หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง 313 มอบของขวัญผิดชิ้น ?

Now you are reading หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง Chapter 313 มอบของขวัญผิดชิ้น ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 313 มอบของขวัญผิดชิ้น ?

ประเดี๋ยวก่อน เมื่อครู่น้องเล็กเอ่ยว่าอย่างไร ? อีกฝ่ายแก่กว่าน้องเล็กไม่กี่เดือนเท่านั้น เป็นแค่เด็กสาวอายุ 14 ปี ทว่าสามารถต่อสู้กับมนุษย์โอสถและช่วยหมินอ๋องซื่อจื่อที่บาดเจ็บไว้ได้ ? เกรงว่าเรื่องเล่ามากมายนั้นคงเป็นแค่คำพูดเกินจริง !

“พี่ใหญ่…ท่านไปเป็นเพื่อนข้าเถิด ! ข้ารับปากพี่หลินไว้แล้ว ! ” ติงหลิงเอ๋อร์เขย่าแขนติงหยูเจินพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อน !

ติงหยูเจินอยากไปคารวะบัณฑิตเจียงคนนั้น เนื่องจากอีกฝ่ายอายุยังน้อยก็สอบถงเซิงได้แล้ว แถมยังมีความก้าวหน้าสูงมาก ถ้าได้สนทนาด้วยสักครั้งจะต้องได้รับข้อคิดดี ๆ กลับมาบ้าง

ติงหยูเจินตัดสินใจได้แล้ว ทว่าจงใจสร้างความกระวนกระวายให้น้องสาว “เจ้าเป็นสตรี การวิ่งเล่นไปทั่วเช่นนี้ท่านแม่ไม่มีทางอนุญาตแน่นอน อย่างไรนี่ก็ไม่ใช่เมืองหลวง ดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘ภูผาและสายธารอันแร้นแค้นทำให้สามัญชนต้องลำบาก’ อีกทั้งไม่นานมานี้สถานที่แห่งนั้นยังมีทหารกบฏบุกปล้น ! ”

ติงหลิงเอ๋อร์มุ่ยปาก “พี่ใหญ่ หากท่านช่วยออกหน้า ท่านแม่ต้องเห็นด้วยแน่นอน พี่ใหญ่…ท่านเป็นพี่ชายที่แสนดีแล้วจะปล่อยให้น้องสาวกลายเป็นคนไม่รักษาสัจจะได้หรือ ? ”

ติงหยูเจินยังแกล้งนางต่อ “เจ้ามีวาสนาได้พบหลินกู่เหนียงแค่ครั้งเดียวก็รับปากจะไปหานางที่บ้านแล้ว นางอาจไม่เก็บถ้อยคำของเด็กน้อยอย่างเจ้าไปใส่ใจก็ได้ ! ”

“ไม่มีทาง พี่หลินไม่มีทางเป็นคนเช่นนั้น ! แม้วันนี้ข้าเพิ่งเคยพบพี่หลินเป็นครั้งแรก แต่นี่เรียกว่ารู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกพบ ! ข้าสามารถอ่านแววตาของพี่หลินได้ว่านางอยากชวนข้าด้วยใจจริง พี่หลินชอบข้า ข้าก็ชอบพี่หลิน นางไม่เหมือนคุณหนูที่ชอบเสแสร้งในเมืองหลวงเหล่านั้น ! ” ติงหลิงเอ๋อร์โมโหที่พี่ชายคนโตกังขาในมิตรภาพของตนกับพี่หลิน “หากท่านไม่พาข้าไป ข้าจะไปเอง ! ”

“ไป ไป ไป ! ข้าพาเจ้าไป พอใจแล้วหรือยัง ? เจ้าอย่าหาทางไปเองเด็ดขาด ที่นี่มีพวกโจรเด็ดบุปผา พวกมันชอบล่อลวงเด็กสาวอ่อนต่อโลกอย่างเจ้าที่สุด ! ” ติงหยูเจินข่มขู่นาง เขาต้องจับตามองน้องสาวผู้โง่เขลาคนนี้ไว้ให้ดี ไม่รู้ว่านางคิดทำสิ่งใดบ้าง !

สองวันต่อจากนั้น ติงหลิงเอ๋อร์ก็นั่งอยู่บนรถม้าแล้วยื่นศีรษะออกไปนอกหน้าต่าง ติงหยูเฉิงพี่ชายคนรองรีบดึงคอเสื้อนางเพื่อดึงตัวกลับมานั่งตามเดิม “ระวังศีรษะจะติดกับกรอบหน้าต่าง ด้านนอกมีแต่ความทุรกันดาร มีสิ่งใดน่ามองหรือ ? ”

“ข้าเป็นนกน้อยที่โหยหาท้องนภา ได้บินออกจากกรงทั้งทีย่อมเห็นทุกสิ่งแปลกตาอยู่แล้ว ! ” ติงหลิงเอ๋อร์เห็นเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังขุดบางสิ่งอยู่ริมทะเลสาบ นางจึงอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย “พวกเขากำลังขุดหาสิ่งใดหรือ ? ”

“น่าจะขุดหาพวกรากไม้กระมัง ? ” ปีแห่งภัยแล้งเช่นนี้ รากต้นหญ้า เปลือกไม้ ใบไม้แห้ง…หรือแม้แต่ดินโคลนก็สามารถกินได้ทั้งสิ้น พวกมันกลายเป็นอาหารของชาวบ้านผู้ประสบภัย

ติงหลิงเอ๋อร์ขมวดคิ้วมุ่น “ราชสำนักไม่ได้เปิดคลังแจกอาหารบรรเทาทุกข์แล้วหรอกหรือ ? ตอนนี้ในเมืองยังมีข้าวสารราคาถูกวางขาย เหตุใดยังต้องขุดเจ้านี่มากินอีก ? ”

“ข้าวสารคนละ 20 ชั่ง ถ้าประหยัดหน่อยก็กินได้นานหนึ่งถึงสองเดือน จะแจกอาหารครั้งต่อไปเมื่อใดยังไม่รู้ ชาวบ้านกลัวความหิวโหย สิ่งใดที่สามารถประหยัดได้ก็ประหยัด สิ่งที่หวาดกลัวไม่ใช่ตอนนี้หรอก เนื่องจากฤดูหนาวของแดนเหนือยาวนานเกินทน ชาวบ้านนับไม่ถ้วนที่มีอาหารไม่เพียงพอต้องตายเพราะความอดอยากและอากาศอันหนาวเหน็บ…” ติงหยูเจินถอนหายใจแล้วปล่อยม่านหน้าต่างลงเพื่อปิดกั้นภาพเหตุการณ์ของโลกภายนอก

ติงหลิงเอ๋อร์เงียบไปครู่หนึ่ง นางเองก็เศร้าใจไปด้วย ขณะมองของขวัญที่จะนำไปให้พี่หลิน…พัดปักลายที่นางปักเองกับมือ นางคิดว่านำของขวัญมาผิดจึงถอนหายใจออกมา “พี่ใหญ่ พี่รอง หมู่บ้านทุกแห่งเป็นเช่นนี้หมดหรือไม่ ? ”

“ปีแห่งภัยแล้งมีใครสามารถหลบพ้นได้บ้าง ? ” แววตาของติงหยูเฉิงดูอดกลั้นและเศร้าหมองเล็กน้อย

“ถ้าเช่นนั้นบ้านพี่หลิน…” ติงหลิงเอ๋อร์เม้มริมฝีปากแล้วเอนกายพิงในรถม้า

ติงหยูเจินลูบศีรษะน้องสาว “บ้านของหลินกู่เหนียงคงไม่ได้แย่ถึงเพียงนั้น ! เนื้อแผ่น แยมผลไม้และเมล็ดสนปากอ้าที่เจ้าชอบกินล้วนเป็นสินค้าที่บ้านนางส่งให้ร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้”

“ว้าว ! จริงหรือ ? ถ้าเช่นนั้นพี่หลินจะใช้เนื้อแผ่นกับเมล็ดสนปากอ้าต้อนรับพวกเราใช่หรือไม่ ? ” หลังได้ยินคำพูดของพี่ชายแล้ว ติงหลิงเอ๋อร์ก็เหมือนผักกาดขาวเหี่ยวเฉาที่ได้รับน้ำฝน นางดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันใด

ติงหยูเจินส่ายหน้าแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย “ประเดี๋ยวพอไปถึงบ้านตระกูลหลินแล้ว เจ้าห้ามทำตัวเป็นแมวตะกละเช่นนี้เด็ดขาด คนที่ไม่รู้จะเข้าใจผิดว่าตระกูลติงของพวกเราทารุณเจ้า ! ”

ติงหลิงเอ๋อร์หัวเราะคิกคักแล้วก้มหน้าด้วยความเขินอาย นางก้มมองพัดลายปักให้มือพลางถามด้วยความไม่เชื่อมั่นในตัวเอง “พี่ใหญ่ พี่รอง ท่านคิดว่าพี่หลินจะชอบของขวัญจากข้าหรือไม่ ? ”

“ขอเพียงมอบให้ด้วยใจ หลินกู่เหนียงต้องรับรู้ได้แน่นอน” เมื่อก่อนตอนที่น้องสาวอยู่ในเมืองหลวง ระหว่างสหายที่คบหากัน นางไม่เคยกังวลถึงเพียงนี้ นางมักจะกล่าวว่า คนที่ไม่ชอบนาง นางก็ไม่สนใจที่จะคบหา ! ดูท่าแล้วหลินกู่เหนียงจะมีนิสัยที่เข้ากันได้ดีกับน้องสาว !

ทั้งสามคนเพิ่งมาถึงหน้าหมู่บ้านฉือหลี่โกวก็มีกลุ่มเด็กผู้ชายเข้ามาห้อมล้อมพร้อมเสียงร้องเพลง เด็กชายท่าทางแข็งแรงน่าเอ็นดูคนหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างไม่หวาดกลัว “พวกท่านเป็นแขกของบ้านตระกูลหลินใช่หรือไม่ ? ”

ติงหลิงเอ๋อร์กระโดดลงจากรถม้าแล้วฉีกยิ้มให้เด็กผู้ชายคนนั้น “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเราเป็นแขกบ้านตระกูลหลิน ? เจ้าฉลาดมาก ! ”

วังตงเฉียงชี้ไปที่เจ้าหนูน้อย “มีสิ่งใดให้เดายาก ? ขอแค่นั่งรถม้ามาเยือนก็ต้องเป็นแขกของตระกูลหลินอยู่แล้ว เอ้อร์ฮว๋า บ้านเจ้ามีแขกมาหา ! ”

เจ้าหนูน้อยยังไม่ทันได้พูดอะไร เจ้าดำก็เข้าไปต้อนรับอย่างอบอุ่นแล้ว มันเดินวนรอบเท้าติงหลิงเอ๋อร์สองรอบ หลังเดินมานั่งตรงเบื้องหน้านางแล้ว มันก็ใช้ดวงตาที่เป็นประกายคู่นั้นมองนาง

“ว้าว ! ลูกหมาแสนน่ารัก ! ” ติงหลิงเอ๋อร์ย่อตัวลงแล้วเอื้อมมือไปลูบศีรษะมันเบา ๆ เจ้าดำก็ไม่ได้เบี่ยงศีรษะหลบและไม่แยกเขี้ยวใส่นาง ทว่ายังเอียงศีรษะให้ด้วย นางจึงยิ่งเอ็นดูมากขึ้น

ติงหลิงเอ๋อร์หยิบขนมออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็บิมุมหนึ่งมาวางตรงหน้าเจ้าดำซึ่งถูกสอนมาตั้งแต่เล็กว่าไม่ให้กินอาหารของคนอื่น แม้แต่ดมก็ห้ามดม มันจึงเบี่ยงหน้าหนีทันที

เจ้าหนูน้อยเข้าไปพูดว่า “คารวะทุกท่าน ข้ามีนามว่าหลินจื่อถิง เป็นบุตรชายคนเล็กของบ้านตระกูลหลิน แขกทั้งสามท่านมาหาพี่รองใช่หรือไม่ ? ”

ติงหยูเจินมองท่าทางที่แกล้งทำเหมือนผู้ใหญ่ของเจ้าตัวน้อย เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นแขกของพี่สาวแต่ไม่ใช่แขกของพี่ชาย ? พวกเรามีบุรุษอยู่ด้วยถึงสองคนเชียวนะ ! ”

เจ้าหนูน้อยเงยหน้ามองเขาปราดหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวด้วยท่าทางเมินเฉย “พี่สามถูกพี่โม่หานกักตัวให้ศึกษาตำราอยู่ในบ้าน จึงไม่ได้ออกจากหมู่บ้านเป็นเวลาสองเดือนกว่าแล้ว ! สองวันก่อนพี่รองบอกว่านางคบหากับน้องสาวน่ารักคนหนึ่งและอีกฝ่ายอาจมาเยี่ยมในอีกสองวันข้างหน้า”

เจ้าหนูน้อยมองสาวน้อยที่หลงเสน่ห์ในตัวเจ้าดำแล้วมุ่ยปากในใจ…นางน่ารักตรงไหน ? น่ารักเหมือนข้าหรือ ? นางยังไม่น่ารักเท่าเจ้าดำเลยด้วยซ้ำ !

ติงหลิงเอ๋อร์หยิบลูกอมออกมาจากรถม้าหนึ่งห่อ จากนั้นก็แบ่งให้พวกเด็ก ๆ คนละ 2 เม็ด ส่วนที่เหลือยัดใส่มือเจ้าหนูน้อยทั้งหมด “น้องหลิน พบกันครั้งแรก ข้ามอบลูกอมพวกนี้เป็นของว่างแก่เจ้าแล้วกัน ข้าก็คือน้องสาวน่ารักที่พี่หลินเอ่ยถึง ! ”

มุมปากของพี่ชายทั้งสองกระตุก…มีผู้ใดกล้าพูดว่าตัวเองน่ารักบ้าง ?

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *