ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 589 รักเขาเข้าให้แล้ว / 590 มีปากเสียง

Now you are reading ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง Chapter 589 รักเขาเข้าให้แล้ว / 590 มีปากเสียง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 589 รักเขาเข้าให้แล้ว

 

 

เฉินยางเป็นคนรักษากฎ ในเมื่อราชสำนักมีข้อห้าม เช่นนั้นก็ไม่อาจฝ่าฝืนได้โดยง่าย เพื่อจะได้ไม่เป็นการสร้างปัญหาแล้วสร้างจุดอ่อนให้เฝิงเยี่ยไป๋ถูกจับได้

 

 

ซั่งเหมยมวยผมให้นางใหม่ ผู้หญิงแต่งงานแล้วก็มวยผมทรงหญิงที่แต่งงานแล้ว เพียงแต่การมวยผมเช่นนี้เมื่ออยู่บนศีรษะของเฉินยางกลับรู้สึกประหลาดนัก เหมือนดั่งเด็กหญิงแสร้งทำเป็นหญิงสาวเช่นนั้น ซั่งเหมยปล่อยมวยผมเดิมของนางลงมา แล้วใช้ปิ่นปักผมม้วนสองที ปิ่นปักผมเสียบไว้เอียงๆ เป็นแม่นางอย่างแท้จริง

 

 

ไม่แต่งไม่เท่าไร พอได้แต่งแล้ว ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคนอย่างไรอย่างนั้น เฉินยางก็ชอบการแต่งตัวเช่นนี้ของตน นางมองซ้ายทีขวาที ยิ่งดูยิ่งชอบ

 

 

“เพียงแค่ไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะกลับมาเมื่อใด นี่ก็ฟ้ามืดแล้ว หากไม่กลับมาอีก เช่นนั้นบ่าวไม่แต่งให้ท่านเสียเปล่าหรือ”

 

 

ยามนี้เเฉินยางตั้งตารอท่าทีของเฝิงเยี่ยไป๋ที่เห็นนางแต่งเช่นนี้ เมื่อก่อนนางไม่เคยคิดเลยว่าเฝิงเยี่ยไป๋จะค่อยๆ เข้ามาอยู่เต็มชีวิตของนาง คนที่อยู่ในใจนางมีไม่มาก นอกจากท่านพ่อของนางก็เป็นเฝิงเยี่ยไป๋และลูกชายแล้ว ตอนนี้ ขอเพียงเฝิงเยี่ยไป๋ออกไปนานเสียหน่อย นางก็เริ่มคิดถึงเขา เหมือนไม่ใช่ตัวเองในอดีตเลย

 

 

เจ้าตัวย่อมไม่รู้ดีเท่าคนนอก ซั่งเหมยบอกว่านางรักเฝิงเยี่ยไป๋เข้าให้แล้ว มีเพียงรักคนคนหนึ่งถึงได้คิดถึงทุกเวลา กลัวจะสูญเสีย กลัวว่าเขาจะถูกคนอื่นแย่งไป ตอนแรกนางยังไม่เชื่อซั่งเหมย เพียงแต่ความรู้สึกนี้นับวันยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ นอกจากรัก นางก็เหมือนจะนึกคำพูดอื่นมาอธิบายความรู้สึกนี้ไม่ได้แล้ว

 

 

ฮ่องเต้น้อยครองอำนาจ วิธีการจัดการแตกต่างจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนอย่างสิ้นเชิง ฮ่องเต้พระองค์ก่อนอยากจะให้เฝิงเยี่ยไป๋สู้กับซู่อ๋องอยู่ตลอด จากนั้นตัวเองก็นั่งรอผลพลอยได้ และทำให้เฝิงเยี่ยไป๋จากเดิมที่มีเพียงชื่อกลายเป็นมีอำนาจจริงๆ เพียงแต่ฮ่องเต้น้อยไม่เหมือนกัน พระองค์ทรงฟังคำแนะนำของพั่งไห่ ระแวงเฝิงเยี่ยไป๋ทุกทาง ค่อยๆ ยึดอำนาจที่อยู่ในมือเฝิงเยี่ยไป๋ทีละน้อย วันนี้เก็บกลับมานิด พรุ่งนี้เก็บกลับมาหน่อย เป้าหมายชัดเจนยิ่งนัก

 

 

อำนาจให้ออกไปง่าย เพียงแต่จะให้เขาคืนกลับไปก็ไม่ง่ายเช่นนั้นแล้ว ยามนี้ในมือเขามีอำนาจ ฮ่องเต้น้อยจะทำอะไรเขาก็ต้องคิด เพียงแต่หากอำนาจคืนกลับไปหมดนั้น ฮ่องเต้น้อยจะจัดการเขาย่อมไม่ต่างกับบี้มดให้ตายหรือ ถึงเวลาจะหาโทษอะไรมาใส่หัวเขาก็ได้ อย่างไรเสียฮ่องเต้เพิ่งขึ้นครองราชย์ ด้วยพระองค์ยังทรงพระเยาว์ ทำเรื่องใดไม่รอบคอบก็ไม่กลัวจะถูกคนทั่วแคว้นนินทา

 

 

สองวันนี้เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ได้ยุ่งเรื่องอื่น แผนของเขาที่คิดจะฉวยโอกาสตอนที่เมืองหลวงวุ่นวายกลับหรู่หนานใช้ไม่ได้แล้ว ในเมื่อถอนตัวไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องเข้าสู้ ฮ่องเต้น้อยคิดจะยึดอำนาจคืนจากเขา ความคิดไม่เลวนัก เพียงแต่จะทำจริงๆ ขึ้นมาจะง่ายเช่นนั้นหรือ

 

 

ยามนี้ราชสำนักแต่ละคนต่างหวาดผวา เหล่าขุนนางต่างเอาตัวรอด คนเหล่านี้ล้วนสบายมานาน ยามนี้พอได้ยินว่ามีสงครามก็ต่างหวาดระแวง ที่คิดอยู่นั้นไม่ใช่เสนอแผนให้ฮ่องเต้ แต่คิดอยู่ว่าจะรักษาเอาตัวรอดจากความวุ่นวายนี้ได้อย่างไร ฮ่องเต้น้อยจะยึดอำนาจคืนจากใครไม่สำคัญ ศัตรูเข้ามาตรงหน้า พวกเขากลับสู้รบกันเองอยู่ที่นี่ หากดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ใครแพ้ใครชนะยากจะคาดเดานัก

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋จับจุดนี้ของพวกเขาได้ หลังเลิกประชุมราชกิจก็จัดงานเลี้ยงที่เรือนชุ่ยเวย เชิญเหล่าขุนนางในราชสำนักทุกๆ คน แต่ละคนล้วนเป็นคนเอาตัวรอดเก่งในราชสำนักมานาน คำพูดเชิงมารยาทต่างรู้กันดี หลายๆ สิ่งไม่ต้องพูดให้ชัดเจน พูดสื่อความหมายในคำพูด บนโต๊ะจอกเหล้าหมุนเวียนลงท้อง ให้เงินเสียอีกหน่อย ไม่มีใครที่ไม่รักเงิน

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 590 มีปากเสียง

 

 

ฮ่องเต้น้อยเมื่อต้องต่อกรกับเฝิงเยี่ยไป๋ ผลเป็นอย่างไรก็เห็นกันได้ชัดๆ อยู่แล้ว เฝิงเยี่ยไป๋หากว่าสอนให้ฮ่องเต้สู้เด็กยังมิได้ เช่นนั้นเขาก็ไม่ควรมีชีวิตมาจนถึงวันนี้หรอก ฮ่องเต้ลดทอนอำนาจไม่จำเป็นต้องถามความเห็นของบรรดาเหล่าขุนนาง แต่จะแบ่งกระจายอำนาจให้แก่ใครนั้นก็เป็นปัญหาใหญ่ มิมีผู้ใดกล้าออกหน้ารับไว้ ฮ่องเต้จะมอบแก่ใคร มันผู้นั้นก็คุกเข่าลงตะโกนดังก้อง “มิกล้า” พึมพำในลำคอว่าตนนั้นไร้ซึ่งความสามารถ มิอาจรับไว้ได้

 

 

หากมีเพียงขุนนางเดียวกล่าวเช่นนี้ก็คงมิเป็นไร แต่ทุกคนล้วนแล้วแต่กล่าวเช่นนี้ ฮ่องเต้นั้นใบหน้าแทบจะดูไม่ได้ อาละวาดกลางท้องพระโรง อย่างอื่นไม่เหมือนฮ่องเต้พระองค์ก่อนแต่เรื่องความอารมณ์ร้ายนี้แทบจะโขกกันออกมา เมื่อทรงพิโรธแล้วอะไรใกล้พระหัตถ์ก็ขว้างได้หมด สุดท้ายแล้วเมื่อทำอะไรไม่ได้อำนาจหน้าที่ไม่มีใครกล้ารับก็ต้องมอบคืนแก่เฝิงเยี่ยไป๋ สิ่งใดที่เขาควรดูแลก็ให้เขาดูต่อไป

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ในด้านการวางแผนนั้นแยบยลยิ่งนักนับเป็นยอดฝีมือ เป็นผู้ที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว ผู้อื่นไม่สามารถล่อหลอกเขาได้โดยง่าย หากเพียงผู้นั้นพูดประโยคแรก เขาก็สามารถคาดเดาประโยคถัดไปได้เลย แต่ต่อให้เฉลียวฉลาดเพียงใดก็มีเพียงหัวเดียว สอดส่องได้เพียงเรื่องนี้ เรื่องในบ้านตนนั้นกลับสอดส่องไม่ไหว

 

 

เขากลับเรือนดึกดื่นค่อนคืนติดกันหลายวัน เมื่อกลับถึงแล้วก็พบว่าเว่ยเฉินยางนั้นเข้านอนเสียแล้ว ด้วยเกรงว่าจะเสียงดังจนทำให้นางตื่น ทุกคราที่กลับมาก็จะย่องมือย่องเท้า ด้วยเกรงจะทำให้นางตกใจตื่น ปกติก็จะชำระล้างตัวที่ห้องด้านนอก ถอดเสื้อคลุมตัวนอกเสียก่อนค่อยเดินเท้าเปล่าเข้ามาด้านในล้มตัวลงนอนอย่างเงียบๆ ไม่เหมือนกลับมาบ้านตนเอง กลับเหมือนโจรเสียมากกว่า

 

 

คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่กลับมาเสีย เขาดื่มสุราไปไม่น้อย ทำธุระส่วนตัวเสียสะอาดก็แอบๆ เข้ามาในห้องแต่กลับไม่เหมือนคืนก่อนๆ ในห้องนั้นไฟยังสว่างอยู่ เขาเอียงศีรษะมองไปด้านใน พบว่าไม่มีคน พอมองอีกทีก็เห็นว่ามีคนนั่งอยู่ด้านหน้ากระจก นั่งนิ่งไม่ขยับ พอได้ยินเสียงก็ไม่ตอบโต้อะไรเหมือนดั่งพระกำลังเข้าฐานกระนั้น

 

 

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ค่อยๆ เดินเข้าไปถามนาง “ทำไมยังไม่นอนอีก แล้วนี่เสื้อคลุมหายไปไหน หนาวหรือไม่”

 

 

เฉินยางกะพริบตา ยืนขึ้น “ทำไมท่านกลับดึกนัก” ใต้แสงไฟนั้นนางหมุนตัวกลับมา ใบหน้างดงามนั้นมีร่องรอยของการตัดพ้ออยู่หลายส่วน “หากท่านรู้ว่าจะต้องกลับดึกก็ควรจะส่งคนกลับมาบอกข้าสักคำ มิควรปิดบังข้า”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋เองเมื่อได้ฟังดังนั้นดวงตาก็พริบพราว ใต้ดวงไฟสีเหลืองอ่อน นางงดงามดั่งภาพวาด คิ้วขมวดน่าดูชม และเพราะว่าโกรธมุมปากจึงกดต่ำลง แม้ว่าจะดึกแล้วแต่ตัวนางเองเมื่ออยู่ในอารมณ์นี้กลับดูมีชีวิตชีวาขึ้นมามากโข

 

 

“เจ้า…..” เขาเองรีบกลืนน้ำลายไปหลายที หายใจหอบถี่ “ดึกเพียงนี้ยังไม่เข้านอน เจ้ารอข้าหรือ”

 

 

“ไม่อย่างนั้นเข้าจะให้ข้ารอใครเล่า” นางถอดปิ่นนกยูงที่เขาให้ตอนที่ออกจากหรู่หนานออกจากมวยผมแล้วโยนในให้กล่องเครื่องอับอย่างลวกๆ “ช่างเถิด ข้าจะกลับไปนอนแล้ว ท่านก็จัดการตัวเองแล้วกัน!”

 

 

แม้แต่ทรงผมนางยังเปลี่ยนไปเลย เป็นแบบที่สดใสร่าเริงที่ปกติเขาเองก็ยังไม่เคยเห็น ค่อนคืนแล้วยังแต่งตัวรอเขา เฝิงเยี่ยไป๋รีบตามติดโอบกอดนางไว้ “เป็นอะไรไปเล่า ไม่ดีใจหรือ ทำไมไม่ดีใจ ไหนลองเอ่ยมาดูสิ ข้าทำอะไรผิดไปหรือไม่”

 

 

เฉินยางครางหึในลำคอ แกะมือของเขาออก “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่พอใจ ข้าพอใจจะแย่แล้ว แล้วยังกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งนี่อีก ปล่อยข้านะ!”

 

 

เขาก้มศีรษะลงดมกลิ่นบนกายตน เมื่อตอนกลับมาก็อาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้ว เหตุใดจึงยังมีกลิ่นเหล้าอีก

 

 

เฉินยางแค่เพียงอยากจะทดสอบ จึงพูดออกไปว่าได้กลิ่นเหล้า คาดไม่ถึงว่าเขารีบร้อนดมเสื้อผ้าตนเยี่ยงนั้น ในใจเลยคาดเดาได้ว่าคงไปดื่มมาจริง นางจึงสะบัดตัวเขาออก สีหน้านางปรากฏคำว่า “อย่างไรเล่า” พร้อมกับส่งเสียงหึในลำคออย่างเย็นชา

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด