ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 281 เจ้ากล้าเฝ้าฝันถึงท่านอ๋อง / 282 ไม่อยากอยู่กับข้าแล้วอยากอยู่กับใคร

Now you are reading ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง Chapter 281 เจ้ากล้าเฝ้าฝันถึงท่านอ๋อง / 282 ไม่อยากอยู่กับข้าแล้วอยากอยู่กับใคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 281 เจ้ากล้าเฝ้าฝันถึงท่านอ๋อง

 

 

 

 

ซั่งเหมยกับซั่งเซียงไม่กล้าขัดคำสั่ง หลังโค้งตัวตอบรับก็ถอยออกไป

 

 

เฉินยางคิดถึงประโยคที่เขียนอยู่บนกระดาษนั้นตลอด ไฉนนกพิราบตัวนั้นถึงได้บินลงมาที่สวนของจวนท่านอ๋องพอดีเล่า นางรู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ของเฝิงเยี่ยไป๋ไม่ดีนัก กระดาษนั้นตอนนี้หาไม่เจอแล้ว หากคิดในทางที่แย่ มีใครแอบฉวยโอกาสนางไม่ทันระวังหยิบกระดาษแผ่นนั้นแล้วข่มขู่เฝิงเยี่ยไป๋…

 

 

ไม่ใช่ไม่ใช่ คิดถึงเขาทำไม เขาทำกับตัวเองถึงเช่นนี้แล้ว ตัวเองยังต้องเป็นห่วงเขาอีกหรือ เขาไม่ใช่ทำได้ทุกอย่างหรือ จัดการผู้หญิงเก่งเสียเช่นนี้ จัดการผู้ชายก็น่าจะไม่แย่กระมัง สนเขาไปทำไมกัน แล้วแต่เขาเสียเถอะ ขอเพียงอย่าให้นางได้เจอเขาอีกเป็นพอ

 

 

ซั่งเหมยซั่งเซียงถูงสั่งให้ออกไป จึงยืนรอรับสั่งตรงประตู ทั้งสองคนนี้ก็เป็นคนที่เก็บความลับไม่อยู่ อยู่ต่อหน้าเฉินยางเจียมตัวนั่นเป็นเพราะกลัว คราวนี้รอบๆ ไม่มีใคร พูดอะไรก็ไม่ต้องระแวงแล้ว

 

 

เมื่อครู่ซั่งเซียงยังมีท่าทีซื่อตรง พอออกนอกประตูไป สีหน้าก็เก็บอาการไม่อยู่ ขยับไปใกล้ๆ ซั่งเหมยพูดว่า “เจ้าเห็นหรือไม่ ข้าเห็นแล้วก็รู้สึกกลัว รอยเขียวช้ำที่ข้างหลังนั้น จุ๊ๆ เจ้าว่าท่านอ๋องคงจะไม่ใช่ว่า…”

 

 

ซั่งเหมยเอามือป้องปากหัวเราะ “ยังมีผ้าปูเตียงนั่น ก็ไม่รู้ว่าพระชายาเอาไปซ่อนไว้ที่ใด คาดว่าคงจะกลัวพวกเราเห็นเข้าแล้วหัวเราะกระมัง”

 

 

“ไม่ใช่หรือ หากเป็นข้า ข้าก็คงอายเช่นกัน”

 

 

“เจ้านี่ หลุดปากแล้วกระมัง คราวนี้ข้าจับได้คาหนังคาเขา เจ้ายังกล้าเฝ้าฝันถึงท่านอ๋องหรือ”

 

 

“เจ้าเลิกเหลวไหลเสียเถอะ ข้าจะกล้าได้อย่างไร ข้าเป็นคนขี้อาย เห็นขาของท่านอ๋องก็ตัวสั่นแล้ว กลัวยังไม่ทันเลย ยังจะกล้าเฝ้าฝันถึงท่านอ๋องได้อย่างไร!”

 

 

“ไม่มีจริงหรือ”

 

 

“เรื่องผิดธรรมเนียมนั่นข้าไม่กล้าทำ อีกอย่างที่บ้านข้าก็ได้หมั้นหมายให้ข้าเอาไว้แล้ว พรุ่งนี้ออกจากจวนก็จะแต่งงานเลย”

 

 

“โอ้! ดีเสียจริงๆ เช่นนั้นแล้วข้าคงต้องแสดงความยินดีกับเจ้าตอนนี้เสียแล้ว”

 

 

……

 

 

เสียงคุยของพวกนางไม่เบาเลย เฉินยางฟังบทสนทนาทั้งหมดอย่างชัดเจน ว่าแล้วว่าไม่สามารถอุดปากทุกคนได้ คราวนี้ขายหน้าอย่างสิ้นเชิงแล้ว ต้องโทษเฝิงเยี่ยไป๋ คราวนี้จะให้นางเอาหน้าไปพบใครได้ที่ใด

 

 

นางกำลังบ่นอยู่ในใจอยู่เลย ประตูข้างนอกก็ถูกเปิดออก คนหนึ่งเข้ามาด้วยฝีเท้าเบาเหมือนดั่งแมวเช่นนั้น เดินไม่มีเสียงแม้แต่น้อย เฉินยางไม่รู้สึกตัว เอามือตีน้ำอย่างโกรธแค้น ตอนนี้อาการปวดเริ่มดีขึ้นก็เริ่มมีแรงขึ้นมาบ้าง ความโกรธแค้นทั้งหมดล้วนกำอยู่ในมือ ไม่ได้สังเกตเลยว่าข้างหลังมีคนอยู่ ปากนางบ่นพึมพำ ด่าไปสองประโยคก็ยังไม่โมโหยังคงดิ้นไปมาอยู่ในน้ำ

 

 

คนที่อยู่ข้างหลังย่อตัวลง มองไกลๆ ก็สง่างาม มองใกล้ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขายื่นตัวเข้าไป เอาสองมือสอดเข้าใต้วงแขนของนางแล้วอุ้มนางออกมา เฉินยางตัวเปลือยเปล่า จู่ๆ ก็ถูกคนอุ้มขึ้นจากน้ำ นางตกใจตะโกนออกมา ตะโกนไปพลาง ก็เหวี่ยงหมัดไปพลาง

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋สนุกขึ้นมา “อย่าขยับ ให้ข้าดูว่าเมื่อคืนทำเจ้าเจ็บหรือไม่”

 

 

เฉินยางตั้งสติ ลืมตาเห็นว่าเป็นเขา นึกก็ไม่นึก ฝ่ามือฟาดลงไปที่หน้าเขาทันที แล้วฉวยโอกาสที่เขาเหม่ออยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งมุดกลับลงในน้ำอีกครั้ง

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ลูบใบหน้า นี่เป็นครั้งที่สองที่ถูกเขาตบหน้าแล้ว ระหว่างนี้ก็ยังเพิ่งผ่านไปไม่นาน นางช่างตบเสียจนเป็นนิสัยจริงๆ นี่แค้นเขาแล้วหรือไร

 

 

“ไม่อยู่แล้วหรือ” เขาหรี่ตาลงจ้องมองไปที่นาง “ตีคนไม่ตีหน้ารู้หรือไม่ ครั้งที่แล้วข้าก็บอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ไฉนถึงจำไม่ได้”

 

 

เฉินยางขดตัวอยู่ในน้ำค่อยๆ ถอยหลังไป “ไม่อยู่ก็ไม่อยู่ ไม่ได้อยากอยู่กับท่านเสียหน่อย”

 

 

 

 

——

 

 

ตอนที่ 282 ไม่อยากอยู่กับข้าแล้วอยากอยู่กับใคร

 

 

 

 

 

ตอนแรกเขาเพียงพูดจาด้วยความอารมณ์เสียหมายจะแกล้งนาง นึกไม่ถึงว่านางกลับเอาจริง เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ได้ไร้ความผูกพันเช่นนาง บอกจะไม่อยู่ก็ไม่อยู่แล้ว? เป็นไปไม่ได้

 

 

“ตอนนี้เจ้าเป็นคนของข้าแล้ว ไม่อยู่กับข้าแล้วเจ้าอยากอยู่กับใคร อยู่กับอิ๋งโจวหรือ”

 

 

เฉินยางหงุดหงิดนิสัยข้อนี้ของเขาที่สุด ไม่ว่าเรื่องใหญ่น้อยเพียงใดเกี่ยวข้องกับคนอื่นหรือไม่ เขามักจะพูดให้เกี่ยวข้องกับอิ๋งโจวได้ เมื่อก่อนพวกเขาไม่มีอะไรกัน เขากลับต้องพูดให้มีเรื่องเสียหาย พูดก็พูดเสียเถอะ สุดท้ายแล้วที่โมโหก็คือตัวเอง คิดไม่ดีแล้วยังใส่ร้ายนางอีก ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย

 

 

นางก็โกรธขึ้นมาแล้วจริงๆ จึงตะโกนใส่เขาโดยไม่คิดว่า “อยู่กับใครก็ดีกว่าอยู่กับท่าน ท่านคิดว่าท่านเป็นใครหรือ เป็นผู้หญิงต้องเอาใจท่าน? แม่นางในหอนางโลมสวยๆ มีมากมาย ท่านมีแรงใช้ไม่หมดก็ไปหาพวกนางเลย ไยต้องทรมานอยู่กับข้าอย่างไร้ความสุข ข้าไม่สนใจสิ่งที่คนอื่นชอบนักหนา ข้า… ข้าอยู่กับคนครัวก็ยังดีกว่าท่าน!”

 

 

คำพูดของนางนี้ออกจะพูดเกินไปเสียแล้ว อยู่กับคนครัวก็ดีกว่าเขา? คนครัวมีเงินทองมากมายเลี้ยงนางหรือ คนครัวสามารถอยู่ในดงผู้หญิงแล้วยังรักษาเนื้อตัวเพื่อนางได้หรือ คนครัวสามารถไปเที่ยวหอนางโลมไม่หาแม่นางแถมยังเอาขนมกลับมาให้นางกินได้หรือ เจ้าเด็กเนรคุณนี่ ยิ่งโอ๋นางก็ยิ่งเอาเรื่องแล้ว “เอาคำพูดของเจ้าเมื่อครู่คืนกลับไป บอกว่าเจ้าผิดไปแล้ว พูดออกมา!”

 

 

เฉินยางก็เป็นคนนิสัยดื้อดึง นางรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ผิด ก็จะไม่ยอมขอโทษเด็ดขาด นางทำคอแข็งสีหน้าบึ้งตึง เม้มปากแน่น ไม่สนว่าเขาจะขู่อย่างไร ไม่ยอมพูดไม่ยอมขอโทษ

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋กัดฟัน พูดอย่างเย็นชาว่า “เว่ยเฉินยาง เจ้าจะต้องบีบบังคับให้ข้าสั่งสอนเจ้าใช่หรือไม่ ชีวิตสงบสุขเจ้าไม่อยากได้ จะต้องวุ่นวายไปทั่วใต้ฟ้าเจ้าถึงสบายใจหรือ”

 

 

โทษนี้ช่างใส่ให้นางอย่างไร้เหตุผลนัก ตกลงเป็นใครที่ไม่ยอมใช้ชีวิตสงบสุขแล้วก่อเรื่องขึ้นมา แผ่นหลังของนางแนบติดกับบ่อ เสื้อผ้าของตัวเองยังอยู่ที่เขา พูดในสภาพเช่นนี้นางไม่มั่นใจนัก ไม่อาจเอามือเท้าเอวพูดกับเขา จึงขดอยู่ในน้ำเหมือนดั่งเต่าที่ถูกรังแก เสียหน้ายิ่งนัก

 

 

“ท่านออกไปก่อน รอให้ข้าใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วค่อยคุยกัน” น้ำเสียงของนางอ่อนลง ลังเลไม่กล้าเข้าไป

 

 

ตอนนี้เฝิงเยี่ยไป๋เพิ่งเห็นกองเสื้อผ้าที่ถูกวางอย่างเรียบร้อยข้างๆ มีเอี๊ยมที่ใส่ด้านใน ยังมีเสื้อผ้าที่สวมอยู่ด้านนอก เสื้อผ้าผ่านการอบเครื่องหอม เขาจับเอี๊ยมของนางขึ้นมาดม แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยถามนางว่า “อยากได้เสื้อผ้าหรือ” จากนั้นไม่รอให้นางอ้าปาก ก็เอาเสื้อผ้ารวมถึงถาดที่ใส่เสื้อผ้าอยู่โยนออกไปพร้อมกัน

 

 

ซั่งเหมยซั่งเซียงยังอยู่ที่ข้างนอกแอบฟังอยู่ ก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหัน ซั่งเซียงดึงซั่งเหมยไว้ให้ยืนนิ่งๆ เอามือกุมอก พูดด้วยท่าทางตกใจว่า “นี่… ท่านอ๋องคงไม่ใช่ว่าลงมือกับพระชายากระมัง”

 

 

ซั่งเหมยกลับพูดว่า “เจ้าก็ไม่เห็น เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าลงมือแล้ว ไม่แน่ทั้งสองอาจเพียงขว้างของระบายเท่านั้น พอแล้วๆ เรื่องที่ไม่ควรยุ่งพวกเราก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน จะได้ไม่ต้องมีภัยถึงตัว”

 

 

ซั่งเหมยยังคงไม่วางใจ “เจ้าก็เห็นรอยแผลตัวบนพระชายาแล้วไม่ใช่หรือ หากว่า หากว่าท่านอ๋องลงมือจริงๆ พวกเราจะไปกล่อมหรือไม่”

 

 

“หากลงมือจริงๆ เช่นนั้นก็เป็นเวรกรรมของพระชายา คนนอกอย่างพวกเราก็เป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้สองคนมิใช่หรือ ยังจะกล่อมอีกหรือ เจ้าคิดว่าท่านอ๋องจะฟังเจ้าหรือฟังข้าได้ อย่าให้ถึงตอนนั้นพอมีภัยมาถึงตัวถูกโบยตีแล้วไล่ออกจากจวน สิ่งใดสำคัญเจ้าไม่รู้หรือ ทำงานของตัวเองดีๆ อะไรก็อย่าได้คิด อะไรก็อย่าได้ฟัง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด