ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 214

Now you are reading ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง Chapter 214 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 214 ท่านมันหน้าไม่อาย 

 

 

“เด็กดี เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ” เขาเป่าลมอยู่ข้างหูนางเบาๆ “คนที่อายุเท่าข้า ควรจะมีลูกวิ่งเล่นไปทั่วแล้ว แต่ตอนนี้ข้ายังไม่มีลูกเลย พูดออกไป คนอื่นจะคิดว่าข้ามีปัญหา ผู้ชายของเจ้ารู้สึกเสียหน้านัก!” 

 

 

เฉินยางถามตามคำพูดของเขา “ท่านมีปัญหาอันใด ก็ยังดีๆ อยู่มิใช่หรือ” 

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋คิดเพียงแค่ว่านางแกล้งโง่ ทั้งสองมือจึงสอดเข้าไปใต้รักแร้ของนาง แล้วยกนางขึ้นมานั่งบนตักตัวเอง “แกล้งโง่กับข้าหรือ ตอนนี้เจ้าฉลาดแล้ว กล้าแกล้งโง่กับข้าแล้วหรือไร” 

 

 

เฉินยางไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี “ข้าไม่ได้แกล้งโง่” 

 

 

เขาจึงเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นหลอกล่อ กระซิบพูดข้างหูนางว่า “ยังบอกว่าไม่ได้แกล้งโง่อีก คำพูดของข้าเมื่อครู่หมายถึงอะไร ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่เข้าใจ” 

 

 

ถึงเข้าใจก็ต้องแกล้งไม่รู้เรื่อง เฉินยางรู้สึกคันหูยุบยิบ คิดจะยกมือขึ้นมาเกา แต่ถูกเขาจับมาวางไว้บนเอวเขาเอง “ข้าพูดว่า…” เขากดเสียงต่ำแล้วพูดข้างหูนางเบาๆ ว่า “ข้าอยากได้เจ้าอย่างสมบูรณ์” 

 

 

ตอนแรกก็ไม่ได้เป็นอะไร ด่านนี้ควรจะผ่านไปตั้งนานแล้ว แต่ระหว่างนั้นกลับเกิดเรื่องขึ้นมากมาย จึงปล่อยมาจนถึงวันนี้ แล้วยังมีไทเฮาที่เข้ามาแทรกอีก พวกเขาที่เป็นสามีภรรยากันนั้นช่างลำบากยิ่งนัก แต่ละครั้งที่เริ่มผูกพันขึ้นมา ก็มักจะต้องพบเจอเรื่องเช่นนั้น เขารอไม่ไหวแล้ว และก็จะไม่รออีกต่อไป หากยังเป็นเช่นนี้ต่อ เขาคงได้บ้าตายไปจริงๆ วันนี้จังหวะเหมาะเจาะเป็นโอกาสดีที่ยากจะได้พบนัก 

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ซุกหน้าซบที่คอของเฉินยาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเล็กน้อยว่า “คืนนี้ก็อย่าเข้าวังไปเลย พรุ่งนี้เช้าข้าค่อยส่งเจ้าเข้าไป” 

 

 

คราวนี้เฉินยางกลับจริงจังขึ้นมา “ไม่ได้! ตกลงไว้แล้วว่าเรียนระเบียบก็คือเรียนระเบียบ ถ้าไม่กลับไปหากไทเฮาทรงทราบเข้าจะไม่ดี หากแม้แต่เรียนระเบียบก็ยังไม่ตั้งใจ กลับไปไทเฮาก็คงจะชูป้ายแดงให้ข้าแล้ว” 

 

 

“อะไรคือชูป้ายแดง” 

 

 

“ข้าเป็นคนใฝ่เรียน วันนี้ขาดเรียนไปวันหนึ่งแล้ว พรุ่งนี้เช้าหากยังล่าช้าอีก ที่เรียนมาเมื่อวันก่อนก็จะลืมเอาได้” 

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋กอดนางแล้วยิ้ม “ความจำเจ้าแย่เช่นนั้นเชียวหรือ เพิ่งเรียนไปก็ลืมเสียแล้ว” 

 

 

นางบุ้ยปากพูดว่า “ก็หัวข้าไม่ค่อยดีนี่!” 

 

 

“เช่นนั้นแล้วเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไรดี” เขาเอาใบหน้าถูกับคอนางด้วยความน้อยใจ แล้วจับมือนางลูบที่อกตัวเอง “ข้าก็ทนมานานแล้วเหมือนกัน” 

 

 

ทันทีที่มือของเฉินยางแตะถูกอกของเขา ก็หดกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วด่าเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ท่าน…ท่านมันหน้าไม่อาย!” 

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋หัวเราะนาง “ไม่แกล้งโง่แล้วหรือ ตอนนี้รู้ว่าคืออะไรแล้วหรือ” 

 

 

ใบหน้าของนางร้อนผ่าว หูก็เริ่มเห่อร้อนขึ้นมา นางหันหลังไป หัวใจเต้นโครมครามอยู่ในอก ข้างหลังนางมีมือคู่หนึ่งยื่นมาโอบกอดนางเอาไว้ กุมมือที่สั่นด้วยความไม่สงบของนาง “เชื่อฟังข้า คืนนี้ไม่ต้องกลับไปแล้วกัน” 

 

 

นางยังคงต่อต้านเฮือกสุดท้าย “แต่ว่า…ถ้าไม่กลับไปจะไม่…” 

 

 

คำว่า ‘ดี’ ที่เหลือนั้นยังไม่ทันพูดออกมา ก็ถูกเขากลืนเข้าไปในปาก เฉินยางร้องอู้อี้อยู่เล็กน้อย หลังศีรษะถูกเขาใช้มือข้างหนึ่งรองพิงกับผนังรถม้า  

 

 

เมื่อรถม้าเข้าไปในเขตของซานจวง เส้นทางเปลี่ยนเป็นขรุขระ เพียงแต่นางที่อยู่ในอ้อมกอดของเขานั้นกลับนั่งอย่างสงบเสงี่ยมผิดปกติ 

 

 

หลับจูบผ่านไป นางหอบหายใจ สองมือยันพื้น รักษาระยะห่างจากเขาด้วยความโกรธเล็กน้อย “ท่าน… ไฉนถึงยื่นลิ้นออกมา ท่านคิดจะให้ข้าหายใจไม่ออกจนตายหรือไร!” 

 

 

เขาคว้ามือของนางทั้งสองข้างแล้วจับไพล่ไว้ข้างหลังอีกครั้ง “อีกรอบแล้วกัน ข้าจะสอนเจ้า” 

 

 

เฉินยางเอียงศีรษะหลบ “ไม่เอา! ข้า… ข้ามึนหัวแล้ว เหมือนจะเป็นเพราะหายใจไม่ออก ข้าต้องพักเสียหน่อย ข้า… ข้าทำไม่ได้ ข้าใช้ไม่ได้” 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด