หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง 409 ไม่ไร้ข้าคอยอยู่เคียงข้าง

Now you are reading หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง Chapter 409 ไม่ไร้ข้าคอยอยู่เคียงข้าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 409 ไม่ไร้ข้าคอยอยู่เคียงข้าง

บัณฑิตหยวนอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าแสดงความพึงพอใจ “ผู้เข้าสอบในเมืองจงโจวของท่านมีลาภปากแล้ว อาการนี้กินง่าย พอจิตใจปลอดโปร่งแล้วสมองก็แล่น ตอนเขียนคำตอบจะต้องไหลลื่นแน่นอน ! ผู้ที่คิดค้น ‘บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป’ นี้ขึ้นมาจะต้องเป็นคนมีความสามารถเช่นกัน ! ”

“ได้ยินว่าผู้ที่คิดค้น ‘บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป’ ก็มีสาเหตุมาจากในครอบครัวมีผู้เข้าสอบอยู่ด้วย ตอนสอบเซี่ยนซื่อ ใต้เท้าคงเห็นสภาพสนามสอบของทางภาคเหนือแล้ว เพื่อให้คนในครอบครัวได้กินอาหารร้อน ๆ คนผู้นี้จึงคิดค้นอาหารชนิดนี้ขึ้นมาขอรับ ! อีกทั้งยังเป็นคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าของร้านหนิงจี้จึงลองผลิตออกมาจำนวนมากเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้เข้าสอบทั้งหลายขอรับ ! ”

เจ้าเมืองจงโจวคาดไม่ถึงว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอันแสนต้อยต่ำนี้จะทำให้ขุนนางผู้ตรวจการจากเมืองหลวงอารมณ์ดีได้ เขาจึงตัดสินใจแล้วว่าต่อไปจะสนับสนุนและสร้างนโยบายพิเศษขึ้นมาเพื่อร้านขนมหวานหนิงจี้โดยเฉพาะ !

ใครต่างก็รู้ว่าบัณฑิตหยวนเป็นคนสนิทข้างกายฮ่องเต้ หากอีกฝ่ายไปทูลเรื่องเหล่านี้ต่อหน้าพระพักตร์ก็จะถือว่าสร้างผลงานให้แก่เจ้าเมืองจงโจวอย่างตน มองผิวเผินแล้วเจ้าเมืองจงโจวดูสบาย ๆ ไม่คิดอะไร แต่ในใจกำลังมีความสุข

ท้องฟ้าเริ่มมืด หลินจื่อเหยียนที่เขียนคำตอบเสร็จแล้วก็ตรวจสอบกระดาษคำตอบอย่างระมัดระวัง ท้ายที่สุดยังตรวจสอบชื่อที่อยู่ก่อนจะสั่นกระดิ่งข้างตัว

ผ่านไปไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ในสนามสอบสองคนเข้ามาเก็บกระดาษคำตอบใส่ลงในกล่องที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ หลังเก็บพู่กัน หมึกและกระดาษออกจากโต๊ะของเขาแล้วก็ส่งสัญญาณให้เขาออกไปได้

หลินจื่อเหยียนไม่ถือว่าออกมาเร็วมากนัก แต่ก็ไม่ถือว่าช้าเกินไป เพิ่งออกมาก็เห็นพี่รองและพี่เขยรองกำลังยืนรออยู่จากระยะไกล…หน้าตาของพี่เขยรองสะดุดตาเกินไป แม้อยากจะทำเป็นมองไม่เห็นก็เป็นเรื่องยาก เพราะแค่มองเข้าไปในฝูงชนก็เห็นตั้งแต่แวบแรก !

หลินจื่อเหยียนมาหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าของทั้งสองคนแล้วพูดกับเจียงโม่หานด้วยความตื่นเต้น “หัวข้อที่สอบในวันนี้เป็นเนื้อหาที่ข้าเคยท่องจำหมดแล้ว มีข้อหนึ่งที่พี่เขยรองเพิ่งทดสอบเราไปเมื่อวานด้วยล่ะ! หัวข้อออกจะแปลก ๆ ไปหน่อย ศิษย์พี่เมิ่งกับหยางยี่หรานจะต้องดีใจมากแน่ ! ”

เมื่อวานตอนทดสอบ ทั้งสองคนนี้ท่องไม่ได้จึงโดนลงโทษให้คัดถึง 5 รอบ…ตอนนั้นหลินจื่อเหยียนเห็นใจทั้งสองคนมาก แต่ตอนนี้เริ่มคิดว่าการลงโทษก็ไม่ได้เสียเปล่า !

ขณะสนทนากัน เมิ่งจิ่งหงก็โผล่เข้ามาพูดเสียงดังลั่น “สหายเจียง เจ้าเป็นดาวนำโชคของข้า ! หัวข้อเกี่ยวกับ ‘ฤดูใบไม้ผลิปีแรกที่โจวเหวินหวางขึ้นครองราชย์’ นั้น ถ้าไม่โดนเจ้าลงโทษให้คัดเมื่อวาน วันนี้ข้าได้จบเห่แน่ ! ตอนนี้ข้าเริ่มมั่นใจในการสอบบัณฑิตถงเซิงมากขึ้นอีกแล้วสิ ! ”

เจียงโม่หานทนมองท่าทางเหมือนสุนัขกระดิกหางดีใจของอีกฝ่ายไม่ได้จึงเริ่มพ่นเสียงเย็นชา “ผ่านสนามนี้ไปแล้วยังต้องเจอบททดสอบความจำกับการเขียนพู่กัน แถมยังแทบไม่ได้เว้นระยะห่างอะไร สิ่งสำคัญคือยังต้องดูผลจากอีกสองสนามถัดไป”

หลินเว่ยเว่ยเห็นบัณฑิตทั้งห้าออกมาหมดแล้ว จึงฉีกยิ้มแล้วพูดขัดบทสนทนาของพวกเขา “ข้าทำหมูตุ๋นน้ำแดงกับแกะย่างไว้ให้ทุกคน ! ”

“พี่หญิง ท่านเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของข้า ! ” หลังผ่านการสอบที่เต็มไปด้วยความเครียดแล้วได้มากินอาหารมื้อใหญ่จะต้องเป็นวิธีผ่อนคลายจิตใจอย่างดีที่สุดแน่นอน อย่างไรก็ตามนางไม่เห็นบัณฑิตพวกนี้มีอาการอื่นใดหลังสอบ เพราะบัณฑิตบางคนพอออกจากสนามสอบแล้วก็มีสีหน้าซีดเผือด แข้งขาอ่อนราวกับเส้นบะหมี่ แต่พอหันมามองทั้งห้าคนนี้อีกรอบ พวกเขากลับกระโดดโลดเต้นและในสมองเต็มไปด้วยเรื่องของกิน !

หลินจื่อเหยียนอดไม่ได้ที่จะหันไปผลักเมิ่งจิ่งหง “ใครเป็นพี่สาวของท่าน ท่านแก่กว่าพี่รองตั้งสองสามปี ท่านกล้าเรียกนางว่าพี่สาว พี่รองของข้าไม่กล้ารับไว้แน่นอน ! ”

เมิ่งจิ่งหงรู้สึกเสียใจสุด ๆ จึงเข้าไปกอดคอหลินจื่อเหยียน “เราสองคนมาเปลี่ยนกัน ข้าไปเป็นน้องชายของพี่รอง ส่วนเจ้าไปเป็น…ข้ามีพี่ชายที่เก่งกาจคนหนึ่ง เจ้าไปอยู่บ้านข้าแล้วจะต้องได้ทรัพย์สมบัติมากมายแน่นอน…”

“ฝันไปเถิด ! ใครอยากได้สมบัติของบ้านท่าน ! ” หลินจื่อเหยียนผลักเขาออก นึกแล้วว่าเจ้าหมอนี่ต้องเข้ามาผูกมิตรกับตนเพราะมีเป้าหมายบางอย่าง แท้จริงก็อยากมาแทนที่ ทำเกินไปแล้ว ! เขาตัดสินใจแล้วว่ารอให้สอบครั้งนี้จบเมื่อไร จะต้องเพิ่มศิษย์พี่เมิ่งเป็นบุคคลอันตรายของบ้านสกุลหลิน !

หลังออกจากสนามสอบของวันที่สอง นอกจากหยางยี่หรานจะมีสีหน้าไม่ค่อยดีสักเท่าไรแล้ว คนอื่นก็ดูอารมณ์ดีกันหมด

สนามสอบที่สามจะต้องค้างคืนที่สนามสอบ ท้องฟ้าดูไม่ดีสักเท่าไรเพราะเริ่มมีฝนตกปรอย ๆ ตั้งแต่เช้าตรู่ ฝนในฤดูใบไม้ผลิล้ำค่าดั่งน้ำมัน สำหรับราษฎรที่ประสบภัยแล้งอย่างรุนแรงแล้ว ฝนในครั้งนี้มีค่ายิ่งกว่าทองคำ แต่สำหรับผู้เข้าสอบแล้วมันถือเป็นหายนะ

หยางยี่หรานอับโชค ที่นั่งสอบยังมีฝนรั่วใส่ แม้จะสามารถบอกเจ้าหน้าที่ได้และแปะกระดาษน้ำมันลงไปก็ไม่เป็นไรแล้ว แต่ที่นั่นยังทั้งหนาวและชื้นอยู่มาก สุดท้ายจึงส่งผลต่อการสอบของเขา

ตอนออกมาช่วงพลบค่ำ หยางยี่หรานก็มีไข้ เพิ่งเดินออกจากสนามสอบก็หมดสติไปทันที หลินเว่ยเว่ยและเจียงโม่หานที่กางร่มรออยู่ด้านนอกจึงรีบเข้าไปประคอง ใช้ผ้าคลุมห่อตัวเขาไว้แล้วพาไปนั่งเก้าอี้ของร้านอาหารที่อยู่บริเวณนั้น

หลินเว่ยเว่ยเอาน้ำขิงร้อน ๆ ออกมาแล้วป้อนให้หยางยี่หราน ใกล้กันนี้มีโรงหมออยู่ คิดว่าแต่ละปีมีผู้เข้าสอบที่ป่วยหนักถูกหามออกมาน้อยไหมเล่า ?

นางจึงเชิญท่านหมอมาตรวจอาการหยางยี่หราน หลังทานยาแล้วหยางยี่หรานก็พูดขอบคุณด้วยความเขินอาย “ขอบคุณพี่รองหลิน…”

เขารู้ดีว่าหากไม่ได้พี่รองหลินดูแล การสอบของพวกเขาทั้งห้าก็คงไม่ราบรื่นถึงเพียงนี้ สามารถพูดได้ว่าสิ่งที่พวกเขาต้องคิดคือการเข้าสอบเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น พี่รองหลินจัดการได้อย่างละเอียดรอบคอบ ดูแลทุกอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลย
การสอบเซี่ยนซื่อในครั้งก่อน คนในครอบครัวล้วนคิดว่าเขาจะตกรอบแล้วผอมเป็นไม้เสียบผี แต่คาดไม่ถึงว่าพี่รองหลินจะขุนจนพวกเขาอ้วนขึ้นมาทันตา

พี่สาวที่บ้านจึงแกล้งหยอกเขาว่า ‘หน้าตาดูสดใสไม่เหมือนคนที่เพิ่งออกจากสนามสอบเลย แต่เหมือนเพิ่งออกไปเที่ยวเล่นมากกว่า’

หลังจากหลินเว่ยเว่ยได้ยินแบบนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณอะไรกัน ? เจ้าเป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนกับจื่อเหยียนก็เหมือนน้องชายแท้ ๆ ของข้า…”

เจียงโม่หานหันไปมองเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ เจ้าเด็กนี่ดวงดีจริง ๆ ปีที่แล้วตอนข้าล้มป่วย หากมีพี่สาวที่รู้ใจคอยถามไถ่ดูแลอย่างนี้บ้าง ข้าก็คงสอบซิ่วไฉติดไปแล้ว ?

หลินเว่ยเว่ยสังเกตเห็นสีหน้าของเขาจึงนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาต้องเจอในปีที่แล้ว นางรีบตบหลังมือเขาอย่างปลอบโยน “ต่อไปนี้ ไม่ว่าเจ้าไปสอบที่ใดก็จะไม่ไร้ข้าคอยอยู่เคียงข้าง ! ”

สีหน้าของเจียงโม่หานดูดีขึ้นเล็กน้อย “ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าข้าจะไปที่เมืองหลวง เจ้าก็จะตามไปด้วยหรือ ? ”

“แน่นอน ! ฝีปากเจ้าชอบหาเรื่องขนาดนั้น หากข้าไม่ตามไปด้วยแล้ว เจ้าจะได้กินของดี ๆ นอนหลับสบายหรือไร หากส่งผลต่อการสอบขึ้นมาจะทำอย่างไร ! ” หลินเว่ยเว่ยอยากไปสัมผัสบรรยากาศการสอบจอหงวนที่เมืองหลวงตั้งนานแล้ว…แม้นางจะไม่ได้สอบเองก็เถิด !

เจียงโม่หานแค่นเสียง ฮึ “หรือในใจของเจ้าเห็นข้าเป็นคนเห็นแก่กิน ? ”

“ไม่ใช่ ! ” หลินเว่ยเว่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าคิดดูสิ หากมีคนทำอาหารให้ ชวนคุยและทำให้เจ้าสบายใจ เมื่อจิตใจผ่อนคลายก็ต้องส่งเสริมประสิทธิภาพ จากนั้นผลการสอบย่อมออกมาดี ! ”

“พอ เลิกพล่ามปรัชญาเหล่านั้นได้แล้ว ! เจ้าไปทำให้ป้าหวงยอมก่อนเถิด ! ” เจียงโม่หานรู้สึกสับสนขึ้นมา เขาคุ้นชินกับการมีนางคอยอยู่เคียงข้างเสียแล้ว แต่ก็กังวลเพราะเส้นทางนี้ยังอีกยาวไกล…

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *