หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง 94 หรือต้องเลี้ยงดูมนุษย์ผู้นี้ ?

Now you are reading หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง Chapter 94 หรือต้องเลี้ยงดูมนุษย์ผู้นี้ ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เจ้าเทาที่เพิ่งได้รับตำแหน่งจ่าฝูงใช้สายตาอันสุขุมและสูงส่งของมันมองไปยังมนุษย์ตรงหน้าที่กำลังตื่นเต้นดีใจสุดฤทธิ์ เฮอะ เจ้ามนุษย์ผู้นี้ แค่เหยื่อตัวเดียวถึงกับดีใจเพียงนี้เชียวหรือ ? ช่างเลี้ยงง่ายเสียจริง ! มันรู้ว่าพื้นที่เชิงเขาของพวกเจ้าประสบภัยแล้งและเห็นแก่ที่เจ้าเคยช่วยชีวิตมันไว้ มันจึงอยากเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารบ้าง ! ก็แค่สัตว์ที่ล่ามาให้สามสี่วันครั้งเท่านั้นเอง…

หลินเว่ยเว่ยไม่รู้ว่าตนเองกำลังถูก ‘เลี้ยงดู’ โดยหมาป่าเพราะมันต้องการตอบแทนนาง นางตักน้ำในมิติน้ำพุวิญญาณมาให้เจ้าเทาดื่ม จากนั้นก็นั่งมองมันดื่มน้ำไปกว่าครึ่งชาม บนภูเขาคงไม่ขาดแคลนน้ำแล้วเหตุใดมันจึงดื่มเหมือนหมาป่าที่ไม่เคยดื่มน้ำมาก่อน

เจ้าเทาเลียน้ำจากในมิติน้ำพุวิญญาณอย่างพอใจ ‘อย่างน้อยการเลี้ยงดูเจ้ามนุษย์ผู้นี้ก็ใช่ว่าไร้ประโยชน์เสียหน่อย มันได้ดื่มน้ำแสนวิเศษของนาง หากไม่ใช่เพราะน้ำสุดวิเศษนี้ อาการบาดเจ็บของมันก็คงไม่หายเร็วเพียงนี้และบางทีมันก็อาจไม่สามารถแก้แค้นได้เร็วจนชิงตำแหน่งจ่าฝูงมาได้ ! ’

‘เฮ้อ มันจะนำเจ้ามนุษย์ไปเลี้ยงบนภูเขาดีหรือไม่ ? เช่นนี้มันจะได้กินน้ำสุดวิเศษของนางทุกวัน ! ’ เจ้าเทาชำเลืองมองพี่สาวของหลินเว่ยเว่ย สุดท้ายมันก็ล้มเลิกความคิดนั้นไป ‘ช่างเถิด ! เจ้ามนุษย์ยังมีเผ่าของนางเช่นเดียวกัน หากพาเข้าไปในป่าลึกอาจไม่ชินกับสภาพแวดล้อมที่นั่น หากมันเลี้ยงแล้วเจ้ามนุษย์ตายขึ้นมา ต่อไปนี้มันก็คงไม่ได้กินน้ำสุดวิเศษอีกแล้ว ! ’

หลังกินน้ำจนอิ่มแล้ว เจ้าเทาก็สะบัดขนที่ถูกมนุษย์กอดขย้ำจนฟูฟ่อง จากนั้นมันก็หันไปมองนางครู่หนึ่งแล้วรีบวิ่งออกจากสวนหลังบ้านและหายตัวไปทางภูเขาด้านหลัง

นางหวงถือตะเกียงเดินมาที่สวนหลังบ้าน เมื่อเห็นว่าหลินเว่ยเว่ยก็อยู่ตรงนี้ด้วย นางจึงถามด้วยความสงสัย เหตุใดเจ้าสองพี่น้องไม่หลับไม่นอน ดึกดื่นเพียงนี้พากันมาทำอันใดที่สวนหลังบ้าน ?

หลินเว่ยเว่ยเดินเข้ามาประคองแขนของมารดาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจำได้หรือไม่ว่าข้าเคยช่วยชีวิตหมาป่าสีเทาไว้ตัวหนึ่ง ? ตอนนี้อาการบาดเจ็บของมันหายดีแล้ว มันจึงกลายเป็นจ่าฝูง หมาป่าเป็นสัตว์ที่รู้คุณคน วันนี้มันจึงนำของขวัญมาตอบแทนบุญคุณแก่ข้า ท่านดูสิ…

นางหวงอาศัยแสงจันทร์มองไปยังกวางแดงที่เลือดบนตัวยังไม่ทันแห้งกรัง จากนั้นนางก็กล่าวด้วยความสงสัยระคนตกใจว่า ลูกหนอลูก เหตุใดเจ้าจึงใจกล้าเช่นนี้ เจ้ากล้าปล่อยหมาป่าเข้ามาในบ้านได้อย่างไร ? ถ้าเกิดมันไม่ใช่ตัวที่เจ้าเคยช่วยชีวิตเอาไว้เล่า ?

นั่นน่ะสิ ท่านแม่พูดถูก ! หลังจากที่หมาป่าไปแล้ว พี่สาวก็กลับมาปากเก่งอีกครา ถ้าตัวที่เข้ามาเป็นหมาป่าตัวอื่น เช่นนั้นไม่เท่ากับว่าเจ้าทำร้ายครอบครัวของเราเลยหรือ ?

หลินเว่ยเว่ยตวัดสายตามองด้วยความขุ่นเคือง ถ้าเป็นหมาป่าตัวอื่น ป่านนี้ตัวที่นอนอยู่บนพื้นก็คงไม่ใช่กวางแดง แต่เป็นหมาป่าที่เข้ามาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวนั่นแล้ว ! คนเช่นข้า เรื่องความสามารถอื่นไม่กล้ากล่าวถึงหรอก แต่ข้าขอบอกเลยว่าการฆ่าหมาป่าสักตัว ไม่ใช่เรื่องยากอันใดสำหรับข้า !

พี่สาวได้ยินเช่นนั้นก็มุ่ยปาก ท่านแม่เจ้าคะ ท่านดูนางสิ ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ สรุปแล้วผู้ใดเป็นพี่คนโตกันแน่ ?

คนเป็นพี่ก็ต้องมีภูมิฐานเหมือนคนเป็นพี่หน่อยสิ อย่าเอาแต่ทำหน้าบึ้งตึง พูดจาว่าร้ายกับน้องของตน เจ้าทำราวกับว่าข้าติดเงินเจ้าเช่นนั้นแหละ ! หลินเว่ยเว่ยยกกวางแดงขึ้นมาพาดบ่าอย่างสบาย ๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องใต้ดิน

เช้าวันต่อมา นางได้เล่าเรื่องการตอบแทนบุญคุณของจ่าฝูงหมาป่าให้เจ้าหนูน้อยฟังอย่างออกรสออกชาติ เจ้าหนูน้อยได้ฟังเช่นนั้นก็โวยวายอยู่พักหนึ่งว่าเหตุใดพี่ใหญ่กับพี่รองไม่ปลุกเขาให้ตื่น ทำให้เขาพลาดโอกาสทำความรู้จักกับจ่าฝูงหมาป่า

แต่หลังจากโวยวายได้สักพัก เขาก็วิ่งเข้าไปในห้องใต้ดินเพื่อดูกวางแดงตัวนั้น จากนั้นเขาก็หันมาถามหลินเว่ยเว่ยด้วยดวงตาที่เป็นประกาย พี่รอง ท่านจะเอากวางแดงตัวนี้ไปขายแลกเงินหรือเก็บไว้กิน ?

กิน ! กิน ! กิน ! เจ้ารู้จักแต่เรื่องกิน ! เจ้าช่วยกินให้น้อยลงหน่อยได้หรือไม่ ? หากยังกินเช่นนี้ต่อไปมีหวังได้ตัวอ้วนกลมแน่ ! พี่สาวคนโตบีบแก้มตุ้ยนุ้ยของเจ้าหนูน้อยด้วยความหมั่นไส้

นางหวงครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า ระยะนี้อากาศร้อน คงเก็บเนื้อได้ยาก เอาไปขายเถิด…เจ้ารอง เจ้ามีความเห็นเช่นไรบ้าง ?

หลินเว่ยเว่ยนึกถึงเนื้อแผ่นที่นางเคยกินเมื่อชาติที่แล้ว หากใช้เนื้อกวางมาทำ รสชาติจะอร่อยกว่าเดิมหรือไม่ ? นางลูบศีรษะของเจ้าหนูน้อยด้วยความรักเอ็นดูแล้วกล่าวว่า ข้าอยากลองทำเนื้อกวางตากแห้ง แล้วพรุ่งนี้จะลองเข้าเมืองไปถามอาเถียนว่าเขารับซื้อหรือไม่ ?

ผิวหนัง กระดูกอ่อน เอ็นข้อ หัวใจ หางและกระดูกของกวางล้วนมีสรรพคุณทางยาทั้งสิ้น หลินเว่ยเว่ยจึงคิดว่าจะนำไปมอบให้หมอเหลียง เพราะคราที่แล้วตอนเตรียมยาให้มารดา นอกจากโสมคนและเขากวางอ่อนแล้วตัวยาอื่น ๆ ล้วนเป็นของหมอเหลียงทั้งหมด แถมเขายังไม่รับเงินจากนางซักอีแปะเดียว ดังนั้นหลินเว่ยเว่ยจึงตั้งใจตอบแทนเขา !

นางเก็บเส้นเอ็นของกวางไว้เท่านั้นเพราะตั้งใจว่าจะนำมาตุ๋นกับถั่วลิสงและพุทราแดงไว้ดื่มตอนกลางวัน มันไม่เพียงมีรสชาติอร่อยแต่ยังช่วยบำรุงกระดูกและบำรุงหยางชี่ได้ด้วย !

นางสับเนื้อกวางให้ละเอียดจากนั้นก็หมักในเครื่องเทศพิเศษทั้งห้าชนิดที่นางทำเองกับมือ แล้วทำตามขั้นตอนของการทำเนื้อแผ่น จากนั้นนำไปตากจนแห้ง เนื้อกวางที่ตากเสร็จแล้วมีความบางใสราวกับหยกเนื้อดี สีสันสดใส แวววาว มีกลิ่นหอมอย่างไม่น่าเชื่อ ชวนให้น้ำลายสอและเคี้ยวเพลินยิ่งนัก

หลังจากที่หลินเว่ยเว่ยทำเสร็จแล้วก็ยกมาให้บัณฑิตหนุ่มที่กำลังท่องตำราอยู่ในลานบ้านของนาง บัณฑิตน้อย เจ้าช่วยชิมได้หรือไม่ว่ายังขาดรสชาติใด ?

เจียงโม่หานน้ำลายสอ ไม่มีกะจิตกะใจท่องตำราตั้งแต่ได้กลิ่นเนื้อกวางแผ่นของนางแล้ว เขาหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเคี้ยวอย่างละเมียดละไม ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกมีความสุขกับรสชาติแสนอร่อยของเนื้อกวางแผ่น พอมองไปยังหลินเว่ยเว่ยที่ทำสีหน้าท่าทางคล้ายกำลังต้องการคำชม เขาจึงกล่าวอย่างเชื่องช้าแต่ชัดถ้อยชัดคำว่า เนื้อบางไม่หนาจนเกินไป รสชาติเค็มหวานกำลังดี เนื้อกรุบกรอบ อร่อย ! เพียงแต่รสนิยมของผู้คนไม่เหมือนกัน ดังนั้นต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย…

เขายังกล่าวไม่ทันจบก็โดนหลินเว่ยเว่ยใช้ตะหลิวตีจนทำให้เขาเกือบสำลักเนื้อแผ่น เจียงโม่หานได้แต่สงสัยว่าเด็กอ้วนผู้นี้จงใจหรือไม่ ?

หลินเว่ยเว่ยพูดอย่างตื่นเต้นว่า บัณฑิตน้อย คำแนะนำของเจ้าช่างดีเหลือเกิน ! พวกเราทำสองรสชาติก็ได้นี่ ทำรสเผ็ดกับรสหวานไปเลย !

เมื่อบอกว่าจะทำนางก็ทำ ! นอกจากขึ้นเขาไป ‘หยิบ’ ลูกท้อป่ามาเต็มกระบุงและไปเก็บผักป่ามาอีกสองกระบุงแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็ง่วนอยู่กับการทำเนื้อแผ่นทั้งวัน

ครอบครัวที่อาศัยอยู่ใกล้ปากทางเข้าหมู่บ้านกำลังน้ำลายสอไปกับการเคี่ยวน้ำผึ้งแสนหวาน ระหว่างที่นางทำเนื้อแผ่น กลิ่นหอมของเนื้อก็ลอยตลบอบอวลไปทั่วจนทำให้ชาวบ้านที่ทุกข์ยากกินไม่อิ่มท้องถึงขั้นเกิดความทรมาน !

โดยเฉพาะบรรดาเด็กตัวเล็ก ๆ ที่พากันมาเฝ้าอยู่หน้าประตูบ้านตระกูลหลินเพื่อหวังว่าจะมีส่วนแบ่งกับเขาบ้าง ทำให้บิดามารดาของเด็กน้อยเหล่านั้นต้องมาดึงหูบุตรหลานกลับไปเสียยกใหญ่

นางใช้เวลาตลอดทั้งวันตั้งแต่อาทิตย์ให้แสงสว่างจนลาลับขอบฟ้า หลินเว่ยเว่ยทำเนื้อแผ่นได้ถึง 30 ชั่ง วันต่อมาตอนที่นางเฝิงไปส่งสินค้าในเมืองก็ได้เอาเนื้อกวางแผ่นทั้งสามสิบชั่งติดไปด้วย ถึงอย่างนั้นนางก็ยังเป็นกังวลอยู่ดี เพราะราคาเนื้อกวางแผ่นที่เสี่ยวเว่ยตั้งไว้ค่อนข้างสูงพอสมควร

นางเฝิงมาถึงร้านขายขนม เวลานี้คุณชายหนิงก็อยู่ที่ร้านเช่นกัน หลังจากชั่งน้ำหนักลูกท้ออบแห้งและจ่ายเงินเสร็จสรรพแล้ว นางเฝิงก็งัดความกล้าออกมาถามเขาว่า คุณชายหนิง วันนี้ข้านำอาหารชนิดใหม่ติดมาด้วย ไม่ทราบว่าคุณชายหนิงอยากลองชิมหรือไม่ ?

หนิงตงเซิ่งได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสนใจขึ้นมา อาหารชนิดใหม่ ? หลินกู่เหนียงทำเค้กมาหรือ ?

นางเฝิงส่ายหน้าแล้วหยิบห่อกระดาษน้ำมันออกมา เมื่อวานเสี่ยวเว่ยบังเอิญล่ากวางแดงมาได้ นางจึงลองทำเนื้อกวางแผ่นตากแห้ง ชิ้นนี้เป็นรสเผ็ด ขอเชิญคุณชายหนิงลองชิม

คุณชายหนิงเปิดห่อกระดาษน้ำมันก็เห็นว่ามีเนื้อแผ่นสีแดงสดและใสที่มีกลิ่นหอมเข้มข้นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่ เขายังไม่ทันได้ชิม น้ำย่อยในกระเพาะก็เริ่มทำงานแล้ว เขาลองกัดชิมไปหนึ่งคำ ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาเพราะมันอร่อยมาก รสชาติเข้มข้น กรุบกรอบกำลังดี ชวนให้อยากอาหาร เรียกได้ว่าคืออาหารอันโอชะที่หาได้ยากยิ่งในใต้หล้าเลยก็ว่าได้ !

ตอนต่อไป

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *