ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 633 ให้เขาออกเมืองไปรบ / 634 แม่ทัพหญิงไร้พ่าย

Now you are reading ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง Chapter 633 ให้เขาออกเมืองไปรบ / 634 แม่ทัพหญิงไร้พ่าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 633 ให้เขาออกเมืองไปรบ

 

 

จดหมายที่เว่ยเฉินยางส่งให้เฝิงเยี่ยไป๋นั้นเฝิงเยี่ยไป๋เองก็ไม่ได้รับสักฉบับ และเหมือนกัน จดหมายที่เฝิงเยี่ยไป๋ส่งให้เว่ยเฉินยาง เว่ยเฉินยางก็ไม่เห็นสักฉบับ ดังนั้นไม่ใช่เหตุผลที่พวกเขาคิดว่าต่างคนต่างไม่ได้รู้สึกคิดถึงกันและกันเลย เป็นเพราะในระหว่างทางมีคนแกล้งทำอุบายไว้ สำหรับคนที่ทำเป็นใครนั้น นอกจากฮ่องเต้แล้ว คนอื่นก็คิดไม่ออกแล้ว

 

 

ฮ่องเต้สั่งให้คนตั้งจุดตรวจที่โรงเตี๊ยม ซึ่งจดหมายของทั้งฝ่ายจะต้องผ่าน แต่เห็นมีคนสองคนเดินไปขัดขวางจดหมายเอาไว้ จะว่าฮ่องเต้เป็นคนทำฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ จะตีงูก็ต้องตีงูให้ตาย เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ใช่คนเดียวที่รักเว่ยเฉินยางหรอกหรือ เวลาจากกันก็ต้องคิดถึงกันมากขึ้น ยิ่งเขาคิดถึงมากเท่าใดยิ่งไม่ให้พวกเขาสองสามีภรรยาไปมาหาสู่กัน ดังนั้นจดหมายสิบกว่าฉบับในครึ่งเดือนกว่านี้จึงถูกเขาขัดขวางไว้แล้ว พูดได้ว่าเขาสองคนรักกันมาก อย่างน้อยๆ วันหนึ่งต่อจดหมายหนึ่งฉบับ ก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่าย

 

 

เดิมทีฮ่องเต้อยากจะหาร่องรอยหรือหลักฐานการคบคิดกันของเฝิงเยี่ยไป๋กับซู่อ๋องจากจดหมายที่สองคนส่งหากัน แต่จดหมายเหล่านี้เขาดูกลับไปกลับมาหลายรอบแล้ว นอกจากจะบอกความคิดถึงกันเป็นปกติแล้วก็ไม่มีความหมายอื่นใดเลย จดหมายที่ส่งมาล่าสุด คือตอนที่ลูกชายของเฝิงเยี่ยไป๋หายไป เว่ยเฉินยางได้เขียนจดหมายหาเฝิงเยี่ยไป๋ ยังดีที่เขาขัดขวางเอาไว้ก่อนได้ ถ้าหากให้เฝิงเยี่ยไป๋รู้เข้า เกรงว่าต่อให้ต้องตายก็จะกลับวังหลวงให้ได้ ถ้าเขากลับมา เมืองจะทำอย่างไร? มีทั้งศึกภายนอกและศึกภายใน ความสงบศึกภายในไว้ใจเขาไม่ได้ แต่ศึกภายนอกเขายังมีประโยชน์อยู่

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋อยู่ไกลถึงเมืองฉุย การรับรู้ข้อมูลข่าวสารถูกปิด ระยะเวลาขนาดนี้แล้ว จดหมายตอบกลับซักฉบับก็ไม่ได้รับ เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติ แต่ว่าศึกตรงหน้ากำลังตึงเครียด เขาไม่มีเวลาไปคิดหาที่มาที่ไปของเรื่องนี้ มากไปกว่านั้นยังไม่สามารถละความพยายามนี้ไปได้ เอาเฉินตานเป็นยุทธภูมิหลักรวบรวมเมืองเล็กเมืองน้อยที่อยู่รอบๆ เข้าด้วยกัน กำลังทหารก็สามารถเทียบเท่ากับต้าเยี่ยได้ เผ่าอนารยชนที่อยู่ทางภาคเหนือ ครองแผ่นดินที่บรรพบุรุษได้มาบนหลังม้า ถนัดมวยปล้ำ ขี่ม้ายิงธนู องอาจกล้าหาญในการรบ ถ้าทำอย่างบุ่มบ่ามอย่างเดียว รบไปแบบนี้เรื่อยๆ ใครแพ้ใครชนะก็ไม่อาจคาดคิดได้ แม้ว่าพวกเขาจะมีกำลังมาก แต่ในด้านแผนการในการใช้กำลังทหารนั้น กลับยังห่างกับกองทหารของต้าเยี่ยอยู่มาก ถนัดใช้ยุทธการทางทหารถึงจะเป็นหลักในการเอาชนะได้ ก่อนที่เฝิงเยี่ยไป๋จะมา หัวหน้าองครักษ์เมืองฉุยแม้ว่าจะใช้แผนการเอาชนะมาแล้วหลายครั้ง แต่เป็นแค่การชนะที่เล็กน้อย ศัตรูบาดเจ็บพันคน กลอุบายของตัวเองเสียหายไปแปดร้อย พิจารณาดูจริงๆ ไม่นับเป็นการชนะ

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ชายชาวนอกด่านทางเหนือ ตั้งแต่หย่านมก็เอาเนื้อหอยนางรม เหล้านมเลี้ยงป้อนให้กิน พอเริ่มเดินได้ก็ให้เรียนมวยปล้ำ แข็งแกร่งกว่าผู้ชายต้าเยี่ยที่ถูกเลี้ยงมาจากน้ำจากภูเขา แค่คนอ้วนวางมาด ถ้าหากประลองเดี่ยวต้องเสียเปรียบเป็นแน่ เขาพยายามปราบกบฏถึงเพียงนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะฮ่องเต้ออกกฎเหล็ก ต้าเยี่ยเป็นกระดูกใหญ่ที่มีเนื้อ ตั้งแต่เปิดประเทศมากสามร้อยกว่าปี ฮ่องเต้ในแต่ละยุคสมัยก็ทำเต็มที่แล้ว คนที่อยากจะได้แผ่นดินต้าเยี่ยทำได้แค่หวังแต่ครอบครองไม่ได้ โจมตีนานเท่าไรก็ไม่สามารถพังทลายได้ ก้มหัวยอมแพ้โจมตีทุกปีแต่ไม่ยอมพ่ายแพ้ รอเวลามานานหลายปีจนมีลุงกับหลายคนหนึ่งมีโอกาสทำให้เกิดความขัดแย้งภายในเพื่อแย่งแผ่นดิน ไม่ยอมปล่อยมือไปง่ายๆ แต่ละคนรวบรวมพลังให้เพียงพอแล้วปล่อยออกมาต้องรบเอาการป้องกันเมืองที่แข็งแกร่งให้มีบาดแผลใหญ่ แผ่นดินนี้ปกครองโดยตระกูลอวี่เหวินมานานหลายปี ตอนนี้ควรถึงเวลาเปลี่ยนคนปกครองแล้ว

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ยังพอมาทันเวลา หลังจากช่วยเอาชนะศึกครั้งใหญ่หลายครั้ง ชื่อเสียงถือได้ว่าประสบความสำเร็จจากชายแดนแล้ว องค์หญิงไซ่จี๋แห่งแคว้นเฉินตานเอ่ยชื่อเขาจะสู้กันกับเขา สั่งให้นายทหารถอยออกไปสองลี้ คนหนึ่ง ม้าหนึ่ง และทวนหนึ่งไปท้าประลองกันที่ใต้ประตูเมือง ให้เฝิงเยี่ยออกไปรบกันที่นอกเมือง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 634 แม่ทัพหญิงไร้พ่าย

 

 

องค์หญิงไซ่จี๋แห่งเฉินตานก็เป็น ‘แม่ทัพไร้พ่าย’ แห่งเฉินตาน ได้ยินว่าไม่เคยรบแพ้สักครา ก่อนที่จะเจอหน้ากัน เฝิงเยี่ยไป๋คิดว่าองค์หญิงไซ่จี๋องค์นี้เป็นผู้หญิงมีรูปร่างสูงกำยำเหมือนผู้ชาย นางเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง มีความกล้าและเด็ดเดี่ยวอย่างนี้ แม้ว่าจะเป็นศัตรูกันก็ทำให้คนเคารพนับถือได้

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ยืนอยู่บนกำแพง ไซ่จี๋ยืนอยู่ข้างล่างกำแพงร้องท้าทาย ระยะห่างค่อนข้างไกล แม้ว่าจะเห็นหน้าไม่ชัด แต่ก็ดูออกแบบเลือนๆ แต่ไม่ใช่ผู้หญิงรูปร่างใหญ่กำยำแน่ เสื้อเกราะเต็มไปด้วยแสงสีทองทั้งตัว มือถือทวนครึ่งวงเดือน ชี้มาที่บนกำแพง แสดงความสามารถออกมาหมด เหมือนตัวเขาเองที่ไม่ปิดบังอะไร

 

 

แม่ทัพที่เคยรบกับไซ่จี๋ จนถึงตอนนี้ถ้าพูดถึงนางจิตใจยังรู้สึกหวาดผวา “ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงบ้า ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา แม่ทัพที่ตายในน้ำมือของนาง พูดน้อยๆ ก็มีประมาณเจ็ดแปดคน ทุกคนล้วนแล้วแต่ตายในดาบเดียว ได้ยินว่านางยังตัดหัวของเชลยศึกมากินกับเหล้าอยู่บ่อยๆ กินขนดื่มเลือด น่ากลัวกว่าไซ่ถ่านพี่ชายของนางอีก”

 

 

“ไซ่ถ่าน?” เฝิงเยี่ยไป๋ไม่เป็นเดือดเป็นร้อน ปล่อยให้นางเอะอะอยู่ใต้กำแพง “ครั้งก่อนคนที่รู้จักใช้แรงไม่รู้จักใช้สมองที่มือถือค้อนหนักคนนั้น?”

 

 

“ไซ่ถ่านเป็นคนมีความน่ากลัวอยู่ที่มีความกล้าแต่ไม่มีการวางแผน สิ่งที่ข้าเป็นกังวลคือผู้หญิงที่อยู่ใต้กำแพงเมืองคนนี้ นางฉลาดกว่าพี่ชายของนาง ท่านอ๋อง ท่านจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก ทวนครึ่งวงเดือนที่อยู่ในมือนางอันนั้นได้ยินมาว่าสร้างมาจากเหล็กอุกกาบาตในสมัยอดีต อานุภาพทำลายล้างแข็งแกร่งมาก ตัดเหล็กได้ดั่งโคลน…พวกข้าไม่ใช่ไม่เชื่อความสามารถของท่านอ๋อง เพียงแต่ไซ่จี๋คนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ …”

 

 

จะเจ้าเล่ห์อย่างไรก็เป็นแค่ผู้หญิง ผู้หญิงกับผู้ชาย เป็นความแตกต่างที่มีมาตั้งแต่เกิด นางจะหนีไปคนเดียวสามารถแบบผู้ชายร่างใหญ่ได้ แต่ก็ไม่แน่ใจนางจะเอาชนะเขาได้

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋รับทวนมา จัดการเสื้อเกราะให้เรียบร้อย ในใจคิดว่ามีเวลาไม่มาควรจะทำอย่างไรจึงจะชนะ เขานึกถึงเว่ยเฉินยาง ผู้หญิงควรเป็นแบบเว่ยเฉินยางที่อ่อนโยนอ่อนหวานถึงจะดี บางทีขี้อ้อนบ้าง กินดีอยู่ดีสนุกสนาน เลี้ยงดูอย่างกับลูกสาว กลัวว่าจะทิ่มแทงไปที่กลางอกเขา ดีใจก็หัวเราะเขาได้ ทำตัวน่ารักบ้างอย่าทำแต่รสชาติเดียว ฆ่าศัตรูในสนามรบเป็นเรื่องของผู้ชาย ถ้าเป็นอย่างไซ่จี๋ ในฐานะที่เป็นผู้หญิงจะต้องรู้สึกเสียใจบ้างหน่อย!

 

 

ไซ่จี๋ร้องท้าทายอยู่ข้างล่างกำแพงอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดประตูเมืองก็เปิดออก พายุฝุ่นเหลืองเต็มท้องฟ้า ตรงหน้าเลือนราง สามารถมองเห็นเงาคนแข็งแรงบึกบึนอยู่บนหลังม้าอย่างเลือนราง ไม่เร็วและไม่ช้า วิ่งมาทางนาง

 

 

กู้หลุนอ๋องเป็นคนที่ฆ่าแม่ทัพใหญ่ห้าคนของนาง นึกว่าจะมีรูปร่างใหญ่อย่างไร เพียงแค่ดูเหมือนบึกบึนหน่อย ถ้าเอาไปไว้ที่ชนเผ่าของพวกนาง รูปร่างแบบนี้ น่าจะขอแต่งเมียไม่ได้ คนแบบนี้ นางสามารถเลือกมาสองสามคนได้ เดิมทีคิดว่าเป็นการรบที่ดุเดือด พอดูตอนนี้ กลับเป็นนางที่ประเมินคู่ต่อสู้สูงไป

 

 

แม้ว่าจะยืนประจันหน้าหากัน ระหว่างทั้งสองคนมีฝุ่นทรายกั้นอยู่ ต่างฝ่ายต่างใส่หมวกป้องกันยังมองเห็นรูปร่างหน้าตาไม่ชัด ไซ่จี๋มีแผนการอยู่แล้ว มองตาพวกเขาก็รู้แล้วว่ามีความเหยียดหยามเต็มตาไปหมด “ชาวฮั่นอย่างพวกเจ้ามีประโยคหนึ่งพูดว่าทหารล้มเหลวโดยไม่มีการต่อสู้ ข้าดูเจ้าแล้วน่าจะยังไม่ทันได้รบก็พ่ายแพ้แล้ว ชักช้าตั้งนาน หรือว่ากลัว”

 

 

“ยังมีอีกประโยค เรียกว่ารู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”

 

 

ไซ่จี๋ยกทวนชี้เขา “ได้ยินว่าผู้หญิงของต้าเยี่ยของพวกเจ้าไม่อนุญาตให้ออกรบ ผู้หญิงที่อยู่เมืองของพวกเจ้าฐานะต้อยต่ำ ผู้ชายสามารถมีหลายเมีย ผู้หญิงทั้งชาติกลับต้องมีสามีเพียงคนเดียว อำนาจแบบนี้ควรจะถูกยกเลิกไปตั้งนานแล้ว วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าเห็น ผู้หญิงก็สามารถออกรบได้เหมือนกัน สามารถออกรบได้เหมือนอย่างผู้ชาย และยังสามารถเอาชนะผู้ชายได้เหมือนกัน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 633 ให้เขาออกเมืองไปรบ / 634 แม่ทัพหญิงไร้พ่าย

Now you are reading ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง Chapter 633 ให้เขาออกเมืองไปรบ / 634 แม่ทัพหญิงไร้พ่าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 633 ให้เขาออกเมืองไปรบ

 

 

จดหมายที่เว่ยเฉินยางส่งให้เฝิงเยี่ยไป๋นั้นเฝิงเยี่ยไป๋เองก็ไม่ได้รับสักฉบับ และเหมือนกัน จดหมายที่เฝิงเยี่ยไป๋ส่งให้เว่ยเฉินยาง เว่ยเฉินยางก็ไม่เห็นสักฉบับ ดังนั้นไม่ใช่เหตุผลที่พวกเขาคิดว่าต่างคนต่างไม่ได้รู้สึกคิดถึงกันและกันเลย เป็นเพราะในระหว่างทางมีคนแกล้งทำอุบายไว้ สำหรับคนที่ทำเป็นใครนั้น นอกจากฮ่องเต้แล้ว คนอื่นก็คิดไม่ออกแล้ว

 

 

ฮ่องเต้สั่งให้คนตั้งจุดตรวจที่โรงเตี๊ยม ซึ่งจดหมายของทั้งฝ่ายจะต้องผ่าน แต่เห็นมีคนสองคนเดินไปขัดขวางจดหมายเอาไว้ จะว่าฮ่องเต้เป็นคนทำฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ จะตีงูก็ต้องตีงูให้ตาย เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ใช่คนเดียวที่รักเว่ยเฉินยางหรอกหรือ เวลาจากกันก็ต้องคิดถึงกันมากขึ้น ยิ่งเขาคิดถึงมากเท่าใดยิ่งไม่ให้พวกเขาสองสามีภรรยาไปมาหาสู่กัน ดังนั้นจดหมายสิบกว่าฉบับในครึ่งเดือนกว่านี้จึงถูกเขาขัดขวางไว้แล้ว พูดได้ว่าเขาสองคนรักกันมาก อย่างน้อยๆ วันหนึ่งต่อจดหมายหนึ่งฉบับ ก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่าย

 

 

เดิมทีฮ่องเต้อยากจะหาร่องรอยหรือหลักฐานการคบคิดกันของเฝิงเยี่ยไป๋กับซู่อ๋องจากจดหมายที่สองคนส่งหากัน แต่จดหมายเหล่านี้เขาดูกลับไปกลับมาหลายรอบแล้ว นอกจากจะบอกความคิดถึงกันเป็นปกติแล้วก็ไม่มีความหมายอื่นใดเลย จดหมายที่ส่งมาล่าสุด คือตอนที่ลูกชายของเฝิงเยี่ยไป๋หายไป เว่ยเฉินยางได้เขียนจดหมายหาเฝิงเยี่ยไป๋ ยังดีที่เขาขัดขวางเอาไว้ก่อนได้ ถ้าหากให้เฝิงเยี่ยไป๋รู้เข้า เกรงว่าต่อให้ต้องตายก็จะกลับวังหลวงให้ได้ ถ้าเขากลับมา เมืองจะทำอย่างไร? มีทั้งศึกภายนอกและศึกภายใน ความสงบศึกภายในไว้ใจเขาไม่ได้ แต่ศึกภายนอกเขายังมีประโยชน์อยู่

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋อยู่ไกลถึงเมืองฉุย การรับรู้ข้อมูลข่าวสารถูกปิด ระยะเวลาขนาดนี้แล้ว จดหมายตอบกลับซักฉบับก็ไม่ได้รับ เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติ แต่ว่าศึกตรงหน้ากำลังตึงเครียด เขาไม่มีเวลาไปคิดหาที่มาที่ไปของเรื่องนี้ มากไปกว่านั้นยังไม่สามารถละความพยายามนี้ไปได้ เอาเฉินตานเป็นยุทธภูมิหลักรวบรวมเมืองเล็กเมืองน้อยที่อยู่รอบๆ เข้าด้วยกัน กำลังทหารก็สามารถเทียบเท่ากับต้าเยี่ยได้ เผ่าอนารยชนที่อยู่ทางภาคเหนือ ครองแผ่นดินที่บรรพบุรุษได้มาบนหลังม้า ถนัดมวยปล้ำ ขี่ม้ายิงธนู องอาจกล้าหาญในการรบ ถ้าทำอย่างบุ่มบ่ามอย่างเดียว รบไปแบบนี้เรื่อยๆ ใครแพ้ใครชนะก็ไม่อาจคาดคิดได้ แม้ว่าพวกเขาจะมีกำลังมาก แต่ในด้านแผนการในการใช้กำลังทหารนั้น กลับยังห่างกับกองทหารของต้าเยี่ยอยู่มาก ถนัดใช้ยุทธการทางทหารถึงจะเป็นหลักในการเอาชนะได้ ก่อนที่เฝิงเยี่ยไป๋จะมา หัวหน้าองครักษ์เมืองฉุยแม้ว่าจะใช้แผนการเอาชนะมาแล้วหลายครั้ง แต่เป็นแค่การชนะที่เล็กน้อย ศัตรูบาดเจ็บพันคน กลอุบายของตัวเองเสียหายไปแปดร้อย พิจารณาดูจริงๆ ไม่นับเป็นการชนะ

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ชายชาวนอกด่านทางเหนือ ตั้งแต่หย่านมก็เอาเนื้อหอยนางรม เหล้านมเลี้ยงป้อนให้กิน พอเริ่มเดินได้ก็ให้เรียนมวยปล้ำ แข็งแกร่งกว่าผู้ชายต้าเยี่ยที่ถูกเลี้ยงมาจากน้ำจากภูเขา แค่คนอ้วนวางมาด ถ้าหากประลองเดี่ยวต้องเสียเปรียบเป็นแน่ เขาพยายามปราบกบฏถึงเพียงนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะฮ่องเต้ออกกฎเหล็ก ต้าเยี่ยเป็นกระดูกใหญ่ที่มีเนื้อ ตั้งแต่เปิดประเทศมากสามร้อยกว่าปี ฮ่องเต้ในแต่ละยุคสมัยก็ทำเต็มที่แล้ว คนที่อยากจะได้แผ่นดินต้าเยี่ยทำได้แค่หวังแต่ครอบครองไม่ได้ โจมตีนานเท่าไรก็ไม่สามารถพังทลายได้ ก้มหัวยอมแพ้โจมตีทุกปีแต่ไม่ยอมพ่ายแพ้ รอเวลามานานหลายปีจนมีลุงกับหลายคนหนึ่งมีโอกาสทำให้เกิดความขัดแย้งภายในเพื่อแย่งแผ่นดิน ไม่ยอมปล่อยมือไปง่ายๆ แต่ละคนรวบรวมพลังให้เพียงพอแล้วปล่อยออกมาต้องรบเอาการป้องกันเมืองที่แข็งแกร่งให้มีบาดแผลใหญ่ แผ่นดินนี้ปกครองโดยตระกูลอวี่เหวินมานานหลายปี ตอนนี้ควรถึงเวลาเปลี่ยนคนปกครองแล้ว

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ยังพอมาทันเวลา หลังจากช่วยเอาชนะศึกครั้งใหญ่หลายครั้ง ชื่อเสียงถือได้ว่าประสบความสำเร็จจากชายแดนแล้ว องค์หญิงไซ่จี๋แห่งแคว้นเฉินตานเอ่ยชื่อเขาจะสู้กันกับเขา สั่งให้นายทหารถอยออกไปสองลี้ คนหนึ่ง ม้าหนึ่ง และทวนหนึ่งไปท้าประลองกันที่ใต้ประตูเมือง ให้เฝิงเยี่ยออกไปรบกันที่นอกเมือง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 634 แม่ทัพหญิงไร้พ่าย

 

 

องค์หญิงไซ่จี๋แห่งเฉินตานก็เป็น ‘แม่ทัพไร้พ่าย’ แห่งเฉินตาน ได้ยินว่าไม่เคยรบแพ้สักครา ก่อนที่จะเจอหน้ากัน เฝิงเยี่ยไป๋คิดว่าองค์หญิงไซ่จี๋องค์นี้เป็นผู้หญิงมีรูปร่างสูงกำยำเหมือนผู้ชาย นางเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง มีความกล้าและเด็ดเดี่ยวอย่างนี้ แม้ว่าจะเป็นศัตรูกันก็ทำให้คนเคารพนับถือได้

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ยืนอยู่บนกำแพง ไซ่จี๋ยืนอยู่ข้างล่างกำแพงร้องท้าทาย ระยะห่างค่อนข้างไกล แม้ว่าจะเห็นหน้าไม่ชัด แต่ก็ดูออกแบบเลือนๆ แต่ไม่ใช่ผู้หญิงรูปร่างใหญ่กำยำแน่ เสื้อเกราะเต็มไปด้วยแสงสีทองทั้งตัว มือถือทวนครึ่งวงเดือน ชี้มาที่บนกำแพง แสดงความสามารถออกมาหมด เหมือนตัวเขาเองที่ไม่ปิดบังอะไร

 

 

แม่ทัพที่เคยรบกับไซ่จี๋ จนถึงตอนนี้ถ้าพูดถึงนางจิตใจยังรู้สึกหวาดผวา “ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงบ้า ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา แม่ทัพที่ตายในน้ำมือของนาง พูดน้อยๆ ก็มีประมาณเจ็ดแปดคน ทุกคนล้วนแล้วแต่ตายในดาบเดียว ได้ยินว่านางยังตัดหัวของเชลยศึกมากินกับเหล้าอยู่บ่อยๆ กินขนดื่มเลือด น่ากลัวกว่าไซ่ถ่านพี่ชายของนางอีก”

 

 

“ไซ่ถ่าน?” เฝิงเยี่ยไป๋ไม่เป็นเดือดเป็นร้อน ปล่อยให้นางเอะอะอยู่ใต้กำแพง “ครั้งก่อนคนที่รู้จักใช้แรงไม่รู้จักใช้สมองที่มือถือค้อนหนักคนนั้น?”

 

 

“ไซ่ถ่านเป็นคนมีความน่ากลัวอยู่ที่มีความกล้าแต่ไม่มีการวางแผน สิ่งที่ข้าเป็นกังวลคือผู้หญิงที่อยู่ใต้กำแพงเมืองคนนี้ นางฉลาดกว่าพี่ชายของนาง ท่านอ๋อง ท่านจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก ทวนครึ่งวงเดือนที่อยู่ในมือนางอันนั้นได้ยินมาว่าสร้างมาจากเหล็กอุกกาบาตในสมัยอดีต อานุภาพทำลายล้างแข็งแกร่งมาก ตัดเหล็กได้ดั่งโคลน…พวกข้าไม่ใช่ไม่เชื่อความสามารถของท่านอ๋อง เพียงแต่ไซ่จี๋คนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ …”

 

 

จะเจ้าเล่ห์อย่างไรก็เป็นแค่ผู้หญิง ผู้หญิงกับผู้ชาย เป็นความแตกต่างที่มีมาตั้งแต่เกิด นางจะหนีไปคนเดียวสามารถแบบผู้ชายร่างใหญ่ได้ แต่ก็ไม่แน่ใจนางจะเอาชนะเขาได้

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋รับทวนมา จัดการเสื้อเกราะให้เรียบร้อย ในใจคิดว่ามีเวลาไม่มาควรจะทำอย่างไรจึงจะชนะ เขานึกถึงเว่ยเฉินยาง ผู้หญิงควรเป็นแบบเว่ยเฉินยางที่อ่อนโยนอ่อนหวานถึงจะดี บางทีขี้อ้อนบ้าง กินดีอยู่ดีสนุกสนาน เลี้ยงดูอย่างกับลูกสาว กลัวว่าจะทิ่มแทงไปที่กลางอกเขา ดีใจก็หัวเราะเขาได้ ทำตัวน่ารักบ้างอย่าทำแต่รสชาติเดียว ฆ่าศัตรูในสนามรบเป็นเรื่องของผู้ชาย ถ้าเป็นอย่างไซ่จี๋ ในฐานะที่เป็นผู้หญิงจะต้องรู้สึกเสียใจบ้างหน่อย!

 

 

ไซ่จี๋ร้องท้าทายอยู่ข้างล่างกำแพงอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดประตูเมืองก็เปิดออก พายุฝุ่นเหลืองเต็มท้องฟ้า ตรงหน้าเลือนราง สามารถมองเห็นเงาคนแข็งแรงบึกบึนอยู่บนหลังม้าอย่างเลือนราง ไม่เร็วและไม่ช้า วิ่งมาทางนาง

 

 

กู้หลุนอ๋องเป็นคนที่ฆ่าแม่ทัพใหญ่ห้าคนของนาง นึกว่าจะมีรูปร่างใหญ่อย่างไร เพียงแค่ดูเหมือนบึกบึนหน่อย ถ้าเอาไปไว้ที่ชนเผ่าของพวกนาง รูปร่างแบบนี้ น่าจะขอแต่งเมียไม่ได้ คนแบบนี้ นางสามารถเลือกมาสองสามคนได้ เดิมทีคิดว่าเป็นการรบที่ดุเดือด พอดูตอนนี้ กลับเป็นนางที่ประเมินคู่ต่อสู้สูงไป

 

 

แม้ว่าจะยืนประจันหน้าหากัน ระหว่างทั้งสองคนมีฝุ่นทรายกั้นอยู่ ต่างฝ่ายต่างใส่หมวกป้องกันยังมองเห็นรูปร่างหน้าตาไม่ชัด ไซ่จี๋มีแผนการอยู่แล้ว มองตาพวกเขาก็รู้แล้วว่ามีความเหยียดหยามเต็มตาไปหมด “ชาวฮั่นอย่างพวกเจ้ามีประโยคหนึ่งพูดว่าทหารล้มเหลวโดยไม่มีการต่อสู้ ข้าดูเจ้าแล้วน่าจะยังไม่ทันได้รบก็พ่ายแพ้แล้ว ชักช้าตั้งนาน หรือว่ากลัว”

 

 

“ยังมีอีกประโยค เรียกว่ารู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”

 

 

ไซ่จี๋ยกทวนชี้เขา “ได้ยินว่าผู้หญิงของต้าเยี่ยของพวกเจ้าไม่อนุญาตให้ออกรบ ผู้หญิงที่อยู่เมืองของพวกเจ้าฐานะต้อยต่ำ ผู้ชายสามารถมีหลายเมีย ผู้หญิงทั้งชาติกลับต้องมีสามีเพียงคนเดียว อำนาจแบบนี้ควรจะถูกยกเลิกไปตั้งนานแล้ว วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าเห็น ผู้หญิงก็สามารถออกรบได้เหมือนกัน สามารถออกรบได้เหมือนอย่างผู้ชาย และยังสามารถเอาชนะผู้ชายได้เหมือนกัน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+