หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง 442 สหายรักชั่วชีวิต

Now you are reading หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง Chapter 442 สหายรักชั่วชีวิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 442 สหายรักชั่วชีวิต

“พวกเจ้าตรงนั้น ! ไม่อ่านตำราอยู่ในห้องเรียน ออกมารวมตัวทำอะไรที่นี่ ? หากทะเลาะกันในสำนักศึกษา โทษสถานเบาคือฟ้องผู้ปกครองของพวกเจ้า แต่โทษสถานหนักคือโดนไล่ออก ! ”

อาจารย์ผู้ไว้เครามีสีหน้าจริงจัง เขาเดินเข้ามาพลางมองเด็กที่แบ่งแยกออกเป็นสองกลุ่มด้วยความเคร่งขรึม เด็กเหล่านี้ท่าทางดูเป็นมิตรกันยาก นี่เพิ่งเข้าเรียนได้ไม่เท่าไรก็จะก่อเรื่องกันแล้ว ? เขาจึงต้องตัดไฟแต่ต้นลม !

จางต้าหนิวที่ดูหยิ่งผยองเมื่อครู่ก็กลายเป็นเหมือนหนูที่เห็นแมวขึ้นมาทันที เข้ารีบหดคอแล้วพูดอย่างร้อนตัวว่า “ท่านอาจารย์หลิว พวกศิษย์ไม่ได้ทะเลาะกันขอรับ พวกศิษย์…ดีต่อกันมาก ! หลู่ซวน เจ้าว่าใช่หรือไม่ ? ”

เพื่อจะยืนยันคำพูดของตน จางต้าหนิวก็รีบยื่นมือไปคว้าไหล่หลู่ซวนเข้ามากอด แต่หลู่ซวนรีบสะบัดออกด้วยความรังเกียจ “ใครอยากจะดีกับคนที่ชอบรังแกผู้อ่อนแอกว่าอย่างเจ้า ? ”

“กลับห้องเดี๋ยวนี้ แล้ววันนี้จงนั่งคัดอักษร 50 จบ ! คัดไม่จบไม่ต้องกลับบ้าน ! ” อาจารย์หลิวเป็นอาจารย์มานานขนาดนี้แล้วจะโดนลูกไก่อย่างจางต้าหนิวหลอกได้อย่างไร ? เขาจึงลงโทษด้วยความโมโหทันที !

หลังได้ยินแบบนั้นหลู่ซวนก็โอดครวญขึ้นมา “อาจารย์ขอรับ เป็นจางต้าหนิวที่เข้ามาหาเรื่องก่อน ท่านแค่ลงโทษพวกเขาก็ได้แล้ว เหตุใดพวกศิษย์ต้อง…”

“ถ้ายังพูดมากอีกจะเพิ่มเป็นหนึ่งร้อยจบ ! ” อาจารย์หลิวถลึงตาใส่เขาด้วยความโมโห เจ้าเด็กพวกนี้ถ้าไม่สั่งสอนสักหน่อยก็ไม่มีทางทำตัวดี ๆ แน่นอน !

หลู่ซวนรีบพูด “ยะ อย่าขอรับ! ห้าสิบก็ห้าสิบ พวกศิษย์คัดก็ได้…”

ต่อจากนั้นเด็กกลุ่มหนึ่งก็เดินคอตกเข้าห้องเรียน เจ้าหนูน้อยที่เดินอยู่ท้ายสุดก็หยุดยืนตรงเบื้องหน้าอาจารย์หลิว เขาอ้ำอึ้งแต่แล้วสุดท้ายก็โค้งคารวะอาจารย์ด้วยความเคารพ “ท่านอาจารย์ขอรับ หลู่ซวนกับฉิงจิ้งหยูทำเพื่อศิษย์จึงได้ทะเลาะกับจางต้าหนิวขอรับ ถ้าอย่างไร…ศิษย์ขอคัดอักษรในส่วนของพวกเขา ศิษย์คนเดียวคัดอักษรหนึ่งร้อยห้าสิบจบได้หรือไม่ขอรับ ? ”

“หนึ่งร้อยห้าสิบจบ ? เจ้าอยากคัดจนมือพิการไปเลยหรือ ? ” อาจารย์หลิวชอบศิษย์ที่ขยันขันแข็งและมีพรสวรรค์เหนือผู้ใดคนนี้มาก

นานเท่าใดแล้วที่ไม่เจอเด็กขยันและมากด้วยพรสวรรค์ขนาดนี้ อยู่ในเขตชนบทที่ห่างไกลย่อมหาได้น้อยมาก เด็กคนล่าสุดที่เขายกนิ้วให้ก็สอบได้อั้นโฉ่วประจำการสอบเยวี่ยนซื่อของปีนี้

เขามองคนไม่ผิดแน่นอน เด็กคนนี้ไม่มีทางหยุดอยู่แค่ในเขตเล็ก ๆ แห่งนี้ ! ทว่ายิ่งเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์มากเท่าไร ก็ต้องเข้มงวดมากขึ้นเท่านั้น เขาไม่อยากให้เกิดโศกนาฏกรรมใดขึ้นตรงหน้าอีก

“ทำไมหรือ ? หลินจื่อถิง เจ้าไม่พอใจกับการลงโทษของอาจารย์หรืออย่างไร ? ” อาจารย์หลิวทำหน้าเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิมพร้อมใช้แววตาดุดันจับจ้องมาที่ตัวเด็กน้อย

เจ้าหนูน้อยรีบส่ายหน้า “ไม่ขอรับ ! ศิษย์ไม่ได้คัดค้านการตัดสินของอาจารย์ แต่…ทำให้สหายทั้งสองโดนลงโทษไปด้วย ศิษย์รู้สึกละอายใจขอรับ ! ”

“ในเมื่อรู้สึกละอายใจก็ใช้การกระทำชดเชยต่อพวกเขา ช่วงนี้หลู่ซวนกับฉิงจิ้งหยูพัฒนาขึ้นไม่น้อย ต่อไปเจ้าอ่านตำรากับพวกเขาบ่อย ๆ แล้วก่อเรื่องให้น้อยลงด้วย ! ถ้ายังมีใครกล้ารังแกเจ้าอีก เห็นอาจารย์อย่างพวกเราอยู่บนหิ้งกันหมดหรือ ? เจ้าหนู อย่าปล่อยให้ตัวเองขาดสติเพียงชั่ววูบ ไม่อย่างนั้นนอกจากตัวเองจะเจ็บก็ยังทำให้สหายลำบากไปด้วย” อาจารย์หลิวกลัวว่าเด็กตัวเล็กจะปะทะกับพวกจางต้าหนิวแล้วตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ !

เจ้าหนูน้อยพยักหน้าและโค้งคารวะอีกรอบ “ขอบคุณท่านอาจารย์ที่สั่งสอนขอรับ ! ”

วันนี้หลิวต้าซวนซึ่งทำหน้าที่มารับเจ้าหนูน้อยก็รออยู่หน้าประตูสำนักศึกษาได้พักใหญ่ จนเด็ก ๆ ในสำนักศึกษาออกมาเกือบหมดแล้ว เขาจึงเห็นเจ้าหนูน้อยและบรรดาสหายออกมาจากสำนักศึกษาอย่างไร้ชีวิตชีวา

“เกิดอะไรขึ้น ? โดนอาจารย์ตำหนิมาหรือ ? ” หลิวต้าซวนรีบปลอบ “ท่านอาจารย์หวังดีต่อพวกเจ้าถึงได้เข้มงวดขนาดนี้ กล่าวกันว่าอาจารย์เข้มงวด ศิษย์ย่อมได้ดี มีอาจารย์เช่นนี้ก็ถือว่าเป็นโชคดีของพวกเจ้า”

วังตงเฉียงกำหมัดแน่นด้วยความโมโหพร้อมเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ลุงต้าซวนฟัง “เจ้าเด็กในเมืองไม่กี่คนนั้นช่างน่ารังเกียจจริง ๆ เรียนหนังสือไม่เก่งเท่าเอ้อร์ฮว๋าก็มักเข้ามาหาเรื่องเขา เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าพวกนั้นเริ่มก่อน แต่ท่านอาจารย์กลับลงโทษแม้แต่เอ้อร์ฮว๋าไปด้วย…”

“ที่อาจารย์ลงโทษพวกเจ้าก็ต้องมีเหตุผล คัดอักษร 50 จบก็ทำให้พวกเจ้าเข้าใจอักษรที่เรียนในวันนี้มากกว่าเดิมและยิ่งเขียนอักษรได้คล่อง ไม่ถือว่าเสียเปล่าสักหน่อย ! ” เจ้าหนูน้อยพูดในแง่ดี

หลู่ซวนทำสีหน้าหดหู่ “จริง ! อักษรไม่กี่ตัวนี้ ทั้งชาติข้าไม่มีวันลืมแน่…หลินจื่อถิง มือข้างนี้ของข้าจะพิการแล้ว พรุ่งนี้ต้องบวมแน่ ๆ เจ้าอย่าลืมเอาน้ำผสมน้ำผึ้งป่ามาปลอบใจข้าด้วย ! ”

เฮอะ ! ขนาดนี้แล้วยังจำเรื่องน้ำผึ้งได้อีก ! เจ้าหนูน้อยพยักหน้าแล้วตบบ่าอันหนาหนักของอีกฝ่าย “วันนี้เจ้าต้องลำบากเพราะข้า ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าโดนลงโทษโดยเปล่าประโยชน์แน่นอน พรุ่งนี้ไม่ใช่แค่น้ำผสมน้ำผึ้งป่า แต่ข้าจะเอาคุกกี้สอดไส้แยมบลูเบอร์รี่มาให้ด้วย”

หลู่ซวนเป็นเหมือนของเล่นที่ได้รับพลังงานเต็มเปี่ยม เขารีบกลับมามีชีวิตชีวาทันที “คุกกี้สอดไส้แยมบลูเบอร์รี่ ? ขนมใหม่ของพี่รองหลิน ? แค่ชื่อก็น่ากินแล้ว…หลินจื่อหลิง ใช้ได้นี่ ! คุ้มค่าต่อการที่ข้าปกป้องเจ้าแล้ว ! ”

เจ้าหนูน้อยพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ พี่รองปลูกต้นสตรอเบอร์รี่ไว้ไม่น้อย ในอนาคตนอกจากคุกกี้สอดไส้แยมบลูเบอร์รี่แล้ว ยังมีไส้แยมสตรอเบอร์รี่และไส้ครีม พวกเจ้าอยากกินรสไหน ข้าก็จะเอามาให้ ! ”

หลู่ซวนรีบตบบ่าเขาแรง ๆ “สหายรักชั่วชีวิต ! ! ”

ฉิงจิ้งหยูทนเห็นเขาทำตัวโง่งมยามได้ยินเรื่องของกินไม่ได้ จึงลากตัวเขาออกไปทันที

ส่วนเจ้าหนูน้อยก็พาเสี่ยวร่างกับวังตงเฉียงกระโดดขึ้นรถม้า ทันใดนั้นรถม้าก็เคลื่อนตัวออกนอกตัวเมือง…

ในสำนักศึกษา อาจารย์หลิวค่อย ๆ เดินออกมา ขณะมองตามรถม้าที่เคลื่อนจากไป เขาก็ยกมือลูบเคราแล้วเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา…เขาได้ยินคำพูดนั้นของหลินจื่อถิง อืม มองคนไม่ผิดจริง ๆ !

ณ หมู่บ้านฉือหลี่โกว เด็กน้อย สตรี บุรุษและคนสูงอายุในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยกำลังมารวมตัวอยู่ที่ป่าต้นโอ๊กหลังบ้านตระกูลหลิน วันนี้อากาศแจ่มใส แดดเจิดจ้า เป็นวันที่บ้านสกุลหลินทำการย้ายหนอนไหมไปไว้ที่ต้นโอ๊ก

ในหมู่บ้านฉือหลี่โกวไม่เคยมีใครเลี้ยงหนอนไหมมาก่อน จึงมีคนจำนวนไม่น้อยมาเฝ้ามองด้วยความสงสัย แน่นอนว่าคนที่ตื่นเต้นที่สุดคือพี่สาวคนโตตระกูลหลิน เนื่องจากหนอนไหมชุดนี้คือความหวังทั้งหมดของนาง ในชั่วอึดใจที่นางได้เห็นก็คล้ายว่าน้องสาวได้วางอนาคตอันสดใสไว้ให้นางแล้ว

เพราะภัยแล้งในปีนี้ส่งผลให้การเจริญเติบโตของต้นโอ๊กได้รับผลกระทบไปด้วย การเพาะพันธุ์หนอนไหมและโรงงานทอผ้าของตระกูลเซวียก็ได้รับผลกระทบมาก แต่ต้นโอ๊กที่สกุลหลินย้ายมาปลูกตรงเนินเขาหลังบ้านกลับเจริญเติบโตได้ดี มันยืนต้นอย่างมีชีวิตชีวา ทำให้หนอนไหมที่เลี้ยงออกมาตัวอ้วนกลม ส่วนคนเลี้ยงก็ถูกใจกันสุด ๆ

ตอนที่พี่สาวคนโตไปเรียนวิธีสาวไหมกับกรอไหมจากตระกูลเซวีย อีกฝ่ายยังให้คำมั่นสัญญากับนางว่าหลังจากผ้าไหมของนางทอออกมาแล้ว สกุลเซวียจะรับซื้อในราคาสูง ต้องทราบก่อนว่าตระกูลเซวียแทบจะผูกขาดการค้าสิ่งทอในภาคเหนือทั้งหมดและมีการจัดหาสินค้าไปยัง 5 เมืองใหญ่ 18 อำเภอ เรียกว่าค้าขายดีชนิดไม่หวาดไม่ไหว

หากร่วมมือกับตระกูลเซวียก็เท่ากับสร้างใบรับประกันให้สินค้าของตน…พวกนางแค่ต้องทอผ้า ไม่ต้องกังวลเรื่องหาแหล่งรับซื้อ พี่สาวคนโตรู้ด้วยว่าที่สกุลเซวียทำแบบนี้ก็เพราะเห็นแก่หน้าคู่หมั้นน้องสาวคนรอง !

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *