หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง 345 เขากลายเป็นคนชนบทเข้าเมืองหลวง

Now you are reading หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง Chapter 345 เขากลายเป็นคนชนบทเข้าเมืองหลวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 345 เขากลายเป็นคนชนบทเข้าเมืองหลวง

หากบัณฑิตที่วาดภาพเก่งคนนั้นเป็นอาจารย์อาของตน เช่นนั้นสตรีที่สามารถทำขนมได้นานาชนิดและมีฝีมือทำอาหารเก่งจนร้านอาหารชื่อดังยอมสยบก็ต้องเป็นอาจารย์อาหญิงของเขาใช่หรือไม่ ?

สำหรับคุณชายรองลู่ที่ไม่เอาไหนคนนั้นยังสามารถได้ขนมและเนื้อแผ่นแสนอร่อยมากิน ถ้าเช่นนั้นคนที่เป็นศิษย์รุ่นหลานแบบเขาจะไม่ได้ลิ้มลองขนมและอาหารเลิศรสมากกว่าหรอกหรือ ?

“ท่านพ่อขอรับ ในเมื่อท่านแยกร่างไปทำงานสองอย่างพร้อมกันไม่ได้ ข้ายินดีไปภาคเหนือแทนท่าน ข้าจะช่วยตามหาเบาะแสของอาจารย์ปู่ให้เองขอรับ ! ” หยวนเจี๋ยเสนอตัวทำงานให้อย่างกระตือรือร้น

บัณฑิตหยวนตบบ่าของเขาแล้วพูดด้วยความดีใจ “ยากนักที่เจ้าจะกตัญญูเช่นนี้ ! แดนเหนือประสบภัยแล้งรุนแรง เจ้าไปครานี้ก็พาคนติดตามไปเยอะหน่อย อาหารก็ขนไปหลายคันรถม้า แล้วก็พวกเสื้อผ้ากันหนาวด้วย…”

ทว่าฮูหยินหยวนทำใจไม่ได้ “แต่…ประเดี๋ยวก็จะปีใหม่แล้ว ถ้าออกเดินทางตอนนี้เจี๋ยเอ๋อร์จะต้องฉลองปีใหม่ที่ภาคเหนือ…ถ้าอย่างไร รอให้ข้ามปีไปแล้วค่อยเดินทางดีกว่า ! ”

หยวนเจี๋ยแย่งพูดก่อนบิดาทันที “อีกประเดี๋ยวข้าจะไปที่บ้านตระกูลลู่เพื่อสอบถามรายละเอียดให้ชัดเจนอีกทีขอรับ หากเรื่องเป็นตามที่ท่านพ่อคาดคิดไว้จริงคือบัณฑิตเจียงเป็นศิษย์น้องของท่านพ่อ ข้าอาจจะตามหาอาจารย์ปู่พบก่อนปีใหม่นี้ แล้วข้าจะฉลองปีใหม่กับอาจารย์ปู่แทนท่านพ่อเองขอรับ ! ”

คำพูดของบุตรชายทำให้คนฟังใจเต้นทันที บัณฑิตหยวนแอบคำนวณในใจว่าไม่ได้ฉลองปีใหม่เป็นเพื่อนท่านอาจารย์มานับสิบปีแล้ว หวังว่าบุตรชายเดินทางไปคราวนี้จะไม่ทำให้เขาต้องผิดหวัง…

สัมภาระและของใช้ถูกจัดเตรียมได้พอสมควรแล้ว นอกจากนี้ยังไปขนเสบียงอาหารจากไร่นาละแวกนี้มาอีกสองสามคันรถม้า ต่อจากนั้นหยวนเจี๋ยก็ออกเดินทางภายใต้ความเป็นห่วงและทำใจไม่ได้ของมารดา ส่วนบิดานั้นเปี่ยมไปด้วยความหวัง

เมื่อฤดูหนาวมาเยือน แม่น้ำก็กลายเป็นน้ำแข็ง ครั้งนี้พวกเขาจึงต้องเดินทางโดยใช้ทางบก เมื่อเทียบกับทางน้ำแล้วต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางเพิ่มอีกหลายวัน ถือว่าลำบากกว่ามาก

หลังต้องเผชิญกับถนนขรุขระนานเกือบเดือน ในที่สุดก็เข้าสู่เขตเมืองจงโจวเสียที หยวนเจี๋ยรู้สึกว่าเอวจะไม่ใช่อวัยวะของตนอีกต่อไป เขาจึงตัดสินเข้าเมืองไปพักผ่อนสักคืนแล้วค่อยเดินทางไปที่เขตเริ่นอัน !

หลังกระโดดลงจากรถม้า เขาก็เริ่มยืดเส้นยืดสายทันที กระดูกทั่วตัวส่งเสียงดังกรอบแกรบ หยวนเจี๋ยหมุนเอวที่แข็งทื่อของตนพลางเหยียดเท้าไปมา เมื่อตามหาโรงเตี๊ยมชั้นหนึ่งในเมืองจงโจวสำเร็จแล้วพวกเขาก็นำรถม้าไปจอดที่ลานด้านหลัง

โรงเตี๊ยมแห่งนี้ต้องต้อนรับแขกที่เป็นพ่อค้าตั้งแต่เหนือจรดใต้ซึ่งขนของมาเยอะเสียยิ่งกว่าเยอะ…โกดังเก็บของจึงต้องมีค่าใช้จ่ายด้วย !

ปีใหม่ใกล้มาเยือน แขกในโรงเตี๊ยมจึงน้อยกว่าปกติ เถ้าแก่รีบเดินเข้ามาต้อนรับอย่างสุภาพ “นายท่านเชิญด้านในขอรับ ไม่ทราบว่าต้องการกี่ห้องขอรับ ? ”

หยวนเจี๋ยเพิ่งออกจากบ้านเป็นครั้งแรก บัณฑิตหยวนไม่วางใจจึงส่งพ่อบ้านคนหนึ่งติดตามมาด้วย พ่อบ้านหยางพูดกับเถ้าแก่ว่า “ต้องการ 16 ห้อง ห้องอย่างดี 1 ห้อง ห้องระดับกลาง 1 ห้อง นอกนั้นเป็นห้องธรรมดาทั้งหมด…”

หยวนเจี๋ยเห็นใจพวกบ่าวรับใช้เพราะตอนเดินทางก็ลำบากเช่นกัน เขาจึงโบกมือ “เปลี่ยนเป็นห้องระดับกลางทั้งหมด…”

ห่างออกไปไม่ไกลมีเสียงประทัดดังสนั่นหูอยู่พักใหญ่ หยวนเจี๋ยออกไปดูก็เห็นร้านค้าทางด้านนั้นมีโคมไฟประดับประดาสว่างไสว ผู้คนรายล้อมเนืองแน่น ด้านข้างมีคนต่อแถวยาวเหยียด

หยวนเจี๋ยถามด้วยความสงสัย “เถ้าแก่ ทางนั้นทำอะไรกัน ? เหตุใดจึงมีคนมากมายเหลือเกิน ? ”

เถ้าแก่หันไปมองตามแล้วหันมาพูดพร้อมรอยยิ้ม “อ้อ! วันนี้เป็นวันเปิดร้านขนมหวานหนิงจี้ ลือกันว่าในร้านมีกิจกรรมให้เข้าร่วม…เหมือนว่าคนที่อุดหนุนครบ 10 ตำลึงจะได้บิสกิตรสนม 1 ห่อ ถ้าอุดหนุนครบ 20 ตำลึงได้ครีมพัฟนมสด และครบ 50 ตำลึงจะได้เค้กครีมสดขนาด 6 ชุ่น…”

“ขนมอันใดแค่ครู่เดียวก็เสียเงิน 50 ตำลึงแล้ว ? ” หยวนเจี๋ยพูดอย่างไม่อยากเชื่อ หากเป็นร้านขนมชั้นเลิศในเมืองหลวง เงิน 50 ตำลึงก็สามารถซื้อขนมได้ครึ่งคันรถม้าแล้ว !

เถ้าแก่ยังพูดด้วยรอยยิ้ม “นายท่านมาจากต่างถิ่นคงไม่รู้ว่าของที่ร้านขนมหวานหนิงจี้เปิดตัวใหม่คือดอกไม้ที่เสมือนจริงมาก ๆ แถมยังกินได้ เรียกว่าอะไรนะ…อ้อ! เรียกว่าเค้กวันเกิด ! ด้านบนใช้แยมผลไม้เขียนข้อความอย่างเช่นคำอวยพร ชื่อ อายุ…เค้กขนาด 12 ชุ่นต้องใช้เงินกว่า 50 ตำลึง แล้วยังมีเค้กสามชั้นอีกชนิดหนึ่ง มันมีราคาถึง 200 ตำลึงเชียวล่ะ ! ”

จู่ ๆ หยวนเจี๋ยก็รู้สึกว่า…เขากลายเป็นคนชนบทเข้าเมืองหลวง

เมืองจงโจวที่ธรรมดาเสียยิ่งกว่าธรรมดา ทว่าสามารถขายขนมชนิดหนึ่งได้ในราคา 200 ตำลึง ! เจ้าขนมชนิดนี้สอดไส้ทองคำหรือเงินตำลึงเอาไว้หรือ ?

หยวนเจี๋ยรู้สึกสนใจขึ้นมา “ไป ! พ่อบ้านหยาง เราก็ไปร่วมสนุกกันเถิด ! ”

ร้านขนมอยู่ห่างจากโรงเตี๊ยมไม่ไกลนัก เดินไม่กี่ก้าวก็โดนฝูงชนขวางทางไว้แล้ว เขารู้สึกสงสัยว่าหากจะมาซื้อขนมก็ไปต่อแถวด้านข้างสิ คนพวกนี้มาเบียดกันอยู่หน้าร้านทำไม ?

หยวนเจี๋ยเขย่งปลายเท้าเพื่อจะมองเข้าไปด้านใน คนแดนเหนือล้วนมีร่างกายที่สูงยาวเข่าดีเหมือนกำแพงอย่างไรอย่างนั้น ทำให้เขาไม่เห็นอะไรสักอย่าง เขาจึงดึงเด็กคนหนึ่งแล้วถามว่า “ด้านในมีเรื่องสนุกอะไรหรือ ? ”

“ท่านไม่รู้จริงสิ ? ” เด็กคนนั้นทำสายตาเหมือนเห็นคนเขลา “ผู้ออกแบบขนมของร้านตระกูลหนิงหรือหนึ่งในหุ้นส่วนร้านกำลังสาธิตวิธีตกแต่งหน้าเค้ก ผู้ที่มาดูจึงได้รับความตื่นตาตื่นใจ หากโชคดียังจะได้เค้กขนาดสี่เหลี่ยมชิ้นเล็ก ๆ เป็นรางวัลด้วยล่ะ ! ”

ทันใดนั้นก็มีเสียงสดใสของใครคนหนึ่งดังมาจากฝูงชน “ด้านล่างเชื่อมต่อกัน บทกวีต้องมีคำว่าบุปผา…”

“ข้ารู้ ! ข้อนี้ข้ารู้ ! ” ต่อจากนั้นเด็กชายที่ถูกบิดาแบกไว้บนบ่าก็ยกมือขึ้นแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

กู่เหนียงน้อยพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี “ได้ ! ผู้โชคดีท่านนี้คือผู้ชมอายุน้อยที่สุด เจ้าตัวน้อย เจ้าท่องกวีใดเป็นบ้าง ! ในบทกวีจะต้องมีคำว่าบุปผาด้วย ! ”

เด็กชายโดนคนอื่นมองด้วยแววตาริษยาจึงเริ่มรู้สึกแย่และก้มหน้ามองบิดาอย่างทำตัวไม่ถูก สุดท้ายภายใต้เสียงปลอบโยนของบิดา เขาก็เริ่มท่องบทกวีออกมาเสียงดังลั่น “ข้าจะท่องบทกวีรุ่งอรุณแห่งฤดูใบไม้ผลิของเมิ่งเฮ่าหราน

ใบไม้ผลิหลับไหลถึงรุ่งสาง

ทั่วทุกทางยินเสียงมวลปักษี

เสียงลมฝนพัดมาทั้งราตรี

ไม่ทราบดีว่าบุปผาโรยเพียงไร ! ”

“ว้าว ! ร้ายกาจมาก ! ” บทกวีนี้มีเด็กจำนวนมากท่องได้ แต่เสียงของกู่เหนียงคนนี้ก็ยังเต็มไปด้วยความชื่นชมราวกับว่าเป็นเรื่องร้ายกาจ “เจ้าหนูน้อยคนนี้ตอบถูก รางวัลเป็นเค้กสี่เหลี่ยมหนึ่งชิ้น ! ”

บิดาของเด็กชายพาเขาเบียดเข้าไปด้วยความยากลำบาก เด็กชายคว้ารางวัลที่ชิงมาได้ด้วยความตื่นเต้น ขณะเดียวกันก็พูดขอบคุณกู่เหนียงคนนั้นอย่างมีมารยาท จากนั้นสองพ่อลูกก็เดินกลับเข้ามาในฝูงชนภายใต้สายตาอิจฉาริษยาของชาวบ้านคนอื่น

ในเวลานี้หยวนเจี๋ยถูกเบียดมาอยู่ข้างสองพ่อลูกคู่นี้แล้วเช่นกัน เด็กน้อยหัวเราะอย่างมีความสุขพลางพูดกับบิดาว่า “ท่านพ่อ ! ข้างบนนี้มีดอกไม้เล็ก ๆ อยู่ด้วย มันสวยมากเลย ! ท่านพ่อ เราเอากลับไปกินพร้อมท่านแม่เถิด หากท่านแม่รู้ว่าข้าได้มาจากการท่องบทกวี นางจะต้องดีใจมาก ! ท่านพ่อขอรับ ต่อไปเวลาท่านให้ข้าจำตัวอักษรหรือท่องกวี ข้าจะไม่แอบอู้อีกแล้ว…”

หยวนเจี๋ยมองไปยังของในมือเด็กชาย…หืม ? นั่นคือดอกกุหลาบสีชมพูกลีบบานเป็นชั้น ดูละเอียดอ่อนและงดงามมาก ทั้งที่จมูกแทบจะแข็งเพราะความหนาวของภาคเหนือแล้วยังมีดอกไม้ที่สามารถเบ่งบานได้งามปานนี้อยู่อีกหรือ ?

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *