ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 539 ลูกชายต่อกรได้ง่ายกว่าพ่อ / 540 หายไปทั้งสองคน

Now you are reading ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง Chapter 539 ลูกชายต่อกรได้ง่ายกว่าพ่อ / 540 หายไปทั้งสองคน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 539 ลูกชายต่อกรได้ง่ายกว่าพ่อ

 

 

จะบอกว่ากังวล ที่จริงแล้วก็ไม่มีสิ่งใดน่ากังวลนัก หากว่าแม้แต่มกุฎราชกุมารเขาก็ยังต่อกรไม่ได้ ชีวิตที่อยู่มาหลายปีก็เสียเปล่าแล้ว เพียงแต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ต่อให้ฮ่องเต้รอดได้ก็หมดอำนาจลงแล้ว ไม่อาจกลับมาที่ตำหนักไท่เหออีก มกุฎราชกุมารฝีมือเก่งกาจ หากตามที่เขาคาด ก้าวต่อไปก็จะบีบให้ฮ่องเต้สละตำแหน่งให้เขาแล้ว

 

 

ลูกชายย่อมต่อกรง่ายกว่าพ่อ มกุฎราชกุมารยังอยู่ในวัยหนุ่ม ขาดซึ่งประสบการณ์ ก็เพียงแค่เพิ่งได้ครองตำแหน่งยังมีไฟลุกโหมอยู่ รอให้พระองค์ผ่านเวลาไปเสียอีกหน่อย ความกระตือรือร้นในช่วงแรกหายไปก็จะค่อยๆ เผยจุดอ่อนออกมา

 

 

มกุฎราชกุมารกุมอำนาจราชกิจไม่ใช่ว่าใครๆ ก็เห็นดีเห็นงาม อย่างน้อยสำหรับพั่งไห่แล้วก็เหมือนดั่งเจอศัตรูตัวฉกาจ เขาทนปรนนิบัติอยู่ข้างพระกายมานานเช่นนี้ถึงมาอยู่ในตำแหน่งเช่นทุกวันนี้ หากมกุฎราชกุมารสืบราชสมบัติต่อจริงๆ คนที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้คนเก่าย่อมไม่อาจเก็บไว้ เขาก็ต้องเริ่มใหม่ ตามขั้นตอนเก่าๆ ค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นไป

 

 

หลี่เต๋อจิ่งนั้นได้ประจบเอาใจมกุฎราชกุมารนานแล้ว ขันทีจะมีจุดยืนอะไรได้อีก ใครมีอำนาจก็ติดตามใคร พวกเขาเป็นคนชั้นต่ำที่ปรนนิบัติคน ในมือมีงานให้ทำอยู่ ยังสามารถหาผลประโยชน์ได้เป็นพอ ส่วนใครจะเป็นเจ้านายนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเขามากนัก ก็เพียงแค่เปลี่ยนเจ้านายปรนนิบัติ จะปรนนิบัติใครมีความแตกต่างหรือ

 

 

พั่งไห่กลับไม่คิดเช่นนั้น เขาคิดเพียงจะเดินไปให้สุด อยู่กับเจ้านายจนคุ้นชิน ประคองเจ้านายจนได้ดี ดั่งที่ว่าคนหนึ่งได้ขึ้นสวรรค์ สัตว์ในบ้านก็ได้ขึ้นสวรรค์เช่นกัน ฮ่องเต้ยังไม่สิ้นพระชนม์ มกุฎราชกุมารจะกร่างเพียงใดก็เป็นเพียงตั๊กแตนหลังฤดูใบไม้ร่วง ได้ใจไม่นาน รอให้ฮ่องเต้หายแล้วก็ยังต้องคืนตำแหน่งอยู่ดีไม่ใช่หรือ

 

 

ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือจับเว่ยหมิ่น เขาไม่เชื่อว่าเว่ยหมิ่นลอบสังหารฮ่องเต้แล้วเฝิงเยี่ยไป๋จะไม่รู้เรื่องหรือไม่ได้แอบช่วยนางไว้ เขาเคยเตือนฮ่องเต้ว่าคนนี้เก็บไว้ไม่ได้มานานแล้ว เพียงแต่ฮ่องเต้ไม่ยอมฟัง สุดท้ายยังสั่งสอนเขาอีก ตอนนี้เป็นเช่นไร เสือเลี้ยงจนโตแล้ว สุดท้ายกลับทำร้ายตัวเองเสีย

 

 

น่าอวี้เป็นสายลับที่ฮ่องเต้แทรกไว้อยู่ข้างกายเฝิงเยี่ยไป๋ เพียงแต่ติดต่อนางไม่ได้มาระยะหนึ่งแล้ว ก่อนหน้านี้เขาก็สงสัยอยู่ว่าน่าอวี้ถูกเฝิงเยี่ยไป๋ดูออกแล้วหรือไม่ ไม่เช่นนั้นเรื่องใหญ่เช่นนี้ น้องชายของนางก็ยังอยู่ในมือตัวเอง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีข่าวใดๆ เลย ตอนนี้ก็ไม่กล้าไปถามให้ชัดเจน หากถูกเฝิงเยี่ยไป๋พบเข้าจริงๆ เขาไปตอนนี้ไม่เท่ากับเอาตัวเองติดกับดักหรือ

 

 

แนวหน้าสู้ศึกอย่างดุเดือด กำลังเสริมก็ยังมาไม่ถึงเสียที ด่านเอี้ยนหงใกล้จะถูกตีแตก ข้างหน้าแปดร้อยลี้ส่งสารด่วน หากดูตามเสบียงของพวกเขาแล้ว อย่างมากสุดอยู่ต่อได้อีกเพียงสามวัน หากยังไม่มีกำลังเสริม ด่านเอี้ยนหงก็จะรักษาไว้ไม่ได้แล้วจริงๆ

 

 

แผนของเฝิงเยี่ยไป๋ในตอนแรกคือให้ซู่อ๋องบุกไปแล้วถอย กระดูกดั่งเช่นราชสำนักไม่ใช่แทะได้ง่ายนัก เพียงแต่ในมือมกุฎราชกุมารไม่มีอำนาจสั่งการทหาร ไม่อาจเคลื่อนย้ายกองทัพมากมายเช่นนี้ได้ ดังนั้นพวกเขาถึงได้เปรียบ หากฮ่องเต้ฟื้นขึ้นมาเคลื่อนทหารล้อมเอาไว้ พวกเขายังจะเป็นดั่งเช่นตอนนี้ได้อย่างไร

 

 

เพียงแต่ในเมื่อบุกแล้ว เช่นนั้นก็ฉวยโอกาสที่ฮ่องเต้ยังไม่ฟื้น ในมือมกุฎราชกุมารยังไม่มีอำนาจที่แท้จริงบุกให้สะใจไปเลย ต่อให้ไม่อาจบุกครั้งเดียวถึงเมืองหลวงก็ต้องแทงราชสำนักให้เป็นรูให้ได้

 

 

พวกเขาสู้รบกัน เฝิงเยี่ยไป๋เข้าแทรกไม่ได้ ใต้ฟ้านี้ใครเป็นคนครองไม่เกี่ยวกับเขา เพียงแต่เมืองหลวงนั้นอยู่ไม่ได้แล้ว เขาได้วางแผนเอาไว้ กลับไปที่หรู่หนานทั้งครอบครัว ที่นั่นถึงจะเป็นบ้านของเขา ท่านอ๋องนี้เป็นแล้วช่างไม่สบายนัก ไม่สู้กลับไปอยู่กับลูกและภรรยามีความสุขไปทั้งชีวิต

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 540 หายไปทั้งสองคน

 

 

เว่ยหมิ่นยังหาไม่เจอ คนที่ตามเหลียงอู๋เย่ว์ไปก็บอกว่าเขาเข้าไปป่าที่อยู่ข้างทะเลสาบเป้เอ่อร์ พอเข้าไปแล้วก็เดินวนไปวนมา วนจนพวกเขาตามไม่ได้

 

 

คราวนี้ก็เป็นเรื่องแล้ว หายไปทั้งสองคน หากพบกับคนของฮ่องเต้เข้า ก็เท่ากับรอความตายได้เลย

 

 

ตามคนคนหนึ่งหลงได้ง่าย ตามคนกลุ่มหนึ่งก็คงจะไม่หลงแล้วกระมัง ในเมื่อพวกเขาหาเว่ยหมิ่นและเหลียงอู๋เย่ว์ไม่เจอ เช่นนั้นก็ขวางคนของฮ่องเต้ไม่ให้หาเจอเป็นพอ ขอเพียงไม่ตกอยู่ในพระหัตถ์ของฮ่องเต้ ก็มีชีวิตอยู่ต่อได้

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋จะไปก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพียงแต่คนทั้งจวนท่านอ๋องต้องมีที่อยู่ คนมากมายเช่นนี้ หากปล่อยออกไปทั้งหมด ปากของพวกเขานั้น เรื่องในจวนท่านอ๋องจะต้องถูกเปิดเผยเสียหมด เพียงแต่จะเก็บไว้ทั้งหมด เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้คนมากมายเช่นนี้ นับรวมกับคนที่หรู่หนาน ทั้งหมดมีถึงร้อยสองร้อยคน ไม่มีเหตุผลที่เขาจะสร้างบ้านให้คนพวกนี้อยู่ เขาไม่ใช่พ่อพระที่ช่วยเหลือคนทุกข์ยากลำบาก ความเป็นอยู่ของคนอื่น เขาไม่อยากจะยุ่งและก็ยุ่งไม่ได้

 

 

หลังจากที่เขากลับไปก็บอกเฉินยางเรื่องที่จะกลับหรู่หนาน ให้นางเลือกคนที่ใช้ถนัดมือกลับหรู่หนานไปด้วย ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ หากฮ่องเต้ไม่ฟื้น ซู่อ๋องจะบุกเข้าเมืองหลวงก็จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว

 

 

เฉินยางอยากจะกลับหรู่หนานนานแล้ว อยู่ในเมืองหลวงหวาดระแวงอยู่ทุกวัน ไม่สู้กลับหรู่หนานสบายใจเสียกว่า อีกอย่างตั้งแต่ที่นางมาที่เมืองหลวง ก็ไม่ได้เจอกับพ่อของนางอีกเลย ตอนนี้ครอบครัวอยู่กันครบ กลับไปก็พอดี สามารถให้เขาได้อุ้มหลานอย่างมีความสุข

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ให้นางเลือกคนที่จะพาไปด้วย ที่จริงแล้วข้างกายนางก็มีสาวใช้เพียงซั่งเหมยซั่งเซียงสองคน หากจะพาไปก็จะพาพวกนางสองคนไป เพียงแต่ยังต้องถามพวกนางว่ายินดีหรือไม่ หากไม่ยินดี นางก็ไม่อาจฝืนพวกนาง

 

 

ก่อนหน้านี้เฝิงเยี่ยไป๋จะส่งนางกลับหรู่หนานอยู่ นางก็เคยถามซั่งเหมยซั่งเซียง สองคนนั้นบอกว่ายินดีที่จะกลับไปกับนาง นางคิดว่าพวกนางพูดเพราะความเกรงใจ ครั้งนี้ที่ถามก็จริงจังเสียแล้ว มีท่าทีที่ไม่ล้อเล่น

 

 

ซั่งเหมยซั่งเซียงเห็นท่าทางของนางเช่นนี้ ก็เก็บรอยยิ้มกลับไป พยักหน้าไม่หยุด บอกว่ายินดี “เจ้านายท่านก็ได้เห็นแล้วว่าตอนนี้ในวังเป็นเช่นไร ต่อให้พวกเราอยากจะกลับก็กลับไปไม่ได้ อีกอย่างพวกเราพี่น้องเรียนรู้การปรนนิบัติคนอื่นตั้งแต่เด็ก จะปรนนิบัติใครก็ยังคงเป็นการปรนนิบัติไม่ใช่หรือ ปรนนิบัติท่านพวกเราก็ดีใจ พวกเรายินดีที่จะไปกับท่าน”

 

 

แม้จะเป็นบ่าว เพียงแต่อยู่ด้วยกันเป็นเวลานานเช่นนี้ เฉินยางรู้สึกว่า พวกนางกลับเหมือนพี่น้องยิ่งกว่า พวกนางยอมไปกับนางย่อมดีที่สุด เพียงแต่คิดไปอีกมุม พวกนางบอกจะไปก็ไป แล้วไทเฮาจะทำอย่างไร ไทเฮาอยู่ในวังคนเดียวไร้ที่พึ่งพิง จะให้นางอยู่โดดเดี่ยวเดียวดายหรือ

 

 

ปัญหาที่นางคิดได้นั้น เฝิงเยี่ยไป๋ย่อมนึกถึงอยู่แล้ว ความตั้งใจเดิมของเขาก็อยากจะพาไทเฮาไปด้วยกัน เพียงแต่ไทเฮาไม่ใช่คนธรรมดา ในวังมีบ่าวหรือนางกำนัลหายไปบ้างอาจจะไม่มีใครสังเกตเห็น เพียงแต่หากไทเฮาหายไป ไม่ต้องสืบก็รู้ว่าหนีไม่พ้นเขา ถึงยามนั้นก็ไปไม่ได้แล้ว

 

 

เฉินยางได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็นิ่งเงียบขึ้นมา นางกุมมือเขา มือเล็กๆ ไม่อาจกุมได้ทั้งหมด จึงได้แต่จับนิ้วของเขา นางถามว่า “อย่างไรเสียก็เป็นแม่แท้ๆ ของท่าน ที่จริงแล้วในใจท่านก็ไม่ได้แค้นนางแล้วใช่หรือไม่”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ตอบ ความรู้สึกของผู้ชายมักเก็บซ่อนเอาไว้ นอกเสียจากเขาจะยอมพูดออกมาเอง ไม่เช่นนั้นบังคับเขาไปก็ไม่มีประโยชน์

 

 

เขาไม่ยอมพูด ก็ใช่ ความเกลียดแค้นที่สะสมมาหลายปีจะคลายลงง่ายๆ ได้อย่างไร ต่อให้ในใจเขาอภัยให้แล้ว เพียงแต่ต่อหน้าก็ยังไม่อาจแสดงออกได้

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด