ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 711 หน้าแดงทำไมกันข้ามิใช่ไม่เคยเห็นเสียหน่อย / 712 ไม่มีลูกทั้งหญิงชายข้าก็ตายไม่ได้หรอก

Now you are reading ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง Chapter 711 หน้าแดงทำไมกันข้ามิใช่ไม่เคยเห็นเสียหน่อย / 712 ไม่มีลูกทั้งหญิงชายข้าก็ตายไม่ได้หรอก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 711 หน้าแดงทำไมกันข้ามิใช่ไม่เคยเห็นเสียหน่อย  

 

 

เฉินยางรู้สึกว่าตนนั้นช่างเป็นคนไร้ค่า ไม่มีประโยชน์อันใดเลย ไม่เพียงช่วยเขาไม่ได้ ยังต้องให้เขาช่วยเหลือนางทุกหนแห่ง ตอนนี้แม้แต่ดูแลเขานางเองยังซุ่มซ่ามยิ่งนัก นางเองยังรังเกียจตัวเองเลย ราวกับขยะที่ไร้ประโยชน์  

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋นั่งลงขัดสมาธิ ดึงเฉินยางมานั่งกับตน มือหนึ่งที่เต็มไปด้วยเลือดยกมาปิดบังสายตานางเอาไว้ กระซิบเสียงเบาใกล้หูนาง “ปิดตาเจ้าไว้เสีย จงลืมเรื่องที่เคยพบเห็นไปเสียให้หมด”  

 

 

“ข้าลืมไม่ได้…และไม่อยากลืมด้วย” นางจับมือเขาเอาไว้ ไม่อยากลืม แต่กลับไม่กล้าลืมตาเช่นกัน น้ำตาที่ไหลพรากทำให้แพขนตานางเปียกชุ่มไปหมด ดังนั้นฝ่ามือของเฝิงเยี่ยไป๋ก็เลยเปียกไปด้วยน้ำตานาง เพื่อปกป้องนางเขาเลยต้องบาดเจ็บสาหัส นางจะทำใจให้ลืมบาดแผลทั้งกายนี้ของเขาได้อย่างไรกัน  

 

 

“ลืมไม่ได้ก็ต้องลืม” เขายื่นอีกมือไปข้างหลังตน คลำไปเจอก้านธนู เขาขมวดคิ้วลังเลพักใหญ่ ก่อนจะจับไว้มั่น ขบกรามแน่นแล้วดึงออกมาอย่างสุดแรง  

 

 

เฉินยางได้ยินเสียงเขาครางต่ำคราหนึ่ง จึงรีบดึงมือเขาที่ปิดตานางอยู่ลงทันที เมื่อเปิดตาอีกครั้งจึงเห็นธนูเปื้อนเลือดในมือของเขา ยามที่ดึงธนูออกมาเจ็บกว่ายามถูกยิงเข้าไปมากนัก เนื้อที่อยู่ด้านในก็ถูกกระชากออกมาด้วย นั่นมันจะเจ็บเพียงใดกันนะ แค่คิดก็เพียงพอที่จะทำให้คนขมวดคิ้วได้แล้ว แต่เขากลับไม่ร้องออกมาสักคำ  

 

 

เดิมทีสามีภรรยานั้นถือเป็นคนเดียวกัน เขาบาดเจ็บ แม้มิได้เจ็บที่กายนาง แต่เจ็บลึกไปถึงทรวง นางกัดฟันหักธนูทิ้งด้วยอารมณ์โกรธแล้วโยนออกไป “ฮ่องเต้องค์นี้เป็นดั่งปีศาจทำร้ายผู้คน สมน้ำหน้าแล้วที่จะมีคนแก่งแย่งทั้งใต้หล้ากับเขา ทั้งตระกูลล้วนมีแต่ความคิดเลวทราม ไม่มีผู้ใดดีเลย วันๆ เอาแต่คิดวิธีลอบกัดผู้อื่น ทั้งยังใช้วิธีชั่วร้ายถึงเพียงนี้ ช่างไม่กลัวเวรกรรมคืนสนองเลยหรือ”  

 

 

บิดานางเป็นถึงอาจารย์ แต่เล็กล้วนพร่ำสอนแค่ตำรานักปราชญ์ การสั่งสอนในตระกูลนางต้องไม่ได้ย่ำแย่แน่นอน มากน้อยก็คงซึมซับเข้าโสตประสาทบ้าง และก็เป็นเพราะในสมองนางมีแต่เรื่องมารยาทและความรู้สึกผิดชอบชั่วดี จึงกล่าวคำผรุสวาทไม่เป็นเลย คำพูดเหล่านี้เกรงว่าจะเป็นคำพูดที่นางผรุสวาทออกมาตำหนิผู้อื่นได้รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่แต่งงานกับเขามาเลยกระมัง หากไม่ใช่เพราะเกลียดคนที่ทำร้ายเขาจนถึงที่สุด ก็คงไม่โกรธจนถึงเพียงนี้  

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋รู้สึกชื่นชมนางยิ่งนัก ภรรยาตนนี้ก็ยังนับว่ามิเสียแรงที่เอ็นดู แต่ตอนนี้หากเอ่ยคำนี้ไปยังนับว่าเร็วไปนัก ธนูนั้นดึงออกมาแล้วก็จริงแต่พิษยังคงอยู่ในร่างกาย อยู่ในโลหิตเขา ไหลไปตามเส้นเลือดทุกเส้นในร่างกาย หากไม่รักษาในทันการณ์ ไม่เกินสิบสองชั่วยาม มิต้องรบกวนให้ฮ่องเต้ส่งคนมาสังหารอีก เขาจะต้องตายเพราะพิษเป็นแน่แท้  

 

 

เฉินยางอยากจะทึ้งเสื้อผ้าออกมาเช็ดร่างกายเขานัก บาดแผลด้านหลังของเขานั้นเขาดูแลด้วยตนเองไม่ได้ นางต้องช่วยทำความสะอาด แต่นางไร้เรี่ยวแรง อาภรณ์นี้ก็ช่างเหนียวแน่นเสียนี่กระไร ดึงทึ้งไปทั้งซ้ายขวาก็ยังถอดไม่ออก นางหันหลังให้เขา เริ่มถอดเสื้อผ้าออก  

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ที่ยังมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรงกำลังมองนางอยู่ ในใจเริ่มกังขา “นี่เจ้ากำลังทำอะไรกัน” ทั้งยังอดไม่ได้ที่จะเย้านาง “ตอนนี้แม้ข้าจะอยากทำมากเพียงใด แต่ก็มีแค่ใจทว่าไร้เรี่ยวแรงอยู่ดี”  

 

 

เฉินยางมิได้ตอบอันใด ถอดเสื้อตัวนอกออก เปลือยแผ่นหลังขาวนวลต่อหน้าเขา มือนั้นยังไม่หยุดมือ ต่อด้วยการถอดเอี๊ยมตัวในออก ขยำไว้ในมือไม่ให้เขาเห็น หลังจากนั้นจึงรีบสวมเสื้อผ้าไว้อย่างเดิม นางหน้าแดงก่ำ รีบนำเอี๊ยมตัวในโยนใส่ในอ่างไม้จนเปียกชุ่มแล้วบิดให้แห้ง หลังจากนั้นนำไปทำความสะอาดบาดแผลทุกอณูอย่างตั้งใจ  

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ยังมีแรงหยอกเย้านาง “หน้าแดงทำไมกัน ข้ามิใช่ไม่เคยเห็นเสียหน่อย”  

 

 

เฉินยางนั้นจะหัวเราะก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ใช่ที่ “นี่มันเวลาใดกันท่านยังจะ…อย่าเอ่ยอันใดอีกเลย ท่านรีบพักสักหน่อยเถิด ประเดี๋ยวข้าจะออกไปหายาสมุนไพรให้ท่าน”  

 

 

“หาสมุนไพรหรือ เจ้ารู้จักหรือว่าสมุนไพรหน้าตาเป็นอย่างไร”  

 

 

“ก่อนหน้าตอนที่อยู่กับหมออิ๋งโจว ข้าติดตามเขาจนได้รู้จักสมุนไพรไม่น้อย ข้าแม้จะโง่ไปหน่อย แต่เรียนรู้เร็วนัก ยาต่างๆ ข้าเองก็รู้จักอยู่ไม่น้อยเชียวล่ะ”  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 712 ไม่มีลูกทั้งหญิงชายข้าก็ตายไม่ได้หรอก  

 

 

เรียนรู้ไว้มากหน่อยก็ยังนับว่ามีข้อดี ก่อนหน้านี้อิ๋งโจวมีสอนความรู้นางไว้บ้าง บัดนี้นับว่าได้ใช้ประโยชน์แล้ว นางเช็ดแผลจากธนูของเขา เมื่อครู่นั้นทำใจมองไม่ได้จนไม่กล้าลืมตา ดังนั้นจึงมองไม่ชัด คราวนี้มองเห็นชัดเจนแล้ว พบว่าไม่ปกติแล้ว “โลหิตจากแผลของท่านนี้เหตุใดจึงเป็นสีดำเล่า เนื้อด้านข้างก็เริ่มเน่าแล้ว นี่มันเกิดอันใดขึ้นกัน”  

 

 

ยามนี้นางคงหลอกล่อยากเสียแล้ว เฝิงเยี่ยไป๋รู้ทันทีว่าโกหกนางไม่ได้อีกแล้ว แม้แต่ยาสมุนไพรนางยังรู้จักเลย ต่อให้ปดนางไปก็จะปดได้นานเท่าไรเล่า ทำได้เพียงตอบไปตามจริง “โดนพิษเข้าแล้ว ธนูที่พวกมันใช้นั้นอาบยาพิษเอาไว้”  

 

 

มือนางชะงักไปทันที “ตอนนั้นข้าถามท่านว่าเป็นอะไร ตอนที่ท่านไม่ยอมให้ข้าหันไปมองก็เพราะว่าโดนธนูใช่หรือไม่”  

 

 

เขาเอ่ยว่า “ใช่ ข้าไม่คิดว่าพวกมันจะอาบยาพิษไว้ที่ธนู วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ ไม่คิดว่าฮ่องเต้นั่นจะใช้ขณะที่ยังเรียนรู้อยู่”  

 

 

“เหตุใดท่านต้องปิดบังข้า”  

 

 

เสียงของเฝิงเยี่ยไป๋ต่ำลงมาก “ข้าคิดว่านั่นเป็นบาดแผลธรรมดา ไม่ได้คิดว่ามันสำคัญอันใด บอกเจ้าไป ก็มิใช่เกรงว่าเจ้าจะกังวลใจหรอกหรือ”  

 

 

น้ำเสียงเฉินยางแหลมสูงขึ้นมาทันที บอกไม่ถูกว่าโกรธเขาหรือโกรธตนเอง “อย่างนั้นท่านก็ควรบอกข้า ตอนนี้ข้าเห็นแล้วจะไม่โกรธหรือ ท่านบอกเองว่าสหายกันจะไม่มีทางปิดบังข้า คนโกหก!”  

 

 

“ได้ๆ ครานี้ข้าผิดเอง จะไม่มีหนต่อไปอีก”  

 

 

หนต่อไปหรือ ตอนนี้สิ่งที่เฉินยางกังวลคือสภาพเขาอย่างนี้ยังจะมีหนต่อไปอีกหรือ  

 

 

ราวกับเปลือกตานั้นหนักนับพันชั่ง ค่อยๆ ลืมตาไม่ขึ้นแล้ว เสียงนั้นจากไม่ค่อยมีแรงก็กลายเป็นละเมอพึมพำ  

 

 

เฉินยางเมื่อเอ่ยจบก็ไม่ได้ยินเสียงเขาอีก นางกดเบาๆ ไปที่หลังของเขาหนึ่งที “ท่านพูดสิ ข้าไม่ได้ล้อเล่นกับท่านนะ ครั้งหน้าหากมีเรื่องอันใดห้ามปิดบังข้าทำให้ข้าไม่สบายใจอีกรู้หรือไม่”  

 

 

“ท่านได้ยินหรือไม่”  

 

 

“ท่านพี่”  

 

 

“ท่านพี่ ท่านอย่าทำให้ข้าตกใจสิ ท่านพูดอะไรหน่อย”  

 

 

นางใช้มืออังจมูกของเขาอย่างระมัดระวัง พบว่าเขายังหายใจอยู่ ถึงแม้ว่าลมหายใจจะแผ่วเบายิ่งนัก แต่คนนั้นยังมีชีวิตอยู่ เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็สำคัญกว่าอะไรทั้งสิ้น นางหยิกแขนของเขาเสียทีหนึ่ง “ท่านพี่ ท่านห้ามหลับเด็ดขาด ข้า…ข้ามันไร้ประโยชน์ยิ่งนัก ไม่มีท่านแล้วข้าก็ทำอะไรไม่เป็นเลย ท่านลืมตาสิ พูดกับข้าสักหน่อยก็ยังดี อย่าหลับเด็ดขาด ข้า…ข้าจะไปหาสมุนไพรตอนนี้ ท่านลืมตาสิ ท่านอย่าทำแบบนี้ ท่านทำแบบนี้ข้ากลัวนะ”  

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ที่เพิ่งหลับตาถูกนางหยิกจนได้สติอีกครั้ง เขาลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย ลมหายใจแผ่วเบาดั่งเส้นไหม “ข้าไม่ตายหรอก…เจ้าบอกเองว่าจะคลอดลูกสาวให้ข้า ข้ายังมีลูกไม่ครบทั้งชายหญิงเลย ยังตายไม่ได้หรอก”  

 

 

เฉินยางโอบกอดเขาไว้อย่างระมัดระวัง พยายามอย่างยิ่งที่จะส่งพลังของตนไปให้เขา “หากคนที่บาดเจ็บเป็นข้าเองก็คงดี หากท่านสบายดีพวกเรายังพอมีความหวัง ข้าทำอะไรไม่ได้ดีเลย ท่านบาดเจ็บอย่างนี้ แม้แต่ท่านข้าก็ยังดูแลให้ดีไม่ได้ หากอาการบาดเจ็บทั้งหมดในร่างกายท่านส่งต่อมาให้ข้าได้ก็คงดี ข้ายินดีบาดเจ็บแทนท่าน ไม่อยากเห็นท่านทำเพื่อข้าแบบนี้”  

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ฝืนยกมือขึ้นลูบปลายจมูกนางอย่างแผ่วเบา “เจ้าโง่หรือ ข้าไม่ยอมหรอกนะ หากเจ้าป่วยแล้ว ข้าคงปวดใจยิ่งนัก ข้าเป็นลูกผู้ชายออกอย่างนี้ หากต้องตกต่ำจนให้ผู้หญิงมาปกป้องละก็ ถูกผู้อื่นรู้เข้าจะไม่หัวเราะเยาะที่ข้าไร้ความสามารถหรือ ข้ายินดีทำเพื่อเจ้านะ ใครก็ห้ามกล่าวว่าอันใด เจ้าเองก็ด้วย”  

 

 

พูดจนถึงตอนสุดท้าย เฉินยางเองไม่ได้ยินเสียงเขาแล้ว นางลุกออกมาจากอ้อมกอดเขา เช็ดน้ำตาจนแห้ง พูดด้วยความไม่ย่อท้อว่า “ท่านรอข้าที่นี่ ข้าจะออกไปหาสมุนไพรเอง ด้านหลังกระท่อมนี้เป็นภูเขา สมุนไพรบนภูเขาต้องมากมายแน่ ท่านพักผ่อนให้ดีอย่าขยับร่างกาย ครานี้ให้ข้าเป็นคนช่วยชีวิตท่านเอง”  

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 711 หน้าแดงทำไมกันข้ามิใช่ไม่เคยเห็นเสียหน่อย / 712 ไม่มีลูกทั้งหญิงชายข้าก็ตายไม่ได้หรอก

Now you are reading ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง Chapter 711 หน้าแดงทำไมกันข้ามิใช่ไม่เคยเห็นเสียหน่อย / 712 ไม่มีลูกทั้งหญิงชายข้าก็ตายไม่ได้หรอก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 711 หน้าแดงทำไมกันข้ามิใช่ไม่เคยเห็นเสียหน่อย  

 

 

เฉินยางรู้สึกว่าตนนั้นช่างเป็นคนไร้ค่า ไม่มีประโยชน์อันใดเลย ไม่เพียงช่วยเขาไม่ได้ ยังต้องให้เขาช่วยเหลือนางทุกหนแห่ง ตอนนี้แม้แต่ดูแลเขานางเองยังซุ่มซ่ามยิ่งนัก นางเองยังรังเกียจตัวเองเลย ราวกับขยะที่ไร้ประโยชน์  

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋นั่งลงขัดสมาธิ ดึงเฉินยางมานั่งกับตน มือหนึ่งที่เต็มไปด้วยเลือดยกมาปิดบังสายตานางเอาไว้ กระซิบเสียงเบาใกล้หูนาง “ปิดตาเจ้าไว้เสีย จงลืมเรื่องที่เคยพบเห็นไปเสียให้หมด”  

 

 

“ข้าลืมไม่ได้…และไม่อยากลืมด้วย” นางจับมือเขาเอาไว้ ไม่อยากลืม แต่กลับไม่กล้าลืมตาเช่นกัน น้ำตาที่ไหลพรากทำให้แพขนตานางเปียกชุ่มไปหมด ดังนั้นฝ่ามือของเฝิงเยี่ยไป๋ก็เลยเปียกไปด้วยน้ำตานาง เพื่อปกป้องนางเขาเลยต้องบาดเจ็บสาหัส นางจะทำใจให้ลืมบาดแผลทั้งกายนี้ของเขาได้อย่างไรกัน  

 

 

“ลืมไม่ได้ก็ต้องลืม” เขายื่นอีกมือไปข้างหลังตน คลำไปเจอก้านธนู เขาขมวดคิ้วลังเลพักใหญ่ ก่อนจะจับไว้มั่น ขบกรามแน่นแล้วดึงออกมาอย่างสุดแรง  

 

 

เฉินยางได้ยินเสียงเขาครางต่ำคราหนึ่ง จึงรีบดึงมือเขาที่ปิดตานางอยู่ลงทันที เมื่อเปิดตาอีกครั้งจึงเห็นธนูเปื้อนเลือดในมือของเขา ยามที่ดึงธนูออกมาเจ็บกว่ายามถูกยิงเข้าไปมากนัก เนื้อที่อยู่ด้านในก็ถูกกระชากออกมาด้วย นั่นมันจะเจ็บเพียงใดกันนะ แค่คิดก็เพียงพอที่จะทำให้คนขมวดคิ้วได้แล้ว แต่เขากลับไม่ร้องออกมาสักคำ  

 

 

เดิมทีสามีภรรยานั้นถือเป็นคนเดียวกัน เขาบาดเจ็บ แม้มิได้เจ็บที่กายนาง แต่เจ็บลึกไปถึงทรวง นางกัดฟันหักธนูทิ้งด้วยอารมณ์โกรธแล้วโยนออกไป “ฮ่องเต้องค์นี้เป็นดั่งปีศาจทำร้ายผู้คน สมน้ำหน้าแล้วที่จะมีคนแก่งแย่งทั้งใต้หล้ากับเขา ทั้งตระกูลล้วนมีแต่ความคิดเลวทราม ไม่มีผู้ใดดีเลย วันๆ เอาแต่คิดวิธีลอบกัดผู้อื่น ทั้งยังใช้วิธีชั่วร้ายถึงเพียงนี้ ช่างไม่กลัวเวรกรรมคืนสนองเลยหรือ”  

 

 

บิดานางเป็นถึงอาจารย์ แต่เล็กล้วนพร่ำสอนแค่ตำรานักปราชญ์ การสั่งสอนในตระกูลนางต้องไม่ได้ย่ำแย่แน่นอน มากน้อยก็คงซึมซับเข้าโสตประสาทบ้าง และก็เป็นเพราะในสมองนางมีแต่เรื่องมารยาทและความรู้สึกผิดชอบชั่วดี จึงกล่าวคำผรุสวาทไม่เป็นเลย คำพูดเหล่านี้เกรงว่าจะเป็นคำพูดที่นางผรุสวาทออกมาตำหนิผู้อื่นได้รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่แต่งงานกับเขามาเลยกระมัง หากไม่ใช่เพราะเกลียดคนที่ทำร้ายเขาจนถึงที่สุด ก็คงไม่โกรธจนถึงเพียงนี้  

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋รู้สึกชื่นชมนางยิ่งนัก ภรรยาตนนี้ก็ยังนับว่ามิเสียแรงที่เอ็นดู แต่ตอนนี้หากเอ่ยคำนี้ไปยังนับว่าเร็วไปนัก ธนูนั้นดึงออกมาแล้วก็จริงแต่พิษยังคงอยู่ในร่างกาย อยู่ในโลหิตเขา ไหลไปตามเส้นเลือดทุกเส้นในร่างกาย หากไม่รักษาในทันการณ์ ไม่เกินสิบสองชั่วยาม มิต้องรบกวนให้ฮ่องเต้ส่งคนมาสังหารอีก เขาจะต้องตายเพราะพิษเป็นแน่แท้  

 

 

เฉินยางอยากจะทึ้งเสื้อผ้าออกมาเช็ดร่างกายเขานัก บาดแผลด้านหลังของเขานั้นเขาดูแลด้วยตนเองไม่ได้ นางต้องช่วยทำความสะอาด แต่นางไร้เรี่ยวแรง อาภรณ์นี้ก็ช่างเหนียวแน่นเสียนี่กระไร ดึงทึ้งไปทั้งซ้ายขวาก็ยังถอดไม่ออก นางหันหลังให้เขา เริ่มถอดเสื้อผ้าออก  

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ที่ยังมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรงกำลังมองนางอยู่ ในใจเริ่มกังขา “นี่เจ้ากำลังทำอะไรกัน” ทั้งยังอดไม่ได้ที่จะเย้านาง “ตอนนี้แม้ข้าจะอยากทำมากเพียงใด แต่ก็มีแค่ใจทว่าไร้เรี่ยวแรงอยู่ดี”  

 

 

เฉินยางมิได้ตอบอันใด ถอดเสื้อตัวนอกออก เปลือยแผ่นหลังขาวนวลต่อหน้าเขา มือนั้นยังไม่หยุดมือ ต่อด้วยการถอดเอี๊ยมตัวในออก ขยำไว้ในมือไม่ให้เขาเห็น หลังจากนั้นจึงรีบสวมเสื้อผ้าไว้อย่างเดิม นางหน้าแดงก่ำ รีบนำเอี๊ยมตัวในโยนใส่ในอ่างไม้จนเปียกชุ่มแล้วบิดให้แห้ง หลังจากนั้นนำไปทำความสะอาดบาดแผลทุกอณูอย่างตั้งใจ  

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ยังมีแรงหยอกเย้านาง “หน้าแดงทำไมกัน ข้ามิใช่ไม่เคยเห็นเสียหน่อย”  

 

 

เฉินยางนั้นจะหัวเราะก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ใช่ที่ “นี่มันเวลาใดกันท่านยังจะ…อย่าเอ่ยอันใดอีกเลย ท่านรีบพักสักหน่อยเถิด ประเดี๋ยวข้าจะออกไปหายาสมุนไพรให้ท่าน”  

 

 

“หาสมุนไพรหรือ เจ้ารู้จักหรือว่าสมุนไพรหน้าตาเป็นอย่างไร”  

 

 

“ก่อนหน้าตอนที่อยู่กับหมออิ๋งโจว ข้าติดตามเขาจนได้รู้จักสมุนไพรไม่น้อย ข้าแม้จะโง่ไปหน่อย แต่เรียนรู้เร็วนัก ยาต่างๆ ข้าเองก็รู้จักอยู่ไม่น้อยเชียวล่ะ”  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 712 ไม่มีลูกทั้งหญิงชายข้าก็ตายไม่ได้หรอก  

 

 

เรียนรู้ไว้มากหน่อยก็ยังนับว่ามีข้อดี ก่อนหน้านี้อิ๋งโจวมีสอนความรู้นางไว้บ้าง บัดนี้นับว่าได้ใช้ประโยชน์แล้ว นางเช็ดแผลจากธนูของเขา เมื่อครู่นั้นทำใจมองไม่ได้จนไม่กล้าลืมตา ดังนั้นจึงมองไม่ชัด คราวนี้มองเห็นชัดเจนแล้ว พบว่าไม่ปกติแล้ว “โลหิตจากแผลของท่านนี้เหตุใดจึงเป็นสีดำเล่า เนื้อด้านข้างก็เริ่มเน่าแล้ว นี่มันเกิดอันใดขึ้นกัน”  

 

 

ยามนี้นางคงหลอกล่อยากเสียแล้ว เฝิงเยี่ยไป๋รู้ทันทีว่าโกหกนางไม่ได้อีกแล้ว แม้แต่ยาสมุนไพรนางยังรู้จักเลย ต่อให้ปดนางไปก็จะปดได้นานเท่าไรเล่า ทำได้เพียงตอบไปตามจริง “โดนพิษเข้าแล้ว ธนูที่พวกมันใช้นั้นอาบยาพิษเอาไว้”  

 

 

มือนางชะงักไปทันที “ตอนนั้นข้าถามท่านว่าเป็นอะไร ตอนที่ท่านไม่ยอมให้ข้าหันไปมองก็เพราะว่าโดนธนูใช่หรือไม่”  

 

 

เขาเอ่ยว่า “ใช่ ข้าไม่คิดว่าพวกมันจะอาบยาพิษไว้ที่ธนู วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ ไม่คิดว่าฮ่องเต้นั่นจะใช้ขณะที่ยังเรียนรู้อยู่”  

 

 

“เหตุใดท่านต้องปิดบังข้า”  

 

 

เสียงของเฝิงเยี่ยไป๋ต่ำลงมาก “ข้าคิดว่านั่นเป็นบาดแผลธรรมดา ไม่ได้คิดว่ามันสำคัญอันใด บอกเจ้าไป ก็มิใช่เกรงว่าเจ้าจะกังวลใจหรอกหรือ”  

 

 

น้ำเสียงเฉินยางแหลมสูงขึ้นมาทันที บอกไม่ถูกว่าโกรธเขาหรือโกรธตนเอง “อย่างนั้นท่านก็ควรบอกข้า ตอนนี้ข้าเห็นแล้วจะไม่โกรธหรือ ท่านบอกเองว่าสหายกันจะไม่มีทางปิดบังข้า คนโกหก!”  

 

 

“ได้ๆ ครานี้ข้าผิดเอง จะไม่มีหนต่อไปอีก”  

 

 

หนต่อไปหรือ ตอนนี้สิ่งที่เฉินยางกังวลคือสภาพเขาอย่างนี้ยังจะมีหนต่อไปอีกหรือ  

 

 

ราวกับเปลือกตานั้นหนักนับพันชั่ง ค่อยๆ ลืมตาไม่ขึ้นแล้ว เสียงนั้นจากไม่ค่อยมีแรงก็กลายเป็นละเมอพึมพำ  

 

 

เฉินยางเมื่อเอ่ยจบก็ไม่ได้ยินเสียงเขาอีก นางกดเบาๆ ไปที่หลังของเขาหนึ่งที “ท่านพูดสิ ข้าไม่ได้ล้อเล่นกับท่านนะ ครั้งหน้าหากมีเรื่องอันใดห้ามปิดบังข้าทำให้ข้าไม่สบายใจอีกรู้หรือไม่”  

 

 

“ท่านได้ยินหรือไม่”  

 

 

“ท่านพี่”  

 

 

“ท่านพี่ ท่านอย่าทำให้ข้าตกใจสิ ท่านพูดอะไรหน่อย”  

 

 

นางใช้มืออังจมูกของเขาอย่างระมัดระวัง พบว่าเขายังหายใจอยู่ ถึงแม้ว่าลมหายใจจะแผ่วเบายิ่งนัก แต่คนนั้นยังมีชีวิตอยู่ เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็สำคัญกว่าอะไรทั้งสิ้น นางหยิกแขนของเขาเสียทีหนึ่ง “ท่านพี่ ท่านห้ามหลับเด็ดขาด ข้า…ข้ามันไร้ประโยชน์ยิ่งนัก ไม่มีท่านแล้วข้าก็ทำอะไรไม่เป็นเลย ท่านลืมตาสิ พูดกับข้าสักหน่อยก็ยังดี อย่าหลับเด็ดขาด ข้า…ข้าจะไปหาสมุนไพรตอนนี้ ท่านลืมตาสิ ท่านอย่าทำแบบนี้ ท่านทำแบบนี้ข้ากลัวนะ”  

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ที่เพิ่งหลับตาถูกนางหยิกจนได้สติอีกครั้ง เขาลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย ลมหายใจแผ่วเบาดั่งเส้นไหม “ข้าไม่ตายหรอก…เจ้าบอกเองว่าจะคลอดลูกสาวให้ข้า ข้ายังมีลูกไม่ครบทั้งชายหญิงเลย ยังตายไม่ได้หรอก”  

 

 

เฉินยางโอบกอดเขาไว้อย่างระมัดระวัง พยายามอย่างยิ่งที่จะส่งพลังของตนไปให้เขา “หากคนที่บาดเจ็บเป็นข้าเองก็คงดี หากท่านสบายดีพวกเรายังพอมีความหวัง ข้าทำอะไรไม่ได้ดีเลย ท่านบาดเจ็บอย่างนี้ แม้แต่ท่านข้าก็ยังดูแลให้ดีไม่ได้ หากอาการบาดเจ็บทั้งหมดในร่างกายท่านส่งต่อมาให้ข้าได้ก็คงดี ข้ายินดีบาดเจ็บแทนท่าน ไม่อยากเห็นท่านทำเพื่อข้าแบบนี้”  

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ฝืนยกมือขึ้นลูบปลายจมูกนางอย่างแผ่วเบา “เจ้าโง่หรือ ข้าไม่ยอมหรอกนะ หากเจ้าป่วยแล้ว ข้าคงปวดใจยิ่งนัก ข้าเป็นลูกผู้ชายออกอย่างนี้ หากต้องตกต่ำจนให้ผู้หญิงมาปกป้องละก็ ถูกผู้อื่นรู้เข้าจะไม่หัวเราะเยาะที่ข้าไร้ความสามารถหรือ ข้ายินดีทำเพื่อเจ้านะ ใครก็ห้ามกล่าวว่าอันใด เจ้าเองก็ด้วย”  

 

 

พูดจนถึงตอนสุดท้าย เฉินยางเองไม่ได้ยินเสียงเขาแล้ว นางลุกออกมาจากอ้อมกอดเขา เช็ดน้ำตาจนแห้ง พูดด้วยความไม่ย่อท้อว่า “ท่านรอข้าที่นี่ ข้าจะออกไปหาสมุนไพรเอง ด้านหลังกระท่อมนี้เป็นภูเขา สมุนไพรบนภูเขาต้องมากมายแน่ ท่านพักผ่อนให้ดีอย่าขยับร่างกาย ครานี้ให้ข้าเป็นคนช่วยชีวิตท่านเอง”  

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+