ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 599 ไม่ก็ข้าฆ่าคน ไม่ก็เจ้าไปกับข้า / 600 นับว่าเป็นบุตรชายที่บิดาแท้ๆ เลี้ยงดูมาจริงๆ

Now you are reading ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง Chapter 599 ไม่ก็ข้าฆ่าคน ไม่ก็เจ้าไปกับข้า / 600 นับว่าเป็นบุตรชายที่บิดาแท้ๆ เลี้ยงดูมาจริงๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 599 ไม่ก็ข้าฆ่าคน ไม่ก็เจ้าไปกับข้า

 

 

คนเรานี่นะ เพื่อจะมีชีวิตรอดแล้วอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น เขาข่มขู่น่าอวี้ น่าอวี้ก็ย้อนกลับมาข่มขู่เขา ล้วนแต่ต้องการมีชีวิตต่อไปดีๆ ทั้งสิ้น แต่ระหว่างคนทั้งสองประนีประนอมได้แค่เรื่องเดียว ไม่เช่นนั้นก็ต้องหาโอกาสบุกไปข้างหน้าเสียสินะ

 

 

“เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่มีอะไรต้องกลัว เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าทำอะไรเจ้าหรือ ใช่อยู่ ในมือของเจ้าคือของที่เขาต้องการ แต่หากเจ้ายังปกปิดเอาไว้ไม่ยอมเปิดเผยออกมา ถ้าเช่นนั้นข้าเก็บเจ้าไว้ก็ไม่มีประโยชน์” เขายกดาบขึ้นมาชี้ไปยังน่ายงที่อยู่ในอ้อมกอดของอวี๋เอ๋อร์ “ข้าว่าถ้าเช่นนั้นข้าเริ่มลงดาบที่เด็กคนนี้ก่อนดีกว่า ฝีดาบข้าเป็นเลิศ กรีดเข้าทีละดาบกรีดไปกี่ร้อยสิบแผลก็รับประกันได้ว่าเขาจะไม่สิ้นชีพ มิเป็นไรหรอก ข้ามีเวลาให้เจ้าคิดอีกมาก ข้าคิดดูก่อนได้เลย ข้าจะกรีดก่อนสักหนึ่งแผล พวกเราเอาที่หนึ่งร้อยเป็นหลัก เจ้าค่อยๆ คิด ไม่รีบร้อน”

 

 

นี่มันไม่ใช่การประหารชีวิตด้วยการตัดชิ้นส่วนหรอกหรือ น่าอวี้ฟังแล้วตับไหวใจสั่น พอหวั่นไหวขึ้นมาแล้วก็เริ่มไอขึ้นมาอีก ขวางทางดาบเอาไว้ “ท่านกล้า! หากท่านกล้าทำอะไรน้องชายข้า ข้าจะไม่ยอมจบเรื่องนี้แน่! ถึงเวลานั้นหากท่านเฉือนไปกี่แผลข้าก็จะเฉือนท่านให้เท่ากัน!”

 

 

พั่งไห่ไม่ตกหลุมนาง นางยิ่งขวางทางไว้ไม่ให้เขาขยับ เขาก็ยิ่งจะลงมือให้นางเห็น ไม่เช่นนั้นนางก็จะแยกเรื่องหนักเรื่องเบาเรื่องช้าเรื่องเร็วไม่ออก

 

 

น่าอวี้ชอบเฝิงเยี่ยไป๋น่ะใช่ แต่เมื่อเทียบกับน้องชายที่กำเนิดจากมารดาเดียวกันแล้ว เฝิงเยี่ยไป๋หาได้สำคัญไม่ เมื่อช่างน้ำหนักแล้ว อย่างไรน่ายงก็สำคัญกว่า

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋รอบคอบอยู่แล้ว เรื่องภายในนางก็ทราบไม่มาก ดังนั้นต่อให้นางสะบัดอย่างไรก็สะบัดอะไรไม่ออก ในหุบเขาป่าลึกเช่นนี้คงไม่มีใครช่วยพวกนางได้ นอกจากพึ่งพาตนเอง ไร้ซึ่งหนทางอื่น

 

 

“เจ้าจะทะเลาะกับข้าต่อไปแบบนี้ก็ไม่มีอะไรดี ข้าเองก็ไม่ได้มีความอดทนขนาดนั้น ให้เวลาเจ้าหนึ่งก้านธูปแล้วกัน ไม่ก็ข้าฆ่าคน ไม่ก็เจ้าไปกับข้า”

 

 

เมื่อเขาพูดจบก็ปักธูปหนึ่งดอกไว้บนพื้นจริงๆ สะพายดาบแล้วนั่งลงรอด้านข้าง หรี่ตามองมาที่น่าอวี้เป็นพักๆ ครางหึในลำคอสองทีราวกับกำชัยชนะไว้ในกำมือแล้ว

 

 

อวี๋เอ๋อร์กอดน่ายงเอาไว้ ร้องไห้คร่ำครวญโผมาทางน่าอวี้ ถามนางว่าจะทำเยี่ยงไรดี

 

 

น่าอวี้ในสมองตอนนี้เหมือนกวนแป้งเหนียวเอาไว้ เงียบไปครู่ใหญ่จึงเดินไปเด็ดธูปให้ดับเสีย “ไม่ต้องรอนานถึงเพียงนั้น เจ้าไม่ได้จะให้ข้ากลับเมืองหลวงหรือ ได้ ท่านให้อวี๋เอ๋อร์พาน้องชายข้าไปเสีย แล้วข้าก็จะไปกับท่าน เมื่อกลับไปแล้วก็อย่าตามหาพวกเขาอีก หากเพียงท่านทำได้ ข้าก็จะช่วยท่านล้มเฝิงเยี่ยไป๋ซะ”

 

 

พั่งไห่เด็ดเอากิ่งไม้มาสีขี้ฟัน เหล่ตามองอวี๋เอ๋อร์ รับปากอย่างรวดเร็ว “ข้าเอาพวกนางไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าฉลาดถึงเพียงนี้ ฮ่องเต้นั้นทรงมีพระประสงค์เพียงบ้านเมืองสงบสุข หากเจ้ายอมบอกเรื่องที่เจ้ารู้แก่ฮ่องเต้ ข้ารับรองเลยว่าน้องชายเจ้าจะปลอดภัย”

 

 

น่าอวี้อย่างไรเสียก็ตัวคนเดียว ไม่มีใครหนุนหลัง และก็ไม่มีใครร่วมรับผิดชอบด้วย นางตัวคนเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งสังหารบุตรชายสุดที่รักของเจี่ยงเหว่ยที่คิดไม่ซื่อกับนาง ทั้งยังทำให้ตระกูลเจี่ยงยอมควักสินเดิมของตระกูลให้นางแต่งเข้าจวนเฝิงเยี่ยไป๋อีก นางทำตั้งหลายเรื่องด้วยตัวนางเองแล้ว จะเพิ่มอีกสักเรื่องหรือน้อยไปสักเรื่องก็ไม่ขาดแค่หนนี้หรอก

 

 

อีกอย่าง เฝิงเยี่ยไป๋เป็นคนเห็นด้วยที่ปล่อยนางไป คงต้องมีแผนที่รอบคอบและรัดกุมเป็นแน่ เฝิงเยี่ยไป๋มองนางออกแต่แรก ข้อมูลที่นางรู้นั้นจึงทำอะไรเฝิงเยี่ยไป๋ไม่ได้

 

 

พั่งไห่เกรงว่านางจะคิดไม่ซื่อจึงไม่กล้าชักช้า รีบร้อนพาคนกลับไปเดินทางทั้งวันทั้งคืน ค่ำคืนยาวนานความฝันยิ่งมาก [1] ยิ่งถามให้ชัดได้เร็วเท่าไร ก็ยิ่งวางใจได้เร็วขึ้นเท่านั้น

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 600 นับว่าเป็นบุตรชายที่บิดาแท้ๆ เลี้ยงดูมาจริงๆ

 

 

ฮ่องเต้น้อยเพิ่งขึ้นครองราชย์ไม่นาน ผู้คนในราชสำนักจิตใจยังไม่มั่นคงนัก คนพวกนั้นเคารพเขาแค่เพียงเปลือกนอก แท้จริงแล้วในใจนั้นดูหมิ่นยิ่งนัก เมื่อซู่อ๋องถือโอกาสโจมตีแล้ว อานผิงและอานชิ่งรีบนำกองทัพเรือมุ่งหน้าไปทางเหนือ เมื่อผ่านด่านซื่อซุ่ยตามแม่น้ำต้าอวิ้น ใกล้เมืองหลวงเข้ามาทุกที ในวังวุ่นวายถึงเพียงนี้ ข้างนอกนั่นก็ไม่อาจมองข้ามได้ เฉินตานก็ร่วมมือกับแคว้นใกล้เคียงเอาแค่ก่อกวนอยู่นอกด่าน ในวังแท้จะมีกำลังทหารมาก แต่ก็กระจายกำลังกันออกไป ที่ใช้ได้ รบได้จริงนั้นก็มีไม่กี่คน

 

 

ฮ่องเต้น้อยนั้นหาทางเอาอำนาจคืนมาจากมือของเฝิงเยี่ยไป๋มิได้ ทำได้เพียงหาทางลัด นอกด่านมิใช่มีเรื่องวุ่นให้ไม่สบายใจหรอกหรือ ถ้าเช่นนั้นก็ส่งเขาไปบัญชาการเสียแล้วกัน อยู่ว่างๆ ไม่ทำอะไรรับเงินเดือนเสียเปล่าได้ที่ไหนกันเล่า

 

 

ทางด้านทัพเรือนั้น ฮ่องเต้พระองค์ก่อนตอนยังมีพระชนม์ชีพ เฝิงเยี่ยไป๋เคยถูกเขาส่งไปสืบสถานการณ์ อ๋องทั้งสองนั้นมีกำลังทหารเท่าใด เรือกี่ลำ บนเรือบรรทุกดินปืนไว้เท่าใดล้วนรายงานชัดเจนทั้งสิ้น เพียงแต่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนนั้นยังไม่ได้ได้เก็บกวาดก็ถูกเว่ยหมิ่นแทงคอเสียทะลุ หลังจากนั้นระหว่างกันเกิดเรื่องอันใดขึ้นก็ไม่มีใครทราบได้ อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าก้าวข้ามขื่อนี้ไป หลังทรงสะบัดผมเปียสวรรคตเสียแล้ว พอมาถึงฮ่องเต้พระองค์นี้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งนัก รับมือไม่ไหว ในที่สุดก็คิดได้ว่าจะเริ่มลงมือกับพวกเขา

 

 

ทัพเรือเมื่อไม่ได้ใช้การเสียนานแต่ละด้านก็ขึ้นสนิมเสียแล้ว ในวังก็ล่าถอยไปมาก กี่ครั้งแล้วที่ถวายฎีกาขอเพิ่มกำลังคนแต่หนทางก็ไม่ราบรื่นเลย รอจนฎีกาถึงมือฮ่องเต้จริงทัพเรือคงเหลือคนที่จะรบได้ไม่พอที่จะเอาชนะข้าศึกแล้ว

 

 

ซู่อ๋องนั้นส่งสาสน์มาหาเฝิงเยี่ยไป๋ ถามว่าพระราชโองการของฮ่องเต้พระองค์ก่อนอยู่ที่ใด ฮ่องเต้น้อยครองแผ่นดินจะปกครองแผ่นดินไปอย่างไรก็ไม่มีใครทราบ ไม่แค่ขุนนางในวังรู้สึกว่าไม่เหมาะสม แม้แต่ไพร่ฟ้าก็ไม่เชื่อในเขา เวลานี้หากนำพระราชโองการออกมาได้ ให้เขายึดครองแผ่นดินกลับมาก็จะนับว่าไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ขณะที่ได้รับสาสน์จากซู่อ๋องนั้นก็ได้รับราชโองการจากฮ่องเต้พอดี ราชโองการว่ามีเรื่องวุ่นวายนอกด่าน ให้เขาไปปกครอง และระบุว่าเขาต้องไปคนเดียวเท่านั้น ยังถือโอกาสแต่งตั้งยศขึ้นมาเฉยๆ วิธีนี้ไม่ต่างกับฮ่องเต้พระองค์ก่อนเลย แค่อยากจะบีบคนในตระกูลเขา ให้รู้สึกว่าแม้มีแรงแต่ก็หาใช้ได้ไม่ ทำได้เพียงต้องรับราชโองการอย่างเชื่อฟัง

 

 

เฉินยางยังโกรธเขาอยู่เลย กลับมาพอได้ยินเรื่องนี้เข้า เรื่องก่อนหน้าที่เคยโกรธเคืองก็สลายหายไปดั่งหมอกควัน ส่งไปปกครองนอกด่านก็ว่าไปแต่กลับไม่ใช้แม้แต่ทหารหรือเหล่าผู้ติดตาม อย่างนี้ไม่เท่ากับว่าส่งเขาไปตายหรอกหรือ

 

 

ช่างนับว่าสืบเชื้อสายกันมาโดยแท้ วิธีอดกลั้นน้ำเน่าไว้เต็มท้องไม่มีที่ระบายนี้ช่างสืบทอดกันมาทุกรุ่นเสียจริง ไม่เปลี่ยนไปเลย

 

 

เฉินยางอุ้มเสี่ยวจินอวี๋เข้ามาในห้องเดินไปเดินมา สักพักก็ถามซั่งเหมยว่าเฝิงเยี่ยไป๋กลับมาหรือยัง พอเขากลับมาแล้วนางก็ทำไม่ใคร่สนใจ แกล้งรอที่ประตูและยังแสร้งว่าบังเอิญเจอเขาพอดี จึงเอ่ยไปด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ว่า “วันนี้กลับมาได้เร็วนี่”

 

 

เคืองใจกันมาหลายวัน วันนี้นับว่ายอมเอ่ยปากพูดคุยกับเขาแล้ว เฝิงเยี่ยไป๋รั้งเอวนางเข้ามา โอบเดินเข้าไปในห้อง “ไม่โกรธข้าแล้วรึ ยอมพูดกับข้าแล้วหรืออย่างไร”

 

 

“ข้ามิได้ใจแคบเพียงนั้น แล้วก็ไม่ได้โกรธท่านด้วย” นางอุ้มเสี่ยวจินอวี๋ไปวางในเปล หมุนตัวกลับมาถามน้ำเสียงจริงจังว่า “ฮ่องเต้ให้ท่านไปรบใช่หรือไม่”

 

 

มือของเฝิงเยี่ยไป๋ที่กำลังรินชาถึงกับหยุดชะงักไปทันที “เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน”

 

 

 

 

——

 

 

[1] ค่ำคืนยาวนาน ความฝันยิ่งมาก ( 夜 长梦多 )  เปรียบว่าเวลายิ่งยืดเยื้อต่อไป สถานการณ์อาจจะแย่ลงหรือเปลี่ยนไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 599 ไม่ก็ข้าฆ่าคน ไม่ก็เจ้าไปกับข้า / 600 นับว่าเป็นบุตรชายที่บิดาแท้ๆ เลี้ยงดูมาจริงๆ

Now you are reading ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง Chapter 599 ไม่ก็ข้าฆ่าคน ไม่ก็เจ้าไปกับข้า / 600 นับว่าเป็นบุตรชายที่บิดาแท้ๆ เลี้ยงดูมาจริงๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 599 ไม่ก็ข้าฆ่าคน ไม่ก็เจ้าไปกับข้า

 

 

คนเรานี่นะ เพื่อจะมีชีวิตรอดแล้วอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น เขาข่มขู่น่าอวี้ น่าอวี้ก็ย้อนกลับมาข่มขู่เขา ล้วนแต่ต้องการมีชีวิตต่อไปดีๆ ทั้งสิ้น แต่ระหว่างคนทั้งสองประนีประนอมได้แค่เรื่องเดียว ไม่เช่นนั้นก็ต้องหาโอกาสบุกไปข้างหน้าเสียสินะ

 

 

“เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่มีอะไรต้องกลัว เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าทำอะไรเจ้าหรือ ใช่อยู่ ในมือของเจ้าคือของที่เขาต้องการ แต่หากเจ้ายังปกปิดเอาไว้ไม่ยอมเปิดเผยออกมา ถ้าเช่นนั้นข้าเก็บเจ้าไว้ก็ไม่มีประโยชน์” เขายกดาบขึ้นมาชี้ไปยังน่ายงที่อยู่ในอ้อมกอดของอวี๋เอ๋อร์ “ข้าว่าถ้าเช่นนั้นข้าเริ่มลงดาบที่เด็กคนนี้ก่อนดีกว่า ฝีดาบข้าเป็นเลิศ กรีดเข้าทีละดาบกรีดไปกี่ร้อยสิบแผลก็รับประกันได้ว่าเขาจะไม่สิ้นชีพ มิเป็นไรหรอก ข้ามีเวลาให้เจ้าคิดอีกมาก ข้าคิดดูก่อนได้เลย ข้าจะกรีดก่อนสักหนึ่งแผล พวกเราเอาที่หนึ่งร้อยเป็นหลัก เจ้าค่อยๆ คิด ไม่รีบร้อน”

 

 

นี่มันไม่ใช่การประหารชีวิตด้วยการตัดชิ้นส่วนหรอกหรือ น่าอวี้ฟังแล้วตับไหวใจสั่น พอหวั่นไหวขึ้นมาแล้วก็เริ่มไอขึ้นมาอีก ขวางทางดาบเอาไว้ “ท่านกล้า! หากท่านกล้าทำอะไรน้องชายข้า ข้าจะไม่ยอมจบเรื่องนี้แน่! ถึงเวลานั้นหากท่านเฉือนไปกี่แผลข้าก็จะเฉือนท่านให้เท่ากัน!”

 

 

พั่งไห่ไม่ตกหลุมนาง นางยิ่งขวางทางไว้ไม่ให้เขาขยับ เขาก็ยิ่งจะลงมือให้นางเห็น ไม่เช่นนั้นนางก็จะแยกเรื่องหนักเรื่องเบาเรื่องช้าเรื่องเร็วไม่ออก

 

 

น่าอวี้ชอบเฝิงเยี่ยไป๋น่ะใช่ แต่เมื่อเทียบกับน้องชายที่กำเนิดจากมารดาเดียวกันแล้ว เฝิงเยี่ยไป๋หาได้สำคัญไม่ เมื่อช่างน้ำหนักแล้ว อย่างไรน่ายงก็สำคัญกว่า

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋รอบคอบอยู่แล้ว เรื่องภายในนางก็ทราบไม่มาก ดังนั้นต่อให้นางสะบัดอย่างไรก็สะบัดอะไรไม่ออก ในหุบเขาป่าลึกเช่นนี้คงไม่มีใครช่วยพวกนางได้ นอกจากพึ่งพาตนเอง ไร้ซึ่งหนทางอื่น

 

 

“เจ้าจะทะเลาะกับข้าต่อไปแบบนี้ก็ไม่มีอะไรดี ข้าเองก็ไม่ได้มีความอดทนขนาดนั้น ให้เวลาเจ้าหนึ่งก้านธูปแล้วกัน ไม่ก็ข้าฆ่าคน ไม่ก็เจ้าไปกับข้า”

 

 

เมื่อเขาพูดจบก็ปักธูปหนึ่งดอกไว้บนพื้นจริงๆ สะพายดาบแล้วนั่งลงรอด้านข้าง หรี่ตามองมาที่น่าอวี้เป็นพักๆ ครางหึในลำคอสองทีราวกับกำชัยชนะไว้ในกำมือแล้ว

 

 

อวี๋เอ๋อร์กอดน่ายงเอาไว้ ร้องไห้คร่ำครวญโผมาทางน่าอวี้ ถามนางว่าจะทำเยี่ยงไรดี

 

 

น่าอวี้ในสมองตอนนี้เหมือนกวนแป้งเหนียวเอาไว้ เงียบไปครู่ใหญ่จึงเดินไปเด็ดธูปให้ดับเสีย “ไม่ต้องรอนานถึงเพียงนั้น เจ้าไม่ได้จะให้ข้ากลับเมืองหลวงหรือ ได้ ท่านให้อวี๋เอ๋อร์พาน้องชายข้าไปเสีย แล้วข้าก็จะไปกับท่าน เมื่อกลับไปแล้วก็อย่าตามหาพวกเขาอีก หากเพียงท่านทำได้ ข้าก็จะช่วยท่านล้มเฝิงเยี่ยไป๋ซะ”

 

 

พั่งไห่เด็ดเอากิ่งไม้มาสีขี้ฟัน เหล่ตามองอวี๋เอ๋อร์ รับปากอย่างรวดเร็ว “ข้าเอาพวกนางไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าฉลาดถึงเพียงนี้ ฮ่องเต้นั้นทรงมีพระประสงค์เพียงบ้านเมืองสงบสุข หากเจ้ายอมบอกเรื่องที่เจ้ารู้แก่ฮ่องเต้ ข้ารับรองเลยว่าน้องชายเจ้าจะปลอดภัย”

 

 

น่าอวี้อย่างไรเสียก็ตัวคนเดียว ไม่มีใครหนุนหลัง และก็ไม่มีใครร่วมรับผิดชอบด้วย นางตัวคนเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งสังหารบุตรชายสุดที่รักของเจี่ยงเหว่ยที่คิดไม่ซื่อกับนาง ทั้งยังทำให้ตระกูลเจี่ยงยอมควักสินเดิมของตระกูลให้นางแต่งเข้าจวนเฝิงเยี่ยไป๋อีก นางทำตั้งหลายเรื่องด้วยตัวนางเองแล้ว จะเพิ่มอีกสักเรื่องหรือน้อยไปสักเรื่องก็ไม่ขาดแค่หนนี้หรอก

 

 

อีกอย่าง เฝิงเยี่ยไป๋เป็นคนเห็นด้วยที่ปล่อยนางไป คงต้องมีแผนที่รอบคอบและรัดกุมเป็นแน่ เฝิงเยี่ยไป๋มองนางออกแต่แรก ข้อมูลที่นางรู้นั้นจึงทำอะไรเฝิงเยี่ยไป๋ไม่ได้

 

 

พั่งไห่เกรงว่านางจะคิดไม่ซื่อจึงไม่กล้าชักช้า รีบร้อนพาคนกลับไปเดินทางทั้งวันทั้งคืน ค่ำคืนยาวนานความฝันยิ่งมาก [1] ยิ่งถามให้ชัดได้เร็วเท่าไร ก็ยิ่งวางใจได้เร็วขึ้นเท่านั้น

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 600 นับว่าเป็นบุตรชายที่บิดาแท้ๆ เลี้ยงดูมาจริงๆ

 

 

ฮ่องเต้น้อยเพิ่งขึ้นครองราชย์ไม่นาน ผู้คนในราชสำนักจิตใจยังไม่มั่นคงนัก คนพวกนั้นเคารพเขาแค่เพียงเปลือกนอก แท้จริงแล้วในใจนั้นดูหมิ่นยิ่งนัก เมื่อซู่อ๋องถือโอกาสโจมตีแล้ว อานผิงและอานชิ่งรีบนำกองทัพเรือมุ่งหน้าไปทางเหนือ เมื่อผ่านด่านซื่อซุ่ยตามแม่น้ำต้าอวิ้น ใกล้เมืองหลวงเข้ามาทุกที ในวังวุ่นวายถึงเพียงนี้ ข้างนอกนั่นก็ไม่อาจมองข้ามได้ เฉินตานก็ร่วมมือกับแคว้นใกล้เคียงเอาแค่ก่อกวนอยู่นอกด่าน ในวังแท้จะมีกำลังทหารมาก แต่ก็กระจายกำลังกันออกไป ที่ใช้ได้ รบได้จริงนั้นก็มีไม่กี่คน

 

 

ฮ่องเต้น้อยนั้นหาทางเอาอำนาจคืนมาจากมือของเฝิงเยี่ยไป๋มิได้ ทำได้เพียงหาทางลัด นอกด่านมิใช่มีเรื่องวุ่นให้ไม่สบายใจหรอกหรือ ถ้าเช่นนั้นก็ส่งเขาไปบัญชาการเสียแล้วกัน อยู่ว่างๆ ไม่ทำอะไรรับเงินเดือนเสียเปล่าได้ที่ไหนกันเล่า

 

 

ทางด้านทัพเรือนั้น ฮ่องเต้พระองค์ก่อนตอนยังมีพระชนม์ชีพ เฝิงเยี่ยไป๋เคยถูกเขาส่งไปสืบสถานการณ์ อ๋องทั้งสองนั้นมีกำลังทหารเท่าใด เรือกี่ลำ บนเรือบรรทุกดินปืนไว้เท่าใดล้วนรายงานชัดเจนทั้งสิ้น เพียงแต่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนนั้นยังไม่ได้ได้เก็บกวาดก็ถูกเว่ยหมิ่นแทงคอเสียทะลุ หลังจากนั้นระหว่างกันเกิดเรื่องอันใดขึ้นก็ไม่มีใครทราบได้ อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าก้าวข้ามขื่อนี้ไป หลังทรงสะบัดผมเปียสวรรคตเสียแล้ว พอมาถึงฮ่องเต้พระองค์นี้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งนัก รับมือไม่ไหว ในที่สุดก็คิดได้ว่าจะเริ่มลงมือกับพวกเขา

 

 

ทัพเรือเมื่อไม่ได้ใช้การเสียนานแต่ละด้านก็ขึ้นสนิมเสียแล้ว ในวังก็ล่าถอยไปมาก กี่ครั้งแล้วที่ถวายฎีกาขอเพิ่มกำลังคนแต่หนทางก็ไม่ราบรื่นเลย รอจนฎีกาถึงมือฮ่องเต้จริงทัพเรือคงเหลือคนที่จะรบได้ไม่พอที่จะเอาชนะข้าศึกแล้ว

 

 

ซู่อ๋องนั้นส่งสาสน์มาหาเฝิงเยี่ยไป๋ ถามว่าพระราชโองการของฮ่องเต้พระองค์ก่อนอยู่ที่ใด ฮ่องเต้น้อยครองแผ่นดินจะปกครองแผ่นดินไปอย่างไรก็ไม่มีใครทราบ ไม่แค่ขุนนางในวังรู้สึกว่าไม่เหมาะสม แม้แต่ไพร่ฟ้าก็ไม่เชื่อในเขา เวลานี้หากนำพระราชโองการออกมาได้ ให้เขายึดครองแผ่นดินกลับมาก็จะนับว่าไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ขณะที่ได้รับสาสน์จากซู่อ๋องนั้นก็ได้รับราชโองการจากฮ่องเต้พอดี ราชโองการว่ามีเรื่องวุ่นวายนอกด่าน ให้เขาไปปกครอง และระบุว่าเขาต้องไปคนเดียวเท่านั้น ยังถือโอกาสแต่งตั้งยศขึ้นมาเฉยๆ วิธีนี้ไม่ต่างกับฮ่องเต้พระองค์ก่อนเลย แค่อยากจะบีบคนในตระกูลเขา ให้รู้สึกว่าแม้มีแรงแต่ก็หาใช้ได้ไม่ ทำได้เพียงต้องรับราชโองการอย่างเชื่อฟัง

 

 

เฉินยางยังโกรธเขาอยู่เลย กลับมาพอได้ยินเรื่องนี้เข้า เรื่องก่อนหน้าที่เคยโกรธเคืองก็สลายหายไปดั่งหมอกควัน ส่งไปปกครองนอกด่านก็ว่าไปแต่กลับไม่ใช้แม้แต่ทหารหรือเหล่าผู้ติดตาม อย่างนี้ไม่เท่ากับว่าส่งเขาไปตายหรอกหรือ

 

 

ช่างนับว่าสืบเชื้อสายกันมาโดยแท้ วิธีอดกลั้นน้ำเน่าไว้เต็มท้องไม่มีที่ระบายนี้ช่างสืบทอดกันมาทุกรุ่นเสียจริง ไม่เปลี่ยนไปเลย

 

 

เฉินยางอุ้มเสี่ยวจินอวี๋เข้ามาในห้องเดินไปเดินมา สักพักก็ถามซั่งเหมยว่าเฝิงเยี่ยไป๋กลับมาหรือยัง พอเขากลับมาแล้วนางก็ทำไม่ใคร่สนใจ แกล้งรอที่ประตูและยังแสร้งว่าบังเอิญเจอเขาพอดี จึงเอ่ยไปด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ว่า “วันนี้กลับมาได้เร็วนี่”

 

 

เคืองใจกันมาหลายวัน วันนี้นับว่ายอมเอ่ยปากพูดคุยกับเขาแล้ว เฝิงเยี่ยไป๋รั้งเอวนางเข้ามา โอบเดินเข้าไปในห้อง “ไม่โกรธข้าแล้วรึ ยอมพูดกับข้าแล้วหรืออย่างไร”

 

 

“ข้ามิได้ใจแคบเพียงนั้น แล้วก็ไม่ได้โกรธท่านด้วย” นางอุ้มเสี่ยวจินอวี๋ไปวางในเปล หมุนตัวกลับมาถามน้ำเสียงจริงจังว่า “ฮ่องเต้ให้ท่านไปรบใช่หรือไม่”

 

 

มือของเฝิงเยี่ยไป๋ที่กำลังรินชาถึงกับหยุดชะงักไปทันที “เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน”

 

 

 

 

——

 

 

[1] ค่ำคืนยาวนาน ความฝันยิ่งมาก ( 夜 长梦多 )  เปรียบว่าเวลายิ่งยืดเยื้อต่อไป สถานการณ์อาจจะแย่ลงหรือเปลี่ยนไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+