ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 655 ไม่อาจขัดพระทัยฮ่องเต้ได้ / 656 นางกับฮ่องเต้มีความสัมพันธ์อย่างไร

Now you are reading ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง Chapter 655 ไม่อาจขัดพระทัยฮ่องเต้ได้ / 656 นางกับฮ่องเต้มีความสัมพันธ์อย่างไร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 655 ไม่อาจขัดพระทัยฮ่องเต้ได้  

 

 

ยามนี้ฮ่องเต้ไม่ได้อยู่กับน่าอวี้ อิ๋งโจวรับราชโองการจากฮ่องเต้ มารักษาน่าอวี้ทุกวัน นางดื่มยาเช้าจรดเย็น หากฮ่องเต้มีเวลาก็จะมาดูนางรักษา หากไม่มีเวลา ก็จะส่งคนมาเฝ้า รู้ว่าสองคนนี้เคยรู้จักกันมาก่อน และก็เป็นชายหล่อหญิงงาม กลัวนานวันเข้าจะเกิดอะไรขึ้นมาจึงป้องกันไว้ก่อน  

 

 

ฝั่งฮ่องเต้นั้นได้รับจดหมายที่เฝิงเยี่ยไป๋ส่งกลับมาจากแนวหน้า บอกว่าชนเผ่าเฉินตานเกิดการแย่งชิงภายใน องค์ชายสองไซ่ถ่านแห่งเฉินตานแย่งตราทหารของน้องสาวไซ่จี๋จะแย่งชิงบัลลังก์กับรัชทายาทที่ป่วยหนัก ยามนี้ไซ่จี๋ถูกจับ เขาคิดจะช่วยไซ่จี๋ชิงตราทหารกลับมาแล้วให้นางขึ้นครองบัลลังก์ ให้นางติดหนี้บุญคุณ จากนั้นก็ให้เฉินตานถอยทัพและลงนามไม่รุกรานต้าเยี่ยตลอดไป เทียบกับการฆ่าล้างจนหมดสิ้น มีแคว้นที่ส่งบรรณาการให้ทุกปีสำหรับต้าเยี่ยแล้วไม่มีผลเสียอะไรเลย ที่สำคัญ การทำเช่นนี้ยังสามารถสร้างชื่อเสียงอันดีให้กับแคว้นเล็กรอบๆ ศึกสงครามนั้นเป็นเฉินตานที่เริ่มต้นขึ้นมา เฉินตานยอมภักดีแล้ว แคว้นเล็กที่มีเฉินตานเป็นผู้นำย่อมภักดีเอง  

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋คิดไปไกล เพียงแต่ฮ่องเต้ไม่สนมากมายเช่นนั้น ต้าเยี่ยของพระองค์แข็งแกร่งยิ่งนัก ไฉนถึงปราบชนเผ่าเล็กๆ เช่นนี้ไม่ได้อีก ถูกคนอื่นตบหน้า ยามนี้ยังต้องปั้นหน้าไปช่วยศึกแย่งชิงภายในของเขา ว่างเสียนักหรืออย่างไร  

 

 

และคำพูดของเฝิงเยี่ยไป๋นั้นไม่มีท่าทีที่จะขอให้พระองค์มีราชโองการหรือหารือกับพระองค์เลย ฟังจากเนื้อความแล้ว คงจะตัดสินใจเองไปเสียแล้ว ช่างดียิ่งนัก ตอนนี้เขาก็เริ่มแยกฐานะตัวเองไม่ออกแล้ว เช่นนั้นกลับมาแล้วจะเป็นอย่างไร  

 

 

ฮ่องเต้กริ้วจนตบโต๊ะ “ไม่เตือนเขาเสียหน่อย เขาจะยังคิดว่าเราควบคุมเขาไม่ได้” ความมาดนิ่งที่มีต่อเหล่าขุนนางทั้งหลายนั้นหายไปหมดสิ้น ยามที่ทรงกริ้วขึ้นมา เหมือนดั่งเด็กที่น้อยใจยิ่งนัก “หลี่เต๋อจิ่ง! หลี่เต๋อจิ่ง! เจ้าไป…ช่างเถิด เตรียมพู่กันให้เรา เราจะตอบจดหมายของเขาเอง”  

 

 

เขาเป็นคนฉลาด ย่อมสังเกตเห็นอยู่แล้ว พระราชหัตถเลขาของฮ่องเต้ระบายความโกรธที่ควบคุมไม่ได้ ทักทายบรรพบุรุษของเขา สุดท้ายถึงได้พูดถึงเรื่องสำคัญ ถามเขาว่าได้รับจดหมายจากที่บ้านบ้างหรือไม่ บอกว่าลูกชายของเขาหายไป ภรรยาอยู่บ้านน้ำตาอาบแก้มทุกวันแทบเป็นแทบตาย บอกว่าจนถึงตอนนี้ลูกชายเป็นตายไม่อาจทราบ ก็ไม่รู้ว่ายามนี้เด็กคนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่  

 

 

พระราชหัตถเลขาเขียนเสร็จแล้ว ก็ให้หลี่เต๋อจิ่งใช้ม้าเร็วส่งให้เฝิงเยี่ยไป๋ เขาคิดเสียจริงๆ แล้วว่าตัวเองเป็นพระเจ้าไม่มีใครควบคุมเขาได้แล้วหรือ  

 

 

หลี่เต๋อจิ่งถือพระราชหัตถเลขาออกไปแล้ว ฮ่องเต้ประทับลงสงบด้วยตัวพระองค์เอง แล้วก็นึกถึงน่าอวี้ขึ้นมาจึงให้คนเตรียมเกี้ยวเสด็จเยี่ยมนาง  

 

 

ขันทีน้อยของสำนักฉลองพระองค์วิ่งมาทูลถามฮ่องเต้ “ฝ่าบาท วันนี้ฝ่าบาทสวมชุดใดพ่ะย่ะค่ะ จะเป็นสีน้ำเงินลายทองหรือสีเขียวลายดำพ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

ฮ่องเต้นึกขึ้นมาได้ แต่เดิมนั้นตัวพระองค์เองก็เสียเปรียบเรื่องอายุ ทุกคนล้วนมองพระองค์เป็นเด็ก ต่อพระพักตร์เชื่อฟังพระองค์ เพียงแต่ในใจไม่มีใครยอมฟังพระองค์เลย ต่อหน้าคนอื่นเป็นเช่นนี้ ต่อหน้าน่าอวี้จะให้ถูกมองเป็นเด็กไม่ได้ พระองค์ก้มพระเศียรทอดพระเนตรฉลองพระองค์ของพระองค์เอง ตรัสว่าไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว ใต้ฟ้านี้ ผู้ที่สามารถสวมชุดนี้ได้ก็มีเพียงพระองค์คนเดียว ไม่สนว่าคนเหล่านั้นจะยอมรับหรือไม่ พระองค์ก็เป็นฮ่องเต้ของพวกเขา ไม่ใช่เพียงแค่เด็กคนหนึ่ง  

 

 

พระองค์ตรัสว่าไม่ต้องเปลี่ยน บ่าวก็ไม่กล้าพูดอะไร รู้ว่าวันนี้พระองค์อารมณ์ไม่ดีนัก ทุกเรื่องให้ตามพระทัยพระองค์ก็พอ ฮ่องเต้จะใหญ่โตเพียงใดก็เป็นคน ขอเพียงเป็นคน ตามใจแล้วมักจะไม่ผิด  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 656 นางกับฮ่องเต้มีความสัมพันธ์อย่างไร  

 

 

อวี่เหวินลู่และเว่ยเฉินยางหลบๆ ซ่อนๆ ผ่านมาหลายประตู พอจวนจะถึงที่พักของน่าอวี้นั้นถึงได้โผล่ศีรษะออกมาเหลือบมองรอบๆ พอมองไปทางใต้ก็หยุดลง ขบวนเสด็จของฮ่องเต้มาทางประตูหนานอันแต่ไกล ขอเพียงฮ่องเต้เสด็จ แม้จะอยู่ในวัง ขบวนหน้าหลังล้วนเป็นหนึ่งใต้ฟ้า ดังนั้นจึงดูออกได้ง่ายนัก  

 

 

อวี่เหวินลู่ดึงเฉินยางยืนอยู่ข้างกำแพง เขากับฮ่องเต้น้อยเคยเจอครั้งหนึ่ง แถมยังเป็นตอนเด็กอีก ตอนนั้นฮ่องเต้ยังสวมกางเกงขาสั้นอยู่เลย ตอนนี้พริบตาเดียว ก็กลายเป็นเด็กในฉลองพระองค์แล้ว นึกดูแล้วก็น่าหดหู่นัก  

 

 

เฉินยางเครียดจนเหงื่อออกเต็มมือ “ฮ่องเต้มาแล้ว ทำอย่างไรดี พวกเรายืนอยู่ที่นี่ต้องถูกสังเกตเห็นแน่ๆ ”  

 

 

อวี่เหวินลู่ก็ร้อนรน หลี่ซุ่นใช้ไม่ได้เสียจริง ไม่ใช่ว่าวันนี้ฮ่องเต้ไม่เสด็จมาหรือ ไฉนถึงยังเจอได้อีก ทางในวังเขาคุ้นชินอยู่จริง เพียงแต่ที่นี่อยู่ในมุมกำแพง อยากจะหนีก็ไม่มีที่หนี  

 

 

กำลังร้อนรนอยู่นั้น เกี้ยวของฮ่องเต้ก็หยุดลง ข้างหน้ามีคนออกจากตำหนัก สะพายกล่องยาไว้กับตัว ดูจากการแต่งตัวแล้วก็ไม่เหมือนหมอหลวง เหมือนเป็นชาวบ้านเสียมากกว่า เมื่อพบฮ่องเต้แล้วก็ถวายบังคม ไม่รู้ทูลอะไรกับฮ่องเต้ พอทูลจบฮ่องเต้ก็มองเข้าไปในตำหนักสะบัดพระหัตถ์ให้เขากลับไป  

 

 

คนนั้นถวายบังคมลา พอหันมา เฉินยางก็ตกใจ เป็นอิ๋งโจวนี่เอง เพียงแต่ว่าเขาถูกเฝิงเยี่ยไป๋ส่งกลับไปหรู่หนานแล้วไม่ใช่หรือ ไฉนตอนนี้ถึงได้กลับมาในวังอีก  

 

 

เกี้ยวของฮ่องเต้ไม่ได้ไปข้างหน้าต่อ แต่หยุดอยู่ที่ใกล้ๆ เพียงแต่ที่พักอยู่แถวนี้ล้วนเป็นไท่เฟย วันปกติก็มีน้อยคนนักที่จะมา หากเป็นเมื่อก่อน เหล่าสนมเพื่อจะแย่งชิงความรักต่างติดสินบนคนนั้นคนนี้ ขันทีที่อยู่ข้างกายพระองค์ก็มาที่นี่บ่อยนัก เพียงแต่ตอนนี้ ใครไม่มีเรื่องใดจะมาที่นี่เพื่ออะไรหรือ อวี่เหวินลู่และเว่ยเฉินยางแต่งตัวเช่นนี้ปรากฏที่นี่กลับสะดุดตานัก  

 

 

อิ๋งโจวกลับเดินเข้าใกล้ฝั่งนี้เรื่อยๆ อวี่เหวินลู่เห็นรอบๆ ไม่มีใคร เห็นจังหวะดีๆ ก็เข้าไปอุดปากเขาแล้วลากมาที่ทางเดินเล็ก  

 

 

อิ๋งโจวยังไม่ทันได้ร้องออกมา เมื่อครู่เห็นคนไม่ชัด ยังคิดว่าฮ่องเต้ส่งคนมาฆ่าปิดปากเขา พอได้เข้ามาอยู่ในทางเดินเล็ก เห็นสองคนตรงหน้าชัดเจนว่าเป็นเว่ยเฉินยางกับอวี่เหวินลู่ถึงได้ปล่อยมือที่จับแขนอวี่เหวินลู่ไว้แน่น แล้วมองดูการแต่งกายของสองคนนี้ จึงอดสงสัยไม่ได้ว่า “พวกเจ้า? ไฉนพวกเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่”  

 

 

“เรื่องนี้รอวันหลังมีโอกาสค่อยอธิบายให้ท่านฟัง” เฉินยางคว้าแขนเสื้อของเขา นางมีสีหน้าร้อนรน “ข้าขอถามท่าน คนที่อยู่ข้างในเป็นน่าอวี้หรือไม่ ท่านรักษาโรคให้น่าอวี้ใช่หรือไม่”  

 

 

สีหน้าอิ๋งโจวเปลี่ยนไปทันที ครึ่งหนึ่งเป็นความเหนื่อยใจอีกครึ่งหนึ่งเป็นความเสียใจว่า “เป็นนาง เพียงแต่พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่านางอยู่ในวัง”  

 

 

เฉินยางไม่ได้ฟังเข้าหูเลย นางบ่นพึมพำ “ไฉนน่าอวี้ถึงอยู่ในวังได้ ยังมีอีก ไฉนฮ่องเต้ถึงเสด็จมาเยี่ยมนางได้ นางกับฮ่องเต้มีความสัมพันธ์อย่างไร นางอยู่จวนท่านอ๋องนานเช่นนี้ รู้เรื่องของท่านพี่ไม่น้อย คงไม่ใช่ว่าเล่าความลับให้ฮ่องเต้ฟังแล้วกระมัง”  

 

 

“เรื่องนี้เจ้าวางใจได้ เรื่องที่น่าอวี้เล่าให้ฮ่องเต้ฟังนั้นล้วนเป็นเรื่องไม่สำคัญ หากนางมีใจจะทำร้ายเฝิงเยี่ยไป๋จริง ยามนี้จวนท่านอ๋องก็ไม่คงอยู่แล้ว เพียงแต่ท่าทีของฮ่องเต้ที่มีต่อนางก็ประหลาดนัก จะว่าชอบ ก็มองไม่ออกว่าชอบมากน้อยเพียงใด แต่หากจะว่าไม่ชอบ กลับเสด็จมาเยี่ยมนางทุกวัน อย่างน้อยที่ข้าถูกเรียกเข้าวังมารักษาน่าอวี้นั้น ฮ่องเต้ก็เสด็จทุกวันไม่เคยขาดเลย”  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 655 ไม่อาจขัดพระทัยฮ่องเต้ได้ / 656 นางกับฮ่องเต้มีความสัมพันธ์อย่างไร

Now you are reading ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง Chapter 655 ไม่อาจขัดพระทัยฮ่องเต้ได้ / 656 นางกับฮ่องเต้มีความสัมพันธ์อย่างไร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 655 ไม่อาจขัดพระทัยฮ่องเต้ได้  

 

 

ยามนี้ฮ่องเต้ไม่ได้อยู่กับน่าอวี้ อิ๋งโจวรับราชโองการจากฮ่องเต้ มารักษาน่าอวี้ทุกวัน นางดื่มยาเช้าจรดเย็น หากฮ่องเต้มีเวลาก็จะมาดูนางรักษา หากไม่มีเวลา ก็จะส่งคนมาเฝ้า รู้ว่าสองคนนี้เคยรู้จักกันมาก่อน และก็เป็นชายหล่อหญิงงาม กลัวนานวันเข้าจะเกิดอะไรขึ้นมาจึงป้องกันไว้ก่อน  

 

 

ฝั่งฮ่องเต้นั้นได้รับจดหมายที่เฝิงเยี่ยไป๋ส่งกลับมาจากแนวหน้า บอกว่าชนเผ่าเฉินตานเกิดการแย่งชิงภายใน องค์ชายสองไซ่ถ่านแห่งเฉินตานแย่งตราทหารของน้องสาวไซ่จี๋จะแย่งชิงบัลลังก์กับรัชทายาทที่ป่วยหนัก ยามนี้ไซ่จี๋ถูกจับ เขาคิดจะช่วยไซ่จี๋ชิงตราทหารกลับมาแล้วให้นางขึ้นครองบัลลังก์ ให้นางติดหนี้บุญคุณ จากนั้นก็ให้เฉินตานถอยทัพและลงนามไม่รุกรานต้าเยี่ยตลอดไป เทียบกับการฆ่าล้างจนหมดสิ้น มีแคว้นที่ส่งบรรณาการให้ทุกปีสำหรับต้าเยี่ยแล้วไม่มีผลเสียอะไรเลย ที่สำคัญ การทำเช่นนี้ยังสามารถสร้างชื่อเสียงอันดีให้กับแคว้นเล็กรอบๆ ศึกสงครามนั้นเป็นเฉินตานที่เริ่มต้นขึ้นมา เฉินตานยอมภักดีแล้ว แคว้นเล็กที่มีเฉินตานเป็นผู้นำย่อมภักดีเอง  

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋คิดไปไกล เพียงแต่ฮ่องเต้ไม่สนมากมายเช่นนั้น ต้าเยี่ยของพระองค์แข็งแกร่งยิ่งนัก ไฉนถึงปราบชนเผ่าเล็กๆ เช่นนี้ไม่ได้อีก ถูกคนอื่นตบหน้า ยามนี้ยังต้องปั้นหน้าไปช่วยศึกแย่งชิงภายในของเขา ว่างเสียนักหรืออย่างไร  

 

 

และคำพูดของเฝิงเยี่ยไป๋นั้นไม่มีท่าทีที่จะขอให้พระองค์มีราชโองการหรือหารือกับพระองค์เลย ฟังจากเนื้อความแล้ว คงจะตัดสินใจเองไปเสียแล้ว ช่างดียิ่งนัก ตอนนี้เขาก็เริ่มแยกฐานะตัวเองไม่ออกแล้ว เช่นนั้นกลับมาแล้วจะเป็นอย่างไร  

 

 

ฮ่องเต้กริ้วจนตบโต๊ะ “ไม่เตือนเขาเสียหน่อย เขาจะยังคิดว่าเราควบคุมเขาไม่ได้” ความมาดนิ่งที่มีต่อเหล่าขุนนางทั้งหลายนั้นหายไปหมดสิ้น ยามที่ทรงกริ้วขึ้นมา เหมือนดั่งเด็กที่น้อยใจยิ่งนัก “หลี่เต๋อจิ่ง! หลี่เต๋อจิ่ง! เจ้าไป…ช่างเถิด เตรียมพู่กันให้เรา เราจะตอบจดหมายของเขาเอง”  

 

 

เขาเป็นคนฉลาด ย่อมสังเกตเห็นอยู่แล้ว พระราชหัตถเลขาของฮ่องเต้ระบายความโกรธที่ควบคุมไม่ได้ ทักทายบรรพบุรุษของเขา สุดท้ายถึงได้พูดถึงเรื่องสำคัญ ถามเขาว่าได้รับจดหมายจากที่บ้านบ้างหรือไม่ บอกว่าลูกชายของเขาหายไป ภรรยาอยู่บ้านน้ำตาอาบแก้มทุกวันแทบเป็นแทบตาย บอกว่าจนถึงตอนนี้ลูกชายเป็นตายไม่อาจทราบ ก็ไม่รู้ว่ายามนี้เด็กคนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่  

 

 

พระราชหัตถเลขาเขียนเสร็จแล้ว ก็ให้หลี่เต๋อจิ่งใช้ม้าเร็วส่งให้เฝิงเยี่ยไป๋ เขาคิดเสียจริงๆ แล้วว่าตัวเองเป็นพระเจ้าไม่มีใครควบคุมเขาได้แล้วหรือ  

 

 

หลี่เต๋อจิ่งถือพระราชหัตถเลขาออกไปแล้ว ฮ่องเต้ประทับลงสงบด้วยตัวพระองค์เอง แล้วก็นึกถึงน่าอวี้ขึ้นมาจึงให้คนเตรียมเกี้ยวเสด็จเยี่ยมนาง  

 

 

ขันทีน้อยของสำนักฉลองพระองค์วิ่งมาทูลถามฮ่องเต้ “ฝ่าบาท วันนี้ฝ่าบาทสวมชุดใดพ่ะย่ะค่ะ จะเป็นสีน้ำเงินลายทองหรือสีเขียวลายดำพ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

ฮ่องเต้นึกขึ้นมาได้ แต่เดิมนั้นตัวพระองค์เองก็เสียเปรียบเรื่องอายุ ทุกคนล้วนมองพระองค์เป็นเด็ก ต่อพระพักตร์เชื่อฟังพระองค์ เพียงแต่ในใจไม่มีใครยอมฟังพระองค์เลย ต่อหน้าคนอื่นเป็นเช่นนี้ ต่อหน้าน่าอวี้จะให้ถูกมองเป็นเด็กไม่ได้ พระองค์ก้มพระเศียรทอดพระเนตรฉลองพระองค์ของพระองค์เอง ตรัสว่าไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว ใต้ฟ้านี้ ผู้ที่สามารถสวมชุดนี้ได้ก็มีเพียงพระองค์คนเดียว ไม่สนว่าคนเหล่านั้นจะยอมรับหรือไม่ พระองค์ก็เป็นฮ่องเต้ของพวกเขา ไม่ใช่เพียงแค่เด็กคนหนึ่ง  

 

 

พระองค์ตรัสว่าไม่ต้องเปลี่ยน บ่าวก็ไม่กล้าพูดอะไร รู้ว่าวันนี้พระองค์อารมณ์ไม่ดีนัก ทุกเรื่องให้ตามพระทัยพระองค์ก็พอ ฮ่องเต้จะใหญ่โตเพียงใดก็เป็นคน ขอเพียงเป็นคน ตามใจแล้วมักจะไม่ผิด  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 656 นางกับฮ่องเต้มีความสัมพันธ์อย่างไร  

 

 

อวี่เหวินลู่และเว่ยเฉินยางหลบๆ ซ่อนๆ ผ่านมาหลายประตู พอจวนจะถึงที่พักของน่าอวี้นั้นถึงได้โผล่ศีรษะออกมาเหลือบมองรอบๆ พอมองไปทางใต้ก็หยุดลง ขบวนเสด็จของฮ่องเต้มาทางประตูหนานอันแต่ไกล ขอเพียงฮ่องเต้เสด็จ แม้จะอยู่ในวัง ขบวนหน้าหลังล้วนเป็นหนึ่งใต้ฟ้า ดังนั้นจึงดูออกได้ง่ายนัก  

 

 

อวี่เหวินลู่ดึงเฉินยางยืนอยู่ข้างกำแพง เขากับฮ่องเต้น้อยเคยเจอครั้งหนึ่ง แถมยังเป็นตอนเด็กอีก ตอนนั้นฮ่องเต้ยังสวมกางเกงขาสั้นอยู่เลย ตอนนี้พริบตาเดียว ก็กลายเป็นเด็กในฉลองพระองค์แล้ว นึกดูแล้วก็น่าหดหู่นัก  

 

 

เฉินยางเครียดจนเหงื่อออกเต็มมือ “ฮ่องเต้มาแล้ว ทำอย่างไรดี พวกเรายืนอยู่ที่นี่ต้องถูกสังเกตเห็นแน่ๆ ”  

 

 

อวี่เหวินลู่ก็ร้อนรน หลี่ซุ่นใช้ไม่ได้เสียจริง ไม่ใช่ว่าวันนี้ฮ่องเต้ไม่เสด็จมาหรือ ไฉนถึงยังเจอได้อีก ทางในวังเขาคุ้นชินอยู่จริง เพียงแต่ที่นี่อยู่ในมุมกำแพง อยากจะหนีก็ไม่มีที่หนี  

 

 

กำลังร้อนรนอยู่นั้น เกี้ยวของฮ่องเต้ก็หยุดลง ข้างหน้ามีคนออกจากตำหนัก สะพายกล่องยาไว้กับตัว ดูจากการแต่งตัวแล้วก็ไม่เหมือนหมอหลวง เหมือนเป็นชาวบ้านเสียมากกว่า เมื่อพบฮ่องเต้แล้วก็ถวายบังคม ไม่รู้ทูลอะไรกับฮ่องเต้ พอทูลจบฮ่องเต้ก็มองเข้าไปในตำหนักสะบัดพระหัตถ์ให้เขากลับไป  

 

 

คนนั้นถวายบังคมลา พอหันมา เฉินยางก็ตกใจ เป็นอิ๋งโจวนี่เอง เพียงแต่ว่าเขาถูกเฝิงเยี่ยไป๋ส่งกลับไปหรู่หนานแล้วไม่ใช่หรือ ไฉนตอนนี้ถึงได้กลับมาในวังอีก  

 

 

เกี้ยวของฮ่องเต้ไม่ได้ไปข้างหน้าต่อ แต่หยุดอยู่ที่ใกล้ๆ เพียงแต่ที่พักอยู่แถวนี้ล้วนเป็นไท่เฟย วันปกติก็มีน้อยคนนักที่จะมา หากเป็นเมื่อก่อน เหล่าสนมเพื่อจะแย่งชิงความรักต่างติดสินบนคนนั้นคนนี้ ขันทีที่อยู่ข้างกายพระองค์ก็มาที่นี่บ่อยนัก เพียงแต่ตอนนี้ ใครไม่มีเรื่องใดจะมาที่นี่เพื่ออะไรหรือ อวี่เหวินลู่และเว่ยเฉินยางแต่งตัวเช่นนี้ปรากฏที่นี่กลับสะดุดตานัก  

 

 

อิ๋งโจวกลับเดินเข้าใกล้ฝั่งนี้เรื่อยๆ อวี่เหวินลู่เห็นรอบๆ ไม่มีใคร เห็นจังหวะดีๆ ก็เข้าไปอุดปากเขาแล้วลากมาที่ทางเดินเล็ก  

 

 

อิ๋งโจวยังไม่ทันได้ร้องออกมา เมื่อครู่เห็นคนไม่ชัด ยังคิดว่าฮ่องเต้ส่งคนมาฆ่าปิดปากเขา พอได้เข้ามาอยู่ในทางเดินเล็ก เห็นสองคนตรงหน้าชัดเจนว่าเป็นเว่ยเฉินยางกับอวี่เหวินลู่ถึงได้ปล่อยมือที่จับแขนอวี่เหวินลู่ไว้แน่น แล้วมองดูการแต่งกายของสองคนนี้ จึงอดสงสัยไม่ได้ว่า “พวกเจ้า? ไฉนพวกเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่”  

 

 

“เรื่องนี้รอวันหลังมีโอกาสค่อยอธิบายให้ท่านฟัง” เฉินยางคว้าแขนเสื้อของเขา นางมีสีหน้าร้อนรน “ข้าขอถามท่าน คนที่อยู่ข้างในเป็นน่าอวี้หรือไม่ ท่านรักษาโรคให้น่าอวี้ใช่หรือไม่”  

 

 

สีหน้าอิ๋งโจวเปลี่ยนไปทันที ครึ่งหนึ่งเป็นความเหนื่อยใจอีกครึ่งหนึ่งเป็นความเสียใจว่า “เป็นนาง เพียงแต่พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่านางอยู่ในวัง”  

 

 

เฉินยางไม่ได้ฟังเข้าหูเลย นางบ่นพึมพำ “ไฉนน่าอวี้ถึงอยู่ในวังได้ ยังมีอีก ไฉนฮ่องเต้ถึงเสด็จมาเยี่ยมนางได้ นางกับฮ่องเต้มีความสัมพันธ์อย่างไร นางอยู่จวนท่านอ๋องนานเช่นนี้ รู้เรื่องของท่านพี่ไม่น้อย คงไม่ใช่ว่าเล่าความลับให้ฮ่องเต้ฟังแล้วกระมัง”  

 

 

“เรื่องนี้เจ้าวางใจได้ เรื่องที่น่าอวี้เล่าให้ฮ่องเต้ฟังนั้นล้วนเป็นเรื่องไม่สำคัญ หากนางมีใจจะทำร้ายเฝิงเยี่ยไป๋จริง ยามนี้จวนท่านอ๋องก็ไม่คงอยู่แล้ว เพียงแต่ท่าทีของฮ่องเต้ที่มีต่อนางก็ประหลาดนัก จะว่าชอบ ก็มองไม่ออกว่าชอบมากน้อยเพียงใด แต่หากจะว่าไม่ชอบ กลับเสด็จมาเยี่ยมนางทุกวัน อย่างน้อยที่ข้าถูกเรียกเข้าวังมารักษาน่าอวี้นั้น ฮ่องเต้ก็เสด็จทุกวันไม่เคยขาดเลย”  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+