หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง 483 ยังกล้าพูดว่าไม่ใช่เรือโจรสลัด

Now you are reading หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง Chapter 483 ยังกล้าพูดว่าไม่ใช่เรือโจรสลัด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 483 ยังกล้าพูดว่าไม่ใช่เรือโจรสลัด

หลินเว่ยเว่ยให้เงินค่าเช่าเกวียนเทียมล่อหนึ่งวันกับเหล่าหลัวและคนขับรถม้า นอกจากนี้ยังให้ขนมแก่พวกเขาด้วย คนในสมัยนี้ยังเป็นคนซื่อสัตย์และใจกว้างอยู่ เหล่าหลัวและคนขับรถม้ายังช่วยพวกนางขนของที่ซื้อมาขึ้นเรือด้วย

หลินเว่ยเว่ยย่อตัวลงเพื่อลูบศีรษะเด็กชายที่คอยนำทางแก่พวกนาง ก่อนจะพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ลำบากเจ้าแล้ว นี่คือรางวัลของเจ้า…กู่เหนียงน้อยคนนั้น กำลังรอเจ้าอยู่หรือเปล่า ? ”

เด็กชายหันไปมอง ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เปื้อนยิ้ม “นางคือพี่สาวของข้า นางคงเห็นว่าข้าไม่กลับไปกินข้าวเย็นที่บ้านสักที ก็เลยมาตามหาขอรับ ! ”

หลินเว่ยเว่ยก็ให้ขนมกับเขาหนึ่งห่อ จากนั้นพูดกระตุ้นเตือนว่า “รีบกลับไปเถิด อย่าปล่อยให้นางเป็นห่วงเลย ! ”

“ขอบคุณพี่สาวขอรับ…” ขอบคุณที่ยอมจ้างเด็กน้อยอย่างตน ขอบคุณที่พี่สาวเชื่อในตัวข้าและยิ่งขอบคุณขนมที่พี่สาวมอบให้ นี่เป็นขนมจากร้านมีชื่อเสียงที่สุดในเขต หากไม่มีพี่สาวแล้วชาตินี้ เขาก็คงไม่มีบุญได้กินหรอก พี่สาวเป็นคนอ่อนโยนและจิตใจดีมาก…

ส่วนชายฉกรรจ์ที่โดนหลินเว่ยเว่ยจัดการจนเดินกะเผลกก็ได้แต่โอดครวญในความโชคร้ายของตน “…”

เด็กชายมองส่งพี่สาวใจดีขึ้นเรือ ส่วนพี่สาวแท้ ๆ ก็เดินเข้ามาแล้วถามเขาว่า “ได้ยินว่าวันนี้มีคนจ้างงานเจ้า ? นายจ้างไม่ได้รังแกเจ้าใช่หรือเปล่า ? ”

“ไม่ขอรับ ! นี่เป็นเงินค่าจ้างที่พี่สาวให้ข้ามา…” หลินเว่ยเว่ยมอบกระเป๋าเงินให้เขาหนึ่งใบ ฝีเข็มกระจัดกระจาย แค่มองก็รู้ว่าเป็นมือใหม่หัดปัก พอเด็กชายเปิดกระเป๋าออกดูก็ได้พบว่าด้านในมีก้อนเงินอิ๋นถิ่ง (รูปทรงคล้ายเรือสำเภาสีเงินก้อนเล็ก) อยู่ถึง 2 ก้อน

เด็กชายพูดติดขัดในทันที “พะ…พี่สาวคนนั้นให้เงินผิดหรือเปล่า ? ข้าตามไปคืนให้นางดีหรือไม่ ? ”

คนนำทางอย่างพวกเรา ไม่มีเงินค่าจ้างตายตัว จะให้เงินเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของลูกค้า ตั้งแต่ต้นจนจบ พี่สาวไม่เคยถามว่าเขาต้องการเงินเท่าไหร่ ตอนกลางวันเด็กชายกินหมั่นโถวเข้าไปลูกใหญ่และยังกินเนื้อหมูอีกหลายชิ้น เรื่องพวกนี้เพียงพอที่จะลดค่าจ้างของเขาได้แล้ว…ถ้าพี่สาวไม่จ่ายเงิน เขาก็ไม่ได้เสียเปรียบอะไร

เขาก้มหน้ามองก้อนเงินในมือแล้วรีบยัดกลับเข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบวิ่งเข้าหาเรือและตะโกนขึ้นไปจากด้านล่าง “พี่สาว ท่านให้กระเป๋าผิดใบหรือเปล่าขอรับ ? ”

น้ำหนักของก้อนเงินค่อนข้างเทียบเท่าได้กับเหรียญอีแปะ พี่สาวจะต้องไม่ทันระวังแล้วให้มาผิดแน่นอน !

หลินเว่ยเว่ยมองเขา จากนั้นก็พยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ผิด ข้าพอใจในการบริการของเจ้ามาก ถ้าไม่มีเจ้านำทาง พวกเราก็ไม่มีทางหาซื้อของได้ครบถ้วนและราบรื่นขนาดนี้ นอกจากนี้เจ้ายังช่วยเราประหยัดเงินได้ไม่น้อยด้วย ! นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าควรได้รับ ! รีบกลับไปเถิด อย่าปล่อยให้คนในครอบครัวเป็นห่วง…”
ขณะมองแผ่นหลังของนางเดินหายเข้าไปในเรือ ดวงตาของเด็กชายก็ร้อนผ่าว เขากำกระเป๋าเงินไว้แน่น…พอมีเงินแล้วก็จะเอาไปซื้อยาให้ท่านย่า อาการป่วยของท่านย่าก็จะดีขึ้นในไม่ช้า พี่สาวก็ไม่ต้องทำงานหนักโดยการรับจ้างซักผ้าให้คนอื่นทุกวัน นางมือเปื่อยหมดแล้ว…พี่สาวท่านนั้น ขอบคุณท่านมากขอรับ !

ขณะมองข้าวของถูกขนขึ้นเรือรอบแล้วรอบเล่า นายหญิงของเรือหรือก็คือแม่ครัวผู้เลื่องชื่อกำลังมีสีหน้าเกรี้ยวกราด นางเข้ามาขวางทางเจียงโม่หาน “คุณชาย เรือของพวกเราเป็นเรือโดยสาร ไม่ใช่เรือขนสินค้า…ของพวกนี้ พวกท่านต้องจ่ายเงินเพิ่ม ! ”

นายหญิงของเรือไม่พอใจครอบครัวนี้มานานแล้ว ใครออกจากบ้านยังพกเตามาเองบ้าง นี่เห็นเรือของพวกตนเป็นบ้านหรือไร ? นายหญิงของเรือพึ่งพาการขายอาหารให้แขก ในแต่ละเที่ยวจึงทำเงินได้ไม่น้อย ถ้าทุกคนเป็นเหมือนครอบครัวนี้หมด นางจะยังมีรายได้อะไรอีก?

เจียงโม่หานกวาดตามองนาง “เงินก็ให้พวกเจ้าตอนขึ้นเรือแล้วไม่ใช่หรือ ? ”

“ตอนขึ้นมาคือตอนขึ้นมา ของเหล่านี้เป็นของใหม่ หรือว่าเหล่านี้จะไม่กินพื้นที่เลย ? ” นายหญิงของเรือทำสีหน้าจะขูดรีดเอาเงินเพิ่มให้ได้

“ตอนขึ้นเรือ พวกเจ้าบอกว่าสัมภาระที่เกินกว่า 20 ชั่ง จำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่ม พวกเราก็จ่ายเพิ่มแล้ว นี่เพิ่งเดินทางได้แค่ครึ่งทางก็บอกให้จ่ายเพิ่มอีก…เรือของพวกเจ้าเป็นเรือโจรสลัดหรือไร ? ” หลินเว่ยเว่ยได้ยินเสียงจากในห้อง จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่ปล่อยให้บัณฑิตน้อยสู้รบอยู่คนเดียว นางออกมาเถียงนายหญิงของเรือทันที

“เจ้าบอกว่าของที่เราซื้อมากำลังเบียดเบียนพื้นที่ แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นก็อยู่ในห้องของพวกเรา ห้องเราจ่ายเงินให้ได้เข้าพัก หรือพื้นที่เล็ก ๆ ในห้องก็ยังต้องจ่ายเงินเพิ่มเป็นสองเท่า ? ” หลินจื่อเหยียนก็เข้ามาร่วมด้วย

“นายท่าน ท่านรีบมาดูเร็ว ภรรยาของท่านจะโดนรังแกจนตายอยู่แล้ว ! ” นายหญิงของเรือเห็นอีกฝ่ายคนเยอะกว่าจึงวิ่งร้องไห้ออกไปขอความช่วยเหลือ

หลังจากผู้คุมเรือได้ยินแบบนั้นแล้วก็คิดว่ามีคนบุกมาจากท่าเรือ เขาจึงพาลูกเรือเข้ามาล้อมไว้อย่างดุดัน

“คิดจะทำอะไร ? ขึ้นราคาไม่ว่า แต่ยังคิดทำร้ายคนด้วย ? หมายความว่าเรือของพวกเจ้าเป็นเรือโจรสลัดจริงหรือ ? บัณฑิตน้อย เราเขียนหนังสือไปแจ้งทางการกันเถิด ? เจ้าเป็นถึงจู่เหริน เป็นผู้ครองตำแหน่งเจี้ยหยวนของเมืองเหอโจวและจงโจว ไม่รู้ว่าผู้ทำร้ายบัณฑิตซึ่งจะไปสอบขุนนางที่เมืองหลวง จะได้รับโทษสถานใด ? ”

ในสายตาของหลินเว่ยเว่ยคือคนพวกนี้ก็แค่อันธพาลทั่วไป ไม่กี่หมัดก็จัดการได้หมดแล้ว ทว่าพวกเราเป็นสุภาพชน หากแก้ปัญหาโดยไม่ต้องใช้กำลังได้ ยังต้องเปลืองแรงอีกทำไม ?

“โทษสถานหนัก ! ” เจียงโม่หานพูดเสริม

ผู้คุมเรือเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ข้างกายภรรยาก็มีแค่เด็กสาวและบัณฑิตหนุ่มเพียงสองคน หลังได้ยินแบบนั้นเขาก็รู้ทันทีว่าภรรยาผู้มีสายตาตื้นเขินก่อเรื่องอีกแล้ว เขาจึงรีบพูดว่า “กู่เหนียงได้โปรดระวังคำพูดด้วย เรือของพวกเราเป็นเรือโดยสารที่ขึ้นทะเบียนกับทางการอย่างถูกกฎหมาย จะเป็นเรือโจรสลัดได้อย่างไร ? ”

หลินจื่อเหยียนแค่นเสียง ฮึ “ถ้าเช่นนั้นการที่พวกเจ้าพาคนมาเยอะขนาดนี้แล้วยังถืออาวุธมาด้วย คิดจะทำอะไรกันแน่ ? ”

“เข้าใจผิด เข้าใจผิดแล้ว ! พวกท่านคงไม่ทราบว่าในเส้นทางเดินเรือก็ไม่ได้สงบสุขสักเท่าไร บางครั้งก็มีโจรแอบขึ้นมาบนเรือและลงมือกับผู้โดยสาร เมื่อครู่พวกเราได้ยินเสียงดังจึงคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น…พวกเรามาเพื่อปกป้องผู้โดยสาร ! ” ผู้คุมเรือหันไปมองภรรยา

นางภรรยาเสียสติ ชอบสร้างเรื่องได้ทุกวัน บัณฑิตสองท่านนี้โดยเฉพาะคนใส่ชุดสีนวลจันทร์ แค่มองก็รู้ว่าเป็นมังกรในหมู่มวลมนุษย์ มาสอบเมืองหลวงคราวนี้อาจทะยานขึ้นฟ้าเลยก็ได้ สามัญชนอย่างพวกตนควรประจบขุนนางเข้าไว้ ไฉนเลยจะไปผิดใจกับขุนนางได้ ?

ยิ่งไปกว่านั้น บ้านที่สนิทสนมกับบัณฑิตสองคนนี้ แม้จะพาองครักษ์และสาวใช้มาแค่สี่คน แต่ดูจากพลังอำนาจที่เปล่งออกมาแล้วจะต้องไม่ใช่คนธรรมดา ภรรยาโง่เขลา ตาบอดไปแล้วหรือ ?

“เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดจริงหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยยิ้มแต่ก็เหมือนไม่ยิ้ม

“เข้าใจผิด เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ! ” ผู้คุมเรือออกแรงพยักหน้าและยังโยนท่อนไม้ในมือทิ้งเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ส่วนลูกเรือคนอื่นก็ทำตาม กว่าจะหางานทำได้ในปีนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเรือลำนี้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นเรือโจรสลัดจริง ๆ พวกเขาก็ต้องตกงานอีกแล้ว

“แม่ครัวก็คือภรรยาของเจ้าหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยเหลือบมองสตรีขี้ขลาดที่เข้าไปหลบหลังฝูงชนและไม่กล้าออกมาสบตาอีก “รับเงินคนอื่นแล้วจงใจทำอาหารไม่อร่อย แถมวัตถุดิบที่ใช้ยังเป็นของคุณภาพต่ำ…นี่เพิ่งผ่านไปกี่วันเอง บนเรือก็มีผู้ป่วยไม่น้อยแล้ว นี่ไม่ใช่แผนทำร้ายคนอื่นเพื่อเงิน แล้วยังเป็นอะไรได้อีก ? ยังกล้าพูดว่าไม่ใช่เรือโจรสลัดอีกหรือ ? ”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *