ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 463 ภรรยาเห็นจะไม่ไหวแล้ว / 464 เพียงคิดก็ทำเอาหน้าแดงแล้ว

Now you are reading ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง Chapter 463 ภรรยาเห็นจะไม่ไหวแล้ว / 464 เพียงคิดก็ทำเอาหน้าแดงแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 463 ภรรยาเห็นจะไม่ไหวแล้ว

 

 

วันก่อนเฝิงเยี่ยไป๋ปะมือกับหานสือไม่ได้รู้แพ้รู้ชนะ ที่จริงหากจะรู้ผลแพ้ชนะ สำหรับพวกเขาแล้วน่าจะเรียกได้ว่าเจอคู่ต่อสู้ที่สูสี เพียงแต่ไม่มีเวลามาสู้กัน เขาต้องรีบสู้ให้จบ ไม่มีเวลามายุ่งกับอีกฝ่ายจึงทำตัวดั่งโจรเช่นนั้น

 

 

เมื่อวานได้สืบทางมาแล้ว วันนี้ไปอีก ก็เพียงแค่หลบสายตาที่รู้อยู่แล้วและเข้าไปในจวนท่านหญิงช่วยเหลียงอู๋เย่ว์ออกมา

 

 

เพียงแต่เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง เขาที่ปกติมักจะวางแผนอย่างรอบคอบนั้น ก่อนจะไปก็ยังจงใจแปลงโฉมมองดูอยู่หน้าจวนท่านหญิง เมื่อวานถูกหานสือพบร่องรอย ดังนั้นวันนี้จะต้องเฝ้าระวังมากขึ้น มีทหารเพิ่งขึ้นมาก็มีสายตาเพิ่มมากขึ้น การทำงานของเขาก็ไม่สะดวกมากขึ้น ตอนแรกเขาคิดว่าก็เพียงแค่หลบสายตาไม่กี่คู่เท่านั้น เพียงแต่วันนี้กลับมีคนมากมาย นอกจากกององครักษ์แล้ว ยังมีทหารของจวนแม่ทัพมากองหนึ่ง ล้อมจวนท่านหญิงไว้แน่นหนา ตอนแรกทหารที่เฝ้าอยู่จวนท่านหญิงก็แน่นหนามากแล้ว ตอนนี้ก็มาอีกกองหนึ่ง คราวนี้จะพาคนออกมาแทบจะยากยิ่งกว่าปีนขึ้นฟ้าอีก

 

 

ไม่มีวิธี เข้าไปไม่ได้ จะอยู่ที่นานก็ไม่ได้ จึงได้แต่กลับไปคิดหาวิธี เพียงแต่เขารู้สึกประหลาดใจ ต่อให้เมื่อวานเขาถูกพบเจอแล้ว ก็ไม่ถึงกับต้องจัดกองทหารมาป้องกันเขา ดูอย่างไรก็เหมือนดั่งรู้ว่าคนเมื่อวานคือเขาเช่นนั้น ดังนั้นวันนี้ถึงได้จงใจจัดทัพมาต้อนรับเขาเช่นนี้!

 

 

แผนที่วางไว้จึงได้แต่ทิ้งไปก่อน หน้าประตูจวนท่านหญิงเป็นที่ต้องห้าม เขาเข้าไปก็คือรนหาที่ตาย แผนที่วางไว้ดิบดี เมื่อถึงเวลาก็มีความผันเปลี่ยนขึ้นมา ใครก็คาดไม่ถึง

 

 

ตอนที่กลับไปนั้นก็ได้ยินที่ตรอกมีคนคุยกัน บอกว่าท่านหญิงแท้งลูก ร่างกายนั้นจะไม่ไหวแล้ว เห็นว่าจะไปเยี่ยมยมบาลแล้ว แต่ละคนล้วนถอนหายใจ มีบอกอีกว่าจวิ้นหม่าเป็นคนน่าสงสาร เพิ่งจะมีลูก ไม่นานลูกก็ไม่มีแล้ว ตอนนี้ภรรยาก็เห็นจะไม่ไหวแล้ว ครอบครัวที่ดีๆ อยู่ บอกจะแยกก็แยกจากกันเลย ก็ไม่รู้ว่าชาติก่อนสร้างเวรอะไรเอาไว้

 

 

บางครั้งข่าวลือของชาวบ้านก็ไม่ใช่ว่าเชื่อไม่ได้ ในเมื่อมีข่าวลือก็แสดงว่ามีความน่าเชื่อถือระดับหนึ่ง ฮ่องเต้สามารถใช้ข่าวลวงปิดบังประชาชน เพียงแต่พระองค์ไม่สามารถปิดปากทุกคนได้ คนหนึ่งพูดพระองค์สามารถประหารได้ หากประชาชนทั้งเมืองพูดกัน พระองค์ก็ไม่อาจประหารประชาชนทั้งเมืองเพื่อข่าวลือเพียงไม่กี่ประโยค หากทำถึงขั้นนั้นเสียจริง เช่นนั้นแล้วพระองค์ก็เป็นฮ่องเต้ได้ไม่นานแล้ว

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ติดหนวดเอาไว้ ยามที่มายังตั้งใจแต่งให้ตัวเองดูน่าเกลียด ผมเฝ้ารุงรัง สวมชุดผ้าหยาบ เขาม้วนแขนเสื้อย่อตัวลง ตรงหน้ามีหอมใหญ่อยู่ตะกร้าหนึ่ง เขาหยิบขึ้นมาลูกหนึ่ง ปลอบอย่างไม่ใส่ใจไปพลางพูดไปพลางว่า “ที่ข้าได้ยินไม่ใช่เป็นดั่งที่พวกเจ้าพูดกัน ไฉนที่ข้าได้ยินคือฮ่องเต้อยากยึดท่านหญิงเป็นของพระองค์ ดังนั้นถึงได้หาวิธีจำกัดลูกในท้องของท่านหญิง ตอนนี้กลับยังมาคิดจะฆ่าจวิ้นหม่าล่ะ”

 

 

เหล่าแม่บ้านได้ยิน ก็มองดูรอบๆ กดเสียงต่ำแล้วพูดว่า “นี่ไม่อาจพูดเหลวไหลได้นะ หากถูกทหารได้ยินเข้าจะถูกตัดศีรษะเอาได้”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋พูดว่า “กลัวอะไร ไม่ใช่ข้าพูดคนเดียวเสียหน่อย ทั้งเมืองฝั่งตะวันออกล้วนรู้กันหมดแล้ว ข้าเพิ่งจะกลับมาทางจวนท่านหญิง ประตูของจวนท่านหญิงถูกกององครักษ์ล้อมอย่างแน่นหนา ก็คือกลัวจะมีคนไปช่วยจวิ้นหม่า ไม่เช่นนั้นฮ่องเต้ยังต้องส่งทหารไปเฝ้าจวนท่านหญิงหรือ”

 

 

คำพูดที่ออกมานั้น ก็ฟังดูมีเหตุผล เหล่าแม่บ้านนั้นต่างสบตากัน ถามเขาว่า “เจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร”

 

 

เขาลูบหนวด ยิ้มอย่างลึกลับว่า “ย่อมมาจากในวัง”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 464 เพียงคิดก็ทำเอาหน้าแดงแล้ว

 

 

เหล่าผู้หญิงเมื่อนั่งอยู่ด้วยกัน พอไม่มีอะไรทำก็จะชอบนินทา เรื่องของสะใภ้บ้านใดแม่หม้ายคนใดล้วนฟังจนเบื่อแล้ว เรื่องของฮ่องเต้ย่อมดึงดูดความสนใจจนเป็นหัวข้อสนทนา พอเฝิงเยี่ยไป๋พูดเช่นนี้ ต่างก็สนใจขึ้นมา ฮ่องเต้ประทับอยู่ที่สูงเช่นนั้น นั่งอยู่บนบัลลังก์ เรื่องที่ยากจะเข้าถึงก็ยิ่งทำเอาคนอยากรู้มากขึ้น โดยเฉพาะนี่ยังเป็นเรื่องระหว่างท่านหญิงกับจวิ้นหม่า เรื่องนี้จะพูดกันคงมีมาก ตอนที่เฝิงเยี่ยไป๋พูดนั้นก็มีท่าทางดั่งคนรู้เรื่อง ย่อมทำเอาคนเชื่ออย่างแน่นอน

 

 

เฉาเต๋อหลุนกลับมาจากข้างนอก บอกว่าที่เมืองฝั่งตะวันตกได้มีข่าวลือลอยไปทั่ว เพียงไม่กี่ชั่วยาม ที่จวนท่านหญิงนั้นก็มีประชาชนล้อมไว้อยู่ไม่น้อย กององครักษ์ที่อยู่หน้าประตูไล่ก็ไล่ไม่ไป ล้วนไปดูว่าเป็นความจริงหรือไม่ พอไปดูแล้ว ก็เป็นเช่นนั้นอยู่จริง ก็ยิ่งเชื่อข่าวลือนั่น ฝั่งเมืองตะวันออกนี้ก็เริ่มแพร่ขึ้นมา รออีกไม่กี่ชั่วยาม พอพรุ่งนี้เช้าก็คงจะรู้กันทั้งทั้งเมืองแล้ว

 

 

เฉินยางได้ยินแล้วก็รู้สึกสะใจ “ก็ไม่รู้ว่าข่าวนี้เป็นใครที่แพร่ออกไป คนนี้ช่างมีความสามารถเสียจริง ไม่กลัวฮ่องเต้จะแก้แค้นเอา”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋อยากจะบอกนางว่าเป็นตัวเองที่แพร่ข่าวลือออกไป เพียงแต่คิดดูแล้วก็ยากจะเอ่ยปาก จะให้เขาพูดอย่างไร หรือจะให้พูดว่าเขานั่งอยู่ในตรอก คุยเล่นกับเหล่าแม่บ้านไปพลางปอกหอมไปพลาง เขาไม่มีหน้าไปพูดเช่นนั้น แทบอยากจะแทรกดินหนี เพียงแค่คิดก็ทำเอาหน้าแดงแล้ว พูดออกไปแล้วไม่ทำเอาคนอื่นหัวเราะหรือ

 

 

เขาจึงพูดกลบเกลื่อนว่า “คงจะเป็นคนในวังคนใดสักคนที่ไม่ทันระวังหลุดปากออกไป อย่างไรเสียครั้งนี้ฮ่องเต้ก็น่าปวดพระเศียรได้เลย”

 

 

ตั้งแต่อดีตมา ไม่สนว่าจะเป็นประชาชนหรือเป็นขุนนาง ล้วนไม่มีใครไม่กลัวข่าวลือ ต่อให้เป็นฮ่องเต้ก็ไม่ยกเว้น น้ำสามารถทำให้เรือลอยได้ก็ย่อมทำให้เรือจมได้ ประชาชนก็คือน้ำของพระองค์ หากน้ำจมเรือไปแล้ว ฮ่องเต้นั้นจะเป็นได้อย่างไร

 

 

เวลาเพียงแค่วันเดียว ข่าวลือก็ผันเปลี่ยน พระองค์เพื่อจะสร้างฐานะใหม่ให้กับท่านหญิง จึงจงใจให้คนปล่อยข่าวลือที่ว่า `ท่านหญิงแท้งลูก คงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน’ นึกไม่ถึงว่าวันนี้ก็ถูกคนตบพระพักตร์เข้าให้ อีกอย่างข่าวลือนั้นยังแพร่ออกไปอย่างมีเหตุผลเช่นนั้น ฮ่องเต้ได้กลายเป็นมือประหารที่ฆ่าคนแย่งภรรยาไปเสียแล้ว

 

 

พอเป็นเช่นนี้ ตอนนี้เหลียงอู๋เย่ว์ก็ไม่อาจตายได้ หากเขาตายไปตอนนี้ ก็ไม่เท่ากับว่าข่าวลือที่แพร่กระจายอยู่ในหมู่ประชาชนนั้นเป็นจริงแล้วหรือ

 

 

ฮ่องเต้ขว้างแจกันไปหลายใบ ตำหนักหย่างซินแต่ละคนล้วนหวาดระแวง ไม่กล้าแม้จะหายใจแรง กลัวฮ่องเต้ไม่พอพระทัยแล้วฆ่าพวกเขาเพื่อระบายอารมณ์ หลี่เต๋อจิ่งก็หวาดกลัว เขากอดไม้ปัดฝุ่นเอาไว้ ห่อไหล่หหลังค่อม พยายามทำให้ตัวเองไม่สะดุดตา

 

 

“หลี่เต๋อจิ่ง!”

 

 

นั่น ที่ควรเป็นเขาก็หนีไม่พ้น

 

 

เขารีบยืนออกมา โค้งเอวทูลว่า “บ่าวอยู่ที่นี่ ฝ่าบาทมีเรื่องใดจะตรัสสั่ง บ่าวจะรีบให้คนไปทำ”

 

 

ฮ่องเต้ตบโต๊ะลุกขึ้นมา พระอุรากระเพื่อม ความกริ้วยากจะหายนัก “เจ้าไป ไปเอาคนที่ก่อเรื่องอยู่เบื้องหลังจับมาให้เรา เราจะดูว่า ตกลงเป็นใครที่บังอาจ กล้ากุเรื่องใส่เรา เราให้เวลาเจ้าไปหาเขาออกมาให้เราภายในสามวัน เราจะประหารเจ็ดชั่วโคตรเขา!”

 

 

ราชโองการนี้ยากเสียนัก ข่าวลอยออกจากเมืองฝั่งตะวันตกเป็นที่แรก เมืองฝั่งตะวันตกมีร้อยกว่าถนน ถนนหนึ่งมีสิบกว่าตรอก หนึ่งตรอกมีบ้านสิบกว่าเรือน จะหาขึ้นมา ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด