ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 679 หากเทียบกับบ้านเมืองแล้วข้ารักเจ้ามากกว่า / 680 ฮ่องเต้ทรงมีความคิดไม่ดีอีกแล้ว

Now you are reading ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง Chapter 679 หากเทียบกับบ้านเมืองแล้วข้ารักเจ้ามากกว่า / 680 ฮ่องเต้ทรงมีความคิดไม่ดีอีกแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 679 หากเทียบกับบ้านเมืองแล้วข้ารักเจ้ามากกว่า  

 

หากอยากจะให้ร้ายใครสักคนเป็นเรื่องที่ง่ายดายจริงๆ พูดจนกลับดำเป็นขาว ทั้งยังหาคนมาดำเนินเรื่องเสียหน่อย ปลอมหลักฐานเสียด้วย อย่างไรเสียพระองค์ก็ทรงเป็นถึงฮ่องเต้ พระองค์อยากจะสวมหมวกข้อหาอะไรให้กับเฝิงเยี่ยไป๋ก็ได้ทั้งนั้น  

 

ข้อนี้เฝิงเยี่ยไป๋คาดเดาได้นานแล้ว เขากลับมาคราวนี้ช่างเป็นการหักหน้าพระองค์ยิ่งนัก ทำให้เขาเสียหน้าต่อหน้าพวกเสนาบดีขุนนางทั้งหลาย ทั้งยังต่อปากต่อกรต่อหน้าสาธารณชนอีก ไม่ได้เห็นพระองค์อยู่ในสายตาเลย หากว่ากันตามนิสัยของฮ่องเต้แล้ว คงไม่ยอมกลืนความโกรธนี้ลงไปง่ายๆ แน่ หลายวันมานี้ยามออกว่าราชการก็วิวาทะกับเขาไม่หยุด ลับหลังต้องมีแผนร้ายอะไรแน่ เวลาที่ต้องอดทนยิ่งนานวันเข้า หมวกโทษทัณฑ์ที่เขาถูกสวมอยู่ก็ยิ่งมีขนาดใหญ่ตามไปด้วย หมวกอันนี้หากสวมไว้บนศีรษะใครแล้วต้องตายสถานเดียว  

 

ในใจเฝิงเยี่ยไป๋นั้นแน่วแน่นัก วันที่กลับมาก็เริ่มให้บ่าวในบ้านเริ่มเก็บของแล้ว ร้านค้าหลายร้านในเมืองหลวงก็ปิดเสีย เงินกำไรที่ได้จากร้านค้าก็ให้คนวิ่งไปร้านแลกเงิน แลกออกมาเป็นตั๋วเงินจำนวนหนึ่ง เงินสดจำนวนหนึ่ง ในบ้านก็ให้คนทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว บ่าวพวกนี้เดิมทีก็ถูกเขาโยกย้ายไปแล้วส่วนใหญ่ ส่วนที่เหลือแม้จะน้อยแต่เก่งกาจนัก ล้วนไม่ปัญญาทึบ หากเพียงสั่งการอะไรไป มือเท้าล้วนคล่องแคล่ว ไม่ถึงสองวันก็เก็บกวาดเสียสิ้น นอกเสียจากเฉินยาง นางไม่สบายใจเลย วันๆ เอาแต่รอคอยเสี่ยวจินอวี๋กลับมา  

 

เฝิงเยี่ยไป๋ปลอบใจนางว่า “เจ้าต้องเชื่อข้า ข้าเคยทำให้เจ้าผิดหวังหรือ เจ้าวางใจเถิด ข้าจะต้องนำลูกชายกลับมาได้แน่นอน”   

 

เฉินยางพิงอกของเขา ฟังเสียงหัวใจเขาเต้นเสียงดัง นางเองจึงค่อยสบายใจขึ้น “คนที่เป็นฮ่องเต้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนชั่วที่ความดีงามถูกสุนัขกัดกินไปเสียจนหมด ในวังหลวงดีถึงเพียงนั้นเลยหรือ เป็นฮ่องเต้ดีอย่างนั้นเลยหรือ ไม่ว่าจะมีผลหรือไม่มีผลต่อบัลลังก์มังกร แค่มีร่องรอยนิดหน่อยเขาก็ล้วนแล้วแต่สังหารสิ้น บิดาก็เยี่ยงนี้ บุตรก็เยี่ยงนี้ ฮ่องเต้สามารถทำตัวไร้กฎหมายเช่นนี้ได้หรือ แม้แต่เด็กก็ไม่ละเว้น หากเปิดเผยออกไปจะให้ราษฎรมองพระองค์อย่างไรกันเล่า พูดออกไปแล้วน่าฟังหรือ”   

 

เฝิงเยี่ยไป๋ก้มหน้าลงชนจมูกนางเบาๆ “รอเจ้าได้ลิ้มรสประโยชน์ของอำนาจบ้างเจ้าก็รู้เอง ว่าทำไมผู้คนมากมายจึงยอมเสี่ยงชีวิตหรือแม้แต่ยอมตายเพื่อมัน”   

 

“แล้วท่านเล่า” นางกุมใบหน้าเขาเอาไว้ คราวก่อนตอนข้าโกนหนวดให้จนได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ยังมีรอยแผลเป็นเล็กๆ อยู่เลย นางเองลูบไปทีละนิ้วๆ แต่กลับมีจุดอ่อนอยู่ที่ตอหนวดเล็กๆ นั่น “ท่านไม่ชอบอำนาจหรือ ไม่ใช่ว่าทุกคนชอบหรือ ชอบความรู้สึกที่ได้เอาชนะคนทั้งปวงได้ ให้ท่านยอมแพ้เช่นนี้ ท่านยอมหรือ”   

 

เขาใช้ปลายคางถูหน้านางพลางเขยิบเข้าใกล้นาง นางยิ่งกระถดตัวออกไป สุดท้ายไม่มีที่หลบแล้ว ตอนที่ใบหน้าแนบชิดเข้าด้วยกัน ได้ยินเขาพูดข้างหูว่า “มีคนบางประเภท ไม่ต้องการพลังอำนาจที่อยู่เหนือผู้อื่นที่สูงส่งหรอก ข้าไม่ต้องการอยู่เหนือผู้ใด แต่ว่าหากข้าต้องการ ข้าก็ไม่ขาดคนที่ยอมจำนนต่อข้าหรอก อีกอย่างโลกใบนี้ยังมีสิ่งที่ทำให้คนบ้าคลั่งมากกว่าอำนาจ คุ้มค่านักที่จะละทิ้งอำนาจเพื่อสิ่งนั้น”   

 

เฉินยางถามต่อ “คือเงินใช่หรือไม่ คนอยากได้อำนาจไม่ใช่เพราะว่าอยากได้เงินหรือ”   

 

เขาบอกว่า “ไม่ใช่หรอก คือความรักต่างหาก”   

 

“แต่ข้าไม่เคยได้ยินเลยนะว่ามีฮ่องเต้องค์ไหนยอมละทิ้งบัลลังก์เพื่อความรัก”   

 

“นั่นคงเป็นเพราะว่ารักไม่มากพอ” เขาอ้าปากงับนิ้วชี้นางเอาไว้ “เช่นข้าอย่างไรเล่า ข้าว่า หากนำเจ้ามาเปรียบเทียบกับทั้งใต้หล้านี้ ข้ายังคงเลือกเจ้า หากมีวันใดที่ข้าเป็นผู้ครอบครองทั้งแผ่นดินนี้ แต่ไม่อาจมีเจ้าอยู่เคียงข้างกัน มีแผ่นดินนี้ไป ข้าก็ไม่มีความสุขหรอก ไม่มีใครไม่รักอำนาจไม่รักแผ่นดิน แต่เมื่อเทียบกับสิ่งเหล่านี้แล้ว ข้ารักเจ้ามากกว่า”   

 

 

 

 

 

ตอนที่ 680 ฮ่องเต้ทรงมีความคิดไม่ดีอีกแล้ว  

 

ผู้หญิงล้วนอยากฟังคำหวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับใดๆ ในใต้หล้า ตนนั้นยังอยู่จัดวางไว้สูงกว่าคำหวานใด นางเองไม่รู้ว่าตนนั้นได้รับใจชายผู้นั้นมา ยังไม่รู้ด้วยว่าอย่างไหนถึงจะเป็นความสำเร็จที่สุด นางไม่รู้เลยว่าตนนั้นน่ารักเพียงใด นั่นถึงจะเรียกว่าน่ารักจริงๆ  

 

ยังดีที่นางใส่ใจเรื่องที่เฝิงเยี่ยไป๋กำชับเป็นอย่างมาก เมื่อใกล้จะถึงระยะเวลาสิบวันที่กำหนด สุดท้ายนางก็หาพบว่าเสี่ยวจินอวี๋ถูกกักขังไว้ที่ใด  

 

ไม่ไกลจากตำหนักเย็น เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึง ฮ่องเต้มอบให้แม่นมสองคนมาดูแล ด้านนอกมีองครักษ์ไม่กี่คนคอยเฝ้า ด้วยเกรงว่าจะดึงดูดสายตาผู้คนเกินไป คนเฝ้าจึงมีไม่มาก แต่นางจำได้ ล้วนเป็นองครักษ์ที่ถูกลดขั้นลดตำแหน่งก่อนหน้านี้ ฮ่องเต้นั้นไม่เชื่อในคนกลุ่มนั้นที่เคยอยู่ข้างกายฮ่องเต้พระองค์ก่อน หรือบางทีอาจจะหวั่นเกรงว่าเรื่องที่ตนลอบสังหารฮ่องเต้พระองค์ก่อนจะถูกผู้อื่นรู้เข้า ดังนั้นคนของฮ่องเต้พระองค์ก่อน เขาไม่เก็บไว้แม้แต่คนเดียว บางคนนั้นฆ่าไปก็เสียดายนัก จึงมอบงานที่ไม่สำคัญแก่พวกเขา ก็เหมือนงานอย่างนี้ที่เป็นงานที่ไม่ต้องใช้วิทยายุทธ์หรือออกแรงเลย พวกเขามีความสามารถมากอยู่แล้ว ซึ่งก็เข้าทีอยู่  

 

คนนั้นนางหาเจอแล้ว ระหว่างนั้นก็ถูกผู้อื่นดูแคลนอยู่หลายที ที่นี่เป็นที่ต้องห้าม หากเข้ามาก็ต้องเจออุปสรรคเยอะมากโข ใช้เงินไปไม่น้อยทั้งยังถูกพวกขันทีเอาเปรียบเข้าให้อีก ในกรณีนี้นางทุ่มเทไปมิใช่น้อย เฝิงเยี่ยไป๋ให้นางหาคนเท่านั้น ตอนนี้คนหาเจอแล้ว เรื่องอื่นก็ไม่เกี่ยวข้องกับนางแล้ว  

 

วันนี้ฮ่องเต้จัดงานเลี้ยงฉลองที่สวนดอกไม้ บนเทียบเชิญนั้นเขียนว่าเนื่องจากจะเข้าสู่ฤดูเหมันต์แล้ว ประจวบกับตอนนี้เป็นช่วงปลายปี จึงอยากเชิญฮูหยินขุนนางทุกท่านเข้าวังมาร่วมฉลองกับไทเฮา หลังจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนสิ้นแล้ว ไทเฮาทรงคิดมากจนล้มป่วยลง ทำให้ทั้งตำหนักดูเงียบเหงามาก พอดีกับช่วงนี้ที่เป็นเทศกาล คงพอจะทำให้ในวังนั้นคึกคักขึ้นมาบ้าง  

 

เฉินยางก็เพิ่งได้รับเทียบเชิญปิดทองที่ในวังส่งมา ลองวางในมือแล้วรู้สึกว่าหนักพอดู นางเปิดออกอย่างระมัดระวัง รู้สึกได้ว่าในนั้นมีอะไรผิดปกติอยู่  

 

เฝิงเยี่ยไป๋กลับมาแล้วเห็นเทียบเชิญนั้นหน้าเขาก็ถมึงทึงด้วยความโกรธ สุดท้ายหยิบขึ้นมาแล้วโยนลงบนโต๊ะแรงๆ เสียทีหนึ่ง กัดฟันยิ้มเยาะ “ฮ่องเต้ทรงปรารถนาให้ข้าตายเสียจริง คงจะรอไม่ได้แล้วแม้แต่นาทีเดียวกระมัง”  

 

“หมายความว่าอย่างไรกัน” ใจนางสั่นสะท้าน “ข้ารู้ว่าเข้าวังนั้นไม่มีอะไรง่ายดาย หากแต่ฮ่องเต้คงไม่ได้ทรง…อยากให้จะข้าเข้าไปแล้วกักตัวข้าไว้กระมัง”  

 

เฝิงเยี่ยไป๋ประคองไหล่นาง ตัดสินใจแล้วว่าจะลองใจฮ่องเต้ดูเสียหน่อย “ข้าให้เฉาเต๋อหลุนตอบไปแล้ว งานเลี้ยงวันนี้ไปไม่ได้”  

 

เฉินยางกังวลใจไม่น้อย “ไม่ไปได้หรือ หากฮ่องเต้ทรงลงโทษที่ท่านดูถูกพระองค์เล่า..อีกอย่างหนึ่ง วันนี้ท่านไม่อยู่ เซวียฮูหยินให้คนมาส่งจดหมาย บอกว่าเสี่ยวจินอวี๋นั้นหาพบแล้ว แต่ท่านเคยบอกมิใช่หรือ วังหลวงหาใช่สวนหลังบ้านเราไม่ หากต้องการช่วยคนสักคนออกมานั้นยากแสนยาก หากข้าไปแล้ว ท่านก็ยังมีข้ออ้างอยู่ในวังต่อได้ ความคิดแม้จะฟังดูอันตรายสักหน่อย แต่ก็ดีกว่าไม่มีแผนอะไรเลย  

 

ช่างตรงกันข้ามกับเจตนาของเฝิงเยี่ยไป๋เหลือเกิน บุตรชายนั้นเขาเองไม่ได้ดูแลอย่างทั่วถึง ทำให้ตกอยู่ในอันตราย แต่ภรรยานั้นอยู่ข้างกาย อยู่ในสายตาเขา เขาจะให้นางไปเสี่ยงในวังหลวงไม่ได้ เขาเป็นลูกผู้ชาย หากแม้แต่ผู้หญิงของตนยังปกป้องไม่ได้ ตนจะต่างอะไรกับตัวไร้ประโยชน์เล่า  

 

“ไม่ได้” เขาปฏิเสธเสียงแข็ง “งานเลี้ยงนั้นเป็นเพียงฉากหน้า หากเจ้าไปย่อมไม่มีทางกลับมาได้อีก หากถึงตอนนั้นข้าช่วยเสี่ยวจินอวี๋ออกมาได้แล้ว แต่ยังต้องกลับไปช่วยเจ้า นอกจากจะช่วยไม่ได้แล้วยังจะเพิ่มภาระให้ข้าอีก ฉะนั้นเจ้าไปไม่ได้”  

 

เฉินยางกอดแขนเขาเอาไว้ “เช่นนั้นท่านว่าจะทำอย่างไรดีเล่า ข้าเห็นว่าท่านเองก็ลำบาก ตอนนี้พวกเราโดดเดี่ยวไร้พันธมิตร ฮ่องเต้เอาแต่คิดจะสังหารท่าน ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้วว่าจะทำอย่างไรดี”  

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 679 หากเทียบกับบ้านเมืองแล้วข้ารักเจ้ามากกว่า / 680 ฮ่องเต้ทรงมีความคิดไม่ดีอีกแล้ว

Now you are reading ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง Chapter 679 หากเทียบกับบ้านเมืองแล้วข้ารักเจ้ามากกว่า / 680 ฮ่องเต้ทรงมีความคิดไม่ดีอีกแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 679 หากเทียบกับบ้านเมืองแล้วข้ารักเจ้ามากกว่า  

 

หากอยากจะให้ร้ายใครสักคนเป็นเรื่องที่ง่ายดายจริงๆ พูดจนกลับดำเป็นขาว ทั้งยังหาคนมาดำเนินเรื่องเสียหน่อย ปลอมหลักฐานเสียด้วย อย่างไรเสียพระองค์ก็ทรงเป็นถึงฮ่องเต้ พระองค์อยากจะสวมหมวกข้อหาอะไรให้กับเฝิงเยี่ยไป๋ก็ได้ทั้งนั้น  

 

ข้อนี้เฝิงเยี่ยไป๋คาดเดาได้นานแล้ว เขากลับมาคราวนี้ช่างเป็นการหักหน้าพระองค์ยิ่งนัก ทำให้เขาเสียหน้าต่อหน้าพวกเสนาบดีขุนนางทั้งหลาย ทั้งยังต่อปากต่อกรต่อหน้าสาธารณชนอีก ไม่ได้เห็นพระองค์อยู่ในสายตาเลย หากว่ากันตามนิสัยของฮ่องเต้แล้ว คงไม่ยอมกลืนความโกรธนี้ลงไปง่ายๆ แน่ หลายวันมานี้ยามออกว่าราชการก็วิวาทะกับเขาไม่หยุด ลับหลังต้องมีแผนร้ายอะไรแน่ เวลาที่ต้องอดทนยิ่งนานวันเข้า หมวกโทษทัณฑ์ที่เขาถูกสวมอยู่ก็ยิ่งมีขนาดใหญ่ตามไปด้วย หมวกอันนี้หากสวมไว้บนศีรษะใครแล้วต้องตายสถานเดียว  

 

ในใจเฝิงเยี่ยไป๋นั้นแน่วแน่นัก วันที่กลับมาก็เริ่มให้บ่าวในบ้านเริ่มเก็บของแล้ว ร้านค้าหลายร้านในเมืองหลวงก็ปิดเสีย เงินกำไรที่ได้จากร้านค้าก็ให้คนวิ่งไปร้านแลกเงิน แลกออกมาเป็นตั๋วเงินจำนวนหนึ่ง เงินสดจำนวนหนึ่ง ในบ้านก็ให้คนทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว บ่าวพวกนี้เดิมทีก็ถูกเขาโยกย้ายไปแล้วส่วนใหญ่ ส่วนที่เหลือแม้จะน้อยแต่เก่งกาจนัก ล้วนไม่ปัญญาทึบ หากเพียงสั่งการอะไรไป มือเท้าล้วนคล่องแคล่ว ไม่ถึงสองวันก็เก็บกวาดเสียสิ้น นอกเสียจากเฉินยาง นางไม่สบายใจเลย วันๆ เอาแต่รอคอยเสี่ยวจินอวี๋กลับมา  

 

เฝิงเยี่ยไป๋ปลอบใจนางว่า “เจ้าต้องเชื่อข้า ข้าเคยทำให้เจ้าผิดหวังหรือ เจ้าวางใจเถิด ข้าจะต้องนำลูกชายกลับมาได้แน่นอน”   

 

เฉินยางพิงอกของเขา ฟังเสียงหัวใจเขาเต้นเสียงดัง นางเองจึงค่อยสบายใจขึ้น “คนที่เป็นฮ่องเต้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนชั่วที่ความดีงามถูกสุนัขกัดกินไปเสียจนหมด ในวังหลวงดีถึงเพียงนั้นเลยหรือ เป็นฮ่องเต้ดีอย่างนั้นเลยหรือ ไม่ว่าจะมีผลหรือไม่มีผลต่อบัลลังก์มังกร แค่มีร่องรอยนิดหน่อยเขาก็ล้วนแล้วแต่สังหารสิ้น บิดาก็เยี่ยงนี้ บุตรก็เยี่ยงนี้ ฮ่องเต้สามารถทำตัวไร้กฎหมายเช่นนี้ได้หรือ แม้แต่เด็กก็ไม่ละเว้น หากเปิดเผยออกไปจะให้ราษฎรมองพระองค์อย่างไรกันเล่า พูดออกไปแล้วน่าฟังหรือ”   

 

เฝิงเยี่ยไป๋ก้มหน้าลงชนจมูกนางเบาๆ “รอเจ้าได้ลิ้มรสประโยชน์ของอำนาจบ้างเจ้าก็รู้เอง ว่าทำไมผู้คนมากมายจึงยอมเสี่ยงชีวิตหรือแม้แต่ยอมตายเพื่อมัน”   

 

“แล้วท่านเล่า” นางกุมใบหน้าเขาเอาไว้ คราวก่อนตอนข้าโกนหนวดให้จนได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ยังมีรอยแผลเป็นเล็กๆ อยู่เลย นางเองลูบไปทีละนิ้วๆ แต่กลับมีจุดอ่อนอยู่ที่ตอหนวดเล็กๆ นั่น “ท่านไม่ชอบอำนาจหรือ ไม่ใช่ว่าทุกคนชอบหรือ ชอบความรู้สึกที่ได้เอาชนะคนทั้งปวงได้ ให้ท่านยอมแพ้เช่นนี้ ท่านยอมหรือ”   

 

เขาใช้ปลายคางถูหน้านางพลางเขยิบเข้าใกล้นาง นางยิ่งกระถดตัวออกไป สุดท้ายไม่มีที่หลบแล้ว ตอนที่ใบหน้าแนบชิดเข้าด้วยกัน ได้ยินเขาพูดข้างหูว่า “มีคนบางประเภท ไม่ต้องการพลังอำนาจที่อยู่เหนือผู้อื่นที่สูงส่งหรอก ข้าไม่ต้องการอยู่เหนือผู้ใด แต่ว่าหากข้าต้องการ ข้าก็ไม่ขาดคนที่ยอมจำนนต่อข้าหรอก อีกอย่างโลกใบนี้ยังมีสิ่งที่ทำให้คนบ้าคลั่งมากกว่าอำนาจ คุ้มค่านักที่จะละทิ้งอำนาจเพื่อสิ่งนั้น”   

 

เฉินยางถามต่อ “คือเงินใช่หรือไม่ คนอยากได้อำนาจไม่ใช่เพราะว่าอยากได้เงินหรือ”   

 

เขาบอกว่า “ไม่ใช่หรอก คือความรักต่างหาก”   

 

“แต่ข้าไม่เคยได้ยินเลยนะว่ามีฮ่องเต้องค์ไหนยอมละทิ้งบัลลังก์เพื่อความรัก”   

 

“นั่นคงเป็นเพราะว่ารักไม่มากพอ” เขาอ้าปากงับนิ้วชี้นางเอาไว้ “เช่นข้าอย่างไรเล่า ข้าว่า หากนำเจ้ามาเปรียบเทียบกับทั้งใต้หล้านี้ ข้ายังคงเลือกเจ้า หากมีวันใดที่ข้าเป็นผู้ครอบครองทั้งแผ่นดินนี้ แต่ไม่อาจมีเจ้าอยู่เคียงข้างกัน มีแผ่นดินนี้ไป ข้าก็ไม่มีความสุขหรอก ไม่มีใครไม่รักอำนาจไม่รักแผ่นดิน แต่เมื่อเทียบกับสิ่งเหล่านี้แล้ว ข้ารักเจ้ามากกว่า”   

 

 

 

 

 

ตอนที่ 680 ฮ่องเต้ทรงมีความคิดไม่ดีอีกแล้ว  

 

ผู้หญิงล้วนอยากฟังคำหวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับใดๆ ในใต้หล้า ตนนั้นยังอยู่จัดวางไว้สูงกว่าคำหวานใด นางเองไม่รู้ว่าตนนั้นได้รับใจชายผู้นั้นมา ยังไม่รู้ด้วยว่าอย่างไหนถึงจะเป็นความสำเร็จที่สุด นางไม่รู้เลยว่าตนนั้นน่ารักเพียงใด นั่นถึงจะเรียกว่าน่ารักจริงๆ  

 

ยังดีที่นางใส่ใจเรื่องที่เฝิงเยี่ยไป๋กำชับเป็นอย่างมาก เมื่อใกล้จะถึงระยะเวลาสิบวันที่กำหนด สุดท้ายนางก็หาพบว่าเสี่ยวจินอวี๋ถูกกักขังไว้ที่ใด  

 

ไม่ไกลจากตำหนักเย็น เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึง ฮ่องเต้มอบให้แม่นมสองคนมาดูแล ด้านนอกมีองครักษ์ไม่กี่คนคอยเฝ้า ด้วยเกรงว่าจะดึงดูดสายตาผู้คนเกินไป คนเฝ้าจึงมีไม่มาก แต่นางจำได้ ล้วนเป็นองครักษ์ที่ถูกลดขั้นลดตำแหน่งก่อนหน้านี้ ฮ่องเต้นั้นไม่เชื่อในคนกลุ่มนั้นที่เคยอยู่ข้างกายฮ่องเต้พระองค์ก่อน หรือบางทีอาจจะหวั่นเกรงว่าเรื่องที่ตนลอบสังหารฮ่องเต้พระองค์ก่อนจะถูกผู้อื่นรู้เข้า ดังนั้นคนของฮ่องเต้พระองค์ก่อน เขาไม่เก็บไว้แม้แต่คนเดียว บางคนนั้นฆ่าไปก็เสียดายนัก จึงมอบงานที่ไม่สำคัญแก่พวกเขา ก็เหมือนงานอย่างนี้ที่เป็นงานที่ไม่ต้องใช้วิทยายุทธ์หรือออกแรงเลย พวกเขามีความสามารถมากอยู่แล้ว ซึ่งก็เข้าทีอยู่  

 

คนนั้นนางหาเจอแล้ว ระหว่างนั้นก็ถูกผู้อื่นดูแคลนอยู่หลายที ที่นี่เป็นที่ต้องห้าม หากเข้ามาก็ต้องเจออุปสรรคเยอะมากโข ใช้เงินไปไม่น้อยทั้งยังถูกพวกขันทีเอาเปรียบเข้าให้อีก ในกรณีนี้นางทุ่มเทไปมิใช่น้อย เฝิงเยี่ยไป๋ให้นางหาคนเท่านั้น ตอนนี้คนหาเจอแล้ว เรื่องอื่นก็ไม่เกี่ยวข้องกับนางแล้ว  

 

วันนี้ฮ่องเต้จัดงานเลี้ยงฉลองที่สวนดอกไม้ บนเทียบเชิญนั้นเขียนว่าเนื่องจากจะเข้าสู่ฤดูเหมันต์แล้ว ประจวบกับตอนนี้เป็นช่วงปลายปี จึงอยากเชิญฮูหยินขุนนางทุกท่านเข้าวังมาร่วมฉลองกับไทเฮา หลังจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนสิ้นแล้ว ไทเฮาทรงคิดมากจนล้มป่วยลง ทำให้ทั้งตำหนักดูเงียบเหงามาก พอดีกับช่วงนี้ที่เป็นเทศกาล คงพอจะทำให้ในวังนั้นคึกคักขึ้นมาบ้าง  

 

เฉินยางก็เพิ่งได้รับเทียบเชิญปิดทองที่ในวังส่งมา ลองวางในมือแล้วรู้สึกว่าหนักพอดู นางเปิดออกอย่างระมัดระวัง รู้สึกได้ว่าในนั้นมีอะไรผิดปกติอยู่  

 

เฝิงเยี่ยไป๋กลับมาแล้วเห็นเทียบเชิญนั้นหน้าเขาก็ถมึงทึงด้วยความโกรธ สุดท้ายหยิบขึ้นมาแล้วโยนลงบนโต๊ะแรงๆ เสียทีหนึ่ง กัดฟันยิ้มเยาะ “ฮ่องเต้ทรงปรารถนาให้ข้าตายเสียจริง คงจะรอไม่ได้แล้วแม้แต่นาทีเดียวกระมัง”  

 

“หมายความว่าอย่างไรกัน” ใจนางสั่นสะท้าน “ข้ารู้ว่าเข้าวังนั้นไม่มีอะไรง่ายดาย หากแต่ฮ่องเต้คงไม่ได้ทรง…อยากให้จะข้าเข้าไปแล้วกักตัวข้าไว้กระมัง”  

 

เฝิงเยี่ยไป๋ประคองไหล่นาง ตัดสินใจแล้วว่าจะลองใจฮ่องเต้ดูเสียหน่อย “ข้าให้เฉาเต๋อหลุนตอบไปแล้ว งานเลี้ยงวันนี้ไปไม่ได้”  

 

เฉินยางกังวลใจไม่น้อย “ไม่ไปได้หรือ หากฮ่องเต้ทรงลงโทษที่ท่านดูถูกพระองค์เล่า..อีกอย่างหนึ่ง วันนี้ท่านไม่อยู่ เซวียฮูหยินให้คนมาส่งจดหมาย บอกว่าเสี่ยวจินอวี๋นั้นหาพบแล้ว แต่ท่านเคยบอกมิใช่หรือ วังหลวงหาใช่สวนหลังบ้านเราไม่ หากต้องการช่วยคนสักคนออกมานั้นยากแสนยาก หากข้าไปแล้ว ท่านก็ยังมีข้ออ้างอยู่ในวังต่อได้ ความคิดแม้จะฟังดูอันตรายสักหน่อย แต่ก็ดีกว่าไม่มีแผนอะไรเลย  

 

ช่างตรงกันข้ามกับเจตนาของเฝิงเยี่ยไป๋เหลือเกิน บุตรชายนั้นเขาเองไม่ได้ดูแลอย่างทั่วถึง ทำให้ตกอยู่ในอันตราย แต่ภรรยานั้นอยู่ข้างกาย อยู่ในสายตาเขา เขาจะให้นางไปเสี่ยงในวังหลวงไม่ได้ เขาเป็นลูกผู้ชาย หากแม้แต่ผู้หญิงของตนยังปกป้องไม่ได้ ตนจะต่างอะไรกับตัวไร้ประโยชน์เล่า  

 

“ไม่ได้” เขาปฏิเสธเสียงแข็ง “งานเลี้ยงนั้นเป็นเพียงฉากหน้า หากเจ้าไปย่อมไม่มีทางกลับมาได้อีก หากถึงตอนนั้นข้าช่วยเสี่ยวจินอวี๋ออกมาได้แล้ว แต่ยังต้องกลับไปช่วยเจ้า นอกจากจะช่วยไม่ได้แล้วยังจะเพิ่มภาระให้ข้าอีก ฉะนั้นเจ้าไปไม่ได้”  

 

เฉินยางกอดแขนเขาเอาไว้ “เช่นนั้นท่านว่าจะทำอย่างไรดีเล่า ข้าเห็นว่าท่านเองก็ลำบาก ตอนนี้พวกเราโดดเดี่ยวไร้พันธมิตร ฮ่องเต้เอาแต่คิดจะสังหารท่าน ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้วว่าจะทำอย่างไรดี”  

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+