หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง 73 การหยั่งเชิงของบัณฑิตหนุ่ม

Now you are reading หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง Chapter 73 การหยั่งเชิงของบัณฑิตหนุ่ม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 73 การหยั่งเชิงของบัณฑิตหนุ่ม

หลินเว่ยเว่ยหัวเราะคิกคักและแสร้งทำหน้าซื่อตาใส ข้าไม่ได้ทำดอกไม้ไฟแล้วจะรู้สูตรดินปืนได้อย่างไร เจ้าคิดมากไปแล้ว !

‘หึ ให้ตายข้าก็ไม่ยอมรับเด็ดขาด ดูสิว่าบัณฑิตน้อยเยี่ยงเจ้าจะทำอันใดข้าได้ ? ‘

กล่าวจบนางก็เดินเข้าไปในครัวอีกครั้ง เจียงโม่หานมองตามหลังอย่างเคร่งขรึมและขมวดคิ้วมุ่น ลึกเข้าไปในดวงตาของเขาคือความมืดมิดที่มองไม่เห็นปลายทาง…

หัวหมูตุ๋นเสร็จแล้ว ! หลินเว่ยเว่ยเฉือนแบ่งออกมาหนึ่งจานขณะที่ยังร้อน จากนั้นนางก็ปรุงรสด้วยกระเทียมสับและน้ำมันงาแล้วไปอุ่นหมั่นโถวที่ขาวนุ่มสองสามลูก หมั่นโถวขาวเนียนกับเนื้อหัวหมูตุ๋นถือเป็นความเพลิดเพลินของการลิ้มรสชาติอาหาร

อร่อยมาก ! เนื้อหัวหมูทั้งหอมทั้งเหนียวนุ่ม ถ้ามื้อเย็นข้าทานซี่โครงน้อยลงหน่อยคงดี ! เจ้าหนูน้อยลูบหน้าท้องที่ใกล้อิ่มเต็มทีพลางลิ้มรสชาติอย่างทอดถอนใจและเสียดาย

หลินเว่ยเว่ยตีไปที่ท้องกลม ๆ ของเขาพลางหัวเราะ เนื้อหัวหมูที่หั่นไม่กี่ชิ้นนี้ก็เพื่อให้พวกเจ้าลองชิม ผู้ใดใช้ให้เจ้าไม่รู้จักหักห้ามใจจนทานไปเยอะถึงเพียงนั้นเล่า หัวหมูตุ๋นไม่มีขางอกวิ่งหนีเจ้าไปที่ใดหรอก เจ้าไม่คิดเก็บไว้ทานวันพรุ่งนี้เลยหรือ ?

เจ้าหนูน้อยหัวเราะคิกคักแล้วตอบว่า เพราะฝีมือของพี่รองยอดเยี่ยม ข้าจึงอดใจไม่ได้จริง ๆ พี่รอง พรุ่งนี้ทำไปส่งให้พี่สามสักหน่อยเถิด เขาอยู่ที่สำนักศึกษาจึงไม่ได้ทาน น่าเสียดายเหลือเกิน !

นางหวงเคาะศีรษะเล็ก ๆ ของเขาแล้วกล่าวว่า อากาศร้อนเช่นนี้กว่าจะถึงในเมืองคงเสียก่อนพอดี รอให้พี่สามของเจ้าหยุดพัก ค่อยให้พี่รองทำอีกก็ได้ หัวหมูหนึ่งหัวราคาไม่กี่อีแปะหรอก !

เจ้าหนูน้อยจึงกล่าวอย่างยินดีว่า โชคดีที่ปีหน้าข้าไปเรียนแค่สำนักศึกษาตระกูลจงที่หมู่บ้านข้าง ๆ ไปเช้าเย็นกลับ ได้ทานข้าวที่บ้านตั้งสองมื้อเชียว !

นางหวงถลึงตามองเขาหนึ่งทีแล้วกล่าวว่า ในหัวคิดแต่เรื่องกินแล้วจะเรียนรอดหรือไม่ ? แม่คิดว่าเจ้าอย่าไปเรียนให้เสียเงินเปล่าจะดีกว่า !

เจ้าหนูน้อยร้อนตัวแล้วชี้ไปที่เจียงโม่หานเพื่อพูดแก้ต่างว่า พี่โม่หานก็ชอบกินเหมือนกัน เขาก็เรียนดีมิใช่หรือ ? ผู้ใดบอกว่าชอบกินของอร่อยแล้วจะเรียนไม่ดีขอรับ ?

ก่อนหน้านี้เจียงโม่หานทานอิ่มบ้างไม่อิ่มบ้างจนเป็นโรคกระเพาะ หลายวันมานี้พอได้ทานอิ่มทุกมื้อโดยเฉพาะมื้อเย็นวันนี้ เขาแทะซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานไปไม่น้อย แล้วเมื่อครู่ก็ยังทานเนื้อหัวหมูไปอีกเยอะจนตอนนี้ท้องชักเริ่มปวดขึ้นมาแล้ว

อยู่ดี ๆ ก็ถูกเจ้าหนูน้อยเรียกชื่อขึ้นมา เจียงโม่หานที่กำลังกุมท้องอยู่จึงพูดไม่ออก

‘นับว่าข้าโชคร้ายหรือไม่ ? ’

หลินเว่ยเว่ยมองมือของเขาที่กุมท้องอยู่ นางจึงลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในครัวอีกครั้ง

เจ้าหนูน้อยประคองท้องแล้ววิ่งมาตรงทางเข้าครัวก็เห็นว่าพี่รองได้ตั้งเตาอีกครั้ง เขาจึงร้องโอดโอยว่า พี่รอง ท่านจะทำของอร่อยอันใดอีก ? พวกเราทานกันไม่ไหวแล้วจริง ๆ ใช่หรือไม่พี่โม่หาน ?

สมควรแล้ว ! ดูเจ้าสิ ไม่รู้จักหักห้ามใจตนเองเลย ! หลินเว่ยเว่ยกลอกตาหนึ่งที

ไม่นานนัก บ๊วยต้มน้ำตาลกรวดสำหรับช่วยย่อยอาหารจำนวนไม่กี่ถ้วยก็ต้มเสร็จ หลินเว่ยเว่ยตักมาหนึ่งถ้วยแล้วส่งให้เจียงโม่หานและกล่าวว่า เจ้าสาบานอย่างเต็มปากเต็มคำมิใช่หรือว่าจะไม่ทานหัวหมูตุ๋นสักคำเดียว ? ทรมานท้องแล้วสินะ โตขนาดนี้ยังทำตัวราวกับเด็ก ! รีบดื่มน้ำแกงช่วยย่อยนี้สิ

เจียงโม่หานส่งสายตาไปยังน้ำแกงช่วยย่อย ดูท่าว่าคนที่ประมาทเลินเล่อเช่นนางจะสังเกตเห็นความไม่สบายของเขา มิหนำซ้ำยังต้มน้ำแกงช่วยย่อยอาหารให้อีก…

ไม่ได้ นางมาจากที่ใดก็ไม่รู้ จะประมาทไม่ได้ ชาตินี้เขามีคนที่ต้องปกป้องจึงต้องใช้ชีวิตให้ต่างออกไปอีกครั้ง จะประมาทไม่ได้ ! เจียงโม่หานจึงเก็บความซาบซึ้งเอาไว้

เจ้าหนูน้อยพอได้ดื่มน้ำแกงช่วยย่อยลงไป ไม่นานก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอีกครั้ง เขามุดลงห้องใต้ดินแล้วตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า พี่รอง น้ำแข็งในหม้อดินเผาแข็งมาก !

อุณหภูมิของห้องใต้ดินต่ำกว่าข้างนอกหลายองศา ดังนั้นความเร็วในการแข็งตัวของน้ำย่อมเร็วเป็นธรรมดา หลินเว่ยเว่ยนำซี่โครงและเนื้อหัวหมูที่เหลือมาหั่นเป็นชิ้นเล็กใส่ไว้ในหม้อดินเผา นางหัวเราะแล้วกล่าวว่า ดินประสิวที่ทำน้ำแข็งนี้อยู่ได้ห้าหกชั่วยามเชียวนะ พรุ่งนี้เช้าข้าจะมาเปลี่ยนถังน้ำอีกครั้ง พอน้ำแข็งไม่ละลาย เราก็สามารถเก็บอาหารไว้ได้ถึงสามสี่วันเลย !

เจ้าหนูน้อยถามอย่างกังวลใจ พี่รอง จะไม่เป็นการสิ้นเปลืองดินประสิวหรือ ? เช่นนั้นต้องเสียเงินไปเยอะมากแน่ !

น้ำที่ผ่านการละลายดินประสิวแล้วสามารถระเหยกลายเป็นไอและตกตะกอนเป็นดินประสิวได้ใหม่อีกครั้ง พอขูดออกมาก็สามารถนำมาใช้ได้อีก อีกอย่างดินประสิวก็ไม่ได้แพงมาก เจ้าน่ะ อย่าทุกข์ใจไปเลย ! หลินเว่ยเว่ยบีบจมูกเด็กน้อยเบา ๆ แล้วหอมแก้มเขาหนึ่งที

เจ้าหนูน้อยกุมหน้าที่แดงของตนเอาไว้แล้วมองหลินเว่ยเว่ยอย่างขวยเขิน ‘ไอหยา ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ เหตุใดจึงมาหอมแก้มข้าด้วย น่าอายจัง ! ’

วันต่อมา หลินเว่ยเว่ยบรรจุผลชิงอบแห้งทั้งหมด 80 ชั่งเข้าในกระบุงไม้ไผ่ นางค่อย ๆ เดินผ่านหน้าบ้านของบัณฑิตหนุ่มด้วยความระมัดระวังแล้วเดินไปที่ทางเข้าหมู่บ้าน

ท่ามกลางแสงแดดยามเช้า มีร่างสูงผอมราวกับต้นไม้หยกต้านลมร่างหนึ่งซึ่งมีรัศมีของเทพเซียนเปล่งประกายออกมาและปรากฏสู่สายตาของนาง

เมื่อวานเจ้าไม่สบายท้องไม่ใช่หรือ ? วันนี้ไม่ต้องไปแล้ว ! หลินเว่ยเว่ยชื่นชมความงามและเสน่ห์ของบัณฑิตหนุ่มด้วยนัยน์ตาวิบวับ

เจียงโม่หานส่ายหน้าเบา ๆ เขาโบกพัดในมือแล้วกล่าวว่า ข้าไม่เป็นไรแล้ว !

เมื่อก่อน ตอนที่โรคกระเพาะกำเริบ เขามักปวดท้องไปหลายวัน แต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อคืนพอได้ดื่มน้ำแกงช่วยย่อยได้ไม่นาน อาการปวดท้องก็หายเป็นปลิดทิ้ง หรือว่า…เพราะช่วงนี้อาหารสมบูรณ์ ร่างกายจึงแข็งแรงขึ้นมาก โรคกระเพาะของเขาจึงทุเลาลง ?

บัณฑิตน้อยเอ๋ย อย่าคิดว่าตนยังหนุ่มแล้วจะทำอันใดสุ่มเสี่ยงตามอำเภอใจได้ ร่างกายคือต้นตอของทุกสิ่ง หากไม่แข็งแรงทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์ กระเพาะบำรุงมนุษย์ ส่วนมนุษย์เองก็ควรบำรุงกระเพาะถึงจะถูก ! หลินเว่ยเว่ยพูดเกลี้ยกล่อมอย่างจริงใจไม่หยุด

เจียงโม่หานทำตัวไม่ถูกไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามนางว่า นี่เจ้า…เจ้ากำลังเป็นห่วงข้าอยู่หรือ ?

มั่นใจหน่อย นำคำพูดของเจ้าประโยคนี้ไปตัดน้ำเสียงที่สงสัยออก ! แน่นอนว่าข้ากำลังเป็นห่วงเจ้า ! อย่ารำคาญที่ข้าจุกจิกเลย หากร่างกายของเจ้าไม่แข็งแรง การสอบและการเป็นขุนนางในอนาคตล้วนได้รับผลกระทบหมด เช่นนั้นปณิธานอันยิ่งใหญ่ก็ไม่มีผลตอบแทน ดังนั้นเจ้าจงดูแลตนเองให้ดี !

หลินเว่ยเว่ยยื่นมือออกไปวางบนไหล่ที่ผอมแห้งของเขาแล้วตบอย่างนุ่มนวลสองสามที นางมีพละกำลังมากจึงกลัวว่าหากไม่ยั้งมือก็อาจทำให้ไหล่บัณฑิตหนุ่มหักได้

เจ้าแน่ใจจริงหรือว่าในอนาคตข้าจะสามารถเป็นขุนนางได้ ? เจียงโม่หานย้อนถาม

หลินเว่ยเว่ยเงยหน้ามองเขาแล้วหรี่ตามองไปทางแสงสีทองยามเช้า ใบหน้ากลมรีสะท้อนกับแสงอาทิตย์ช่วยขับให้นางดูโดดเด่นยิ่งขึ้น เจ้าฉลาดถึงเพียงนี้แถมยังขยันอีก ! ไม่จำเป็นต้องสงสัย ไม่จำเป็นต้องลังเลเลย อนาคตที่สดใสและสวยงามกำลังโบกมือเรียกเจ้าอยู่ วันข้างหน้าเจ้าต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและอนาคตสดใสอย่างแน่นอน !

เจียงโม่หานทำตัวไม่ถูกอีกครั้ง ทั้งสองเดินเงียบไม่พูดจามาไกลมาก เขาจึงเอ่ยปากว่า ข้าเคยอ่านเรื่องราวแปลก ๆ มา พูดกันว่ามีคนสามารถหยั่งรู้อนาคตได้ เจ้าเชื่อว่ามีคนเช่นนั้นอยู่จริงหรือไม่ ?

หยั่งรู้อนาคต ? โลกกว้างใหญ่และมีเรื่องที่คาดไม่ถึงอยู่มากมาย ! แม้มีคนเช่นนั้นอยู่แล้วจะเป็นเช่นไร ? ฟันเฟืองแห่งโชคชะตาไม่เคยหยุดหมุน แม้ว่าเจ้าหยั่งรู้โอกาสในอนาคต แต่หากไม่พยายามต่อสู้ดิ้นรน หวังจะนั่งรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว แล้วสิ่งที่เจ้าหยั่งรู้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือ ? อนาคตอยู่ในมือของเจ้า จะอยู่เฉยหรือทะยานขึ้นฟ้าก็อยู่ที่เจ้าพยายามหรือไม่ ! หลินเว่ยเว่ยพูดปลุกใจ

จู่ ๆ เจียงโม่หานก็หยุดแล้วหันกลับมามอง จากนั้นก็มีรอยยิ้มค่อย ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า เจ้าคิดว่าคำพูดเช่นนี้เป็นสิ่งที่เด็กสาวชาวบ้านคนหนึ่งจะเอ่ยออกมาได้หรือ ?

ตอนต่อไป

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *