ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 431 เมาแล้วจะเป็นบ้า / 432 หัวหน้ากององครักษ์

Now you are reading ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง Chapter 431 เมาแล้วจะเป็นบ้า / 432 หัวหน้ากององครักษ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 431 เมาแล้วจะเป็นบ้า

 

 

เฉินยางปลอบนาง “อย่าได้สนใจพวกเขา ใช้เงินก็ซื้อได้แล้ว ดูไปก็ไม่ใช่คนเก่งอะไร”

 

 

ซั่งเหมยพูดว่า “โชคดีที่ยามที่ออกมานั้นท่านได้ให้ข้าถือเงินไว้ ไม่เช่นนั้นวันนี้มีสุนัขเฝ้าประตูเหล่านี้ พวกเรายังเข้าไปไม่ได้เลย!”

 

 

“ยามที่ไปก็ให้เงินพวกเขาเสียอีกหน่อย ปิดปากให้สนิท วันนี้พวกเขารับเงินของพวกเราได้ปล่อยพวกเราเข้าไป พรุ่งนี้พวกเขาก็สามารถรับเงินของคนอื่นขายพวกเราได้เช่นกัน อย่างไรก็ระวังเสียหน่อยจะดี”

 

 

“วางใจเถิดนายหญิง บ่าวทำงาน ท่านวางใจได้” ซั่งเหมยตบอกรับรอง “นายบ่าวใจเดียวกัน นายให้บ่าวทำอะไรบ่าวก็จะทำตาม”

 

 

คนใช้ของจวนท่านหญิง แต่ละคนล้วนมีสีหน้าเคร่งเครียด เห็นมีคนเข้ามา ก็ไม่ทักทาย ไม่สนว่าในมือทำอะไรอยู่ วางแล้วก็วิ่งหนี เหมือนดั่งเจอสัตว์ร้ายเช่นนั้น ก็ไม่รู้ว่ากลัวอะไรกัน

 

 

ข้างนอกให้เวลาเพียงธูปดอกเดียว จวนท่านหญิงใหญ่โตเช่นนี้ นางก็ไม่สะดวก ไม่รีบหาคนมาถาม อาจจะไม่ได้พูดคุยกันเลย

 

 

ซั่งเหมยม้วนแขนเสื้อ “นายหญิง ท่านหลบไกลเสียหน่อย บ่าวจะไปจับคนมาถาม”

 

 

ดูท่าทางของนางนี้ มีความรู้สึกดั่งนกอินทรีตะครุบเหยื่อ เฉินยางก็หลบอยู่ที่ไกลๆ จริงๆ นางกุมท้องเดินไปที่ทางเดิน ปลายฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้ามืดไว ดวงอาทิตย์ได้เอียงมาทางตะวันตกแล้ว ยามนี้ได้มีหมอกบางๆ เกิดขึ้น ท้องท้องก็เริ่มมืด ซั่งเหมยไปจับคน นางมองซ้ายมองขวา ศาลาดอกไม้ข้างหน้ามีเงาคนแล่นผ่าน นางเรียกแต่เงาไม่หยุด ซั่งเหมยยังไม่รู้ว่าเมื่อใดถึงจะถามคนได้ มัวแต่รอก็ไม่ใช่เหตุ นางจึงได้แต่กุมท้องแล้วค่อยๆ ขยับไป

 

 

เงาคนเมื่อครู่เหมือนดั่งเด็ก นางมองไม่ชัด นางเดินผ่านศาลาดอกไม้ ภาพข้างหน้าค่อยๆ เปิดกว้างขึ้นมา ตอนนี้เฉินยางเห็นชัดแล้ว เป็นเด็กคนหนึ่ง กำลังยืนอยู่ที่อีกฝั่งของศาลาดอกไม้มองนางอยู่ แววตาเต็มไปด้วยความระแวง

 

 

เด็กคนนี้ก็เพียงอายุห้าหกขวบ มองนางอย่างหวาดระแวง ถอยหลังไปทีละก้าว ตอนนี้เฉินยางเป็นแม่คน แพร่ความอ่อนโยนที่มีอยู่เต็มอก เมื่อได้เห็นเด็ก ก็ยิ่งเหมือนดั่งน้ำที่ละลายในฤดูหนาว อบอุ่นอย่างที่สุด

 

 

นางยืนอยู่กับที่ ตบท้องเบาๆ เรียกเขามา “ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำร้ายเจ้า เจ้าดู ในท้องข้าก็มีเด็ก เพียงแต่เขายังเด็ก อีกไม่กี่วันถึงจะสี่เดือนเท่านั้น เจ้าจะมาลองลูบดูหรือไม่”

 

 

ท่าทางของเด็กคนนั้นทุลักทุเล หน้าตาสกปรกเสื้อผ้าก็ขาด เขามองท้องของนาง อยากจะเข้าใกล้แต่ก็ไม่กล้า จึงลังเลเดินวนไปมาอยู่กับที่

 

 

โชคยังดีที่ตอนที่นางออกมานั้นได้ใส่เกาลัดไว้ในถุง ตอนนี้ก็ได้ใช้ประโยชน์พอดี นางหยิบเกาลัดสองลูกที่ยังอุ่นอยู่ในถุงออกมา กวักมือเรียกเขา “ที่ข้านี้มีของกิน เป็นเกาลัด เจ้าหิวหรือไม่ มา มาลองชิมดู อร่อยมากเลย”

 

 

เฉินยางแกะลูกหนึ่งใส่ปาก แล้วทำแก้มป่องเคี้ยวสองที ชมว่าอร่อย เด็กคนนั้นกลืนน้ำลาย แล้วค่อยๆ เดินไปหานาง มาเข้าใกล้แล้ว ก็ยื่นมือดำๆ คู่นั้นคุกเข่าข้างหนึ่งตรงหน้านาง

 

 

“คุกเข่าทำไมหรือ รีบลุกขึ้นเร็ว!” เฉินยางเอามือข้างหนึ่งประคองเอวไว้ มืออีกข้างหนึ่งไปดึงเขา แล้วเอาเกาลัดถุงนั้นส่งให้เขา “เจ้าอยากกิน ถุงนี้ล้วนเป็นของเจ้า เพียงแต่เจ้าต้องบอกข้าว่าจวิ้นหม่าอยู่ที่ใดดีหรือไม่ ข้ามีเรื่องจะหาเขา”

 

 

เด็กรับถุงมาอย่างระมัดระวัง แล้วยื่นมือชี้ไปที่พุ่มดอกไม้ด้านหลัง “เขาดื่มเหล้าทุกวัน เมาแล้วก็นอนอยู่ที่นั่น” จากนั้นก็เตือนนางด้วยความหวังดีว่า “เขาดื่มจนเมาแล้วก็จะบ้า ในท้องของท่านมีเด็กอยู่ ต้องระวัง อย่าเข้าใกล้เขา”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 432 หัวหน้ากององครักษ์

 

 

เฉินยางเดินตามทางที่เด็กคนนั้นชี้ หญ้าข้างหน้าว่าไปแล้วก็ล้มไปเป็นกลุ่ม เหลียงอู๋เย่ว์ก็นอนอยู่บนนั้น ใบหน้าแดงก่ำ ในอกยังกอดไหเหล้าว่างเปล่าอยู่ ปากก็พึมพำถึงชื่อเว่ยหมิ่น

 

 

นางลองเรียกเขาอยู่หลายครั้ง เพียงแต่เขาเหมือนดั่งถูกกั้นอยู่นอกฟ้า ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เขาพลิกตัวไป ที่หางตามีน้ำตาหยดลงมา

 

 

เด็กพูดว่า “เขาเป็นเช่นนี้มาพักหนึ่งแล้ว บ้านก็ไม่สนใจ เหล่าคนที่ถือดาบใหญ่อยู่นั้นปล้นของในบ้านไปจนเกือบหมดสิ้นแล้ว ก็เหลือเพียงเหล้า เขาดื่มอยู่ทุกวัน”

 

 

เกาลัดยังอุ่นอยู่ เขาก็ไม่รู้ว่าไม่ได้กินอะไรมากี่วันแล้ว ยัดเข้าไปในปากลูกต่อลูก พูดจาไม่ชัดเจน แล้วยื่นมือที่สกปรกขวางอยู่หน้าเฉินยาง

 

 

เฉินยางเห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็ใช้ไม่ได้ นางหิ้วชายกระโปรงขึ้นมา คิดจะไปตบหน้าเขาเสียเล็กน้อย เพื่อให้เขาตื่นขึ้นมา เด็กคนนั้นกลับบอกว่า “ไม่ต้องรีบ ข้ามีวิธี”

 

 

เขาวิ่งออกไป ไม่ทันไรก็กลับมา ยามที่กลับมานั้นในมือมีน้ำเต้าที่ถูกหั่นครึ่งหนึ่งใช้ตักน้ำอยู่ สาดน้ำไปที่หน้าของเขา แล้วตะโกนว่า “เหล้ามาแล้ว!”

 

 

วิธีของเขานั้นว่าแล้วก็ได้ผล เพิ่งตะโกนเสร็จ เหลียงอู๋เย่ว์ก็ตื่นขึ้นมาทันที เพียงแต่สติยังเลือนรางอยู่ เขาลืมตาขึ้นมา แต่ไร้แววตาใดๆ ส่ายไปมาลุกขึ้นยืน ตะโกนเหมือนดั่งบ้าไปแล้วเช่นนั้น “เหล้า? ที่ใดมีเหล้า? เหล้าอยู่ที่ใด”

 

 

“เหลียงอู๋เย่ว์!” เฉินยางถูกเขาทำเอาตกใจถอยไปก้าวหนึ่ง ใต้เท้าเป็นหินก้อนกลม นางลื่นไป เห็นว่าจะล้มไปข้างหลัง จู่ๆ ก็มีมือจากข้างหลัง มือนั้นแข็งแรงกำยำ รับนางไว้อย่างมั่นคงแล้วประคองนางขึ้นมา

 

 

เฉินยางยังตกใจอยู่ นางกดอกหอบหายใจ กุมท้องพึมพำว่า “ตกใจแทบแย่ ยังดีที่ไม่เป็นอะไร” พอหันศีรษะไป ที่เห็นอยู่กลับเป็นหัวหน้ากององครักษ์คนนั้น

 

 

หัวหน้าคนนี้อายุยังน้อยอยู่ รูปโฉมไม่แย่ เพียงแต่ไว้หนวดเครา ยามที่ยิ้มนั้นท่าทางไม่ประสงค์ดีนัก ยามที่มีสีหน้าจริงจังก็ทำเอาคนหวาดกลัว บนตัวเผยกลิ่นอายเ**้ยมโหด ดาบที่ข้างเอวก็แขวนไว้หนักอึ้ง ใบหน้าที่เคร่งเครียดนั้น ต่างกับคนเจ้าเล่ห์เมื่อครู่ดั่งคนละคน

 

 

นางหันศีรษะไปขอบคุณทั้งยังใจหายอยู่ สายตามองใบหน้าเขาเพียงพริบตาเดียว พูดขอบคุณจบก็ก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว

 

 

“พระชายา เวลาธูปหนึ่งดอกถึงแล้ว ตามที่พวกเราตกลงกัน ท่านควรกลับไปแล้ว อย่าได้ให้ข้าลำบากใจ”

 

 

พูดไปก็เหลือบมองเด็กคนนั้น เด็กหลบอยู่หลังเฉินยางด้วยอาการสั่นเทา กลัวเขาแทบตาย

 

 

เฉินยางรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร จึงหยิบตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงส่งให้เขา “ขอให้ท่านหัวหน้าเห็นใจเสียบ้าง อย่างน้อยก็ให้ข้าได้พูดกับเขาเสียหน่อย ข้าเพิ่งได้เจอเขา จะให้ไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้พูดอะไรกันเลย เช่นนั้นแล้วครั้งนี้ไม่ใช่มาเสียเปล่าหรือ”

 

 

“ข้าชื่อหานสือ” มุมปากหัวหน้ากององครักษ์มีรอยยิ้มจางๆ พอแนะนำตัวเสร็จก็ทำหน้าบึ้งทันที “ตกลงกันแล้วธูปหนึ่งดอกก็คือธูปหนึ่งดอก มากกว่านั้นแม้นิดเดียวก็ไม่ได้ พระชายาเชิญกลับไปเสียเถิด!”

 

 

เฉินยางยังคิดจะขอร้องเขาอยู่ จู่ๆ แววตาเหลียงอู๋เย่ว์ก็เปลี่ยนไป แล้วพุ่งเข้ามา คว้าแขนเฉินยางไว้แน่น สายตาจ้องมองท้องของนาง “เว่ยหมิ่น… เว่ยหมิ่นเจ้ากลับมาแล้ว? ไม่เจอกันเพียงไม่กี่วัน ไฉนท้องของเจ้าถึงโตเช่นนี้แล้ว นี่เป็นลูกของพวกเรากระมัง ใช่หรือไม่”

 

 

เขาตะโกนใส่เฉินยาง มือก็ออกแรงไม่หยุด เฉินยางถูกเขาเขย่าจนยืนไม่ไหว แทบจะล้มลง เห็นว่ากำลังจะล้มอยู่แล้วนั้น อย่างไรเสียหานสือก็เป็นคนเคยฝึกวิชา จึงหิ้วเหลียงอู๋เย่ว์ขึ้น แล้วถีบใส่ตัวเขา เหลียงอู๋เย่ว์จึงปลิวไปไกลหลายจั้ง [ 1 ] ทันที

 

 

 

 

——

 

 

[ 1 ] จั้ง  เป็นมาตรวัดความยาวของจีนโบราณ 1 จั้งเท่ากับประมาณ 3.33เมตร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด