ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 329 คืนนี้ก็ให้นางมาปรนนิบัติแล้วกัน / 330 ไปห้องนอนท่านอ๋องแล้ว

Now you are reading ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง Chapter 329 คืนนี้ก็ให้นางมาปรนนิบัติแล้วกัน / 330 ไปห้องนอนท่านอ๋องแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 329 คืนนี้ก็ให้นางมาปรนนิบัติแล้วกัน

 

 

 

 

ใจผู้หญิงดั่งเข็มใต้ทะเล เว่ยหมิ่นเห็นละครที่เหล่าสนมเพื่อจะแย่งชิงคืนแห่งความสุขกันอย่างเอาเป็นเอาตายในวังจนชินเสียแล้ว จวนท่านอ๋องก็เฉกเช่นเดียวกับในวัง ไม่ต้องสนว่าเป็นใคร ระวังตัวไว้ไม่ผิดแน่ๆ

 

 

เฉินยางชอบน่าอวี้อยู่ เพียงแต่ได้ยินเว่ยหมิ่นพูดเช่นนี้ก็กระวนกระวายใจ น่าอวี้ไม่เหมือนเป็นคนเช่นนั้นเลย นางดีอยู่ อย่างน้อยในใจนางไม่เหมือนกับคนที่ไม่ประสงค์ดีเช่นนั้น เพียงแต่คำเตือนของเว่ยหมิ่นก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผลไปเสียหมด เป็นไปไม่ได้ที่นางจะเกลียดน่าอวี้โดยไร้เหตุผล นางคิดอยู่ในใจเล็กน้อยแล้วก็พยักหน้าฟังเอาไว้แล้ว

 

 

หลังงานแต่งจบลง ก็เป็นคืนร่วมหอแล้ว เฉาเต๋อหลุนมาถามเขา วันนี้อยากจะพักอยู่ที่ห้องพระชายารองคนใด เฝิงเยี่ยไป๋โกรธจนเขวี้ยงหนังสือไป “เหลวไหล สมองเจ้าถูกสุนัขกินเสียแล้วหรืออย่างไร ข้าแสดงให้คนนอกเห็นว่าป่วยจนลุกไม่ขึ้นแล้วยังจะต้องร่วมหออีก? ไสหัวไป!”

 

 

เฉาเต๋อหลุนโค้งคำนับด้วยความหวาดระแวง ไม่รู้จริงๆ ว่าความโกรธของเขามาจากที่ใด เขาเสี่ยงพูดขึ้นมาอีกว่า “ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ล้วนเป็นฝ่าบาทที่ส่งมาไม่อาจปฏิเสธได้ เพียงแต่สามารถเรียกคนหนึ่งมาปรนนิบัติอยู่ข้างกาย เพื่อให้เป็นมารยาท ถึงพระกรรณฝ่าบาท ก็จะอธิบายได้ไม่ใช่หรือ”

 

 

ความโกรธของเฝิงเยี่ยไป๋ยังไม่หายไป วันนี้เว่ยเฉินยางยิ้มหน้าแป้น ตั้งแต่ต้นจนจบวุ่นวายนานเช่นนี้แล้ว ถึงกับยังทนจนถึงที่สุด ไม่ได้แสดงความไม่พอใจใดๆ เลย นางดีใจเช่นนี้ เขากลับไม่ดีใจเสียแล้ว เจ้าเด็กนี่ไม่มีใจเลยจริงหรือ มองเขาแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นดีใจเช่นนี้เลยหรือ

 

 

ไม่ใช่ว่านางดีกับน่าอวี้หรือ ได้ นางดีใจ เช่นนั้นก็ให้สมดั่งที่นางหวัง ให้นางดีใจเพิ่มเสียอีกหน่อย

 

 

“ไปเรียกเจี่ยงน่าอวี้มา คืนนี้ก็ให้นางปรนนิบัติแล้วกัน”

 

 

อายุเช่นนี้แล้ว ยังทำตัวดั่งเด็กอีก เฉาเต๋อหลุนขานรับ ก็ให้บ่าวไปเชิญนางมาแล้ว

 

 

ต่างคนต่างรู้ว่าร่างกายเฝิงเยี่ยไป๋ไม่ดี แม้แต่เตียงก็ยังลงไม่ได้ ย่อมไม่มาเปิดผ้าคลุมหน้าของพวกนางอย่างแน่นอน เพียงแค่ส่งขันทีไปที่ห้องของแต่ละคน แล้วเอาไม้ไปเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวทั้งสามคน ถือเสียว่าทำพิธีแทนเขาไป

 

 

ที่จริงแล้วในใจของอีกสองคนที่เหลือก็ไม่ได้หวังอะไร พวกนางให้สาวใช้หมัวหมัวปรนนิบัติเก็บกวาดเรียบร้อยแล้วนอนไปอย่างรวดเร็ว มีเพียงน่าอวี้ นางเปลี่ยนชุดธรรมดา ยังคงจุดเทียนรออยู่ แผลบนตัวยังไม่หายสนิท พอถึงกลางคืนก็ค่อยๆ เจ็บขึ้นมา

 

 

อวี๋เอ๋อร์สงสารนาง นางหาวไปหลายครั้งกล่อมนางว่า “คุณหนู ให้บ่าวปรนนิบัติท่านนอนเสียก่อนเถิดท่านอ๋องป่วยถึงเช่นนั้นแล้ว จะมาได้อย่างไรอีก พรุ่งนี้เช้าพวกเราค่อยไปคำนับก็ได้เช่นกัน อย่างไรเสียก็แต่งเข้ามาแล้ว ยังขาดโอกาสที่จะได้เจอกันอีกหรือ”

 

 

น่าอวี้พูดอย่างมั่นใจว่า “เขามาไม่ได้แต่ข้าไปได้นี่ ในเมื่อแต่งเข้ามาแล้ว เช่นนั้นพวกเราจะว่างอยู่ไม่ได้ แม่นางสองคนนั้นคิดว่าคงยังไม่มีใจที่จะแย่งความรัก เฉินยางก็เป็นคนที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่มาหาเรื่องเอง ยามนี้เป็นโอกาสที่ดีของพวกเรา ไม่อาจบอกได้ว่ายึดหัวใจของเขามาได้ทั้งหมด แต่หากได้ความรักมาบ้างสักเล็กน้อย ก็ถือว่าไม่เหนื่อยเปล่า”

 

 

“เช่นนั้นท่านก็ระวังร่างกายเสียหน่อย แผลยังไม่หายดีเลย ฝืนอยู่เช่นนี้ ดูผิวดีๆ ของท่านสิ ทิ้งรอยแผลเอาไว้ก็ไม่น่ามองแล้ว ถึงยามนั้นคิดว่าท่านอ๋องคงจะไม่อยากจะมองท่านแล้ว”

 

 

“เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลนัก” ตั้งแต่ที่น่าอวี้เข้าประตูมา รอยยิ้มบนหน้าก็ไม่เคยหายไปเลย “เขาไม่เหมือนกับชายธรรมดาทั่วไป หากเขาเป็นคนที่มองเพียงภายนอก เว่ยเฉินยางจะสามารถแต่งงานกับเขาได้หรือ เขาเป็นผู้ที่มีความรู้มากมาย หญิงงามอะไรบ้างที่เขาไม่เคยเห็น สำหรับเขานั้น หน้าตาไม่ได้สำคัญเท่าความรู้ความสามารถ เจ้าคอยดูเถอะ ในเมื่อข้าแต่งเข้ามาอยู่ในจวนท่านอ๋องได้ ก็สามารถกุมอำนาจเอาไว้ได้”

 

 

 

 

——

 

 

ตอนที่ 330 ไปห้องนอนท่านอ๋องแล้ว

 

 

 

 

บางครั้งอวี๋เอ๋อร์ก็รู้สึกตัวเองโชคดีที่ได้อยู่กับเจ้านายดี น่าอวี้ฉลาด ยังมีความสามารถที่คาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้แม่นยำนัก ก็ไม่ใช่หรือ ความพยายามย่อมไม่ทำให้ใครผิดหวัง เฉาเต๋อหลุนมาเชิญนางให้ไปปรนนิบัติเฝิงเยี่ยไป๋แล้ว

 

 

น่าอวี้ไม่แสดงอาการประหลาดใจออกมา นางยิ้มให้เฉาเต๋อหลุน แสดงสีหน้าเขินอายยามเพิ่งไปห้องนอนครั้งแรกถามว่า “ผู้ดูแลใหญ่ ข้า…ข้าเพิ่งครั้งแรก ไม่รู้ว่าควรเตรียมอะไรบ้าง ได้ยินว่าท่านอ๋องป่วยหนัก มีสิ่งใดที่ต้องระวังหรือไม่ ข้าไม่ได้เป็นอะไรนัก เพียงเกรงว่าจะเสียมารยาทกับท่านอ๋อง เช่นนั้นจะเป็นโทษใหญ่หลวงเอาได้”

 

 

เฉาเต๋อหลุนโค้งตัวครึ่งหนึ่งพูดว่า “ที่ต้องระวังก็ไม่ได้มีอะไรนัก ยาของท่านอ๋องก็ได้ดื่มไปแล้ว ท่านคอยฟังคำสั่งอยู่ข้างๆ เป็นพอ เพียงแต่ท่านเป็นเจ้านาย ไม่เหมือนกับพวกเราที่เป็นบ่าว ท่านอ๋องสั่งให้ท่านทำสิ่งใด ท่านก็สั่งให้บ่าวไปทำเป็นพอ ขอเพียงเฝ้าท่านอ๋องเอาไว้ ท่านอ๋องก็ดีใจแล้ว”

 

 

น่าอวี้ไม่ได้แสดงออกอย่างสูงส่งนัก ได้ยินเขาพูดจบก็กล่าวขอบคุณ นางเรียกอวี๋เอ๋อร์ไปด้วยกัน แล้วเดิมตามเฉาเต๋อหลุนไปเลย

 

 

เพิ่งออกจากประตูหงเย่ว์เซวียน ก็เจอซั่งเหมย ซั่งเหมยเห็นน่าอวี้ ก็รีบย่อตัวลงคำนับเจ้านายใหม่ น่าอวี้ประคองนางขึ้นมาพูดว่า “ไม่ต้องมากพิธี” นางขมวดคิ้ว สีหน้ามีความละอายใจเล็กน้อย “ขอให้แม่นางกลับไปบอกพระชายา บอกว่าพรุ่งนี้เช้าข้าจะไปน้อมทักทายนาง เรื่องนี้พูดแล้วยาว ขอให้ข้าได้ค่อยๆ อธิบายให้นางฟัง”

 

 

ซั่งเหมยกล่าวว่าจะบอกให้แน่นอน จากนั้นก็มองส่งพวกนางไปที่ห้องนอนท่านอ๋อง

 

 

“นายหญิง! นายหญิง! นายหญิง!” คนยังมาไม่ถึงเสียงกลับถึงก่อนเสียแล้ว ได้ยินเสียงนี้ก็รู้ว่าเป็นซั่งเหมย เฉินยางวางผ้าปักลง แล้วพูดไปที่ประตูว่า “กลางคืนเช่นนี้ เจ้าเสียงเบาหน่อย”

 

 

ซั่งเหมยเปิดท่านเข้ามาแล้ว นางหอบหายใจเล็กน้อย แล้วพูดว่า “นายหญิง ท่านลองเดาดู เมื่อครู่ตอนที่บ่าวกลับมาได้เจอใครเข้า”

 

 

เฉินยางมองดูสีหน้าของนาง แสร้งทำเป็นตกใจว่า “เจ้าเจอผีเข้าให้แล้วหรือ”

 

 

ซั่งเหมยกระทืบเท้า ถุยไปสามครั้งแล้วพูด “อามิตตาพุทธ” จากนั้นขึ้นไปพูดว่า “ข้าเห็นแม่นางเจี่ยงแล้ว ไม่…ไม่ใช่ เป็นพระชายารองเจี่ยงแล้ว เป็นผู้ดูแลเฉานำไปด้วยตัวเอง ไปทางห้องนอนของท่านอ๋องแล้ว”

 

 

เฉินยางกระตุกในใจ ความรู้สึกเศร้าหมองค่อยๆ โผล่ขึ้นมา เขารู้ว่าน่าอวี้สนิทกับนาง ยังจะเรียกน่าอวี้ไปปรนนิบัติเขา จงใจหรือ เขาจะให้พวกนางหลังจากนี้อยู่อย่างไร เมื่อต้องเจอหน้าจะอึดอัดเพียงใด

 

 

ซั่งเหมยเห็นนางเหม่อลอย แล้วก็นึกถึงคำพูดของน่าอวี้ก็พูดอีกว่า “พระชายารองเจี่ยงพูดว่า พรุ่งนี้เช้าค่อยมาน้อมทักทายนายหญิง ถึงตอนนั้นจะค่อยๆ อธิบายให้ท่านฟัง”

 

 

ไม่มีสิ่งใดต้องอธิบาย ไม่ใช่ความผิดของนางเสียหน่อย เป็นนางที่เลือกเอง เห็นว่านางสวย มีมารยาทและอ่อนโยน ให้นางแต่งเข้ามาตัวเองก็จะได้มีเพื่อน ยามที่เพิ่งจะเลือกนั้น นางยังไม่ได้รู้สึกแย่ดั่งเช่นยามนี้ รู้สึกว่าไม่มีอะไรมากนัก ยังรู้สึกว่าเป็นตัวเองที่ใจแคบ ยามนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ในใจนางทั้งรู้สึกแย่และอึดอัด นางอยากจะร้องไห้ นางกะพริบตา จมูกเริ่มแดง นางรีบหันหน้าไปอีกทาง เสียงหม่นหมอง “รู้แล้ว ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าออกไปเถิด ข้าง่วงแล้ว อยากจะนอนแล้ว”

 

 

นายหญิงของพวกเราไม่รู้จักแย่งความรัก ทั้งๆ ที่รู้สึกน้อยใจ เพียงแต่กลับไม่ยอมพูดออกมา ยามนี้ก็ควรจะไปหาท่านอ๋องอย่างเปิดเผย จะทะเลาะหรือคุยกันดีๆ ก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือต้องให้ท่านอ๋องรู้ว่าในใจท่านมีเขาอยู่!

 

 

ซั่งเหมยเป็นกังวล นายหญิงผู้นี้ช่างน่าหงุดหงิดนัก ไม่เคยเห็นใครที่พูดไม่เป็นเท่านางเลย จะทิ้งความสุขต่างๆ ไม่เอาเสียทั้งหมดหลังจากนี้ก็ไม่ได้กระมัง ผู้ที่เป็นนายหญิงไม่เอาไหน พวกนางที่เป็นบ่าวยังจะหวังก้าวหน้าได้อย่างไร!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด