หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง 348 หยกและบุปผาของบ้านอื่นเกี่ยวอะไรกับข้า

Now you are reading หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง Chapter 348 หยกและบุปผาของบ้านอื่นเกี่ยวอะไรกับข้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 348 หยกและบุปผาของบ้านอื่นเกี่ยวอะไรกับข้า

“ไม่ได้ ! ” เจียงโม่หานปฏิเสธอย่างเย็นชา ขณะที่เด็กสาวมีน้ำตาคลอเบ้า เขาก็พูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า “เสี่ยวเว่ยไม่สบาย นางจะแพร่เชื้อให้เจ้าได้…”

ติงหลิงเอ๋อร์อยากจะพูดเหลือเกินว่า ‘ข้าไม่กลัวจะติด…’
ทว่าภายใต้สายตาเย็นชาของเจียงโม่หาน นางได้แต่กลั้นน้ำตาเอาไว้แล้วโดนไล่ลงจากรถม้าอย่างน่าเศร้า ฮือฮือฮือฮือ คู่หมั้นของพี่หลินน่ากลัวมาก !

หลินเว่ยเว่ยปรับท่านั่งให้สบายบนรถม้า เวลานี้นางกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ “บัณฑิตน้อย เจ้าแทบจะทำให้นางร้องไห้อยู่แล้ว ไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผา1เลย ! ”

“หยกและบุปผาของบ้านอื่นเกี่ยวอะไรกับข้า ? เหตุใดจะต้องถนอม ? ” เจียงโม่หานนำเตาถ่านมาไว้ใต้ฐานที่นั่ง จากนั้นก็วางกาต้มน้ำใบหนึ่งไว้ด้านบน

แม้รถม้าจะเคลื่อนที่ เตาถ่านและกาต้มน้ำก็ยังอยู่กับที่ พวกมันไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย หลินเว่ยเว่ยลูบภายในตัวรถม้าและอุปกรณ์วางเตาถ่านที่ชาญฉลาด นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม “บัณฑิตน้อย เหตุใดสมองของเจ้าจึงดีและมีประโยชน์ขนาดนี้ ? ไม่ว่าสิ่งใดก็เข้าใจ ไม่ว่าสิ่งใดก็ทำได้ ! ”

ที่บ้านจำเป็นต้องใช้เกวียนเทียมล่อและเกวียนเทียมม้าในการส่งสินค้า กอปรกับอากาศเริ่มหนาวขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทางของคนในบ้าน บัณฑิตหนุ่มจึงวาดภาพรถม้าขึ้นมาแล้วนำไปให้พ่อซัวถัวประกอบ ตัวรถทั้งกว้างขวางและสะดวกสบาย สัดส่วนภายในก็เรียบง่ายและเหมาะสมโดยเฉพาะที่วางเตาถ่านนี้ หลินเว่ยเว่ยอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้เลย !

เจียงโม่หานหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากหลังรถม้า เขานำมันเทศสองสามหัวและเกาลัดออกมาหนึ่งกำมือ หลังครุ่นคิดก็เลือกที่จะเก็บมันเทศคืนไปแล้วโยนเกาลัดลงบริเวณขอบด้านในของเตาถ่าน “น้ำเดือดแล้ว…เจ้าเจ็บคอก็จิบน้ำอุ่นหน่อย”

เมื่อเห็นหลินเว่ยเว่ยเอื้อมมือมาเพื่อจะจับกาน้ำ เขาก็ตาไวและรีบตีมือนาง “หยุดเลย ประเดี๋ยวข้าทำเอง ! ”

เขาใช้ผ้าห่อหูหิ้วกาน้ำไว้ก่อน จากนั้นก็รินน้ำใส่ถ้วย หลังปล่อยให้มันอุ่นพักหนึ่งแล้วก็ลองวัดอุณหภูมิ อืม อุ่นกำลังดีแล้วถึงจะส่งให้นางดื่ม

หลินเว่ยเว่ยหัวเราะคิกคัก ในใจก็ซาบซึ้งอยู่พอสมควร บัณฑิตน้อยช่างเป็นผู้ชายที่อบอุ่นเหลือเกิน !

แต่แล้วนางก็นึกถึงครั้งแรกที่ได้พบกับบัณฑิตหนุ่ม เขางดงามจนไม่เหมือนมนุษย์และเต็มไปด้วย ‘ความเย็นชาห่างเหิน’ โชคดีที่แม้นางจะขาดทุกอย่างแต่มีความพยายามในการฝนทั่งเป็นเข็ม ภายใต้ทักษะไม่ ( ไร้ ) ย่อ ( ยาง ) ท้อ ( อาย ) ในที่สุดบัณฑิตน้อยที่ไร้ความรู้สึกก็กลายเป็นแฟนหนุ่มที่คอยเอาใจใส่นางจนได้ ! เป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เหลือเกิน !

“คิดเหลวไหลอันใดอีก ? ทำหน้าเคลิบเคลิ้มอีกแล้ว ! ” เจียงโม่หานขมวดคิ้ว หรือนางกำลังคิดถึงบุรุษมีรังสีหนอนหนังสือที่หน้าโรงเตี๊ยมผู้นั้น ? หน้าตา…ธรรมดา! รูปร่าง…ก็ไม่ถือว่าสูงมาก ! แต่…ดูมีบุคลิกพิเศษเล็กน้อยก็เท่านั้น !

ถ้าเขาจำไม่ผิดล่ะก็ คนผู้นั้นน่าจะเป็นบุตรชายของบัณฑิตผู้ดูแลสำนักบัณฑิตฮั่นหลิน ในชาติก่อน ตอนที่สอบฮุ่ยซื่อ (ระดับเมืองหลวง) เจียงโม่หานสอบได้เพียงลำดับที่ห้าชั้นรองเท่านั้น แต่บุตรชายของบัณฑิตหยวนสอบได้ระดับสูงสุด อนาคตจึงสดใส…อีกฝ่ายไม่ตั้งใจอ่านตำราอยู่บ้านหรือ ใกล้จะปีใหม่แล้วมาที่เมืองจงโจวทำไม ? ไม่เคยได้ยินว่าบัณฑิตหยวนมีญาติอยู่ที่ภาคเหนือด้วยนี่

หลินเว่ยเว่ยจิบน้ำอุ่น แต่แล้วนางก็วางถ้วยลงและลูบระหว่างคิ้วของเขา “เจ้าล่ะคิดอะไรอยู่ ? คิ้วขมวดจนจะเป็นคนแก่อยู่แล้ว ! ”

“ข้ากำลังนึกถึงคุณชายที่เพิ่งเจอเมื่อครู่ ท่าทางเป็นคนเก่งคนหนึ่ง ! ” เจียงโม่หานใช้ไม้เขี่ยเกาลัดในเตา

หลินเว่ยเว่ยเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะยักไหล่แล้วพูดว่า “เจ้ากำลังพูดถึงคนที่เราเห็นตรงโรงเตี๊ยมนั่น ! ก็พอใช้ได้ ! แต่ถ้าเทียบกับบัณฑิตน้อยของเราแล้วยังห่างชั้นอีกไกล ! ” ขณะพูดนางก็ยกเท้าไปวางพาดขาอีกฝ่าย

เจียงโม่หานเหยียดเท้าของนางให้ตรงเพราะแบบนี้จะสบายกว่า หลินเว่ยเว่ยทำหน้าซาบซึ้งทันที “บัณฑิตน้อย เหตุใดเจ้าจึงดีต่อข้ามากเพียงนี้…”

เจียงโม่หานมองนาง “เจ้าเป็นสตรีที่ข้าเลือก ต่อไปต้องอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต ถ้าไม่ดีต่อเจ้าแล้วจะให้ดีกับใคร ? อาการของเจ้าดีขึ้นบ้างหรือยัง ? เวียนศีรษะอยู่ไหม รู้สึกไม่ดีตรงไหนหรือเปล่า ? ”

หลินเว่ยเว่ยส่ายหน้า “ไม่เวียนศีรษะ แต่เจ็บคอนิดหน่อย จมูกก็หายใจไม่ค่อยออก…”

เจียงโม่หานมองผ่านหน้าต่างรถม้าจึงเห็นว่ามีร้านขายยาตั้งอยู่ไม่ไกลจากประตูเมือง เขาบอกให้หยุดรถม้าแล้วเดินลงไป พอกลับขึ้นมาอีกครั้ง ในมือของเขาก็มีห่อยาเล็ก ๆ ห่อหนึ่ง

“ข้าซื้อพวกจิงเจี้ยะ2 จื่อซูเยี่ย3และขิง ถ้านำไปต้มกับน้ำตาลสีแดงจะช่วยขับลมได้ ช่วยรักษาอาการเจ็บคอและคัดจมูกจากหวัด…” เจียงโม่หานยังสั่งทำหม้อใหม่อีกหนึ่งใบ ( เตรียมอุปกรณ์มาครบเชียวนะ! ) จากนั้นก็ใส่สมุนไพรเหล่านี้ลงไปแล้วต้มบนเตา

หลินเว่ยเว่ยเลิกคิ้วพลางคลี่ยิ้ม “บอกว่าเจ้าทำได้ทุกอย่างก็ทำได้ทุกอย่างจริง ๆ ! แม้แต่รักษาโรคก็ยังทำเป็น จงบอกมาเถิด ยังมีอะไรที่เจ้าทำไม่ได้อีก ? ”

เด็กหนุ่มระดับมัธยมปลายคนหนึ่ง ถ้าเรียนเก่งก็ว่าไปอย่าง แต่เขายังสร้างกังหันน้ำกระดูกมังกร วาดภาพโครงสร้างรถม้า ตอนนี้ยังพอรู้วิชาแพทย์อีก…ชิ ! บัณฑิตน้อยนะบัณฑิตน้อย เจ้าไม่ธรรมดาจริง ๆ !

หรือ…เขาจะเป็นแบบนางที่ทะลุมิติมาเหมือนกัน ?

“บัณฑิตน้อย เจ้ารู้เรื่องที่อู๋เชียน4ถูกจับหรือไม่?” หลินเว่ยเว่ยถามถึงหัวข้อยอดนิยมก่อนที่ตนจะทะลุมิติมา

เจียงโม่หานมองนางด้วยความงุนงง “อู๋เชียนคือใคร ? คนสกุลอู๋ในเขตเริ่นอันน่ะหรือ ? ถ้าเป็นคนตระกูลนั้น เรื่องโดนจับก็ขึ้นอยู่กับเวลา ! ”

หลินเว่ยเว่ยสังเกตสีหน้าของเขา เหมือนไม่ได้โกหกจึงพูดต่อ “ใหญ่แค่ไหนก็ต้องฟังคำราชา5…”

เจียงโม่หานมีเครื่องหมายคำถามผุดขึ้นมาทันที ขณะมองท่าทางเจ้าเล่ห์ของนางก็รู้ว่านางเริ่มคิดอะไรไม่ดีอีกแล้ว เขาถามด้วยความเบื่อหน่าย “เจ้าคิดจะทำอะไรอีก ? ”

“มันฝรั่ง มันฝรั่ง ข้าคือมันเทศ…” หลินเว่ยเว่ยยังถามหยั่งเชิงต่อ

เจียงโม่หานลูบศีรษะนาง ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ไม่มีไข้แล้วเหตุใดยังพูดจาเหลวไหลอีก ? ”

ไม่ได้ทะลุมิติมาหรือ ? หรือว่า…กลับชาติมาเกิดใหม่ ? ชาติก่อนหลินเว่ยเว่ยโดนรูมเมทหนอนหนังสือเล่าเรื่องคนกลับชาติมาเกิดใหม่ให้ฟังเยอะมาก ประเด็กนี้อาจเป็นไปได้ ลองทดสอบดีไหม…ไม่ดี บัณฑิตน้อยเป็นคนฉลาดขนาดนี้จะต้องรู้ตัวแน่ นางไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างความสัมพันธ์ของพวกตน

ช่างเถิด ไม่ว่าจะกลับชาติมาเกิดใหม่หรือไม่ สำหรับนางแล้วก็ไม่สำคัญอีกต่อไปเพราะถึงอย่างไร…นางเองก็มีความลับเช่นกัน ถือว่า…เสมอกัน !

หลินเว่ยเว่ยก้มหน้าหยิบเกาลัดที่สุกแล้วสองเม็ดออกมาจากเตาด้วยมือที่สวมถุงมือไว้แล้ว นางค่อย ๆ เป่าทีละนิด หลังแกะเปลือกเสร็จแล้วก็ยัดใส่ปากหนึ่งเม็ด ส่วนอีกเม็ดก็ป้อนใส่ปากบัณฑิตหนุ่ม

เจียงโม่หานค่อย ๆ เคี้ยวพลางก้มมองต่ำเพื่อปกปิดรอยยิ้มในแววตา…เด็กคนนี้ เขาโดนนางสังเกตเห็นจนได้ ทว่านางก็ปล่อยผ่านไปเร็วกว่าที่เขาคิดไว้ จะบอกว่านางใจกว้างหรือฉลาดดีเล่า ?

“ขอรบกวนหน่อยเถิด ! ไม่ทราบว่าหากจะไปเขตเริ่นอันสามารถใช้เส้นทางนั้นได้หรือไม่ ? ” ด้านหน้าเป็นทางแยก รถม้าคันหนึ่งแซงขึ้นมาจากด้านหลังแล้วมาเทียบอยู่ข้างรถม้าของพวกหลินเว่ยเว่ย คนขับตะโกนถามเหลยหยู่ที่เป็นคนขับเช่นกัน…เหลยหยู่คือน้องชายของหยาเอ๋อร์นั่นเอง

เหลยหยู่ยิ้มอย่างเป็นมิตรให้อีกฝ่าย “ได้ ! ”

อีกฝ่ายยังถามต่อ “น้องชาย หมู่บ้านฉือหลี่โกวเขตเริ่นอันต้องใช้เวลาเดินทางอีกนานหรือไม่ ? จะถึงภายในวันนี้ได้หรือเปล่า ? ”

[i]
1 รักหยกถนอมบุปผา หมายถึง บุรุษควรทะนุถนอมและอ่อนโยนต่อสตรี

2 จิงเจี้ยะ คือ ใบมัสตาร์ด

3 จื่อซูเยี่ย คือ ใบงาขี้ม่อน

4 อู๋เชียน คือ นักร้องและนักแสดงชาวจีน

5 ใหญ่แค่ไหนก็ต้องฟังคำราชา คือ รหัสลับในการเปิดประตูของผู้เข้าร่วมแข่งขันรายการไอดอลโปรดิวเซอร์คนหนึ่ง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *