตระกูลใหญ่เลย

ใต้เท้าฟางหยิบเนื้อกวางแผ่นขึ้นมาหนึ่งชิ้น เมื่อลองชิมแล้วก็เอ่ยปากชมทันที “ของดี ! เนื้อแผ่นนี้ตระกูลหลินเป็นคนทำหรือ ? ถ้านำไปวางขายในเมืองหลวงแล้วรสชาติเช่นนี้ย่อมเป็นหนึ่ง ! ใต้เท้าหวาง คนในอำเภอเป่าชิงของพวกท่านมีลาภปากแล้วจริง ๆ ”

เมื่อนายอำเภอหวางได้ยินเช่นนั้นก็รีบกล่าวต่อทันที “ถ้าเก็บรักษาให้เหมาะสม มันจะเก็บได้นานสองถึงสามเดือนเลยขอรับ หากใต้เท้าฟางชอบก็สามารถนำกลับไปเยอะ ๆ ได้เลยขอรับ ! ”

ขณะพูดนั้น ในใจก็กำลังคำนวณผลไม้อบแห้งและเมล็ดสนปากอ้า อืม อย่างละ 10 ชั่งเพื่อมอบให้ใต้เท้าฟาง เดิมทีขุนนางในเมืองหลวงก็มีตำแหน่งสูงกว่าขุนนางประจำท้องถิ่นอยู่ขั้นหนึ่งแล้ว ยิ่งเป็นผู้แทนพิเศษที่ฮ่องเต้ส่งมาจะมีลำดับขั้นขนาดไหน ?

อาจารย์ฟ่านเตะเจียงโม่หานเบา ๆ ที่ใต้โต๊ะ…เด็กคนนี้ เหตุใดไม่รู้จักประจบคนบ้าง ใต้เท้าฟางแสดงความชอบเช่นนั้นแล้ว เจ้าไม่เผยท่าทีอันใดเลยหรือ ?

เจียงโม่หานรีบชักขากลับและทำตัวเหมือนน้ำเต้าที่มีปากเลื่อย1 ใต้เท้าฟางถามประโยคหนึ่ง เขาก็ตอบประโยคหนึ่ง ไม่มีเกินแม้แต่คำเดียว เพราะเขารู้ว่าเด็กตัวแสบต้องจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เขายังต้องพูดมากไปเพื่อสิ่งใด ?

เจียงโม่หานหยิบภาพกังหันวิดน้ำออกมา ใต้เท้าฟางวางความคิดทั้งหมดลงกับสิ่งนี้ เขาหยิบมาดูอย่างละเอียด…ไม่เข้าใจ ! แต่ก็ไม่เป็นไร ขอแค่คนในกรมโยธาธิการเข้าใจก็พอ เพราะไม่ว่าอย่างไรภารกิจในครั้งนี้ของตนก็ถือว่าสำเร็จลุล่วงด้วยดี

หากฮ่องเต้ทรงทราบว่าบัณฑิตหนุ่มผู้นี้ไม่เพียงสร้างกังหันวิดน้ำขึ้นมาได้ แต่ยังเป็นกังหันวิดน้ำแบบไม่ต้องใช้แรงคนขับเคลื่อน พระองค์จะต้องปีติยินดีมากแน่นอน ส่วนตนก็จะได้รางวัลและไม่แน่ว่าอาจก้าวหน้าในทางราชการขึ้นไปอีก !

หลังคิดได้เช่นนั้น ใต้เท้าฟางก็ชื่นชมเจียงโม่หานอย่างเปิดเผย เขาเอ่ยชมถึงวิธีเขียนบัญชีรูปแบบใหม่ การออกแบบกังหันวิดน้ำ พรสวรรค์ในการเรียนรู้ของอีกฝ่ายและยืนกรานว่าสอบเยวี่ยนซื่อปีหน้าจะต้องเจิดจรัสอย่างแน่นอน…

ขุนนางขั้นสูงกล่าวชมบัณฑิตเจียงถึงเพียงนี้แล้ว นายอำเภอหวางจึงรู้สึกมีเกียรติตามไปด้วย ตัวเขาจึงให้ความสำคัญต่อเจียงโม่หานเช่นกัน

หลังคุยกันไปสักพัก กลิ่นหอมอันแสนเข้มข้นก็ลอยเข้าสู่จมูก ใต้เท้าทั้งสองอดไม่ได้ที่จะหลงใหลไปกับกลิ่นหอมหวนนั้น พอเจียงโม่หานเห็นแล้วก็ลุกขึ้นพลางกล่าวว่า “ใต้เท้าทั้งสอง อาจารย์ขอรับ ! ในชนบทไม่มีของดีอันใดต้อนรับ ขอพวกท่านทั้งหลายโปรดอย่าถือสาเลยขอรับ”

“ไม่ถือสา ไม่ถือสา ! ” ฟางเหยียนไว่หลางไปร้านอาหารเสฉวนในเมืองหลวงบ่อยครั้ง กลิ่นหอมที่ลอยมาจากข้างบ้านเป็นกลิ่นหอมของรสเผ็ด ทำให้เขารู้สึกถึงความเป็นเสฉวนของจริงยิ่งกว่าร้านที่โปรดปรานเสียอีก

หลินเว่ยเว่ยนำหยาเอ๋อร์ยกอาหารเข้ามาด้วยกัน แต่ละจานล้วนเป็นอาหารรสเผ็ดร้อนและมีสีแดงจัด แค่ ‘สี’ ของอาหารก็ทำให้ฟางเหยียนไว่หลางน้ำลายสอแล้ว

“หัวกระต่ายผัดหม่าล่า ? ” เมื่ออาหารถูกยกมาวางครบแล้ว ฟางเหยียนไว่หลางก็หยิบหัวกระต่ายขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ ต่อจากนั้นก็กินอย่างเอร็ดอร่อย ขณะกินก็ยังไม่ลืมชมด้วยว่า “คาดไม่ถึงว่าในภาคเหนือของเราจะได้กินอาหารเสฉวนดั้งเดิมเช่นนี้ ! ตระกูลหลินคงไม่ได้อพยพมาจากเสฉวนใช่หรือไม่ ? ”

ทันใดนั้นเจียงโม่หานจึงช่วยปกปิดแทนหลินเว่ยเว่ย “เรียนใต้เท้า บางทีระหว่างทางอาจเคยช่วยเหลือชาวเสฉวนมาก่อน พวกเขาอาจให้ของตอบแทนเป็นสูตรอาหารก็ได้ขอรับ”

นึกถึงตอนที่ราชวงศ์ก่อนยังไม่ล่มสลายและฉากอันโกลาหลในทุกหนทุกแห่ง ฟางเหยียนไว่หลางก็พยักหน้ารับ เขาจึงไม่ถามต่อว่าเหตุใดคนทางเหนือถึงทำอาหารเสฉวนได้และตั้งใจกินอาหารทุกจาน

เนื้อกระต่ายรสเผ็ดจัดจ้านสีแดงมันวาวถูกตุ๋นกำลังพอดี เนื้อหลุดออกจากกระดูก ต้มเลือดหม่าล่าใช้เลือดกวางเป็นหลักและประกอบด้วยผ้าขี้ริ้ว ไส้ กระเพาะ…กลิ่นหอมหม่าล่าพร้อมด้วยรสสัมผัสชุ่มฉ่ำ ด้านเนื้อแล่ต้มก็ใช้ส่วนนุ่มที่สุดของเนื้อกวางมาแทนที่เนื้อหมู หอมนุ่มลิ้น เนื้อดีผักสด ผัดเผ็ดไก่ป่าเนื้อแน่นเป็นสีแดงแวววาวพร้อมกันนั้นยังมีรสชาติเผ็ดร้อนทว่ากลมกล่อม…

ฟางเหยียนไว่หลางกินจนอิ่มหนำสำราญ ! คาดไม่ถึงว่าในชนบทและบ้านหลังเล็ก ๆ เช่นนี้จะมีอาหารที่ใช้ต้อนรับแขกแสนยอดเยี่ยมยิ่งกว่าร้านอาหารชั้นยอดในตัวอำเภอที่นายอำเภอหวางพาไปกินเสียอีก

“ตระกูลหลินมีคนรุ่นหลังที่มากความสามารถ ! หากบ้านนางไปเปิดร้านอาหารในเมืองหลวงแล้วล่ะก็ ข้าจะต้องไปอุดหนุนทุกวันแน่นอน ! ” หากเทียบกันแล้วร้านอาหารเฉสวนในเมืองหลวงยังถือว่าห่างชั้นอีกมากโข !

1 น้ำเต้าที่มีปากเลื่อย หมายถึง คนที่นิ่ง ๆ ทื่อ ๆ ถามคำตอบคำ ไม่ค่อยพูดมาก

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *