หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง 320 น้องเล็กจะโดนหลอกพาตัวไปแล้ว

Now you are reading หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง Chapter 320 น้องเล็กจะโดนหลอกพาตัวไปแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 320 น้องเล็กจะโดนหลอกพาตัวไปแล้ว

มุมปากของสองพี่น้องตระกูลติงกระตุกเพราะกลัวว่าน้องสาวจะคึกคะนองจนอยากไปดูลูกหมีที่หลินกู่เหนียงเอ่ยถึงจริง หมาป่าและหมีควายที่ดุร้ายกลับกลายเป็นสัตว์ที่มีสติปัญญา น้องสาวพูดได้ถูกต้องว่าหลินกู่เหนียงผู้นี้เขียนนิทานสัตว์ประหลาดได้เก่งยิ่งนัก !

“ฤดูกาลนี้แม่หมีกับลูกหมีจำศีลกันแล้ว ! ” หลินเว่ยเว่ยคลี่ยิ้มขณะพยายามลบความคิดนี้ของเด็กน้อยออกไป

นางรีบเปลี่ยนความคิดของเด็กสาวด้วย “เห็นทางนั้นหรือไม่ ? ถ้าเจ้ามาตอนฤดูร้อนของปีหน้า ลูกท้อป่าทางนั้นจะสุกงอมเต็มต้น ลูกท้อที่เก็บจากต้นสด ๆ มีรสหวานมาก ทางนั้นไม่มีสัตว์ร้าย พวกเราสามารถไปเก็บลูกท้อกันได้ ถ้านานกว่านั้นหน่อยจะมีผลซิ่งป่า องุ่นป่า…สุราองุ่นที่ดื่มกันตอนเที่ยงนี้ก็หมักมาจากองุ่นป่า…”

“พอได้ยินพี่หลินกล่าวเช่นนี้แล้วข้าก็อยากอยู่ที่นี่ต่อ ไม่อยากกลับไปเลย ! ” ติงหลิงเอ๋อร์เผยสีหน้าเพ้อฝัน แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นเสียใจ เหตุใดนางไม่ได้เกิดมาในหมู่บ้านที่มีทิวทัศน์งดงามเช่นนี้ ?

สีหน้าของสองพี่น้องตระกูลติงเปลี่ยนไปทันใด หลินกู่เหนียง เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่ กล่าวถึงชีวิตในหุบเขาราวกับความฝันเช่นนี้ทำไมหรือ ? คงไม่ได้อยากหลอกพาตัวน้องสาวไปหรอกกระมัง ?

หลินเว่ยเว่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “น้องหลิงเอ๋อร์ไม่ได้กลับเมืองหลวงตอนฤดูใบไม้ผลิปีหน้าหรอกหรือ ? หากมีเวลาก็มาเที่ยวหลายวันหน่อย แต่ถ้าไม่รังเกียจก็มาพักสักสองสามวันก็ได้ ข้าจะพาเจ้าไปดักลูกหมูป่าแล้วเราเอามาทำหมูหันกัน ถ้าหิมะตกก็สามารถขึ้นเขามาจับกวางได้ ถ้าเราใช้รถเลื่อนพิเศษไล่ตาม มันไม่มีทางวิ่งหนีทันแน่นอน เช่นนั้นมันก็จะเอาหัวทิ่มหิมะ เราก็สามารถจับได้แล้ว…”

พี่น้องตระกูลติงขมวดคิ้วมองนาง ขอร้องเถิด เจ้าเลิกพูดได้หรือไม่ ! ถ้ายังพูดอีก น้องเล็กได้โดนนางหลอกพาตัวไปจริง ๆ เป็นแน่ !

ติงหลิงเอ๋อร์หันหน้ามามองพวกเขา “พี่ใหญ่ พี่รอง ได้หรือไม่ ? ”

“มาหลายรอบย่อมได้ แต่ถ้าจะมาอยู่นั้นท่านแม่ไม่มีทางเห็นด้วยเด็ดขาด ! ” คำพูดของติงหยูเจินทำให้ใบหน้าที่เคยสดใสของสาวน้อยกลับมาหมองหม่นอีกครั้ง เขาทนดูไม่ได้สักเท่าไรหรอก แต่ถ้าข่าวที่เด็กสาวออกมาอยู่ข้างนอกแพร่ไปทั่ว มันจะทำให้ชื่อเสียงด่างพร้อย…

หลินเว่ยเว่ยเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “สามารถให้ท่านป้าสะใภ้มาด้วยก็ได้ ! หมู่บ้านเราน้ำดินหล่อเลี้ยงผู้คน อากาศบริสุทธิ์ เมื่อหัวใจเปิดโล่งและอารมณ์ดีย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพ ! ”

มุมปากของพี่น้องตระกูลติงกระตุกอีกครั้ง เอ่ยถ้อยคำเหลวไหลได้ราวกับเรื่องจริงที่สุด พวกเขาเกือบจะเชื่อแล้ว !

“จริงด้วย ! ข้าจะพาท่านแม่มาด้วย ! ท่านแม่ต้องดีใจมากที่ข้าคบหากับพี่สาวที่ดีคนหนึ่ง ! ” ทันใดนั้นดวงตาของติงหลิงเอ๋อร์ก็กลับมาเปล่งประกาย นางเริ่มคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะเกลี้ยกล่อมให้มารดามาเที่ยวที่นี่เป็นเพื่อนตน…

พี่น้องตระกูลติงก้มหน้า เรื่องนี้ปล่อยให้ท่านแม่ปวดหัวเองเถิด !

ติงหยูเฉิงมองไปโดยรอบ ทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือไปแย่งพัดของพี่ใหญ่ ติงหยูเจินจึงรีบจับให้แน่นแล้วกล่าวว่า “ทำอะไร ? อยากได้พัดของข้าก็พูดสิ ถ้าขาดขึ้นมาน่าเสียดายจะตายไป”

ติงหยูเฉิงสะบัดพัดแล้วชี้ไปยังก้อนหินที่อยู่ห่างออกไปและต้นไม้ที่อยู่ด้านข้าง “ดูสิ ! เหมือนกันไม่มีผิด ! ที่แท้ต้นหญ้า ต้นไม้ ภูเขาและก้อนหินในภาพของปราชญ์ชนบท ก็มาจากที่นี่ ! รอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิเมื่อใด ข้าก็จะออกมาชมทิวทัศน์เช่นกัน…”

ทันใดนั้นก็มีคนไม่อยากกลับเพิ่มอีกหนึ่งคนแล้ว !

หลินเว่ยเว่ยมองท้องฟ้า จากนั้นก็พูดกับติงหลิงเอ๋อร์ว่า “ไป ไปดูบ่วงกับดักของพวกเราว่าได้สัตว์อะไรหรือไม่”

“ดี ! ดีมาก ! ” ติงหลิงเอ๋อร์อยากเห็นมาตั้งนานแล้วจึงรีบเดินไปยังทิศที่ตนจำได้ด้วยความตื่นเต้น แต่โดนหลินเว่ยเว่ยรั้งตัวไว้

“ทางนี้ ! ” หลินเว่ยเว่ยชี้ไปยังทิศตรงกันข้าม

ติงหลิงเอ๋อร์มีสีหน้างุนงง “ไม่ใช่หรอกกระมัง ? ข้าจำได้ว่าเรามาจากทางนั้นไม่ใช่หรือ ? ”

หลินเว่ยเว่ยหยิกแก้มอวบ ๆ ของนางแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ความจำเรื่องทิศทางของเจ้านี้ ต่อไปอย่าออกจากบ้านคนเดียวเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคงได้หลงทางเป็นแน่ ! ”

ติงหลิงเอ๋อร์ครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “มีหลายครั้งที่ข้าออกไปเดินเล่นข้างนอก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดข้าก็เดินเข้าไปในตรอกที่เป็นทางตัน ถ้าไม่ได้สาวใช้คนสนิทนำทาง ข้าก็คงออกมาจากตรอกนั้นไม่ได้ ! ”

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าต้องเดินตามข้าให้ดี ! ถ้าเดินหลงในหุบเขาแล้วล่ะก็จะหาทางออกได้ยาก ! ภูเขานี้กว้างใหญ่และลึกมาก มันมีรูปร่างอย่างไรกันแน่ก็ยังไม่มีใครรู้ ! เพราะคนที่เข้าไปแล้วไม่มีใครได้ออกมาแบบมีชีวิตสักคน ! ” หลินเว่ยเว่ยขู่นาง

ติงหลิงเอ๋อร์หน้าถอดสี มือน้อย ๆ รีบคว้าเสื้อนางไว้ทันที บนเขามีด้านที่น่ารักก็ต้องมีด้านที่น่ากลัวเช่นกัน…น่ากลัวมาก !

หลังจากพี่น้องตระกูลติงได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็รีบจับตามองน้องสาวให้ดีกว่าเดิม เพราะพวกเขาเป็นคนพานางออกมา ถ้านางหายไปล่ะก็ น้ำตาของท่านแม่จะต้องทำให้พวกเขาจมน้ำตายแน่นอน !

“ทางนั้นเราวางกับดักไว้สองบ่วง เจ้าไปดูว่าเราดักอะไรได้หรือไม่ ! ” หลินเว่ยเว่ยชี้ไปยังพุ่มหญ้าที่อยู่ข้างโขดหิน

ติงหลิงเอ๋อร์ขานรับอย่างเชื่อฟัง หลังเดินออกไปได้สองก้าว นางก็หันกลับมามอง เดินไปอีกสองก้าวก็หันกลับมาใหม่…คำพูดของหลินเว่ยเว่ยทำให้เด็กสาวกลัวแล้วจริง ๆ

หลินเว่ยเว่ยคลี่ยิ้ม “ไม่เป็นไร เจ้าเดินไปอย่างสบายใจได้ ข้าจะอยู่ตรงนี้ เจ้าคอยฟังเสียงข้า แค่ไม่กี่ก้าวนี้ย่อมไม่มีทางหลง ! นอกจากจะมีผีก่อม่านบังตา…”

“หืม ? ในหุบเขาเช่นนี้ยังมีผีก่อม่านบังตาด้วยหรือ ? ” ติงหลิงเอ๋อร์นึกถึงเรื่องผีที่เคยแอบฟังแม่นมเล่าให้พวกสาวใช้ฟัง ทันใดนั้นนางก็หยุดเดินทันควัน

“ฮ่าฮ่าฮ่า ! แค่หลอกเจ้า ! ข้าขึ้นเขาแทบทุกวัน ไม่เคยเจอผีก่อม่านบังตามาก่อน น้องหลิงเอ๋อร์ เจ้านี่ช่าง (ใสซื่อ) หลอกง่ายจริง ๆ ! ” หลินเว่ยเว่ยหัวเราะเสียงดังจนนกตกใจไปหลายตัว

ติงหลิงเอ๋อร์รีบเดินไปข้างหน้าอย่างใจกล้า แต่แล้วทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงบางอย่างจากพุ่มหญ้าตรงหน้า นางจึงตกใจจนกรีดร้องออกมา ติงหยูเจินที่คอยตามอยู่ห่างๆ มาโดยตลอดจึงรีบสาวเท้าเข้าไปหาและรีบตรงไปดูพุ่มหญ้านั้นทันที

“น้องเล็ก เจ้ามาดูสิ ! ” เสียงของติงหยูเจินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาอยากแบ่งปันเรื่องน่าประหลาดใจนี้แก่น้องสาว

ติงหลิงเอ๋อร์เดินก้าวสั้น ๆ เข้าไปทีละนิด “ว้าว ! ไก่ป่า มันสวยงามมาก ! ”

ที่แท้เสียงที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็มาจากไก่ป่าที่มาติดบ่วงกับดักนี่เอง กรงเล็บทั้งสองข้างของมันถูกบ่วงเชือกมัดไว้ มันพยายามกระพือปีกไม่หยุดหย่อน เมื่อเห็นคนเข้ามาใกล้ มันก็กระพือปีกแรงกว่าเดิม !

“พี่หลิน บ่วงกับดักทางนี้มีไก่ป่าตัวสวยหนึ่งตัว ! ” ติงหลิงเอ๋อร์กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขพร้อมคว้าปีกของไก่ป่าที่จับได้ไว้ในมือ ติงหยูเจินกลัวว่าไก่ป่าจะใช้กรงเล็บข่วนน้องสาว เขาจึงใช้เชือกมัดอีกสองสามรอบ

ไก่ป่าถูกมัดตั้งแต่คอจรดเท้า…

กับดักอีกอันไม่มีสัตว์อะไรมาติด ติงหลิงเอ๋อร์จึงค่อนข้างผิดหวัง แต่พอมองไก่ป่าตัวสวยในมือแล้วนางก็กลับมามีความสุขอีกครั้ง…นี่เป็นไก่ป่าตัวแรกที่นางจับได้ ! ดูเหมือนมันจะไม่ได้ยากเย็นเพียงนั้น !

ติงหยูเจินลูบศีรษะน้องสาวผู้โง่เขลา ถ้าไก่ป่าจับง่ายถึงเพียงนี้ พวกมันก็คงถูกชาวบ้านจับไปหมดนานแล้ว ก่อนที่หลินกู่เหนียงจะวางกับดักนางเคยมาสำรวจแล้ว นางต้องอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและการตัดสินใจที่แม่นยำ ตำแหน่งการวางกับดักก็มีวิธีพิเศษของมัน ไม่ใช่ใครที่ไหนก็สามารถวางกับดักได้ !

ส่วนหลินเว่ยเว่ยไปตรวจกับดักที่อื่น นางคิดว่าในป่าผืนนี้มีเพียงไก่ป่าและกระต่ายป่าเท่านั้น คาดไม่ถึงว่าหนึ่งในบ่วงกับดักที่วางไว้จะมีลูกกวางชะมดตัวเล็กมาก ๆ มาติดด้วย

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *