หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง 567 เสื้อบุนวมฝ้ายตัวน้อยขาด

Now you are reading หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง Chapter 567 เสื้อบุนวมฝ้ายตัวน้อยขาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 567 เสื้อบุนวมฝ้ายตัวน้อยขาด

องค์รัชทายาทถึงขั้นตรัสไม่ออก “…”

พระองค์เป็นถึงรัชทายาท หากไปรวมตัวเรียนทำขนมกับเด็กสาวอย่างพวกนาง มันจะเหมาะสมหรือไร ? แม้ตีให้ตายพระองค์ก็ไม่มีวันยอมรับว่าตนจะทำออกมาได้แย่กว่าน้องสาว…เนื่องจากภาพวาดและงานแกะสลักของพระองค์ล้วนได้รับคำชมจากราชครูทั้งสิ้น !

ฮ่องเต้หยวนชิงเห็นองค์หญิงน้อยกำลังอารมณ์เสีย จึงรีบหยิบเค้กครีมชิ้นน่าเกลียดที่สุดขึ้นมาแล้วตรัสว่า “นี่เป็นดอกไม้ดอกแรกที่เจียวเจียวของเราทำ มีความหมายมาก เจิ้นต้องชิมหน่อย…พวกเจ้าอย่ามาคิดแย่งกับเจิ้นเชียว ! ”

พอองค์หญิงน้อยเจียวเจียวได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มหน้าบานทันที “ฟู่หวงยังเป็นคนที่รักเจียวเจียวที่สุด ! เหมือนที่หมินอ๋องรักพี่เว่ยเว่ย ทั้งสองพระองค์เป็นบิดาที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้แล้วเพคะ ! ”

ฮองเฮาอดไม่ได้ที่จะส่ายดวงพักตร์พร้อมรอยยิ้ม “เจ้าช่างประจบเสียจริง ! ”

ฮ่องเต้หยวนชิงตักชิ้นใหญ่เข้าโอษฐ์ก่อนจะชิมไปพลางตรัสไปด้วย “เจ้ากำลังอิจฉา ! อิจฉาที่เจียวเจียวของเราสนิทกับเจิ้นล่ะสิ ! อร่อย ! อย่ามองว่าขนมนี้หน้าตาไม่เท่าไร แต่รสชาติคืออร่อยมาก ! โดยเฉพาะเนื้อสัมผัสด้านในนุ่ม ๆ ฟู ๆ นี้ ทั้งหอมทั้งหวาน อร่อยสุด ๆ ไปเลย ! สมแล้วที่เป็นบุตรสาวของเจิ้น ทำขนมครั้งแรกก็ทำออกมาได้ดีขนาดนี้แล้ว ! ”

องค์หญิงเจียวเจียวพูดด้วยความเขินอาย “นี่เรียกว่าขนมเค้กเพคะ พี่เว่ยเว่ยเป็นคนทำ…แต่ลูกเป็นคนหั่นขนมเค้กให้เป็นชิ้นสี่เหลี่ยม จากนั้นก็ทาครีมแล้วก็ทำดอกไม้ตกแต่งเอง ถ้าลองคิดแล้วก็ถือว่าลูกเป็นคนทำเพคะ ! ”

“แน่นอน ! องค์หญิงน้อยของพวกเราเก่งอยู่แล้ว ! ” ฮ่องเต้หยวนชิงตรัสชมโดยไม่ลังเล น้อยครั้งมากที่เจียวเจียวจะมีความสุขได้ขนาดนี้ พระองค์จึงไม่อยากทำลายความสุขของนาง

องค์หญิงน้อยเจียวเจียวมีความสุขจึงพูดต่อด้วยความกระตือรือร้น “ลูกยังเรียนทำไข่ตุ๋นกุ้งมาด้วยเพคะ ! ฟู่หวง หมู่โฮ่ว ประเดี๋ยวลูกจะไปที่ห้องเครื่องแล้วแสดงฝีมือให้พวกพระองค์ได้ชิมเพคะ ! ”

“หืม ? ” ฮ่องเต้หยวนชิงคิดถึงฝีมือทำอาหารที่แทบเอาชีวิตคนได้ของฮองเฮา จึงกลัวว่าบุตรสาวจะไร้พรสวรรค์ด้านการทำอาหารเหมือนมารดา จึงรีบตรัสว่า “วันนี้ก็ดึกแล้ว วันหลังค่อยทำแล้วกัน ? ”

“ไม่ดึก ไม่ดึก ! อาหารชนิดนี้ทำง่ายมาก ประเดี๋ยวก็เสร็จแล้วเพคะ ! ” องค์หญิงเจียวเจียวกำลังเพ้อฝัน จากนั้นก็วิ่งออกไปทันที

ฮองเฮาทอดพระเนตรดวงพักตร์ที่เศร้าหมองของฮ่องเต้แล้วอดไม่ได้ที่จะแย้มพระสรวลออกมา “ใครให้พระองค์ตรัสชมล่ะเพคะ ! อีกประเดี๋ยวไข่ตุ๋นกุ้งเสร็จแล้วพระองค์ต้องเสวยให้หมด ! ไม่อย่างนั้นองค์หญิงน้อยของเราต้องเสียใจแน่ ! ”

องค์รัชทายาทกลัวว่าพระอามาศัยที่รักษาด้วยความยากลำบากของฟู่หวงจะเป็นอะไรไปอีก จึงรีบตรัสว่า “ฟู่หวงไม่ต้องกังวล ประเดี๋ยวเอ๋อร์เฉินจะช่วยแบ่งเบาภาระเอง…ถ้าอย่างไร…เราเรียกพี่ชายเจ็ดเข้าวังเพื่อมาเสวยด้วยกันดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ”

“ใช่ ใช่ ! ให้คนไปตามเจ้าเจ็ดที่ตำหนัก เรียกเขาเข้าวังโดยบอกว่า…เจียวเจียวเรียนทำขนมแบบใหม่และรสชาติดีมาก ให้เขามาลองชิม ! ” ฮ่องเต้หยวนชิงรู้สึกปวดหทัย หวังว่าบุตรสาวจะทำไข่ตุ๋นกุ้งออกมาน้อยหน่อย ทรงลูบพระอุทร (หน้าท้อง) ตอนนี้จะดื่มชาผลไม้บำรุงกระเพาะก่อนดีหรือไม่ ?

ไฉนเลยพวกพ่อครัวในห้องเครื่องจะให้องค์หญิงเจียวเจียวลงมือทำเอง ท้ายที่สุดองค์หญิงก็ได้แต่ออกคำสั่ง ส่วนพวกเขาลงมือทำ จึงเป็นธรรมดาที่รสชาติของไข่ตุ๋นกุ้งจะไม่แย่ ฮ่องเต้หยวนชิงและองค์รัชทายาทจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เมื่อองค์ชายเจ็ดเข้าวังมาแล้วก็เสวยเค้กครีมที่องค์หญิงเจียวเจียวนำกลับมาด้วยหมดภายในชั่วอึดใจ หลังกลับมาจากห้องเครื่องแล้ว องค์หญิงเจียวเจียวก็มองกล่องอาหารอันว่างเปล่าด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยแล้วหันไปมององค์ชายเจ็ดด้วยสายตาตำหนิ

องค์ชายเจ็ดเห็นสภาพใกล้ร้องไห้ของน้องสาวจึงตรัสด้วยความรู้สึกผิดอยู่บ้าง “คือ…ขนมอร่อยเกินไป ! ข้าไม่ทันระวัง ก็เลย…แต่ก็ไม่ใช่ข้าคนเดียว เพราะฟู่หวงกับรัชทายาทก็เสวยด้วย…เอาน่า เอาเถิด ! ประเดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าไปที่เมืองฝั่งตะวันออกแล้วซื้อเค้กพุทราแดงที่เจ้าชอบมาให้ ดีหรือไม่ ? ”

องค์หญิงเจียวเจียวมุ่ยโอษฐ์ “ตอนนี้เค้กพุทราแดงไม่ใช่ขนมที่หม่อมฉันชอบที่สุดแล้ว ! อีกอย่างคือพรุ่งนี้พระองค์ก็จะหาซื้อเค้กพุทราแดงไม่ได้อีกแล้ว ! เพราะแม่ค้าที่ขายเค้กพุทราแดงเป็นสาวใช้ของพี่เว่ยเว่ย นางพาคนกลับตำหนักหมินอ๋องแล้ว ! อ้อ จริงสิ ! ขนมที่หม่อมฉันเอากลับมาในวันนี้กับเค้กพุทราแดง ต่อไปจะหาซื้อได้ที่ร้านเถียนมี่ฉือกวง แล้วยังมีขนมอื่น ๆ อีกมากมาย พี่ชายเจ็ด หากพระองค์อยากชดเชยให้หม่อมฉันจริง ๆ ก็ซื้อเข้าวังมาเยอะ ๆ หน่อยเพคะ ! ”

“ร้านเถียนมี่ฉือกวง ? เถียนมี่ฉือกวงอะไร ? ” องค์ชายเจ็ดและองค์รัชทายาทหันไปทอดพระเนตรนางอย่างพร้อมเพรียง ดวงเนตรเต็มไปด้วยความสงสัยและอยากรู้อยากเห็น

องค์หญิงเจียวเจียวตอบด้วยความภาคภูมิใจ “พวกพระองค์ไม่ทราบเรื่องนี้หรอกหรือ ? พี่เว่ยเว่ยร่วมลงทุนกับผู้อื่นเปิดร้านขนมขึ้นมา มีนามว่า ‘ร้านเถียนมี่ฉือกวง’ จริงสิ ร้านตั้งอยู่ที่เมืองฝั่งตะวันตก เป็นร้านค้าสินเดิมของเสด็จอาสะใภ้หมินหวางเฟย ตอนนี้เริ่มปรับปรุงแล้ว ก่อนปีใหม่ก็น่าจะเปิดกิจการได้ ! แล้วยังมีเมล็ดสนปากอ้าที่พี่ชายเจ็ดเคยซื้อกลับมาด้วย ประเดี๋ยวก็จะมีร้านค้าเฉพาะเปิดในเมืองหลวงแล้วเพคะ ! ”

องค์ชายเจ็ดคิดได้ว่าเมล็ดสนปากอ้าถูกขนมาจากภาคเหนือ จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ร้านขายเมล็ดสนปากอ้านี้คงไม่ใช่ร้านที่พี่เว่ยเว่ยของเจ้าเปิดร่วมกับคนอื่นอีกกระมัง ? ”

“ใช่เพคะ ! เมล็ดสนปากอ้าเป็นสูตรลับของพี่เว่ยเว่ย นางขายสูตรเพื่อแบ่งเงินปันผล ! นอกจากเมล็ดสนปากอ้าแล้วยังมีเมล็ดทานตะวันหลากหลายรสชาติ เช่น รสนม รสห้าเครื่องเทศ รสสมุนไพรทั้งสิบสามชนิด รสคาราเมล…พี่เว่ยเว่ยยังบอกว่ารอให้ร้านเปิดแล้ว นางจะให้บัตรส่วนลดกับหม่อมฉัน จะเอาไปใช้ที่ร้านขนมและร้านเมล็ดถั่วคั่วพร้อมกันเลยก็ได้ ทั้งยังได้ส่วนลดถึงสองในสิบส่วนเลยเพคะ ! ” องค์หญิงเจียวเจียวมององค์ชายเจ็ดด้วยความภาคภูมิใจ คล้ายกำลังบอกว่า…เห็นหรือไม่ พี่เว่ยเว่ยดีกับหม่อมฉันใช่ไหม ? เชิญพระองค์อิจฉาต่อไปเถิด !

องค์ชายเจ็ดบ่นพึมพำเบา ๆ “แค่สองส่วน! ถ้านางใจกว้างจริง ๆ เหตุใดไม่ให้บัตรกินโดยไม่จ่ายเงินกับเจ้าเลยล่ะ ? อีกอย่างคือเวลาข้าจะซื้ออะไรก็ไม่เห็นต้องสนใจส่วนลดอะไรนั่นเลย ? ”

“ฮึ ! พระองค์กำลังอิจฉาที่หม่อมฉันมีบัตรส่วนลดแต่พระองค์ไม่มี ! ” องค์หญิงเจียวเจียวพูดจี้ใจดำ “การที่พี่เว่ยเว่ยร่วมลงทุนเปิดร้านกับคนอื่นเพราะอยากได้เงิน ขายให้คนอื่นโดยไม่จ่ายเงินอย่างที่พระองค์ตรัสก็จะขาดทุนเอาน่ะสิ ! พี่ชายเจ็ดอย่าเปิดร้านขายอะไรเลย ไม่อย่างนั้นต้องมีวันที่พระองค์ขาดทุนย่อยยับ ! ”

องค์ชายเจ็ดตรัสอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของข้าหรือนางกันแน่ ? เหตุใดถึงเอาแต่พูดเข้าข้างนาง ? ”

องค์หญิงเจียวเจียวหัวเราะคิกคัก “หม่อมฉันก็อยากมีพี่สาวแท้ ๆ ที่เก่งขนาดนั้นเหมือนกัน ! ทำขนมอร่อยให้กินทุกวัน ยังมีอาหารรสเลิศ อีกทั้งยังปกป้องหม่อมฉันได้ ! น่าเสียดายที่หมินอ๋องไม่มีทางเห็นด้วยกับการที่จะให้พี่เว่ยเว่ยเข้าวังมาเป็นบุตรสาวของฟู่หวง ! ”

ฮ่องเต้หยวนชิงแย้มโอษฐ์ “เจ้าไม่เคยคิดว่าจะไปเป็นบุตรสาวให้หมินอ๋องแทนหรือ ? ”

องค์หญิงเจียวเจียวถอนหายใจ “คิดก็เคยคิดอยู่หรอกเพคะ แต่ฟู่หวงมีองค์หญิงน้อยอย่างหม่อมฉันแค่คนเดียว ถ้าหม่อมฉันอยู่ด้วย พระองค์ที่ทรงงานจนหัวหมุน อย่างน้อยก็จะได้มีหม่อมฉันคอยสร้างความสุขให้เพคะ ไม่อย่างนั้นพระองค์ได้เปลี่ยนเป็นคนเงียบขรึมไร้ชีวิตชีวากว่าเดิมแน่ ? ”

“ใช่ ใช่ ใช่ ! เจียวเจียวพูดถูกที่สุด ! ” ฮ่องเต้หยวนชิงแย้มพระสรวลดังลั่น บุตรสาวพูดถูก นางคือตัวสร้างความสุขน้อย ๆ ของพระองค์ !

องค์หญิงเจียวเจียวมองไปยังฮองเฮาและฮ่องเต้ “ฟู่หวง หมู่โฮ่ว พวกพระองค์จะคลอดองค์หญิงน้อยออกมาอีกได้หรือไม่เพคะ ? เพราะถ้าเป็นแบบนั้นลูกก็จะได้ไปอยู่ที่ตำหนักหมินอ๋องระยะยาวและคบหากับพี่เว่ยเว่ยได้นาน ๆ แล้ว ! ”ตอนที่ 567 เสื้อบุนวมฝ้ายตัวน้อยขาด

องค์รัชทายาทถึงขั้นตรัสไม่ออก “…”

พระองค์เป็นถึงรัชทายาท หากไปรวมตัวเรียนทำขนมกับเด็กสาวอย่างพวกนาง มันจะเหมาะสมหรือไร ? แม้ตีให้ตายพระองค์ก็ไม่มีวันยอมรับว่าตนจะทำออกมาได้แย่กว่าน้องสาว…เนื่องจากภาพวาดและงานแกะสลักของพระองค์ล้วนได้รับคำชมจากราชครูทั้งสิ้น !

ฮ่องเต้หยวนชิงเห็นองค์หญิงน้อยกำลังอารมณ์เสีย จึงรีบหยิบเค้กครีมชิ้นน่าเกลียดที่สุดขึ้นมาแล้วตรัสว่า “นี่เป็นดอกไม้ดอกแรกที่เจียวเจียวของเราทำ มีความหมายมาก เจิ้นต้องชิมหน่อย…พวกเจ้าอย่ามาคิดแย่งกับเจิ้นเชียว ! ”

พอองค์หญิงน้อยเจียวเจียวได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มหน้าบานทันที “ฟู่หวงยังเป็นคนที่รักเจียวเจียวที่สุด ! เหมือนที่หมินอ๋องรักพี่เว่ยเว่ย ทั้งสองพระองค์เป็นบิดาที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้แล้วเพคะ ! ”

ฮองเฮาอดไม่ได้ที่จะส่ายดวงพักตร์พร้อมรอยยิ้ม “เจ้าช่างประจบเสียจริง ! ”

ฮ่องเต้หยวนชิงตักชิ้นใหญ่เข้าโอษฐ์ก่อนจะชิมไปพลางตรัสไปด้วย “เจ้ากำลังอิจฉา ! อิจฉาที่เจียวเจียวของเราสนิทกับเจิ้นล่ะสิ ! อร่อย ! อย่ามองว่าขนมนี้หน้าตาไม่เท่าไร แต่รสชาติคืออร่อยมาก ! โดยเฉพาะเนื้อสัมผัสด้านในนุ่ม ๆ ฟู ๆ นี้ ทั้งหอมทั้งหวาน อร่อยสุด ๆ ไปเลย ! สมแล้วที่เป็นบุตรสาวของเจิ้น ทำขนมครั้งแรกก็ทำออกมาได้ดีขนาดนี้แล้ว ! ”

องค์หญิงเจียวเจียวพูดด้วยความเขินอาย “นี่เรียกว่าขนมเค้กเพคะ พี่เว่ยเว่ยเป็นคนทำ…แต่ลูกเป็นคนหั่นขนมเค้กให้เป็นชิ้นสี่เหลี่ยม จากนั้นก็ทาครีมแล้วก็ทำดอกไม้ตกแต่งเอง ถ้าลองคิดแล้วก็ถือว่าลูกเป็นคนทำเพคะ ! ”

“แน่นอน ! องค์หญิงน้อยของพวกเราเก่งอยู่แล้ว ! ” ฮ่องเต้หยวนชิงตรัสชมโดยไม่ลังเล น้อยครั้งมากที่เจียวเจียวจะมีความสุขได้ขนาดนี้ พระองค์จึงไม่อยากทำลายความสุขของนาง

องค์หญิงน้อยเจียวเจียวมีความสุขจึงพูดต่อด้วยความกระตือรือร้น “ลูกยังเรียนทำไข่ตุ๋นกุ้งมาด้วยเพคะ ! ฟู่หวง หมู่โฮ่ว ประเดี๋ยวลูกจะไปที่ห้องเครื่องแล้วแสดงฝีมือให้พวกพระองค์ได้ชิมเพคะ ! ”

“หืม ? ” ฮ่องเต้หยวนชิงคิดถึงฝีมือทำอาหารที่แทบเอาชีวิตคนได้ของฮองเฮา จึงกลัวว่าบุตรสาวจะไร้พรสวรรค์ด้านการทำอาหารเหมือนมารดา จึงรีบตรัสว่า “วันนี้ก็ดึกแล้ว วันหลังค่อยทำแล้วกัน ? ”

“ไม่ดึก ไม่ดึก ! อาหารชนิดนี้ทำง่ายมาก ประเดี๋ยวก็เสร็จแล้วเพคะ ! ” องค์หญิงเจียวเจียวกำลังเพ้อฝัน จากนั้นก็วิ่งออกไปทันที

ฮองเฮาทอดพระเนตรดวงพักตร์ที่เศร้าหมองของฮ่องเต้แล้วอดไม่ได้ที่จะแย้มพระสรวลออกมา “ใครให้พระองค์ตรัสชมล่ะเพคะ ! อีกประเดี๋ยวไข่ตุ๋นกุ้งเสร็จแล้วพระองค์ต้องเสวยให้หมด ! ไม่อย่างนั้นองค์หญิงน้อยของเราต้องเสียใจแน่ ! ”

องค์รัชทายาทกลัวว่าพระอามาศัยที่รักษาด้วยความยากลำบากของฟู่หวงจะเป็นอะไรไปอีก จึงรีบตรัสว่า “ฟู่หวงไม่ต้องกังวล ประเดี๋ยวเอ๋อร์เฉินจะช่วยแบ่งเบาภาระเอง…ถ้าอย่างไร…เราเรียกพี่ชายเจ็ดเข้าวังเพื่อมาเสวยด้วยกันดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ”

“ใช่ ใช่ ! ให้คนไปตามเจ้าเจ็ดที่ตำหนัก เรียกเขาเข้าวังโดยบอกว่า…เจียวเจียวเรียนทำขนมแบบใหม่และรสชาติดีมาก ให้เขามาลองชิม ! ” ฮ่องเต้หยวนชิงรู้สึกปวดหทัย หวังว่าบุตรสาวจะทำไข่ตุ๋นกุ้งออกมาน้อยหน่อย ทรงลูบพระอุทร (หน้าท้อง) ตอนนี้จะดื่มชาผลไม้บำรุงกระเพาะก่อนดีหรือไม่ ?

ไฉนเลยพวกพ่อครัวในห้องเครื่องจะให้องค์หญิงเจียวเจียวลงมือทำเอง ท้ายที่สุดองค์หญิงก็ได้แต่ออกคำสั่ง ส่วนพวกเขาลงมือทำ จึงเป็นธรรมดาที่รสชาติของไข่ตุ๋นกุ้งจะไม่แย่ ฮ่องเต้หยวนชิงและองค์รัชทายาทจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เมื่อองค์ชายเจ็ดเข้าวังมาแล้วก็เสวยเค้กครีมที่องค์หญิงเจียวเจียวนำกลับมาด้วยหมดภายในชั่วอึดใจ หลังกลับมาจากห้องเครื่องแล้ว องค์หญิงเจียวเจียวก็มองกล่องอาหารอันว่างเปล่าด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยแล้วหันไปมององค์ชายเจ็ดด้วยสายตาตำหนิ

องค์ชายเจ็ดเห็นสภาพใกล้ร้องไห้ของน้องสาวจึงตรัสด้วยความรู้สึกผิดอยู่บ้าง “คือ…ขนมอร่อยเกินไป ! ข้าไม่ทันระวัง ก็เลย…แต่ก็ไม่ใช่ข้าคนเดียว เพราะฟู่หวงกับรัชทายาทก็เสวยด้วย…เอาน่า เอาเถิด ! ประเดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าไปที่เมืองฝั่งตะวันออกแล้วซื้อเค้กพุทราแดงที่เจ้าชอบมาให้ ดีหรือไม่ ? ”

องค์หญิงเจียวเจียวมุ่ยโอษฐ์ “ตอนนี้เค้กพุทราแดงไม่ใช่ขนมที่หม่อมฉันชอบที่สุดแล้ว ! อีกอย่างคือพรุ่งนี้พระองค์ก็จะหาซื้อเค้กพุทราแดงไม่ได้อีกแล้ว ! เพราะแม่ค้าที่ขายเค้กพุทราแดงเป็นสาวใช้ของพี่เว่ยเว่ย นางพาคนกลับตำหนักหมินอ๋องแล้ว ! อ้อ จริงสิ ! ขนมที่หม่อมฉันเอากลับมาในวันนี้กับเค้กพุทราแดง ต่อไปจะหาซื้อได้ที่ร้านเถียนมี่ฉือกวง แล้วยังมีขนมอื่น ๆ อีกมากมาย พี่ชายเจ็ด หากพระองค์อยากชดเชยให้หม่อมฉันจริง ๆ ก็ซื้อเข้าวังมาเยอะ ๆ หน่อยเพคะ ! ”

“ร้านเถียนมี่ฉือกวง ? เถียนมี่ฉือกวงอะไร ? ” องค์ชายเจ็ดและองค์รัชทายาทหันไปทอดพระเนตรนางอย่างพร้อมเพรียง ดวงเนตรเต็มไปด้วยความสงสัยและอยากรู้อยากเห็น

องค์หญิงเจียวเจียวตอบด้วยความภาคภูมิใจ “พวกพระองค์ไม่ทราบเรื่องนี้หรอกหรือ ? พี่เว่ยเว่ยร่วมลงทุนกับผู้อื่นเปิดร้านขนมขึ้นมา มีนามว่า ‘ร้านเถียนมี่ฉือกวง’ จริงสิ ร้านตั้งอยู่ที่เมืองฝั่งตะวันตก เป็นร้านค้าสินเดิมของเสด็จอาสะใภ้หมินหวางเฟย ตอนนี้เริ่มปรับปรุงแล้ว ก่อนปีใหม่ก็น่าจะเปิดกิจการได้ ! แล้วยังมีเมล็ดสนปากอ้าที่พี่ชายเจ็ดเคยซื้อกลับมาด้วย ประเดี๋ยวก็จะมีร้านค้าเฉพาะเปิดในเมืองหลวงแล้วเพคะ ! ”

องค์ชายเจ็ดคิดได้ว่าเมล็ดสนปากอ้าถูกขนมาจากภาคเหนือ จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ร้านขายเมล็ดสนปากอ้านี้คงไม่ใช่ร้านที่พี่เว่ยเว่ยของเจ้าเปิดร่วมกับคนอื่นอีกกระมัง ? ”

“ใช่เพคะ ! เมล็ดสนปากอ้าเป็นสูตรลับของพี่เว่ยเว่ย นางขายสูตรเพื่อแบ่งเงินปันผล ! นอกจากเมล็ดสนปากอ้าแล้วยังมีเมล็ดทานตะวันหลากหลายรสชาติ เช่น รสนม รสห้าเครื่องเทศ รสสมุนไพรทั้งสิบสามชนิด รสคาราเมล…พี่เว่ยเว่ยยังบอกว่ารอให้ร้านเปิดแล้ว นางจะให้บัตรส่วนลดกับหม่อมฉัน จะเอาไปใช้ที่ร้านขนมและร้านเมล็ดถั่วคั่วพร้อมกันเลยก็ได้ ทั้งยังได้ส่วนลดถึงสองในสิบส่วนเลยเพคะ ! ” องค์หญิงเจียวเจียวมององค์ชายเจ็ดด้วยความภาคภูมิใจ คล้ายกำลังบอกว่า…เห็นหรือไม่ พี่เว่ยเว่ยดีกับหม่อมฉันใช่ไหม ? เชิญพระองค์อิจฉาต่อไปเถิด !

องค์ชายเจ็ดบ่นพึมพำเบา ๆ “แค่สองส่วน! ถ้านางใจกว้างจริง ๆ เหตุใดไม่ให้บัตรกินโดยไม่จ่ายเงินกับเจ้าเลยล่ะ ? อีกอย่างคือเวลาข้าจะซื้ออะไรก็ไม่เห็นต้องสนใจส่วนลดอะไรนั่นเลย ? ”

“ฮึ ! พระองค์กำลังอิจฉาที่หม่อมฉันมีบัตรส่วนลดแต่พระองค์ไม่มี ! ” องค์หญิงเจียวเจียวพูดจี้ใจดำ “การที่พี่เว่ยเว่ยร่วมลงทุนเปิดร้านกับคนอื่นเพราะอยากได้เงิน ขายให้คนอื่นโดยไม่จ่ายเงินอย่างที่พระองค์ตรัสก็จะขาดทุนเอาน่ะสิ ! พี่ชายเจ็ดอย่าเปิดร้านขายอะไรเลย ไม่อย่างนั้นต้องมีวันที่พระองค์ขาดทุนย่อยยับ ! ”

องค์ชายเจ็ดตรัสอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของข้าหรือนางกันแน่ ? เหตุใดถึงเอาแต่พูดเข้าข้างนาง ? ”

องค์หญิงเจียวเจียวหัวเราะคิกคัก “หม่อมฉันก็อยากมีพี่สาวแท้ ๆ ที่เก่งขนาดนั้นเหมือนกัน ! ทำขนมอร่อยให้กินทุกวัน ยังมีอาหารรสเลิศ อีกทั้งยังปกป้องหม่อมฉันได้ ! น่าเสียดายที่หมินอ๋องไม่มีทางเห็นด้วยกับการที่จะให้พี่เว่ยเว่ยเข้าวังมาเป็นบุตรสาวของฟู่หวง ! ”

ฮ่องเต้หยวนชิงแย้มโอษฐ์ “เจ้าไม่เคยคิดว่าจะไปเป็นบุตรสาวให้หมินอ๋องแทนหรือ ? ”

องค์หญิงเจียวเจียวถอนหายใจ “คิดก็เคยคิดอยู่หรอกเพคะ แต่ฟู่หวงมีองค์หญิงน้อยอย่างหม่อมฉันแค่คนเดียว ถ้าหม่อมฉันอยู่ด้วย พระองค์ที่ทรงงานจนหัวหมุน อย่างน้อยก็จะได้มีหม่อมฉันคอยสร้างความสุขให้เพคะ ไม่อย่างนั้นพระองค์ได้เปลี่ยนเป็นคนเงียบขรึมไร้ชีวิตชีวากว่าเดิมแน่ ? ”

“ใช่ ใช่ ใช่ ! เจียวเจียวพูดถูกที่สุด ! ” ฮ่องเต้หยวนชิงแย้มพระสรวลดังลั่น บุตรสาวพูดถูก นางคือตัวสร้างความสุขน้อย ๆ ของพระองค์ !

องค์หญิงเจียวเจียวมองไปยังฮองเฮาและฮ่องเต้ “ฟู่หวง หมู่โฮ่ว พวกพระองค์จะคลอดองค์หญิงน้อยออกมาอีกได้หรือไม่เพคะ ? เพราะถ้าเป็นแบบนั้นลูกก็จะได้ไปอยู่ที่ตำหนักหมินอ๋องระยะยาวและคบหากับพี่เว่ยเว่ยได้นาน ๆ แล้ว ! ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด