หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง 294 ความสามัคคีของชาวฉือหลี่โกว

Now you are reading หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง Chapter 294 ความสามัคคีของชาวฉือหลี่โกว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 294 ความสามัคคีของชาวฉือหลี่โกว

การช่วยอำพรางจากฝูงหมาป่าส่งผลให้ทหารกบฏตัดสินใจผิดพลาด พวกมันเดินตามหาอยู่ในป่ากว่าค่อนคืน แม้ฟ้าใกล้จะสว่างแล้วก็ไม่ได้รับสิ่งใดที่เป็นประโยชน์เลย

ในค่ำคืนนี้ นอกจากต้องรับมือกับถนนแสนขรุขระและความยากลำบากของพงไพรแล้ว ยังต้องคอยระวังการโจมตีจากพวกสัตว์ป่าอีกด้วย แค่พวกหมาในก็สังหารมันไปจำนวนมาก การพุ่งชนของพวกหมูป่าก็ทำให้บาดเจ็บกันไม่น้อยและยังมีการลอบโจมตีจากหมีควายอีก…พวกทหารกบฏหมดแรงกันแล้ว แต่ละนายเป็นเหมือนทหารที่ยกธงขาวยอมแพ้สงครามไม่มีผิด !

“เรียนท่านแม่ทัพ ทางนี้มีบางอย่างขอรับ ! ” เนื่องจากเป็นกลุ่มชาวบ้านร้อยกว่าคน อย่างไรก็ต้องทิ้งร่องรอยไว้บ้าง ผ่านไปไม่นานพวกกบฏก็ค้นพบร่องรอยของชาวบ้านฉือหลี่โกว

แม่ทัพทหารกบฏดื่มน้ำแล้วเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “ตามมา ! ข้าอยากเห็นเสียจริงว่าใครที่กล้าเล่นเล่ห์กับข้าทั้งคืน ! ข้าจะฉีกพวกมันออกเป็นชิ้น ไม่ปล่อยให้รอดไปสักตัว ! ”

ทางบนเขาช่างเดินยากลำบาก แม้แต่ชาวบ้านฉือหลี่โกวที่เดินจนเคยชินแล้วยังต้องใช้เวลาหนึ่งหรือสองชั่วยามถึงจะมายังป่าสนแดงได้ นับประสาอันใดกับทหารกบฏที่ต้องเดินไปพลางตามหาร่องรอยไปด้วย เมื่อรอให้พวกมันตามมาถึงป่าสนแดงก็เป็นเวลาครึ่งชั่วยามต่อจากนั้นแล้ว !

“มาแล้ว ! ” หลีชิงกำคันธนูในมือแน่น อาวุธนี้ทำมาจากไม้ไผ่กับเอ็นกวางซึ่งมีความยืดหยุ่นสูง หลินเว่ยเว่ยเคยทำคันธนูและลูกธนูขนาดเล็กไว้ให้เด็ก ๆ เล่น ทว่านางแรงเยอะ คันธนูที่ทำออกมาเป็นเหมือนของเล่นนั้นพอไม่ระวังนางจึงทำหักไปแล้ว ส่วนอันที่หลีชิงนำขึ้นมาด้วยนี้เป็นคันที่นางทำเสร็จและวางทิ้งไปทั่ว เขาจึงหยิบติดตัวมานั่นเอง

หัวใจของชาวบ้านฉือหลี่โกวเต้นแรงขึ้นมาทันที มีเด็กบางคนตกใจจนแทบร้องไห้ออกมา มารดาต้องเอามือปิดปากไว้แล้วกระซิบเสียงสั่นเพื่อปลอบประโลม

หลีชิงลับคมกระบี่ไม้ไผ่และเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของพวกโจรด้านนอกไปพร้อมกัน ในที่สุดมันก็พบพื้นที่เละเทะใกล้หุบเขา พวกโจรจึงเข้ามาใกล้ปากทางเขาหุบเขาอย่างเงียบ ๆ

ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาอีก…ในขณะที่โจรแถวหน้าอยู่ห่างจากปากหุบเขาไม่กี่ก้าว หลีชิงก็ทำสัญญาณมือให้พวกหลิวต้าซวนซึ่งซุ่มโจมตีอยู่บนยอดเขาทั้งสองด้าน

หลิวต้าซวนกัดฟันแล้วตะโกนเสียงดังลั่น จากนั้นโยนก้อนหินขนาดเท่าศีรษะมนุษย์ใส่พวกโจรอย่างแรง บัดนี้มีชาวฉือหลี่โกวซุ่มโจมตีอยู่ด้านบนประมาณสิบกว่าคน พวกเขาโยนก้อนหินลงมาพร้อมกันราวกับสายฝนพุ่งใส่พวกโจร

หลังจากเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นสองสามหน ที่เหลืออยู่ก็เป็นเพียงซากศพของโจร ส่วนพวกโจรที่เหลือก็ช่วยสหายผู้บาดเจ็บให้ถอยออกไปจากตรงนั้นทันที !

หัวหน้ากองโจรหรือแม่ทัพหัวรั้นนายนั้นยิ่งโมโหกว่าเดิม แค่ชาวบ้านโง่เง่ากลุ่มเดียวกล้าทำร้ายทหารของตน ตอนนี้มันจึงยิ่งทนไม่ไหว ! ทันใดนั้นมันก็เอาคันธนูของลูกน้องด้านข้างมายิงไปทางชาวบ้านฉือหลี่โกวที่อยู่บนเขา…

เมื่อหลีชิงเห็นเช่นนั้นก็รีบตะโกนบอกกลุ่มทหารชาวบ้านทั้งสองฟากทันที “รีบหาที่กำบัง รีบหลบเร็วเข้า ! ”

ทันใดนั้นลูกธนูก็เฉียดเข้ามาที่ไหล่ของพ่อซัวถัวทำให้ผิวหนังชั้นนอกถลอก เขาจึงอดไม่ได้ที่จะดีใจ ‘โชคดีที่หลีชิงเตือนได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นลูกธนูดอกนี้ต้องพุ่งปักหัวใจข้าแน่’

แม่ทัพกบฏคาดไม่ถึงว่าลูกธนูของตนจะยิงโดนอากาศ มันจึงอายจนหงุดหงิดแล้วตะโกนใส่นายทหารใต้บัญชาทันที “ยิงให้ข้าเดี๋ยวนี้ ! ”

เมื่อห่าธนูจบลง ความเงียบก็กลับมาอีกครั้ง ชาวบ้านสองฝั่งยอดเขาโดนห่าธนูทำให้บาดเจ็บไปหลายคน โชคดีที่เป็นแค่บาดแผลภายนอกไม่ได้อันตรายถึงชีวิต คนที่บาดเจ็บถูกประคองลงไป จากนั้นกลุ่มสนับสนุนก็ขึ้นไปแทนที่

คนที่อยู่ในหุบเขาด้านหลังเป็นบิดา มารดา ภรรยาและบุตรของพวกตน แม้หลงเหลืออยู่แค่คนเดียวก็จะปล่อยให้โจรชั่วเข้ามาง่าย ๆ ไม่ได้เด็ดขาด เพื่อชาวบ้าน เพื่อครอบครัวแล้ว แม้จะกลัวเพียงใดก็ไม่ถอยหนี !

หมอเหลียงและบุตรชายรีบเข้าไปพันแผลให้ผู้บาดเจ็บ คนที่บาดเจ็บเล็กน้อยยังปีนกลับขึ้นยอดเขาเหมือนเดิมเพื่อหาก้อนหินเพิ่มให้สหาย

เด็กที่โตกันแล้วก็เห็นบนพื้นและบนต้นไม้มีลูกธนูของศัตรูตกอยู่จึงคว้าโอกาสหลังห่าธนูจบลงเพื่อไปเก็บลูกธนูขึ้นมา…แล้วนำไปวางไว้ด้านข้างของหลีชิง

ผ่านไปไม่นาน ข้างกายของหลีชิงก็มีลูกธนูกองเล็ก ๆ แล้ว เขาจึงส่งสายตาชื่นชมให้เด็กพวกนั้นแล้วหยิบขึ้นมาชั่งน้ำหนักในมือ ดีกว่าลูกธนูเด็กเล่นของเขาตั้งเยอะ !

ต่อจากนั้นหลีชิงก็วางลูกธนูลงบนคันศรแล้วยิงใส่กลุ่มโจรที่พุ่งเข้ามาตรงปากหุบเขา…ฉึก! เมื่อลูกธนูถูกยิงออกไป เสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้นทันที ธนูปักลงที่ต้นขาของอีกฝ่าย

หลีชิงมุ่ยปากพลางเหลือบมองคันธนูอันน่ารังเกียจในมือ…ของเล่นอย่างไรก็เป็นของเล่น ! ความแม่นยำนี้แย่เกินไปหน่อยแล้ว ! จากนั้นหลีชิงก็ปรับคันธนูไม้ไผ่สองสามรอบแล้วเล็งใหม่ แม้จะยังไม่พอใจแต่ก็ถือว่าใช้ได้ !

“เรียนท่านแม่ทัพ อีกฝ่ายมีมือยิงธนูขอรับ ! ” รองแม่ทัพรีบดึงตัวผู้บังคับบัญชาไปซ่อนหลังต้นไม้อย่างรวดเร็ว

แม่ทัพกบฏขมวดคิ้วและรู้สึกประหลาดใจทันที จะเป็นไปได้อย่างไร ? พวกตนสืบมาเป็นอย่างดีแล้วว่าหมู่บ้านฉือหลี่โกวแห่งนี้เป็นแค่หมู่บ้านธรรมดาในหุบเขา ด้านในเป็นแค่ชาวบ้านที่ธรรมดายิ่งกว่าอะไร แล้วมือยิงธนูจะมาจากที่ใด ?

ตอนที่ลูกน้องหยิบลูกธนูขึ้นมาดู มันก็โมโหจนแทบกระอักเลือด นี่ไม่ใช่ลูกธนูของพวกตนหรอกหรือ ? ห่าธนูเมื่อครู่เป็นการประเคนลูกธนูให้อีกฝ่ายใช่หรือไม่ ?

“มือยิงธนูที่ไหนกัน น่าจะเป็นนายพรานในหมู่บ้านเสียมากกว่า เพราะถ้าเป็นมือยิงธนูจริง ๆ ลูกธนูเมื่อครู่ก็ไม่ควรโดนแค่ตรงขา ! บุก ! ข้าอยากเห็นว่าพวกมันจะเก่งเกินคนหรือไม่ ? ” แม่ทัพกบฏโดนโทสะครอบงำจึงพาลูกน้องพุ่งไปยังปากทางเข้าหุบเขาทันที

เมื่อรองแม่ทัพและกุนซือเห็นเช่นนั้นก็รีบติดตามไป

พอได้ลองยิงธนูออกไปสองสามดอกแล้ว ธนูที่เพิ่งปรับใหม่ก็มีความแม่นยำเพิ่มขึ้นไม่น้อย หลีชิงสามารถยิงทหารข้างแม่ทัพกบฏไปได้หลายนาย จะจับโจรต้องจับหัวหน้าก่อน ลูกธนูของเขาทุกดอกล้วนเล็งไปที่แม่ทัพกบฏ แต่คนเจ้าเล่ห์นั่นก็มักหลบอยู่ด้านหลังลูกน้องเสมอ

ผ่านไปไม่นาน พวกโจรก็บุกมาถึงบริเวณทางเข้าอีกครั้ง กลุ่มทหารชาวบ้านทั้งสองฝั่งจึงทำห่าฝนลูกหินอีกรอบ ทว่าคราวนี้พวกเขาต้องหลบลูกธนูของอีกฝ่ายไปด้วย พลังในการโจมตีจึงลดลงไม่น้อยและคนที่บาดเจ็บก็เริ่มมีเยอะขึ้นทุกที แต่ก็ยังโชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต

ผู้ใหญ่บ้านมองดูจากระยะไกล ยามที่เห็นคนบาดเจ็บลงจากยอดเขาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ หัวใจของเขาก็คล้ายโดนไฟเผา พอมองต้นหวายในหุบเขาแล้วก็พูดกับพวกผู้หญิงว่า “พวกเราทำโล่เถาวัลย์ส่งขึ้นไปกันเถิด อย่างน้อยก็พอจะป้องกันลูกธนูได้บ้าง”

สตรีในหมู่บ้านล้วนมีฝีมือในการถักตะกร้าอยู่แล้วจึงเริ่มใช้มีดฟันหวายเป็นเส้นแล้วถักอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะโดนหวายบาดมือ พวกนางก็ยังอดทนและถักต่อไป เบื้องหน้ามีสามีและบุตรชายซึ่งกำลังเสี่ยงชีวิตอยู่ ดังนั้นพวกนางก็จะไม่ยอมแพ้เช่นกัน !

ต่อจากนั้นโล่เถาวัลย์เนื้อหนาที่แต่ละคนถักก็ถูกนำขึ้นไปป้องกันเป็นด่านหน้าของทหารชาวบ้านอย่างรวดเร็ว มันช่วยลดโอกาสในการโดนลูกธนูได้อย่างมาก ก้อนหินจึงถูกโยนลงไปด้านล่างราวกับห่าฝนอีกครา กลุ่มคุ้มกันจำนวนมากที่บาดเจ็บเล็กน้อยไม่มีทีท่าจะถอย เด็กหนุ่มอายุ 14-15 ปีก็ระงับความหวาดกลัวในใจเอาไว้ พวกเขาช่วยกันย้ายหินจากที่ต่าง ๆ มาวางไว้ข้างเท้าบิดาและพี่ชายอย่างต่อเนื่อง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *