หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง 268 จูบ กอด กอดแน่นแน่น

Now you are reading หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง Chapter 268 จูบ กอด กอดแน่นแน่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 268 จูบ กอด กอดแน่นแน่น

ในตอนที่ผู้ใหญ่บ้านพาน้องชายจากไป เขายังหันมากำชับนางอีกครั้งว่า “นางหนูรอง อย่าอวดดีเกินไปเพราะนั่นคือหมูป่าโตเต็มวัยเจ็ดแปดตัวเชียวนะ ! ”

“ท่านปู่ผู้ใหญ่บ้านวางใจเถิด ข้าวางแผนไว้ในใจแล้ว ! ”

หลินเว่ยเว่ยเดินมาส่งพวกเขา จากนั้นก็หมุนตัวกลับมา ก่อนจะเห็นสายตาที่ไม่เต็มไปด้วยเสียงคัดค้านหลายคู่

เจียงโม่หานเอ่ยเป็นคนแรก “เจ้าสัญญากับข้าว่าอย่างไร ? ”

นางหวงเอ่ยเป็นคนที่สอง “เจ้ารอง มันอันตรายเกินไป ไม่ได้เด็ดขาด ! ”

หลินจื่อเหยียนเอ่ยเป็นรายต่อมา “พี่รอง ข้ารู้ว่าท่านมีความคิดจะฆ่าหมูป่าเหล่านั้น ทว่าต้องใช้แรงมหาศาลเชียวนะ ! ”

เจ้าหนูน้อยกอดขาของนางเอาไว้ “พี่รอง อย่าไปเลย ! หมูป่าเหล่านั้นน่ากลัวจะตายไป ! ”

พี่สาวคนโตก็ไม่ได้เงียบ “ถ้าเจ้าอยากตาย ข้าก็จะไม่ขวาง ! หากเจ้าโชคไม่ดีแล้ว ว่าที่สามีรูปงามของเจ้าก็จะตกเป็นของตระกูลอื่น ! ”

อืม บุตรสาวคนโตตระกูลหลินนับว่าแน่จริง !

หลินเว่ยเว่ยดันใบหน้าที่ยื่นเข้ามาของพวกเขาไปทางอื่น “ในใจของทุกคนเห็นข้าไม่ได้เรื่องขนาดนั้นเชียวหรือ ? ”

ทุกคนพากันพยักหน้า หลินเว่ยเว่ยจึงโกรธเคืองเป็นอย่างมาก “เรื่องที่ข้ากระทำ เคยทำให้ทุกคนผิดหวังเมื่อใดบ้าง ? ”

“เจ้าก็เคยวิ่งขึ้นเขาแล้วตกน้ำตกท่าจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ! ” นั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนนางจะทะลุมิติมาต่างหาก คราวนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแน่นอน !

“เพื่อเก็บเห็ดหลินจือ เจ้าก็พาบัณฑิตเจียงตกหน้าผาไปด้วย ! ”

เฮ้…คนเราจดจำเรื่องหนึ่งฝังใจได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?

“หมินอ๋องซื่อจื่อโดนลอบสังหาร เจ้าก็เอาตัวไปสู้กับมนุษย์โอสถโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา ! ”

“องครักษ์ของหมินอ๋องซื่อจื่อแข็งแกร่งไร้ผู้ใดทัดเทียม เจ้าคิดว่าตนเป็นจอมยุทธ์หญิงหรืออย่างไร ? ”

“มนุษย์โอสถนั้นฟันแทงไม่เข้า พลังไร้เทียมทาน เจ้าพยายามจะตีเสมอด้วยพลังของตน นี่คือความสำเร็จสำหรับเจ้าแล้วหรือ ? ”

“…”

“เอาล่ะ เอาล่ะ ! หยุด…” หลินเว่ยเว่ยรู้สึกว่าตนเป็นเหมือนซุนหงอคงที่โดนรัดเกล้าครอบศีรษะอย่างไรอย่างนั้น รอบกายเต็มไปด้วยพระถังซานซังที่กำลังพ่นบทสวดออกมา น่ารำคาญเหลือเกิน !

“ข้าแค่ตอบว่าจะไปดูให้พรุ่งนี้ ข้าจะไม่ลงมือถ้าเห็นว่ามันอันตราย ! หากพวกท่านไม่เชื่อ…ก็ให้บัณฑิตน้อยตามไปเฝ้าได้เลย ตกลงหรือไม่ ? ” หลินเว่ยเว่ยกระชากตัวเจียงโม่หานมาขวางตรงหน้าเอาไว้

นางหวงจึงหยุดบ่นทันใด จากนั้นก็พยักหน้า “ถ้ามีหานเอ๋อร์ไปด้วย แม่ก็วางใจ ! ”

หลินจื่อเหยียนตอบรับอีกเสียง “มีศิษย์พี่เจียงตามไปด้วยก็น่าจะวางใจได้ ! ”

เจ้าหนูน้อยเอ่ยด้วยเสียงอันไพเราะ “พี่เขยรอง ท่านต้องดูแลพี่รองของข้าให้ดี ! ”

บุตรสาวคนโตประชดว่า “เจ้าตัดสินใจไว้เองแล้ว เหตุใดต้องทำให้ข้าสิ้นเปลืองน้ำลายมากเพียงนี้ ! ”

เมื่อกล่าวจบ คนเหล่านี้ก็หันหลังแล้วทยอยเดินจากไป

หลินเว่ยเว่ยกัดฟันกรอด จากนั้นก็หันไปแสร้งร้องไห้ใส่เจียงโม่หาน “เจ้าเห็นพวกเขาหรือไม่ ! แต่ละคนจะโมโหอันใดนักหนา ! ”

เจียงโม่หานพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เพราะมันน่าโมโหมาก ! ”

หลินเว่ยเว่ยยกมือขึ้นกุมหน้าและแสร้งร้องไห้ต่อ “ฮือฮือฮือ บัณฑิตน้อย เจ้าไม่รักข้าแล้วหรือ ? หัวใจดวงน้อยของว่าที่ภรรยาโดนย่ำยีอย่างรุนแรง ปรารถนาการปลอบใจจากว่าที่สามี…”

เจียงโม่หานชำเลืองตามองไปทางนาง “ต้องการให้ปลอบใจอย่างไร ? ”

“จูบ กอด กอดแน่นแน่น… ” หลินเว่ยเว่ยกางแขนรอเขาพร้อมทำปากจู๋

เจียงโม่หานดันใบหน้าของนางออกไปไกล ๆ “เจ้ายังบาดเจ็บอยู่ ! ”

หลินเว่ยเว่ยมองตามแผ่นหลังที่เดินจากไปอย่างรีบร้อนของเขาพร้อมหลังใบหูที่แดงระเรื่อ นางจึงอดก้มหน้าหัวเราะไม่ได้…หยอกเย้าบัณฑิตน้อยสนุกยิ่งนัก !

วันรุ่งขึ้น ผู้ใหญ่บ้านพาชายฉกรรจ์หลายคนไปรอหน้าหมู่บ้าน เมื่อเห็นหลินเว่ยเว่ยเดินออกมา เขาก็โยนมวนยาสูบลงพื้นและบดขยี้มันด้วยส้นรองเท้าพลางกล่าวว่า “ไปดูด้วยกันเถิด การล่าหมูป่านี้เจ้าคนเดียวคงไม่รอดกลับมาแน่ เห็นด้วยหรือไม่ ? ”

หลินเว่ยเว่ยคลี่ยิ้มอย่างสดใส จากนั้นก็พยักหน้ารับ “ได้สิ ! ข้าก็กำลังกังวลอยู่พอดีว่าหมูป่าเจ็ดแปดตัวจะแบกกลับมาคนเดียวอย่างไร ! ”

ผู้ใหญ่บ้านต้าฝางจวงส่ายหน้า ‘กู่เหนียงน้อยผู้นี้คงพึ่งพาไม่ได้เสียแล้ว ฆ่าหมูป่าได้ตัวเดียวก็คิดว่าตนไร้เทียมทาน ! ยกโขยงกันไปมากมายเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน จำนวนคนเยอะก็จะทำให้หมูป่าหวาดกลัว ! ’

หมู่บ้านต้าฝางจวงห่างจากหมู่บ้านฉือหลี่โกวแค่ภูเขาลูกเดียวขวางกั้น ถ้าเดินอ้อมภูเขาไปก็คงต้องเดินต่อไปอีกหลายสิบลี้ หลินเว่ยเว่ยพาชายฉกรรจ์ 7-8 คนเหล่านั้นขึ้นไปบนภูเขาซึ่งเป็นสถานที่ที่นางเคยล่าหมูป่าได้ หมูป่าหลายสิบตัวก่อนหน้านั้นทำให้การขึ้นภูเขาอันตรายมาก ตอนนี้หลับตาเดินเตร่ในภูเขาก็ไม่กลัวแล้ว !

ผู้ใหญ่บ้านต้าฝางจวงเดินไปด้วยความเคร่งเครียด พ่อซัวถัวยิ้มและกล่าวว่า “ท่านอาวางใจเถิด ! ภูเขานี้นางหนูรองเคยพาพวกเราขึ้นมาแล้วยังไม่เคยเจอสัตว์ป่าที่มีขนาดใหญ่โตมาก่อน ! ”

“เช่นนั้นถือว่าพวกเจ้าโชคดี ! ” ดวงตาของผู้ใหญ่บ้านต้าฝางจวงยังคงมองไปรอบด้านด้วยความระแวดระวัง เขากลัวว่าจำนวนคนที่มากมายเช่นนี้จะหลอกล่อให้สัตว์ป่าที่ดุร้ายจู่โจมออกมา

พ่อซัวถัวยิ้มและกล่าวว่า “ไม่ได้โชคดีหรอก ! เห็นหรือไม่ นางหนูรองเดินขึ้นหน้าไปสำรวจสถานการณ์โดยรอบอย่างละเอียดแล้ว สถานที่มีสัตว์ป่าเดินผ่านนั้นจะต้องมีร่องรอยหลงเหลือไว้แน่ สิ่งที่นางต้องมีในตอนนี้คือความกล้าหาญ ความรอบคอบและความรู้ในด้านนิสัยของสัตว์ป่า”

เมื่อเดินทะลุป่าไม้เข้ามาก็ต้องปีนป่ายขึ้นไปบนยอดเขา เมื่อทอดมองจากด้านบนก็เห็นหมู่บ้านต้าฝางจวงอย่างชัดเจน หลังเห็นหมู่บ้านของตนแล้ว ผู้ใหญ่บ้านต้าฝางจวงจึงทอดถอนใจอย่างโล่งอก

หากเปรียบเทียบกับหมู่บ้านฉือหลี่โกวแล้ว หมู่บ้านต้าฝางจวงยากจนข้นแค้นยิ่งกว่า คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านล้วนอาศัยอยู่ในบ้านมุงจากแสนทรุดโทรม แม้แต่กำแพงก็ยังใช้ดินเหนียวผสมหญ้าก่อขึ้นมา ไม่น่าแปลกใจที่หมูป่าสามารถพังทลายกำแพงของบ้านเหล่านั้นได้

ตอนนี้น่าจะเป็นเวลาอาหารเช้า แต่ทั่วทั้งหมู่บ้านแทบจะมองไม่เห็นควันจากปล่องไฟ ในฉือหลี่โกวนั้นทันทีที่เข้ามาในหมู่บ้านจะได้ยินเสียงเด็ก ๆ วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน แต่ที่นี่เงียบสงบราวกับหมู่บ้านรกร้าง บางครั้งก็เห็นเงาคนเดินช้า ๆ ในหมู่บ้านโดยไม่มีเสื้อผ้าห่อหุ้มร่างกาย ลำตัวผอมแห้งไม่ต่างจากผู้ลี้ภัยที่หนีตายสักเท่าไร

หลินเว่ยเว่ยเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งแอบมองออกมาจากรอยแตกของประตูด้วยความสนใจ ศีรษะของเด็กผู้ชายคนนั้นใหญ่มาก แต่ร่างกายลีบเล็กเหมือนฟืนไม้ ดวงตาปูดโปน มีแต่หนังหุ้มกระดูก…

นางจึงอดถามไม่ได้ว่า “ทางราชสำนักเริ่มแจกจ่ายเสบียงช่วยเหลือชาวบ้านแล้วไม่ใช่หรือ ? เหตุใด…”

ผู้ใหญ่บ้านต้าฝางจวงทอดถอนใจแล้วตอบว่า “ทุกคนล้วนหิวโหย ! แม้จะได้รับธัญพืชเหล่านั้นแต่ไม่กล้ากินมากมายนักหรอก เพราะไม่รู้ว่าครั้งต่อไปจะได้รับอาหารอีกหรือไม่ ตอนนี้ภายในหมู่บ้านต้องอดมื้อกินมื้อ แค่ไม่หิวตายก็เกินพอ ! ”

สาเหตุที่ไม่มีใครเดินเตร่ในหมู่บ้าน เพราะทุกคนล้วนนอนอยู่บนเตียงเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้พลังงาน ให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการประหยัดธัญพืช นางมองไปยังต้นไม้ในหมู่บ้านก็พบว่าเปลือกไม้ถูกกรีดและเลาะออกจนหมดสิ้น ต้นไม้ส่วนใหญ่แห้งเหี่ยว ทั่วทั้งหมู่บ้านหาความเขียวขจีได้ยากยิ่ง น่าเวทนา ! น่าเวทนายิ่งนัก !

เด็กผู้ชายศีรษะโตมองไปยังกระบอกไม้ไผ่ที่แขวนไว้รอบเอวของหลินเว่ยเว่ยพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก จากนั้นก็ยื่นหน้าออกมาอย่างระมัดระวังและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแอว่า “พี่สาว ในนั้นมีน้ำหรือไม่ ? ข้าขอดื่มสักอึกได้หรือเปล่า ? ”

ผู้ใหญ่บ้านต้าฝางจวงจะตำหนิเขาแต่ต้องหยุดชะงักลง เขาเช็ดหางตาพลางเอ่ยอย่างสะอึกสะอื้นว่า “บ่อน้ำในหมู่บ้านแห้งเหือดหมดแล้ว เหลือเพียงระดับน้ำที่ตื้นเขินในบ่อเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้จึงกำหนดไว้ว่าทุกครัวเรือนจะแบ่งน้ำไว้ใช้แค่ครึ่งถัง…”

หลินเว่ยเว่ยดึงกระบอกไม้ไผ่ที่เอวออกมา หลังเปิดฝาแล้วก็รินน้ำในกระบอกไม้ไผ่ใส่ฝาจนเต็มและยื่นให้เด็กชายคนนั้น

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *