หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง 63 สามีรูปร่างผอมซีด

Now you are reading หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง Chapter 63 สามีรูปร่างผอมซีด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 63 สามีรูปร่างผอมซีด

เมื่อย่าเถียนเห็นหลินเว่ยเว่ยแล้วดวงตาของนางก็ลุกวาวพร้อมก้าวเท้าเล็ก ๆ เดินมาหาอย่างรวดเร็ว ต้านเอ๋อร์มาเร็ว พี่ชายของเจ้ากลับมาแล้ว เขาเอาขนมที่เจ้าชอบมาให้ด้วย ยังมีเนื้ออีกนะ คืนนี้แม่จะตุ๋นเนื้อให้เจ้าทาน !

เถียนฟู่กุยรีบเดินตามมาประคองแขนของหญิงชราแล้วพูดเกลี้ยกล่อมว่า ท่านแม่ขอรับ นี่คือบุตรสาวคนรองของตระกูลหลิน ไม่ใช่ต้านเอ๋อร์ของเรา !

ย่าเถียนโกรธทันทีที่ได้ยินบุตรชายกล่าวเช่นนี้ นางจึงสะบัดแขนของเขาออกแล้วตีไปที่ตัวของเขาหลายที เจ้าเด็กคนนี้มีเงินเสียเปล่า ทว่าจำน้องสาวตนเองยังไม่ได้ ! ไป ต่อไปนี้ข้าไม่มีบุตรชายเช่นเจ้าอีก !

หลินเว่ยเว่ยกลัวว่าหญิงชราจะโกรธจนส่งผลเสียต่อร่างกาย นางจึงรีบเข้าไปประคองหญิงชราแล้วกล่าวว่า ย่าเถียน ท่านอย่าโกรธจนส่งผลเสียต่อสุขภาพเลย…

ย่าเถียนส่งเสียงไม่พอใจใส่บุตรชาย นางยังเป็นต้านเอ๋อร์ที่รู้ใจแม่ที่สุด ไม่เหมือนเจ้าที่เป็นพี่ใหญ่ วันๆ รู้แต่ทำให้ข้าโกรธ ไป กลับบ้านกับแม่ แม่จะเอาของอร่อยให้ !

เดิมทีวันนี้ในหมู่บ้านมีคนเข้าเมืองและบอกข่าวกับเถียนฟู่กุยว่ามารดาของเขาเดินหลงทางบนภูเขาจนเกือบถูกหมาในกิน เถียนฟู่กุยจึงรีบนั่งรถม้ากลับมาอย่างร้อนใจ ไม่ทานแม้แต่ข้าวกลางวัน เมื่อเขาเห็นว่าร่างกายของมารดาไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยทั้งยังมีชีวิตชีวาขึ้นมากจึงวางใจ เขานึกถึงเรื่องเดิม ๆ ขึ้นมาอีกคือต้องพาสองเฒ่าไปอยู่ในเมืองให้ได้

ในใจของปู่เถียนไม่ได้คิดอันใดแล้ว เขายังมีท่าทีโอนอ่อนไปตามบุตรชายอีกด้วย ทว่าย่าเถียนเป็นตายร้ายดีก็ไม่ยอมไป นางบอกว่าจะอยู่กับบุตรสาวของตน บุตรสาวทั้งกตัญญูและรู้ความ มิหนำซ้ำยังทำแป้งห่อกุยช่ายทอดให้นางอีก รสชาติดีด้วย…

เถียนฟู่กุยจนปัญญาเพราะน้องสาวคนเล็กเป็นปมของมารดา หากไม่ใช่เพราะว่าน้องเล็กหายตัวไป มารดาก็คงไม่เลอะเลือนเช่นนี้ แต่การเข้าใจผิดว่าบุตรสาวบ้านข้าง ๆ เป็นน้องเล็กก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี !

ต้านเอ๋อร์ รีบทานเร็ว ! อย่าให้พี่สาวเจ้าเห็น ! ย่าเถียนเอาขนมข้าวถั่วแดงออกมาหนึ่งชิ้น นางยิ้มจนตาหยีพลางมองไปยังหลินเว่ยเว่ยพร้อมเร่งให้ทานเข้าไป

หลินเว่ยเว่ยรับขนมข้าวถั่วแดงมาอย่างเกรงใจ นี่คือของที่อาเถียนซื้อมาให้ย่าเถียน นางจะกล้าแย่งของกินคนชราได้เช่นไร ?

ท่านทานก่อนเถิด หากท่านไม่ทาน ข้าก็ไม่ทาน ! หลินเว่ยเว่ยแบ่งออกเป็นชิ้นแล้วยื่นไปทางปากของย่าเถียน

ลูกน้อยของเราช่างรู้ความ มีอันใดก็คิดถึงแม่เสมอ แม่ทานแล้ว เจ้าก็ทานสิ ! ย่าเถียนทานขนมข้าวถั่วแดงเข้าไป รสหวานมาก ! หวานไปถึงหัวใจเลย !

หลินเว่ยเว่ยกัดไปเล็กน้อยแล้วแบ่งออกมาอีกชิ้นเพื่อป้อนไปที่ปากของย่าเถียน ทั้งสองป้อนกันคนละคำ ไม่นานก็ทานขนมข้าวถั่วแดงจนหมด

ปู่เถียนจึงกล่าวอย่างปลื้มใจ ปกติขนมที่ฟู่กุยส่งมาให้ ย่าเถียนของเจ้าไม่ทานมันด้วยซ้ำจนเสียต้องทิ้งหมด พอข้าแอบเอาไปทิ้ง นางก็โกรธ !

ย่าเถียนถลึงตาใส่เขาแล้วกล่าวว่า ข้าก็ว่าเหตุใดขนมที่เก็บไว้ให้ต้านเอ๋อร์จึงหายไปหมด ที่แท้เจ้าเป็นคนเอาไปนี่เอง ! เจ้าแก่ถึงเพียงนี้แล้วยังจะมาขโมยของกินของลูกอีก

ชายชราไม่เถียงกับคนที่สมองเลอะเลือน เอาล่ะ เอาล่ะ ข้าผิดเอง พอใจหรือไม่ ?

ท่านพ่อ ท่านแม่ขอรับ พวกท่านก็แก่ขึ้นเรื่อย ๆ ข้างกายไม่มีผู้ใดคอยปรนนิบัติ ข้าไม่สบายใจเลย เช่นนั้นไปอยู่กับข้าในเมืองดีหรือไม่ ? เถียนฟู่กุยนึกถึงเรื่องที่มารดาหลงทางบนเขาอย่างคาดไม่ถึง การหลงทางไม่ใช่เรื่องเล็ก หากเจอเข้ากับสัตว์ป่า แม้แต่ใบหน้าของผู้เป็นมารดาในวาระสุดท้าย เขาคงไม่ได้เห็น แบบนั้นเขาคงเสียใจไปตลอดชีวิตแน่นอน

ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น ต้านเอ๋อร์ของข้าอยู่ที่ไหน ข้าก็จะอยู่ที่นั่น ! ย่าเถียนกล่าวออกมาอย่างแน่วแน่และสายตาที่มองไปยังบุตรชายก็ทำราวกับว่าเขาเป็นคนเลวที่จะมาแยกเลือดเนื้อของนางออกจากกัน

เถียนฟู่กุยกลอกตาไปมาแล้วพูดหลอกย่าเถียนว่า ท่านแม่ขอรับ ต้านเอ๋อร์แต่งงานไปแล้ว มีมารดาที่ไหนอยู่กับบุตรสาวที่แต่งงานออกเรือนไปแล้วบ้าง ? ท่านไปอยู่กับข้าในเมือง ต่อไปนี้เวลาที่ต้านเอ๋อร์ไปตลาดซื้อของก็สามารถเจอท่านได้แล้วมิใช่หรือ ?

ว่าอย่างไรนะ ? ต้านเอ๋อร์ของเราออกเรือนแล้วหรือ ? เมื่อใดกัน ? เหตุใดข้าไม่รู้เรื่องเลย ? ย่าเถียนจับมือหลินเว่ยเว่ยแน่นพลางทำสีหน้าประหลาดใจ

ท่านลืมไปแล้วหรือว่าตอนนั้นต้านเอ๋อร์ของเราหายตัวไป นางก็ถูกมารดาคนปัจจุบันเก็บมาเลี้ยง ตอนนี้นางอายุยี่สิบกว่าปีแล้ว หากยังไม่แต่งงานคงเป็นหญิงแก่ไปแล้ว เถียนฟู่กุยเรียบเรียงคำโกหกอย่างสละสลวยและแยบยล

ย่าเถียนจึงเช็ดน้ำตา ไอหยา ! หลายปีมานี้ต้านเอ๋อร์ของเราได้รับความทุกข์ยากลำบากเสียแล้ว…

ไม่ลำบากเลย ท่านแม่ดีต่อข้ามาก ! หลินเว่ยเว่ยรีบหลอกให้หญิงชราดีใจ

ย่าเถียนดึงมือหลินเว่ยเว่ยแล้วถามว่า ครอบครัวสามีของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ? คงมิใช่เด็กหนุ่มตัวผอมซีดเมื่อครู่ใช่หรือไม่ ? แค่มองก็เหมือนว่าจะเลี้ยงตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ วันข้างหน้าต้านเอ๋อร์ของเราไม่ควรต้องมาลำบาก…ฟู่กุย เจ้าช่วยน้องเขยหางานในเมืองหน่อยสิ

เอ่อ…ท่านแม่ขอรับ สามีของต้านเอ๋อร์จะสอบซิ่วไฉในวันข้างหน้า ต้องให้เราหางานไปเพื่อเหตุใด ? ท่านอย่าห่วงไปเลย ! เถียนฟู่กุยส่งสายตาขอโทษมายังหลินเว่ยเว่ยพร้อมกล่าวปลอบใจมารดา

ย่าเถียนคลายหว่างคิ้วแล้วหัวเราะร่า เช่นนั้นวันข้างหน้าต้านเอ๋อร์ของเราก็ได้เป็นฮูหยินใช่หรือไม่ ? ต้านเอ๋อร์ของเรามีวาสนาเสียจริง !

ย่าเถียน ท่านคุยกับปู่เถียนเถิด ข้าจะกลับไปห่อซาลาเปาไส้ผักป่า อีกประเดี๋ยวท่านต้องมาทานนะ ! หลินเว่ยเว่ยคิดหาข้ออ้างออกมาได้ นางเช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากพลางคิดในใจว่า ‘สวรรค์ หากสนทนาอีกต่อไป นางกับบัณฑิตน้อยคงได้มีลูกด้วยกันแน่ ! ’

วันนี้พรานหวังเข้าไปส่งสัตว์ป่าที่ล่าได้ในเมือง หลินเว่ยเว่ยจึงถือโอกาสให้เขาซื้อเนื้อติดมันมาให้ 2 ชั่ง นางหยิบหม้อแล้วกลั่นน้ำมันออกมา จากนั้นตักกากหมูให้น้องสี่ครึ่งถ้วยแล้วนำไปคลุกกับน้ำตาลสีขาว น้ำตาลคลุกกากหมูเป็นสิ่งที่เด็ก ๆ ชอบมากที่สุด แต่คนทั่วไปไม่ค่อยทำให้เด็กทานสักเท่าไรเพราะมันมีราคาแพงมาก !

เจ้าหนูน้อยเห็นเช่นนั้นก็ร้องอย่างชอบใจว่า พี่รองใจดีที่สุด ! ข้ารักท่านมากที่สุดเลย !

นางหวงยิ้มอยู่ด้านข้างแล้วกล่าวว่า แล้วแม่ล่ะ ? เจ้าไม่รักแม่หรือ ?

ท่านแม่คือคนที่ข้ารักมากมากมากมากที่สุดขอรับ ! เจ้าหนูน้อยคีบกากหมูใส่ปากของนางหวงแล้วถามว่า ท่านแม่ อร่อยหรือไม่ ?

อร่อย ไปเถิด ไปทานเถิด ไม่เห็นหรือว่าแม่กำลังเด็ดผักป่าอยู่ ? นางหวงตีก้นเล็ก ๆ ของเขาและยิ้มอย่างสบายใจ เด็กน้อยอ้วนขึ้นมาเล็กน้อย ก้นเล็กแลดูมีไขมัน สัมผัสที่มือไม่เลวเลยทีเดียว !

นางมองไปยังบุตรสาวที่กำลังวุ่นอยู่ในครัว รู้สึกว่าทุกอย่างเหมือนฝัน บุตรสาวที่สติไม่ดีมาสิบกว่าปี จู่ ๆ ก็หายดี คนในบ้านไม่ต้องอดอยากอีกต่อไป ทั้งยังได้ทานอาหารดี ๆ เกือบทุกวัน ไม่ต้องคอยเป็นกังวลถึงค่าเล่าเรียนของบุตรชายคนโต หากนี่เป็นฝัน นางก็หวังว่าตนจะฝันโดยไม่ตื่นไปทั้งชีวิต

หลินเว่ยเว่ยนำผักป่าที่ล้างแล้วไปลวก จากนั้นก็แช่น้ำเย็น นางกังวลว่าผักป่าจะมีรสขมจึงลวกอีกหลายรอบ จากนั้นก็สับกากหมูออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ผสมกับผักป่าแล้วตักน้ำมันหมูลงไปหนึ่งช้อนเติมเครื่องปรุงแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน นางชอบทานเผ็ดจึงใส่น้ำมันพริกเผาลงไปด้วย

เวลาเที่ยงวัน พี่สาวคนโตก็กลับมาช่วยทำอาหาร เมื่อมีคนมาร่วมวงทานข้าวเยอะขึ้น คนในบ้านก็ต้องรังสรรค์เมนูเยอะขึ้นด้วย พวกนางช่วยกันนวด ช่วยกันห่อ ไม่นานก็ห่อเสร็จ

ใช้เวลานึ่งไม่นานซาลาเปาขาว ๆ อ้วน ๆ ออกจากหม้อแล้ว ! มันเป็นซาลาเปาลูกใหญ่จริง ๆ หนึ่งลูกมีขนาดใหญ่จะเท่าใบหน้าของน้องสี่อยู่แล้ว ทั้งยังมีกลิ่นหอมของผักป่าคลุกเคล้ากับกลิ่นหอมของกากหมู เมื่อทานเข้าไปก็หอมติดลิ้นแบบถึงใจ ทำให้เจ้าหนูน้อยที่ทานซาลาเปาลูกใหญ่หมดแล้วนอนพุงกางและให้นางหวงช่วยลูบท้อง

ตอนต่อไป

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *