ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 261 เจ้านายแมว / 262 เหลือขาไว้ให้ข้า

Now you are reading ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง Chapter 261 เจ้านายแมว / 262 เหลือขาไว้ให้ข้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 261 เจ้านายแมว 

 

 

 

 

 

ในท้องพระโรงแต่ละคนต่างหวาดผวา นอกจากเฝิงเยี่ยไป๋ทุกคนต่างคิดเอาตัวรอด เมื่อครู่ฮ่องเต้ไม่ได้ฉวยโอกาสหาเรื่องเขา เช่นนี้แล้วอย่างน้อยก็ยืนยันเรื่องที่เขาคาดเดาเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ถูกต้อง เพียงแต่เขาต้องรู้ว่าในราชโองการเขียนอะไรอยู่ถึงจะรู้ว่าฮ่องเต้จะทำอะไรต่อไป ซึ่งก่อนจะถึงตอนนั้น เรื่องที่อยู่ในราชกิจ เขาก็พยายามอย่าได้เข้าร่วมจะเป็นการดี 

 

 

หลังจากที่เฉินยางส่งเงินให้อิ๋งโจวแล้ว ก็ไม่อยู่ต่ออีกนาน กลับไปก็ไม่มีอะไรทำ จึงเดินเล่นอยู่ที่ลาน ยังดีที่จวนท่านอ๋องนี้ใหญ่มาก เดินวนไปมาก็ไม่รู้สึกเบื่อ ที่ลานด้านหลังมีสาวใช้ไม่กี่คนว่างงานอยู่คุยเล่นกันที่นั่น เหล่าผู้หญิงรวมตัวกัน ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็ล้วนมีเรื่องให้พูดไม่จบสิ้น ที่จริงแล้วนางก็อยากจะเข้าไปคุยกับพวกนางด้วย เพียงแต่นางยังไม่ทันเดินเข้าไปใกล้ เหล่าสาวใช้นั้นก็ย่อตัวคำนับนางอย่างหวาดระแวง ปากก็พูดว่า “คารวะพระชายา” ด้วยความหวาดวิตกเล็กน้อย เหมือนกลัวนางจะกล่าวโทษเช่นนั้น 

 

 

นางพูดว่า “ไม่ต้องมากพิธี” ด้วยความเหนื่อยใจ ในใจเต็มไปด้วยความผิดหวัง มาถึงที่นี่นางก็กลายเป็นผีร้ายเสือร้ายไปแล้ว ฐานะก็ต่างไปอีกขั้น ตอนแรกก็ทำเอาคนอื่นยำเกรงแล้ว ยังเป็นเมื่อก่อนที่ดีกว่า อยากจะคุยกับใครก็ไม่ต้องหลบเลี่ยง ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เฝิงเยี่ยไป๋เริ่มเข้าฟังราชกิจแล้ว ฐานะของตนเองก็ต้องแสดงออกมาอยู่ตลอด สุดท้ายก็ล้มเลิกความคิดที่จะคุยกับพวกนาง จะได้ไม่ต้องให้พวกนางไม่สบายใจ 

 

 

นางกำลังจะไป แม่นางน้อยที่อยู่ในกลุ่มสามคนที่ดูไปแล้วอายุไล่เลี่ยกับนางก็ถามนางด้วยสีหน้าสงสัยว่า “สาวใช้ที่ปรนนิบัติอยู่ข้างตัวพระชายาเล่า ไม่ใช่ว่าควรจะรับใช้อยู่ข้างตัวหรือเพคะ” 

 

 

เฉินยางพูดว่า “ข้าไม่ได้ให้พวกนางตามมา” หนึ่งคือนางไม่ชินเวลาเดินแล้วมีคนเดินตาม สองคือสาวใช้สองคนนั้นไม่ชอบพูด นางอยากจะพูดคุยกับนางก็ไม่ได้ สุดท้ายจึงไม่ให้พวกนางตามมาเสียเลย จะได้ไม่ต้องไม่สบายใจ 

 

 

แม่นางคนนี้ก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ นางตอบเพียง “อ้อ” แล้วก็ถอยกลับไป เฉินยางยังคิดว่านางจะตามมาเสียอีก ที่แท้ก็ถามไปเท่านั้น จึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแล้วเดินจากไปเอง 

 

 

นางอยู่ที่จวนท่านอ๋องยังเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นแล้วเหล่าผู้หญิงที่อยู่ในวังไม่ใช่ว่าอึดอัดแทบตายหรอกหรือ ในวังแม้จะใหญ่กว่าจวนอ๋องอยู่มาก เพียงแต่ผู้หญิงเข้าไปแล้ว ชาตินี้ก็อย่าได้คิดจะออกมาอีกเลย แถมยังคิดจะทำร้ายใส่กันอยู่ทั้งวัน เช่นนั้นแล้วไม่ใช่ว่ามีชีวิตอยู่ไม่ได้เลยหรือ นางมีข้อดีตรงนี้ รู้จักปลอบตนเอง สามารถหาความสุขให้กับตนเองได้ ไม่ถึงกับเศร้าไปทั้งวันทั้งคืน 

 

 

ที่ลานด้านหลังจวนอ๋องได้ปลูกดอกไม้ดอกหญ้าไม่น้อย นางไม่ได้มีความสนใจกับสิ่งเหล่านี้ ดูดีคือดูดี แต่ก็ทำได้เพียงเชยชม ทำอะไรก็ไม่ได้ นางเงยหน้ามองพระอาทิตย์บนฟ้า อากาศเช่นนี้ช่างทรมานนัก อย่างไรเสียก็ไม่มีอะไรให้ทำ กลับไปนอนคงจะดีกว่า 

 

 

ตัวเองออกมาเดินเล่นรอบใหญ่ เรื่องน่าสนุกอะไรก็หาไม่เจอ กลับเป็นใบหน้าที่ถูกตากแดดจนแดง 

 

 

ขณะที่นางกำลังจะกลับไปนั้น ข้างหน้าจู่ๆ ก็มีเสียงความเคลื่อนไหวพึ่บพั่บ นางย่องเข้าไปดู ได้ยินเสียงฟ่อๆ นางแหวกพุ่มดอกไม้สองพุ่มที่อยู่ตรงนั้นออกแล้วมองดู ที่แท้ก็เป็นแมว ในปากยังคาบนกพิราบตัวหนึ่ง นกพิราบตัวนั้นยังตายไม่สนิท พยายามออกแรงตีปีกอยู่ 

 

 

เฉินยางหัวเราะหึๆ แมวตัวนี้เก่งเสียจริง นกพิราบที่บินอยู่บนฟ้านี้ก็ยังสามารถจับลงมาได้ หรือว่าจะเป็นปีศาจแมว กระนั้นอย่างน้อยนางก็เห็นเข้าแล้ว จะไม่ยุ่งก็ไม่ได้ นางจึงคว้าไม้เล็กๆ จิ้มไปที่แมวตัวนั้น “เจ้านายแมว ขอคุยกับเจ้าหน่อย เจ้าเมตตาปล่อยมันไปเถิด กลับไปแล้วข้าจะไปที่ห้องครัวเอาปลานึ่งให้เจ้าดีหรือไม่ นกพิราบนี้ไม่แน่อาจจะมาจากบ้านใครที่เลี้ยงเอาไว้ เจ้ากินมันอย่างนี้ กลับไปเจ้าของของมันหาไม่เจอจะด่าเสียทั้งตรอกเอา” 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

ตอนที่ 262 เหลือขาไว้ให้ข้า 

 

 

 

 

 

แมวไหนเลยจะรู้เรื่องที่นางพูดได้ มันรู้เพียงว่านางมาแย่งอาหาร จึงโก่งหลังตั้งท่า เตรียมจะพุ่งเข้ามาสู้กับนาง 

 

 

เฉินยางก็เบื่อเต็มทีแล้ว มีเจ้าตัวเล็กนี้เล่นกับนางก็ไม่เลว ตอนนั้นจึงเกิดความคิดที่จะเลี้ยงมันขึ้นมา จึงใช้ไม้จิ้มมันต่อ “ไม่ใช่ว่าไม่ให้เจ้ากิน แต่คือไม่ให้เจ้ากินของที่มีเจ้าของเช่นนี้ เจ้าไม่เห็นหรือว่าที่ขามันมีด้ายแดงมัดไว้อยู่ เจ้าเชื่อฟังเสียดีๆ มีคำพูดที่ว่าอะไรนะ อ้อใช่ เรียกว่าวางดาบฆ่าคน บรรลุธรรมเป็นพุทธะ ข้าว่าช่วยนกพิราบตัวหนึ่งดียิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น ทำความดีหลังจากตายแล้วถึงได้เกิดใหม่ดีๆ เจ้าไม่อยากเกิดเป็นคนในชาติต่อไปหรือ อย่างมากข้าชดเชยให้เจ้าก็แล้วกัน พวกเจ้าเป็นแมวไม่ใช่ว่าชอบกินปลาหรือ ข้าไปหาปลาให้เจ้ากินดีหรือไม่” 

 

 

หากเฝิงเยี่ยไป๋เห็นนางคุยกับแมวอยู่ที่นี่ คงจะคิดว่าสมองนางมีปัญหาแน่ๆ เพียงแต่ว่าสุนัขก็ยังสามารถฟังคำพูดของคนรู้เรื่อง แมวที่มีเก้าชีวิตนี้ก็ต้องฟังรู้เรื่องอย่างแน่นอน กินนกพิราบขนติดเต็มปาก ปลาที่ห้องครัวจัดการเรียบร้อยปลุงรสเข้าเนื้อยกมาก็กินได้ อันไหนดีอันนั้นแย่ มันยังแยกไม่ได้เชียวหรือ 

 

 

เพียงแต่เจ้าแมวไม่สนใจเลย ไม่พูดถึงว่าในสายตาเฝิงเยี่ยไป๋นางป่วยหรือไม่ อย่างไรเสียแมวตัวนี้ก็รู้สึกว่านางป่วย หากไม่ใช่ว่าเห็นนางตัวใหญ่เกินไป คาดว่าคงจะฆ่านางไปด้วยเลย 

 

 

เพียงแต่นกพิราบนั้นทนได้ไม่นาน ตอนนี้ก็สิ้นลมไปแล้ว ห้อยตัวอยู่ในปากของแมวแน่นิ่งไม่ขยับ เมื่อครู่เห็นเพียงขาข้างหนึ่งผูกด้ายแดงเอาไว้ ตอนนี้มันตายแล้ว ขาอีกข้างก็โผล่ออกมา คราวนี้ไม่ใช่แค่ด้ายแดง บนนั้นยังมีม้วนกระดาษมัดไว้อยู่ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นนกพิราบส่งสาร ก็ไม่รู้ว่าเป็นนกพิราบดวงซวยบ้านใด คาดว่าคงยังบินไม่ถึงที่หมาย เพียงแค่ลงมาพักระหว่างทาง ก็ถูกแมวตัวนี้จับได้เสียแล้ว 

 

 

เฉินยางถอนหายใจด้วยความจนใจ “เจ้าก่อเรื่องแล้วเจ้ารู้หรือไม่ นี่คือนกพิราบส่งสาร มันไปส่งจดหมาย เจ้ากลับทำตัวดี…” นางโยนไม้ทิ้งไปแล้วนั่งลงบนพื้น “จะกินก็รีบกิน กินให้สะอาด…ไม่ใช่สิ ตรงขาที่มีจดหมายผูกไว้อยู่เจ้าเหลือไว้ให้ข้าด้วย” 

 

 

แมวก็ไม่สนใจอีก มุดเข้าไปในพุ่มหญ้าที่ลึกกว่าเดิมแล้วกินมันเข้าไป เฉินยางก็นั่งรออยู่บนพื้น คนอยู่คนเดียวก็น่าเบื่อ นางจึงตะโกนใส่แมวว่า “พอได้แล้ว กินก็ได้กินแล้ว เจ้ายังมัวมาละเลียดลิ้มรสอีก” และนางก็เตือนด้วยความไม่วางใจว่า “อย่าลืมขาที่ข้าต้องการเล่า ตรงขาไม่มีเนื้อ อย่างน้อยเจ้าก็เหลือไว้ให้ข้าด้วย” นางรออยู่เช่นนี้ประมาณชั่วหนึ่งก้านธูป[1] สุดท้ายฝั่งนั้นก็มีความเคลื่อนไหว เจ้าแมวกินอย่างสบายใจแล้ว จึงบิดขี้เกียจค่อยๆ เดินออกมา พอเห็นนาง ก็ร้องเมี้ยวแล้วกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ข้างๆ  

 

 

เฉินยางรีบเข้าไปดู ว่าแล้วเหลือซากอยู่เต็มพื้น นางท่องอามิตตาพุทธ เจ้านกพิราบดีๆ ตัวหนึ่งก็ถูกฆ่าไปเสียเช่นนั้นแล้ว พอมองไปอีก ยังถือว่าแมวตัวนี้ไม่เลว ขายังเหลือไว้อยู่ ก็ไม่รู้ว่าเป็นจดหมายสำคัญหรือไม่ ล่าช้าไปแล้วจะเป็นอะไรหรือไม่ 

 

 

นางแก้จดหมายจากขานกพิราบออกมาแล้วเปิดดู ในนั้นเขียนประโยคหนึ่งอย่างไม่มีหัวไม่มีท้ายว่า ‘หากมีความเคลื่อนไหวไม่ชอบมาพากล รีบรายงาน’ ดูผิวเผินแล้วเข้าใจไม่ยาก แต่พอมาคิดดูดีๆ นกพิราบนี้ล้วนจำบ้านตัวเองได้ หากจะพักระหว่างทางก็คงไม่หยุดอยู่ที่บ้านคนอื่นแน่ พักอยู่บนกิ่งไม้อะไรไม่ได้หรือ ไฉนถึงได้มาลงที่จวนอ๋องเสียเล่า 

 

 

ช่างน่าประหลาดนัก อย่างไรเสียสมองของนางนี้ก็คงคิดไม่ออกแล้ว รอเฝิงเยี่ยไป๋กลับมาค่อยให้เขาดูแล้วกัน นางพับจดหมายเก็บเข้าในเสื้อไว้อย่างดี นางหาแมวตัวนั้นไม่เจอ อากาศก็ยังร้อนอีก นางจึงกลับไปก่อน 

 

 

  

 

 

——- 

 

 

[1] เวลาชั่วหนึ่งก้านธูป เทียบเท่าเวลาปัจจุบันประมาณ 15 นาที 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด