เอ็กซ์เรย์เป็นมากกว่าที่ฉันคิด – X-ray Is More Than I Thought 89

Now you are reading เอ็กซ์เรย์เป็นมากกว่าที่ฉันคิด – X-ray Is More Than I Thought Chapter 89 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 89

 

เวอร์ชั่นไม่เซ็นเซอร์อ่านได้ที่ tunwalai หรือ readAwrite

 

เต็มไปด้วยความอวดดี ผมขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำ ผมแต่งตัวริกกะที่หมดสติและมุ่งหน้าไปสู่ห้องนั่งเล่น

 

ริกกะยังแต่งตัวอยู่ในเสื้อผ้าที่ยืมมาจากทามะมูชิ แต่เสื้อที่เหมาะกับตัวผมไม่อยู่ในบ้านนี้ ผมอยากจะเปลี่ยนเสื้อของผมด้วยถ้าเป็นไปได้ แต่ไม่มีเสื้อให้เปลี่ยน ผมเลยไม่มีทางเลือก

 

ขณะที่ผมไปที่ห้องนั่งเล่น ริกกะหลับบนโซฟา

 

ระหว่างถูกทำที่รูฉี่ มากกว่านั้น สอดใส่อย่างทั่วถึงในน้องหนู ริกกะที่ดูเหมือนจะมีความสุข แก้มของเธอย้อมไปด้วยความสุข นอนหลับในความสุข

 

ความกระสันของเธอจะไม่หายไปยกเว้นว่าเธอรับอสุจิเข้าไปในมดลูกเธอ แต่ผมปล่อยมันออกไปมากขนาดนั้น ดังนั้นมันควรจะโอเค อย่างไรก็ตาม เพราะจิวตัว ความสามารถรักษาขั้นสูงได้เปิดใช้งานตลอด ไม่เร็วก็ช้า เธอจะถูกบังคับกระสันทันที จากความอึดอัดที่สะสม

 

ยังไงซะ ยังไงผมก็มีแผนจะทำกับริกกะแม้ว่าจะไม่ได้ถูกขอให้ทำ

 

「ชั้นหิวน้ำนิดหน่อย」

 

ผมได้หิวน้ำไม่ใช่แค่เพราะผมได้แช่อยู่ในอ่างอาบน้ำเป็นเวลานาน แต่ยังเนื่องจากเซ็กส์ที่เข้มข้นกับริกกะด้วย

 

เมื่อตรวจสอบห้องนอน มันยังไม่เปลี่ยน เพราะที่ทามะมูชิได้ดูแลอาซาฮินะอยู่ นี่ยังคงเป็นบ้านของทามะมูชิ และผมอยากจะได้คำยืนยันจากเธอสำรับการกินน้ำ แต่ทำอย่างนั้นจะรบกวนการดูแลของเธอด้วย

 

ดังนั้น ผมจะบอกเธอภายหลัง

 

คิดแบบนั้น ผมมุ่งหน้าไปที่ครัว ผมหยิบขวดน้ำพลาสติกจากตู้เย็น เปิดฝาแล้วดื่มจากมัน

 

น้ำเย็นวิ่งผ่านคอผม ดับกระหายของผม

 

ผมกินประมาณครึ่งของมัน และเมื่อผมแยกปากจากขวดพลาสติกที่เปิด ผมเช็ดปากของผมด้วยหลังมือ

 

ฟฟฟู~ กินน้ำเย็นหลังการประชุมสอดใส่-เท่า-ไหร่-ก็-ได้ กับ “โลลิสวย” นั้นดีเป็นพิเศษ

 

พร้อมกับขวดน้ำที่ว่างเปล่าครึ่งหนึ่ง ผมกลับไปที่ห้องนั่งเล่น และนั่งลงที่ริกกะที่นอนอยู่

 

ริกกะยังหลับอย่างสบายพร้อมกับเสื้อที่ยืมมาจากทามะมูชิ

 

ผมเพียงแต่ยืมคาร์ดิแกนสีดำ นอกเหนือจากนั้น ริกกะไม่ได้ใส่อะไร ดังนั้นดูที่ชายของคาร์ดิแกน ผมเห็นน้องหนูที่บางของเธออย่างชัด มันทำให้ผมตื่นเต้นอย่างไม่ฉลาดจากการที่เห็นมัน

 

แม้ว่าผมตัดสินใจจะทำเธอแบบนี้ มันจะแค่ทำให้เธอดีใจ

อย่างไรก็ตาม พลังของผมอยู่ในอันตราย

 

เพื่อที่จะเบี่ยงความสนใจของผมเอง ผมตรวจดูทามะมูชิ ผู้ที่อยู่ในห้องนอน เห็นได้ชัดว่า เธอได้มีการสนทนาบนเตียงกับอาซาฮินะผู้ที่เพิ่งตื่น

 

อาซาฮินะนั่น งั้นเธอก็ตื่นแล้ว วิธีที่ทามะมูชิพูดกับผม คือนั่นมันดูเหมือนอาซาฮินะยังจะต้องการใช้เวลาอีกซักพักเพื่อตื่น

 

หลังจากซักพัก ทามะมูชิมาที่ห้องนั่งเล่น

 

พูดถึงแล้ว อาซาฮินะยังนอนอยู่บนเตียงในห้องนอน

 

「มันเป็นสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง」

 

ทามะมูชิพึมพำในเสียงที่สั่น หน้าที่ซีดเรียบๆของเธอดูเหมือนจะซีดหนักขึ้น เมื่อเธอนั่งต่อจากผม

 

อะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับอาซาฮินะเหรือ

 

ผมไปที่ห้องนอนทันทีเพื่อยืนยันมัน แต่ผมไม่เห็นความผิดปรกติในอาซาฮินะ ที่นอนอยู่บนเตียง

 

จากนั้น ขณะที่ผมคิด ผมได้แอบดูหัวใจของทามะมูชิ

 

――สถานการณ์กรณีที่เลวร้ายที่สุด ศาสตร์ต้องห้าม มันคือข้อมูลจำเพาะ ทำไมมันเกิดขึ้น ทำไม ได้ถูกทำขึ้นแล้ว

 

เมื่อผมเห็นข้อมูลที่ล้นออกมา และสติของเธออยู่ในความระส่ำระส่าย

 

มันดูเหมือนไม่ต้องสงสัยเลย ว่ามีบางอย่างได้เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ที่สุดของทั้งหมด จากแค่การดูหัวใจของทามะมูชิ ไม่ไม่สามารถจะเข้าใจได้ ว่าทำไม่เธอถึงสับสนมาก ในทางตรงกันข้าม มันก็ยังดูเหมือนว่าจะกระทบกับผมด้วย

 

ซ่อนความสามารถของผม และปิดข้อมูลส่วนเกินทั้งหมดออก มันอาจจะฉลาดกว่าที่จะให้ทามะมูชิใจเย็นก่อน

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อผมยกเลิกความสามารถของผม ผมจะเป็นมนุษธรรมดาอีกครั้ง แล้วก็ นี่เป็นรังของทามะมูชิ ผมไม่สามารถเสียในการการลดการป้องกันของผมลงได้

 

แม้ว่าทามะมูชิจะไม่เป็นภัยอีกแล้ว ยังมีความเป็นไปได้ที่ว่ามันมีบุคคลที่สามเกี่ยวข้องกับทามะมูชิ ที่จะมาหาเธออย่างกระทันหัน

 

แต่นั่นแค่ในกรณี่ที่ว่าผมโดยสมมุติฐานแล้ว ‘ลำพัง’

 

「ริกกะ!」

 

เรียกชือของเธอออกมา ริกกะที่หลับอยู่บนโซฟา ที่ปิดตาของเธอ ดีดตาเปิดขึ้นกว้าง เธอเด้งขึ้นมา กระโดดขึ้นมาจากโซฟาเหมือนสปริง ตีลังกาในอากาศและ ในท้ายที่สุด ลงพื้น

 

「ชั้นอยู่บนความระวังสูงสุด อย่าได้ออกจากข้างชั้นและระวังรอบข้าง ให้ชั้นรู้ถ้าเธอรู้สึกอะไรแปลกๆ แม้ว่ามันเป็นบางอย่างที่เล็กน้อยมาก」

 

「ค่ะ! ตามคำสั่ง!」

 

ได้ยินคำสั่งของผม อารมณ์หายไปจากหน้าของริกกะ ขณะที่เธอตอบ

 

เธอเหมือนคนอีกคนอย่างสมบูรณ์เมื่อเทียบกับริกกะที่ผมสอดใส่จนเธออาเฮะกาโอะ

 

ริกกะได้เกร็งขึ้นมาทันที ลับสัมผัสเธอให้เฉียบคม

 

ลบตัวตนของเธอ แสดงแค่เพียงความดุร้ายและความโหดร้าย ในสายตาทับทิมของเธอ

 

เหมือนกันไม่มีผิดกับหมาล่าเนื้อ ที่มันหลอมรวมมาในความมืดมิด

 

ริกกะลดหัวเธอเล็กน้อย และถอยมาข้างหลังผมอย่างรวดเร็ว ตัวของเธอจู่ๆก็ได้หายไป

 

ตอนนี้ที่ผมใช้ความสามารถ ผมบอกได้ว่าริกกะอยู่ไหน

อย่างไรก็ตาม มันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหาเธอเจอ ถ้าผมยกเลิกความสามารถของผม

 

เธอแค่ซ่อนเร้นมากเท่านั้น

 

แม้ว่าบางอย่างผิดปรกติเกิดขึ้น ริกกะจะสามารถรู้สึกถึงอีกคนได้ก่อนที่พวกเขาจะรู้

 

นอกกะนั้น ริกกะมีปืนตะปู

 

ด้วยอาณุภาพการทำลายล้างดั่งปืน เธอสามารถยิงกระสุนตะปูของเธอถึงจุดที่ว่ามันไม่มีเสียง

 

ยิงตะปูในสภาพของการถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับความมืดมิดอย่างเต็มที่

ศัตรูส่วนใหญ่จะตายด้วยการยิงทีเดียว เพิ่มเติมจากนั้น ริกกะยังเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในการต่อสู้ระยะประชิด ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะสามารถป้องกันกระสุนตะปู เธอจะสามารถใช้มันเป็นตัวล่อเพื่อบุกไปข้างหน้า สู่ศัตรูในพริบตา เพราะเธอได้เปรียบอย่างท้วมท้นเมื่ออยู่ในการต่อสู้ระยะประชิด

 

โอเค มั้นไม่ควรมีปัญหาแม้ว่าผมยกเลิกความสามารถของผม

 

ดังนั้น ผมยกเลิกความสามารถของผม

 

ในทันทีนั้นทั้งหมดทีเดียว “ระยะการมอง” ของผมหายไปในทุกทิศทาง

 

「อะไร-อะไร?……」

 

ทามะมูชิพึมพำในเสียงที่สั่นขณะที่เหงื่อเย็นวิ่งผ่านข้างแก้มของเธอ

 

「มันเทียบไม่ได้กับเมื่อเวลาที่เธอสู้กับชั้น ความสามารถทั้งหมดของเธอได้เพิ่มขึ้นและเสถียร」

 

มันดูเหมือนริกกะตกใจ ที่เห็นความสามารถซ่อนของเธอ

 

มีความรู้สึกเดียวกัน ผมก็ประหลาดใจด้วย

 

「นายได้โอบกอด สาวน้อยในอ่างอาบน้ำเหรอ?」

 

「อ๋า?」

 

「ไม่ อย่ากังวลเกี่ยวกับมัน」

 

ก่อนที่ผมจะตอบคำถามของเธอ ด้วยอีกคำถามหนึ่ง ทามะมูชิอุทานส่ายหัวของเธอไปข้างๆ

 

「อย่างที่คาดมันเป็นไปได้สูงทีว่าความสามารถของนายคือ “ตาแห่งพื้นดิน” ดังนั้นนายต้องปกป้องผู้หญิงคนนั้น อาซาฮินะ」

 

「อ๋า?」

 

「สาวคนนั้น เธอตะลึงโดย “ตาแห่งพื้นดิน” บางทีมันอาจจะมีอารมณเหมือนฮีโร่」

 

ไม่พูดถึงใครโดยเฉพาะ เธอพึมพำ จ้องผมด้วยตาที่สั่น

 

ทามะมูชิดูเหมือนจะตั้งคำถามตัวเธอเอง ขณะที่เธอพยายามจะจัดระเบียบความคิดที่สับสนของเธอ

 

「เรามีเวลาอยู่เยอะ ถ้าเธอมีบางอย่างที่อยากจะพูด พูดออกมา แต่ก่อนอื่นใจเย็นลง ถ้าเธอพูดในสภาพที่สับสนนี้ ชั้นจะไม่สามารถเข้าใจเธอได้」

 

พูดนั่นกับทามะมูชิ เธอเปิดตาของเธอและมองผม และมอบรอยยิ้มที่แข็งๆให้ผม

 

「นายคิดล่วงหน้ากับทุกอย่างได้เหรอ?」

 

「ชั้นบอกได้ว่าในหัวของเธอมันเละ แค่มองเธอ」

 

「“มอง” เอ๋? ชั้นสงสัยว่าโลกแบไหนที่นาย“มอง”เห็นจริงๆ」

 

「อ๋า?」

 

「ไม่ แม้ว่าชั้นถาม ชั้นน่าจะยังไม่สามารถเข้าใจได้ด้วย」

 

ดูเหมือนว่า เหมือนเธอชี้คำพูดของเธอมาที่ผม ทามะมูชิตอบคำถามของเธอเอง

 

เห็นทามะมูชิสับสนมาก จนถึงจุดที่ว่าเธอจำเป็นต้องใจเย็นตัวเธอเองลง ผมแค่ยืนอยู่ที่นั่น มองดูเธอ

 

วางศอกของเธอไว้บนเข่า เหมือนกับเธออธิษฐาน

ทามะมูชินำมือเข้าหากันและยกหน้าของเธอขึ้น ขณะที่เธอเล็ดถอนหายใจเล็กๆออกมา จากนั้นเธอจ้องผม ขณะที่ผมรู้สึกถึงความรู้สึกแห่งความกลัวและการลังเล จากการมองกลับไปในตาสีเขียวมรกตที่สว่างลึกของเธอ

 

มันดูเหมือนเธอใจเย็นมากขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนหน้าแต่ เธอยังสับสนอยู่

 

ผมไม่ควรใช้ความสามารถของผมที่นี่ แต่แทนกัน มันดีกว่าที่จะคุยกับเธอตรงๆ อย่างช้าๆและเป็นตุเป็นตะ ระหว่างที่ใช้เวลาของเรา เพื่อการคุย

 

แบบนั้น มันควรจะเป็นไปได้สำหรับทามะมูชิ ที่จะจัดระเบียบความคิดเธอด้วยเช่นกัน

 

「ชั้นบอกนายมาก่อนใช่มั้ย ว่าชั้นได้ทำสัญญากับแมลงที่ชั้นเก็บไว้ข้างในมดลูก ด้วยวิธีต้องห้าม ใช่มั้ย?」

 

「อาา」

 

ผมพยักหน้าตอบคำถามเธอ

 

「มันถูกเรียกวิธีต้องห้ามเพราะมันมีเหตุผล มีหลายระดับของความเสี่ยงเกี่ยวข้องในการกระทำนี้ ดังนั้นนั่นทำไมมันถูกเรียกว่าวิธีต้องห้าม มันไม่เคยจะเป็นหนึ่งเดียวกันเลย」

 

「หมายความว่ายังไง?」

 

「ยกตัวอย่างเช่น บทลงโทษสำหรับอาชญากรรมมันจะน้ำหนักไม่เท่ากันใช่มั้ย? นำหนักของบทลงโทษ จะเปลี่ยนขึ้นอยู่กับอาชญากรรมที่ได้ก่อ บทลงโทษที่เบาสำหรับอาชญากรรมที่เบา บทลงโทษที่หนักสำหรับอาชญากรรมที่หนัก อย่างอื่นก็เหมือนกัน」

 

ดังนั้น น้ำหนักของบทลงโทษเปลี่ยน ขึ้นอยู่กับอาชญากรรมที่ได้ก่อ ยังไงซะ แน่นอนว่า นั่นมันรู้กันอยู่แล้ว

 

ดังนั้นการยกตัวอย่างนั้น นั่นหมายถึง――

 

「ถ้ามันมีสิ่งที่เกือบจะถูกกำหนดว่าเป็นวิธีต้องห้าม มันยังมีวิธีต้องห้ามที่ข่มขู่และมีอำนาจอย่างท้วมท้น พูดอีกอย่างก็คือ มันหมายถึงระดับความอันตรายจะ ขึ้นๆลงๆตามวิธีต้องห้าม」

 

「เข้าใจแล้ว」

 

สังหารหมู่และขโมยของทั้งสองอย่างเป็นอาชญากับ แต่ระดับความอันตรายของมันต่างกันโดยสิ้นเชิง

 

「วิธีที่ชั้นใช้ค่อนข้างอยู่ในหมวดหมู่ที่อันตรายน้อย ของวิธีต้องห้าม เหตุผลคือถ้านายเป็นผู้ใช้แมลง ทุกคนสามารถจะรับมือมันได้ ตรงกันข้าม ถ้านายไม่ใช่ผู้ใช้แมลง มันแน่นอนว่าจะรับมือมันไม่ได้ ดังนั้นนายสามารถป้องกันตัวนายเองจากการมีอายุ การรับความเป็นอมตะนั้นเกือบจะเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยที่สุด มันเป็นภัยส่วนบุคคล มันยังมีข้อจำกัดเมื่อใช้ความสามารถด้วย แต่สำหรับผู้ใช้แมลง มันไม่มีข้อจำกัด」

 

ยังไงซะ แน่นอนว่า มันจะเป็นภัยเมื่อได้รับตัวที่เป็นอมตะ ซึ่งเกินความสามารถทางการ ถ้าคุณสามารถสร้างของพวกนั้นได้เยอะ มันจะเป็นสิ่งอันตรายอย่างแน่นอน แต่ถ้ามันแค่คนเดียว มันจะไม่อันตรายมากขนาดนั้น

 

ภัยเหมือนกันของสัตว์ป่าอมตะคือการเตร่ไปรอบๆ

แม้ว่ามันจะสร้างความเสียหาย มันยังต้องใช้เวลาซักพักเพื่อที่จะทำลายเมือง

 

แต่ถึงอย่างไร ความจริงที่ว่ามันยังเป็นภัยอยู่ก็ยังไม่เปลี่ยน ดังนั้น มันได้ถูกกำหนดว่าเป็นวิธีต้องห้าม แต่มันไม่ใช่วิธีที่ทุกคนจะสามารถรับมือได้ แต่แม้อย่างนั้น มันเป็นวิธีต้องห้ามที่ค่อนข้างความเสี่ยงต่ำ ถูกมั้ย?

 

「มันยังแม้แต่มีบางวิธีต้องห้าม ที่มันถือว่าค่อนข้างอันตราย แต่มันไม่จำเป็นต้องเป็นบางอย่างที่มอบพลังที่ยิ่งใหญ่หรือความสามารถ ขึ้นอยู่กับตัวเลือกของวิธี มันยังมีประโยชน์ที่มันสามารถรับมาได้เป็นเวลาสั้นๆ แต่บางเวลามันอันตรายอย่างน่ากลัว」

 

วิธีที่คุณได้ประโยชน์ แต่มันอันตราย?

 

「ชั้นคิดว่ามันขัดแย้งกันนิดหน่อยนะ」

 

ทามะมูชิพยักหน้าตอบ

 

「มันได้พูดว่าบางอย่างเติมเต็มความขัดแย้งนั้นได้」

 

「ยกตัวอย่างเช่น?」

 

「หืมม ถ้านายเทียบมันกับแมลง มันมีวิธีที่จะควบคุมมดได้อย่างอิศระ จากการมองจากมุมมองของบุคคลอื่น มันเป็นวิธีที่คุณสามารถควบคุมได้แค่มด นายรู้ว่ามันไม่ได้ภัยที่ใหญ่ ที่มันเป็นแค่มดใช่มั้ย? แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าควบคุมมดได้โดยไม่มีขีดจำกัด? แม้ว่าหนึ่งมันบอบบาง มันเป็นเรื่องต่างออกกไป ถ้ามันนับไม่ถ้วน」

 

「อา เข้าใจแล้ว」

 

แม้ว่ามันง่ายที่จะขยี้มดตัวเดียว เรื่องมันจะต่างไปถ้ากลายเป็นมดหลายสิบล้านตัว มันยากที่จะจัดการกับมดที่มากขนาดนั้นโจมตีพร้อมกันทีเดียว

 

「อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะควบคุมมดพวกนั้น พลังจิตแมลงจำนวนมหาศาลนั้นจำเป็น โดยเฉพาะเมื่อนายสามารถควบคุมมันได้อย่างอิสระ ไม่ว่าผู้ใช้แมลงจะมีพรสวรรค์แค่ไหน มันไม่ได้บางอย่างที่บุคคลเดียวจะทำได้」

 

「เพราะบางอย่างแบบนั้นมั้นเป็นไปไม่ได้ มันได้ถูกเรียกว่าวิธีต้องห้าม」

 

「ด้วยนั่นที่พูด สำหรับกรณีนั้นที่ชั้นพูดเมื่อกี้นี้ มันยังเป็นวิธีที่ความเสี่ยงค่อนข้างน้อย เหตุผลของมันก็เพราะ――」

 

「มีเพียงแค่ผู้ใช้แมลงสามารถใช้มันได้」

 

「ถูกต้อง ความสามารถในการเข้าใจของนายมันค่อนข้างสูง ดังนั้นมันช่วยชั้นจากปัญหาของคำอธิบาย」

 

ในการตอบสนองคำตอบของผม ทามะมูชิพยักหน้าลึกๆ

 

ดังนั้น ไม่ว่ามันจะอันตรายขนาดไหน ถ้าคนที่สามารถรับมือกับมันได้มีศักยภาพที่ถูกจำกัด ความเสี่ยงจะน้อย

 

ด้วยนั่นที่พูด――

 

「ในวิธีต้องห้าม วิธีที่มันอันตรายเป็นพิเศษคือวิธีที่มันใช้งานง่ายสุดขีดเหรอ?」

 

「มันจริง แต่มันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความคิดแบบเดียว แม้ว่ามันรับมือยากมาก วิธีต้องห้ามระดับนั้น ที่สามารถทำลายเมืองทั้งเมืองได้ มันเพียงแค่อันตราย ยังไงก็ตาม มันได้พูดว่าวิธีที่สามารถรับมือได้อย่าง่ายดาย ก็อันตรายด้วย」

 

「เข้าใจแล้ว」

 

แม้ว่าในวิธีที่มีการจัดการที่จำกัด ถ้าพลังอยู่เหนือการควบคุม ใน 10 นาทีจะเป็นภัยที่ใหญ่ ในทางกลับกัน ถ้าพลังไม่ได้ดีขนาดนั้น วิธีที่สามารถจัดการได้ง่ายๆ ก็ยังอันตรายด้วย

 

「แมลงที่ชั้นใช้กับสาวนั้น อาซาฮินะ มันถือว่าอันตราย ยังไงก็ตาม มันไม่ใช่วิธีต้องห้ามเพราะชั้นได้อธิบายแล้วว่าทำไม」

 

「โอ้ จากที่เธอพูด ทุกคนสามารถจัดการมันได้อย่างง่ายๆ แต่คนที่สร้างมันจำกัด และสำหรับคนที่ไม่ใช่ผู้ใช้แมลง มีความเสี่ยงที่จะทำลายจิตวิญญานเมื่อใช้มัน ใช่มั้ย?」

 

「นั่นถูกต้องตรงๆเลย อย่างไรก็ตาม โดยสมมุติฐาน ถ้านายลบแมลงออกไป ความเสี่ยงไหนที่นายว่ามันจะถูกนำมาใช้ที่นี่?」

 

ทามะมูชิพยักหน้ากับคำตอบของผม และถามด้วยตาที่สั่นของเธอ

 

ได้ยินคำถามของเธอ หัวใจผมเต้นข้ามจังหวะ

 

อาซาฮินะตื่นขึ้นหลังจากที่รักษาตัวของเธออย่างสมบูรณ์ ผมรู้สึกบางอย่างแปลกระหว่างที่ดูอาซาฮินะในสภาพปัจจุบัน

 

มันดูเหมือนผลข้างเคียง ดูเหมือนว่าจะเล็กกว่าเรื่องที่ผมได้ยิน

 

「ม-ไม่มีทางน่า……」

 

「ใช่ มันตรงกับที่นายคิดเลย ชั้นยังบอกอย่างมั่นใจไม่ได้ แต่ชั้นอาจจะได้สร้างสิ่งที่พิเศษ ขึ้นอยู่กับแมลงจะถูกใช้ยังไง มันอาจมีความสามารถที่จะทำลายโลกนี้」

 

ปิดปากเธอด้วยสองมือ เมื่อจะบอกผมผ่านเหงื่อบนแก้มของเธอ ตาของทามะมูชิสั่นขณะที่เธอพูดเสียงสั่นออกมา

 

มันรับมือได้ง่าย ถึงอย่างไรก็ตาม มีแค่จำนวนคนที่จำกัดที่ใช้มันได้ และถ้าเลี่ยงความเสียหายถึงชีวิต มันสามารถที่จะรักษาแผลใด้ๆก็ได้ อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่ไม่ใช่ผู้ใช้แมลงจะมีผลข้างเคียงที่มันมากเกินกว่าจิดวิญญานจะรับได้

 

ถึงอย่างไรก็ตาม นั่นที่พูด ถ้าผลข้างเคียงมันน้อยล่ะ?

 

คำตอบมันชัดเจน ทุกคนจะสามารถใช้มันได้ ทุกคน จะสามารถรับตัวที่ใกล้เคียงกับความอมตะได้

 

「มันมากกว่าที่ชั้นคาด สาวอาซาฮินะนั่น มีความสามารถรักษาที่ข้ามขั้นผู้ใช้แมลงแบบดังเดิมไปมาก มากกว่านั้น มันดูเหมือนว่าการกินพลังงานนั้นน้อยด้วย มากกว่านั้น จากผลของการประเมินตัวของเธอ มันเป็นไปได้ว่าความสามารถทางกายภาพของเธอได้เพิ่มขึ้น ชั้นอาจจะพูดเกินจริงว่าเธออาจจะเป็นลูกสาวของคนเหนือมนุษย์ แต่มันก็พูดได้ด้วยว่าเธอมีความสามารถและผลงานที่เหนือมนุษย์ เมื่อเทียบกับมนุษย์ทั่วไป แต่ถึงยังไง ผลข้างเคียงมันน้อยกว่าสุดขีด น้อยกว่าแมลงธรรมดา」

 

ผมได้ตกใจโดยคำของทามะมูชิ

 

ทามะมูชิที่อธิบายอย่างสุภาพเกี่ยวกับวิธีต้องห้าม จากในวิธีต้องห้ามที่อันตรายเป็นพิเศษ ผมเห็นด้วยว่าองค์ประกอบของแมลงได้ถูกใช้บนอาซะฮินะ

 

งั้นนั่นหมายถึง――

 

「ดังนั้นเธอพูดว่าเธอใช้วิธีที่อยู่ในหมวดหมู่ที่อันตรายโดยเฉพาะเหมือนวิธีต้องห้าม ซึ่งใช้บนอาซาฮินะ……」

 

ระหว่างที่สั่น ทามะมูชิพยักหน้ากับคำถามผม

 

โอ้พระเจ้าช่วย

 

「ชั้นขอโทษ มันอาจจะฟังเหมือนข้ออ้าง แต่ชั้นไม่มีเจตนาที่จะให้มันเป็นอย่างนั้น ชั้นไม่มีแผนจะสร้างวิธีต้องห้าม ยังไงก็ได้ ชั้นได้ไร้ความสามารถและทักษะของชั้น ในฐานะผู้ใช้แมลง ยังไม่เติบโต ซึ่งนำชั้นไปสู่การสร้างวิธีที่ย่ำแย่โดยบังเอิญ ชั้นขอโทษ ชั้นขอโทษ」

 

ทามะมูชิที่สั่นขอโทษ

 

ดูเหมือนว่าทามะมูชิมายามจะสร้างมนุษย์เทียม สิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับโฮมุนคูลัส ผมเดาว่าเธอชอบหาวิธีใหม่ สั้นๆคือ มันความผิดของนักวิจัย

 

เหมือนอย่างนั้น ทามะมูชิได้สร้างวิธีต้องห้ามโดยบังเอิญ

 

วิธีที่น่ากลัว คล้ายกับวิธีที่ทุกคนสามารถสร้างแมลง และมีตัวที่ใกล้กับความเป็นอมตะ

 

「เธอสร้างมันยังไง?」

 

「ชั้นได้บันทึกมันไว้ แต่ชั้นไม่รู้ว่าชั้นจะสามารถสร้างแมลงแบบเดียวกันได้มั้ย」

 

「มันยังอันตรายอยู่มั้ย?」

 

「ตราบใดทีสาวอาซาฮินะนั้นยังมีชีวิตอยู่ ถ้าเธอถูกเปิดเผย เธอจะรับวิธีต้องห้ามอย่างแน่นอน และที่สำคัญที่สุด มันเป็นวิธีที่อันตราย」

 

「ถ้าอย่างนั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับอาซาฮินะ?」

 

「สำหรับพวกนั้นที่รู้ความจริง ขึ้นอยู่กับคนที่อยู่ในองค์กร ไม่ว่ายังไง เธอจะถูกจับกุมตัว แต่ใช้เป็นวัตถุสำหรับการทดลอง」

 

「แล้วเธอล่ะ?」

 

「เหมือนกัน」

 

ใช่ มันจะเป็นแบบนั้นแน่นอน

 

วิธีต้องห้ามที่ทามะมูชิได้สร้างนั้นเป็นที่ต้องการสูง มีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนเทียบกับดาวในกาแล็กซี คนที่อยากได้มันจะแห่กันมาสู่มัน

 

จากองค์กรส่วนบุคคล จากนั้นระดับประเทศ

 

「ชั้นโอเคว่าอะรจะเกิดขึ้นก็ได้ ชั้นจะทำถ้ามันฆ่าชั้น แต่ ชั้นเสียใจกับสาวอาซาฮินะ ชั้นต้องด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งในบางวิธี…ชั้นต้องอย่างน้อยช่วยสาวคนนั้น……」

 

เข้าใจแล้วไม่ต้องสงสัยว่าทำไมทามะมูชิถึงได้ตื่นตกใจ

 

ไม่ แต่ *ฟุมุ* ในท้ายที่สุด นี่มันแน่นอนว่ามีปัญหา

 

ถ้าไม่มีใครเจอมัน งั้นมันก็ไม่เป็นเรื่องใหญ่ อาซาฮินะแค่ได้ตัวที่ฆ่าได้ยาก และมันอย่างที่ทามะมูชิได้พูด วิธีต้องห้ามที่เธอสร้างมาโดยอุบัติเหตุเป็นเพียงโชคของปีศาจ ถ้ามันเป็นบางสิ่งที่สร้างมาจากความบังเอิญ เนื่องจากความผิดพลาดที่ไม่สังเกต มันมีการบันทึกในการสร้างซึ่งนั่นเกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่แม้ว่าทามะมูชิได้สร้างแมลงจากวิธีสร้างแมลงที่เธอบันทึกไว้ มีความเป็นไปได้ที่แบบเดียวกันจะไม่สามารถทำได้อีก อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ ผลิตภัณฑ์ที่เสร็จแล้วที่เรียกว่าอาซาฮินะได้ถูกสร้าง ถ้าตัวตนของเธอได้ถูกเปิดเผย เธอจะตกเป็นเป้าหมายของคนอื่นโดยไม่ต้องสงสัย

 

「ชั้นอยากจะรู้ ถ้าเธอได้ตกเป็นเป้าหมาย งั้นเธอเป็นเป้าของใครมากที่สุด?」

 

「เอ๋?」

 

ทามะมูชิเอียงหัวตอบสนองกับคำถามผม

 

มันยากเกินไปที่จะเข้าใจ?

 

「ไม่ว่าองค์กรนั้นมันมาจากไหน พวกเค้าจะทำเธอเป็นเรื่องทดสอบ สำหรับการทดลองของพวกเค้า แต่ถ้าเธอได้ถูกจับ ที่ไหนโดยเฉพาะที่พวกเค้าจะพาเธอไป พูดอีกอย่างคือ เราพูดในการสมมุติว่าเธอถูกจับแล้ว」

 

ถ้าไม่มีใครรู้มันก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้ามันมีคนรู้ งั้นทุกคนรอบข้างเราจะเต็มไปด้วยศัตรู แม้ว่าเราเคลื่อนไหวตอนนั้น มันจะสายเกินไป

 

「น-นั่น……」

 

ทามะมูชิพึมพำขณะที่ตาของเธอสั่น

 

ผมไม่เคยคาดเดาเลยว่าเธอจะหวั่นไหวจากคำพูดผม

 

「มันไม่สำคัญว่าเป็นองค์กรดีหรือร้าย บอกชั้นถึงองค์กรที่ชั้นเจรจาด้วยได้ ที่ชั้นต้องทำคือข่มขู่พวกเหี้ยนั้นที่มาเพื่ออาซาฮินะ มันจะเป็นไปได้ถ้าชั้นใช้พลังขององค์กรนั้น」

 

「ม-ไม่มีนายในโลกนี้หรอก! นายควรจะหนี! เมื่อทุกอย่างมันถูกเปิดเผย มันจะจบแล้วในตอนนั้น!」

 

ทามะมูชิขึ้นเสียงโมโหจากคำพูดผม จากนั้นจับแขนของผม จ้องผม

 

ผมรู้นั่นแล้ว ถ้าคุณมีทางเลือกที่จะวิ่งหนี งั้นมันดีกว่าที่จะทำอย่างนั้น

 

อย่างไรก็ตาม――

 

「ด้วยเธอที่ใจร้อนขนาดนั้น ชั้นเดาว่ามันเป็นไปได้ที่มันจะเล็ดออกไปข้างนอก ซึ่งทำให้อาซาฮินะตกอยู่ในอันตราย ใช่มั้ย?」

 

ทามะมูชิกระตุกทีนึงเมื่อเธอได้ยินคำถามของผม

 

บิงโก

 

「ม-เมื่อชั้นถูกทิ้ง ชั้นจะถูกฆ่า ดังนั้น――」

 

「ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของมุโกอุ-ซัง นายจะไม่มีวันรู้ว่าเมื่อไหร่เค้าจะส่งคนมาหานาย」

 

「นั้นถูกต้อง แล้วก็ ถ้าชั้นถูกจับตัว――」

 

「ไม่ว่าจะเธอซ่อนมันยังไง มีความเสี่ยงที่ข้อมูลจะถูกเปิดเผย」

 

「น-นั่นถูกต้อง」

 

จ้องผมอย่างเข้มข้น ทามะมูจิจับผมที่แขน การจจับของเธออ่อนแรงลง ขณะที่ความเข้มช้นกระจายออกไปจากตาของเธอ

 

ถ้าทามะมูชิถูกจับ และข้อมูลถูกสกัดออกไปจากเธอ ตัวตนของอาซาฮินะจะถูกเปิดเผย

 

ถ้าอย่างนั้น ไม่เร็วก็ช้า มันควรจะดีกว่าที่จะคิดว่าองค์กรไหนจะสามารถเจรจาด้วย และมีการเตรียมการเตรียมการล่วงหน้า เพื่อที่จะซัดทุกคนด้วยหมัด

 

「อ-องค์กรที่เจรจาด้วยได้ ไม่ว่าองค์กรไหน เมื่อมันถูกเปิดเผย งั้นทุอย่างมันจะจบ แต่ในฐานะบางคนที่มีการรักษาขั้นสูงเป็นความสามารถที่ผิดปรกติ งั้น องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด พวกเขามีความรู้ที่สมบูรณ์เกี่ยวกับความสามารถพิเศษ และคนที่มีความารถพิเศษ อย่างไรก็ตาม เมื่อมันเป็นเรื่องวิธีต้องห้าม……」

 

งั้น ในทางปฏิบัตแล้วไม่มีองค์กรไหนที่เจรจาด้วยได้เลย แต่องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติจะสามารถที่จะเข้าใจ คนที่มีความสามารถที่ผิดปรกติ

 

เข้าใจแล้ว

 

「ค-ความเป็นไปได้มันต่ำ แต่มันไม่ได้หมายถึงมันไม่มีทางที่นายจะเจรจาได้……」

 

หันหน้าออกไปจากผม ทามะมูชิพึมพำขณะที่เธอสั่น

 

「ความสามารถของนาย เพราะความสามารถของนายคือ “ตาแห่งพื้นดิน” มันใช้เป็นวัตถุดิบการเจรจาได้ “ตาแห่งพื้นดิน” ก็ยังใช้ถึงจุดนั้นได้ด้วย นอกจากนี้ แม้ว่าวิธีต้องห้ามมันอันตราย ระดับความเสี่ยงปัจจุบัน มันไม่มากขนาดนั้น ถ้านายไม่เล็ดข้อมูลออกไป และมีองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติสนับสนุนนายทันที เราอาจจะสามารถเจรจาอย่างได้เปรียบ อย่างที่นายพูด มันน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะกระทำเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อสร้างสถานการณ์ที่ดีที่นี่ด้วยเหมือนกัน ยังไงก็ตาม――」

 

ทามะมูชินำสายตาเธอกลับมาที่ผมระหว่างที่สั่น จากนั้น――

 

「แม้การเจรจาจะสำเร็จ มันเป็นไปไม่ได้ทีจะกลับไปใช้วิถีชีวิตแบบเดิม นอกจากนี้ ในกรณีของสาวคนนั้น แม้ว่าเธอช่วยชีวิตของเธอได้ เธอจะถูกผนึกไปอย่างไม่ต้องสงสัย」

 

เกือบจะร้องไห้ ทามะมูชิพึมพำระหว่างที่จับหน้าอกผมด้วยสองมือ

 

ความเป็นไปได้ที่การเจรจาจะล้มเหลวมันสูงมาก แม้ว่าผมทำสำเร็จงั้นมันจะมีผลเป็นชีวิตที่ถูกคุมขัง

 

「ถ้านายลบบันทึกแล้วลบตัวตนชั้นซะ――」

 

「ถ้ามีผู้ใช้ความสามารถหลากหลาย งั้นมันจะไม่น่าแปลกใจที่จะมีความสามารถที่สามารถฟื้นฟูบันทึก」

 

ลบบันทึกไปกับตัวเธอเอง หลังจากได้ยินอย่างนั้น ทามะมูชิที่พึมพำสั่นกับคำพูดผม

 

อาา มันมีตัวตน ผู้ใช้ความสามารถนั้น

 

「ช…ช-ชั้นจะ วิธีใดวิธีหนึ่ง วิธีใดวิธีหนึ่ง คิดให้ออกอย่างแน่นอน……」

 

ใช่ ทามะมูชิที่อ่อนแอได้สั่น

 

ดูเหมือนว่าเธอโทษทุกอย่างไปที่ตัวเธอเอง ทามะมูชิพยายามจะแบกความรับผิดชอบทั้งหมด แต่มันไม่ใช่บางอย่างที่เธอรับมือได้ด้วยตัวของเธอเอง

 

「มันจริงที่ว่าอาซาฮินะได้ถูกช่วย ชั้นขอเธอให้ช่วยอาซาฮินะ เธอตอบการร้องขอของชั้น นั่นคือทั้งหมดของมัน นอกจากนั้น เหตุผลที่อาซาฮินะได้รับบาดเจ็บสาหัสและเกือบตาย เพราะเธอเป็นอีงี่เง่าตั้งแต่ทีแรก แม้ว่า ชั้นพูดไม่ได้ว่าเธอไม่มีความรับผิดชอบใดๆเลยซักนิด แต่มันคือความผิดของอาซาฮินะ และชั้นที่ร้องขอให้เธอช่วยอาซาฮินะ」

 

ถ้ามันไม่ใช่อาซาฮินะที่ก้าวเข้าไปสู้กับคามูโระ ฮิซูกิ งั้นนี่จะไม่มีวันเกิดขึ้นเลย

 

แต่ยังไงซะ ถ้าอาซาฮินะได้ถอยอย่างเชื่อฟังในการต่อสู้ งั้นคามูโระ ฮิซูกิจะยังติดกับผมอย่างแน่นอน

 

ยังไงซะ ถ้านั่นเกิดขึ้น ผมมีแผนจะทำบางอย่าง แต่อะไรที่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ――

 

「ถ้าอาซาฮินะถอนตัวจากการต่อสู้ที่นั้น งั้นชั้นจะผิดหวังในเธอ แต่เธอไม่ถอยและชั้นไม่ได้รู้สึกไม่พอใจเลยซักนิดกับผลของมัน」

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมคืออาซาฮินะไม่ถอยเลย

เนื่องจากความจริงนั้น ผมพอใจมาก

 

สาวคนนั้น อาซาฮินะต้องเป็นเหมือนกันกับเธอ

 

และมันเหมือนกันในครั้งนี้

 

ไม่ว่าองค์กรไหนที่จับตามองมาที่เธอ เธอจะไม่มีวันถอย เพราะเธอคืออีงี่เง่า

 

「ทามะมูชิ ขอโทษแต่เอาข้อมูลมาให้ชั้น มันคือองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติเหรอ? ถ้าการเจรจาเป็นไปไม่ได้ งั้นชั้นต้องซัดมันซะ ชัยชนะจะเป็นของคนที่เคลื่อนไหวก่อน ชั้นอยากได้ข้อมูลสำหรับเรื่องนั้น แม่ว่าชั้นยังไม่ได้จ่ายเธอคืน ชั้นจะขอติดค้างกับเธออีกครั้ง」

 

「ห๋าา?」

 

กับคำถามผม ทามะมูชิส่งเสียงที่โง่เง่าด้วยตาเป็นจุด

 

ถ้าอาซาฮินะเรียนรู้ความจริงนี้ เธอจะไม่หนีหรือซ่อน เธอจะเผชิญหน้าตรงๆ โดยไม่สงสัย

 

ถ้านั้นเกิดขึ้น มันจะยากที่จะคุยให้เข้าใจ ดังนั้น มันดีหว่าสำหรับผมที่จะเคลื่อนไหวก่อนที่นั่นจะเกิดขึ้น

 

「ม-ไม่มีทางน่า! นายจะบอกว่านายจะไม่เป็นศัตรูกับองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติเหรอ?!」

 

「ชั้นไม่ได้จะต่อต้านพวกเขา มันแค่อยู่ที่ว่าเค้าจะรับเงื่อนไขของเราได้มั้ย」

 

「อะไร?」

 

ทามะมูชิส่งเสียงที่สั่นจากนั้นยิ้มอย่างงุ่มง่าม กับคำพูดผมทามะมูชิเอียงหัวของเธอแล้วส่งเสียงที่โง่เง่า

 

มันเป็นไปไม่ได้เหรอ? มันยากที่จะเข้าใจเหรอ? มันเป็นบางอย่างที่ท้าทายสามัญสำนึกใช่มั้ย? งั้นมันยิ่งมีเหตุผลในทำมัน

คุณจะไม่มีวันคาดว่าคนอื่นจะจู่ๆมาหาคุณด้วยหมัด มันเรียกว่าการโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว

 

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้อาจจะค่อนข้างลำบาก มันแตกต่างจากสู้ข้างถนน

 

แม้ว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี มีความเป็นไปได้สูงที่ทั้งอาซาฮินะและผมจะถูกจับกุมตัว เพิ่มเติมจากนั้น สถานการณ์กรณีที่แย่ที่สุด ทามะมูชิจะถูกกำจัดทิ้ง

 

「มา-มาสเตอร์!」

 

ริกกะ ผู้ที่ลบตัวตนของเธอและหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับความมืดอย่างสมบูรณ์ ได้ปรากฏตัวจากที่ไหนก็ไม่รู้ และยืนตรงหน้าผม

 

ริกกะตอบสนองกับศัตรูเหรอ?

 

มีนั่นอยู่ในใจ ผมใช้ความสามารถของผมและ “เห็น” ฉากนั้นที่ทำให้หัวผมเจ็บ

 

ขณะที่ผมถอนหายใจ ในเวลาเดียวกัน ประตูของห้องนั่งเล่นบินเปิดออก และคนที่ปรากฏตัวก็คือ――

 

「นั่นเป็นพลังเยอะ ชั้นตกใจ」

 

เห็นหมัดของเธอ แม้เธอพูดว่าเธอตกใจ มันดูไม่เหมือนอย่างนั้น

 

「อ๊ะ ขอโทษที่ทำลายประตู」

 

แม้ว่าเธอพูดขอโทษ มันดูไม่เหมือนว่าเธอสำนึกมัน

 

「ชั้นได้ยินที่พวกนายคุยกัน แต่ชั้นไม่มีความคิดเลยว่าพูดเรื่องอะไรกัน」

 

และด้วยเหตุนี่ เธอเปิดเผยว่าเธอเป็นอีงีเง่าด้วยวิธีที่ยิ่งใหญ่

 

ให้ตายเหอะ คนที่ผมไม่อยากให้ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มากที่สุด ได้ยินที่เราคุยกัน

 

มันเป็นสิ่งที่มีปัญหาอย่างแน่นอน

 

「ข-ขอโทษมาสเตอร์ ชั้นได้รู้ว่าอาซาฮินะ-ซามะเข้าหา แต่…อืม…ช-ชั้นได้กลัวมากจนชั้นสลบไป」

 

ริกกะที่สั่นยืนตรงหน้าผมเพื่อปกป้องผมพูดด้วยรอยยิ้มที่สั่น

 

เห็นได้ชัดว่า ริกกะได้กลัวอาซาฮินะอย่างสมบูรณ์

 

จากทามะมูชิ แม้ว่ามันดูเหมือนอาซาฮินะได้เพิ่มความสามารถเธออย่างมาก ความแข็งแกร่งของเธอดูจะไกลจากริกกะและทามะมูชิ

 

พูดอีกอย่าง ถ้าพวกเขาได้สู้กัน งั้นริกกะจะมีความได้เปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย

 

อย่างไรก็ตาม――

 

「ริกกะแม้ว่าเธอพลาด อย่าไปสู้กับอีงี่เง่านั่น เพราะเธอจะติดโรคความโง่ของเธอ」

 

ยืนขึ้น ผมลูบริกกะที่ไหล่ แล้วยืนอยู่ตรงหน้าเธอ

 

แม้ว่าไม่ต้องสงสัยว่าริกกะจะได้เปรียบในการต่อสู้ อาซาฮินะจะชนะ ริกกะเอาชนะอาซาฮินะไม่ได้

ริกกะเข้าใจความจริงนี้

 

แต่นั่นโอเค

 

ความกลัวนั้นไม่ได้หมายถึงความรู้สึกที่ไม่ดี ไม่ ในความเป็นจริง มันเป็นอารมณ์ที่ขาดไม่ได้เพื่อความอยู่รอด

 

「ซูซูฮาระ-คุง อธิบายสถานการณ์ปัจจุบันให้ชั้นเข้าใจให้ชัดเจน」

 

「อ-ออกคำสั่งกับมาสเตอร์――」

 

「อึ๋นนน?」

 

「ฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮิ้- อย่าออกคำสั่งมาสเตอร์ของชั้น อาซาฮินะ-ซามะ…」

 

แม้ว่ามันเป็นริกกะที่ขึ้นเสียงเพื่อวิจารณ์ท่างทางที่ไร้เหตุผลของอาซาฮินะ แต่จากการดูอาซาฮินะเอียงหัวของเธอและยิ้มให้เธอ ริกกะดูเหมือนเธอกำลังจะร้องไห้ แม้ว่าริกกะยังเกาะกับความภาคภูมิใจของเธออยู่ เธอยังใช้คำให้เกียรติกับอาซาฮินะ มากกว่านั้น ใช่ “-ซามะ” เพื่อเรียกเธอ

 

ริกกะ อย่าดันตัวเอง อีงี่เง่านั่นมันพิเศษ

 

「ซูซูฮาระ-คุง ชั้นพูดว่า อธิบายสถานการณ์ปัจจุบันใน รูปแบบที่เข้าใจง่ายซิ」 「ชั้นโง่ ดังนั้นได้โปรดอธิบายมันในระดับที่เข้าใจได้แม้แต่เด็ก ใช่มั้ย?」

 

อาซาฮินะสั่งระหว่างที่เดินเข้ามาหาผมด้วยท่าทางที่ไม่เคารพ เผชิญหน้ากับผมด้วยรอยยิ้ม

 

เธอได้เดินมาหาผมต่อ จนถึงจุดที่ว่าตัวเราจะชนกัน และริมฝีปากของเราเกือบสัมผัสกัน

 

「ซูซูฮาระ-คุง หูนายเน่าแล้วเหรอไง? ชั้นคิดว่ามันดีกว่าที่นายจะไปหาโสตศอนาสิกแพทย์*」

TLN: หมอหู

 

แม้จะเตี้ยกว่าผมมากก็ตาม อาซาฮินะสั่งผมอย่างหยิ่งขณะที่เธอมองขึ้นมาเพื่อให้ตาสบกัน

 

「มันยังไม่เน่าซักพักที่แล้ว แต่มันดูเหมือนว่าหลังจากที่ได้ยินเสียงของเธอ มันได้กลายเป็นเน่า」

 

ยิ้มให้อาซาฮินะ ผมจิ้มนิ้วเข้าไปที่หู แสดงมันให็เธอดู

 

「ชั้นสงสัยว่า ชั้นจะถูกตกเป็นเป้าของใครมั้ย」

 

แม้อาซาฮินะพูดว่าเธอไม่เข้าใน มันดูเหมือนว่าเธอยังจะพอเข้าใจได้บ้าง

 

「อาา」

 

ตอบคำถามของเธอด้วยรอยยิ้มบนหน้าผม อาซาฮินะมองผมและยิ้ม

 

「ชั้นไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร ถ้ามีใครมีเป้ามาที่ชั้น งั้นชั้นจะให้พวกเค้าทำอะไรที่พวกเค้าต้องการ แล้ว ชั้นก็จะทำที่ชั้นพอใจด้วย」

 

「นั่นมันจะไม่เกิดขึ้น เธอเป็นทาสของชั้น ชั้นจะไม่ยกโทษให้ใครที่ลงมือกับสิ่งของของชั้น」

 

「โอ้ แหม? นี่เป็นการสารภาพรักเหรอ?」

 

「ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนที่จำเป็นต้องไปหาโสตศอนาสิกแพทย์เหรอ? อ๊ะ ชั้นผิดเอง ชั้นผิดเอง แม้ว่าเธอไปหาโสตศอนาสิกแพทย์ พวกเค้ารักษาสมองเน่าไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ?」

 

「ฟุฟุ ช่างไร้เดียงสา พูดจากคนที่รักชั้นถึงตาย」

 

「เธอทำให้ชั้นโมโหถึงตาย」

 

ด้วยปากของเราใกล้กันมากถึงจุดที่ว่ามันสัมผัสกันได้ เรายิ้มให้กัน

 

「เฮ้ อาซาฮินะ」

 

「มีอะไร?」

 

「เธอจะตกเป็นเป้าหมาย」

 

「อะร้า อย่างนั้นเหรอ? ชั้นค่อนข้างเป็นที่นิยม ไม่ใช่เหรอ?」

 

「เราควรจะฆ่าพวกเค้ามั้ย?」

 

「ชั้นมีเจตนาอย่างนั้นอยู่ตลอด」

 

「งั้นมันตัดสินใจแล้ว」

 

「ใช่ แน่นอน」

 

อาซาฮินะพยักหน้ากับคำพูดผมโดยไม่ลังเล

 

เพราะเธอโง่ เธอไม่เข้าใจสถานการณ์เลยซักนิด แต่แม้ว่าเธอเข้าใจสถานการณ์แล้ว คำตอบเธอจะไม่เปลี่ยนแน่นอน

 

เธอเป็นไอโง่ที่รู้ว่าจะเดินหน้าอย่างเดียวเท่านั้น

 

อ๊าาา อีเหี้ย นี่มันน่ารำคาญ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณได้ไปเกี่ยงข้องกับอีนังนั่น ทุกอย่างได้ปัญหาเยอะทันที

 

นี่มันแย่ที่สุด แย่ที่สุดจริงๆ มันแย่มากถึงจุดที่ว่ามันหัวเราะได้เลย

 

「ชั้นรู้สึกแย่กับองค์กรที่จะมีเป้าหมายที่เรา」

 

「อย่าเอาชั้นไปร่วมกับนาย ชั้นไม่น่ารังเกียจเท่านาย」

 

「โอ้ มาเหอะ อย่าพูดอย่างนั้นสิ อาซาฮินะ มาสนุกด้วยกันเถอะ」

 

「ฮ่าา นี่คือทำไมผู้ชายเป็นสัตว์ป่าเถื่อน นายรักชั้นมากจนถึงจุดที่ว่านายข่มขืนชั้น」

 

ได้ยินคำพูดผม อาซาฮินะถอนหายใจลึก และเหมือนเธอได้ยอมแพ้ เธอยักใหล่ของเธอ

 

ผมอาจจะค่อนข้างป่าเถื่อน แต่ผมแน่นอนว่าไม่อยากได้ยินนั่นมาจากเธอ

 

ที่สมควรจะเป็นจุดที่สุโคมิเกิดขึ้น แต่อีงี่เง่านี่จะไม่ถอยไปอย่างเชื่อฟัง ดังนั้นเธอจะพูดต่ออย่างทะลึ่ง และทำให้ผมโกรธขึ้นอีก

 

ดังนั้น――

 

「ทามะมูชิ เรามีแผนจะเริ่มโจมตีที่ที่เรียกว่าองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติ ขอโทษ แต่ชั้นจำเป็นให้เธอร่วมมือด้วย」

 

「มาสเตอร์!」

 

ขณะที่ผมได้มองอาซาฮินะต่อแล้วถามทามะมูชิ ริกกะขึ้นเสียงขึ้นมา

 

「ริกกะ ชั้นจะไม่บอกให้เธอร่วมมือ」

 

พูดนั่นผมมองกลับไปและเห็นริกกะมองผมด้วยหน้าตาที่กังวล บนหน้าของเธอ

 

「เธอเป็นคนเดียวที่ชั้นจะไม่ถาม เหตุผลก็คือเพราะเธอเป็นหมาของชั้น ไม่ใช่ว่านั่นถูกเหรอ? ซูซูฮาระ ริกกะ」

 

ผมถามริกกะด้วยรอยยิ้มบนหน้าผม สักครู่หนึ่งเธอมองผมอย่างว่างเปล่า แต่รอยยิ้มที่เปล่งปลั่งได้ลอยอยู่บนหน้าเธอ และจากนั้น――

 

「ค่ะ! ชั้นจะตามนายไปไม่ว่าที่ไหนที่นายไป!」

 

ริกกะมอบการพยักหน้าที่ใหญ่

 

มันดีที่ว่าเธอเข้าใจมัน

 

นั่นเป็นอย่างนั้น พลังการต่อสู้ของเรามีสี่คนรวมถึงผมด้วย

 

จำนวนของพวกเราน้อย แต่นั่นดี

 

ผมไม่รู้ว่าองค์กรแบบไหน ที่องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติเป็น แต่ผมจะเริ่มก่อนเพื่อดูมัน

 

นั่นทำไม――

 

ล้างคอแล้วรอได้เลย

 

ข้อความจากผู้เขียน

องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติ: 「เออ๋!? รอเดี๋- เออ๋?!」

 

TLN: หยุด 5 วันนะครับ

 

 

 

เวอร์ชั่นไม่เซ็นเซอร์อ่านได้ที่ tunwalai หรือ readAwrite

สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่

067-3-63958-5

กสิกรไทย

 

แปลโดย: wayuwayu

ติดตามได้ที่ดิสคอทส่งข้อความมาขอได้ที่ facebook: “wayuwayu แปล”

pdfไว้อ่านตอนกลางคืน  สปอนเซอร์ตอน จองตอน หารได้ ได้ทั้ง facebook และ discord

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เอ็กซ์เรย์เป็นมากกว่าที่ฉันคิด – X-ray Is More Than I Thought 89

Now you are reading เอ็กซ์เรย์เป็นมากกว่าที่ฉันคิด – X-ray Is More Than I Thought Chapter 89 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 89

 

เวอร์ชั่นไม่เซ็นเซอร์อ่านได้ที่ tunwalai หรือ readAwrite

 

เต็มไปด้วยความอวดดี ผมขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำ ผมแต่งตัวริกกะที่หมดสติและมุ่งหน้าไปสู่ห้องนั่งเล่น

 

ริกกะยังแต่งตัวอยู่ในเสื้อผ้าที่ยืมมาจากทามะมูชิ แต่เสื้อที่เหมาะกับตัวผมไม่อยู่ในบ้านนี้ ผมอยากจะเปลี่ยนเสื้อของผมด้วยถ้าเป็นไปได้ แต่ไม่มีเสื้อให้เปลี่ยน ผมเลยไม่มีทางเลือก

 

ขณะที่ผมไปที่ห้องนั่งเล่น ริกกะหลับบนโซฟา

 

ระหว่างถูกทำที่รูฉี่ มากกว่านั้น สอดใส่อย่างทั่วถึงในน้องหนู ริกกะที่ดูเหมือนจะมีความสุข แก้มของเธอย้อมไปด้วยความสุข นอนหลับในความสุข

 

ความกระสันของเธอจะไม่หายไปยกเว้นว่าเธอรับอสุจิเข้าไปในมดลูกเธอ แต่ผมปล่อยมันออกไปมากขนาดนั้น ดังนั้นมันควรจะโอเค อย่างไรก็ตาม เพราะจิวตัว ความสามารถรักษาขั้นสูงได้เปิดใช้งานตลอด ไม่เร็วก็ช้า เธอจะถูกบังคับกระสันทันที จากความอึดอัดที่สะสม

 

ยังไงซะ ยังไงผมก็มีแผนจะทำกับริกกะแม้ว่าจะไม่ได้ถูกขอให้ทำ

 

「ชั้นหิวน้ำนิดหน่อย」

 

ผมได้หิวน้ำไม่ใช่แค่เพราะผมได้แช่อยู่ในอ่างอาบน้ำเป็นเวลานาน แต่ยังเนื่องจากเซ็กส์ที่เข้มข้นกับริกกะด้วย

 

เมื่อตรวจสอบห้องนอน มันยังไม่เปลี่ยน เพราะที่ทามะมูชิได้ดูแลอาซาฮินะอยู่ นี่ยังคงเป็นบ้านของทามะมูชิ และผมอยากจะได้คำยืนยันจากเธอสำรับการกินน้ำ แต่ทำอย่างนั้นจะรบกวนการดูแลของเธอด้วย

 

ดังนั้น ผมจะบอกเธอภายหลัง

 

คิดแบบนั้น ผมมุ่งหน้าไปที่ครัว ผมหยิบขวดน้ำพลาสติกจากตู้เย็น เปิดฝาแล้วดื่มจากมัน

 

น้ำเย็นวิ่งผ่านคอผม ดับกระหายของผม

 

ผมกินประมาณครึ่งของมัน และเมื่อผมแยกปากจากขวดพลาสติกที่เปิด ผมเช็ดปากของผมด้วยหลังมือ

 

ฟฟฟู~ กินน้ำเย็นหลังการประชุมสอดใส่-เท่า-ไหร่-ก็-ได้ กับ “โลลิสวย” นั้นดีเป็นพิเศษ

 

พร้อมกับขวดน้ำที่ว่างเปล่าครึ่งหนึ่ง ผมกลับไปที่ห้องนั่งเล่น และนั่งลงที่ริกกะที่นอนอยู่

 

ริกกะยังหลับอย่างสบายพร้อมกับเสื้อที่ยืมมาจากทามะมูชิ

 

ผมเพียงแต่ยืมคาร์ดิแกนสีดำ นอกเหนือจากนั้น ริกกะไม่ได้ใส่อะไร ดังนั้นดูที่ชายของคาร์ดิแกน ผมเห็นน้องหนูที่บางของเธออย่างชัด มันทำให้ผมตื่นเต้นอย่างไม่ฉลาดจากการที่เห็นมัน

 

แม้ว่าผมตัดสินใจจะทำเธอแบบนี้ มันจะแค่ทำให้เธอดีใจ

อย่างไรก็ตาม พลังของผมอยู่ในอันตราย

 

เพื่อที่จะเบี่ยงความสนใจของผมเอง ผมตรวจดูทามะมูชิ ผู้ที่อยู่ในห้องนอน เห็นได้ชัดว่า เธอได้มีการสนทนาบนเตียงกับอาซาฮินะผู้ที่เพิ่งตื่น

 

อาซาฮินะนั่น งั้นเธอก็ตื่นแล้ว วิธีที่ทามะมูชิพูดกับผม คือนั่นมันดูเหมือนอาซาฮินะยังจะต้องการใช้เวลาอีกซักพักเพื่อตื่น

 

หลังจากซักพัก ทามะมูชิมาที่ห้องนั่งเล่น

 

พูดถึงแล้ว อาซาฮินะยังนอนอยู่บนเตียงในห้องนอน

 

「มันเป็นสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง」

 

ทามะมูชิพึมพำในเสียงที่สั่น หน้าที่ซีดเรียบๆของเธอดูเหมือนจะซีดหนักขึ้น เมื่อเธอนั่งต่อจากผม

 

อะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับอาซาฮินะเหรือ

 

ผมไปที่ห้องนอนทันทีเพื่อยืนยันมัน แต่ผมไม่เห็นความผิดปรกติในอาซาฮินะ ที่นอนอยู่บนเตียง

 

จากนั้น ขณะที่ผมคิด ผมได้แอบดูหัวใจของทามะมูชิ

 

――สถานการณ์กรณีที่เลวร้ายที่สุด ศาสตร์ต้องห้าม มันคือข้อมูลจำเพาะ ทำไมมันเกิดขึ้น ทำไม ได้ถูกทำขึ้นแล้ว

 

เมื่อผมเห็นข้อมูลที่ล้นออกมา และสติของเธออยู่ในความระส่ำระส่าย

 

มันดูเหมือนไม่ต้องสงสัยเลย ว่ามีบางอย่างได้เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ที่สุดของทั้งหมด จากแค่การดูหัวใจของทามะมูชิ ไม่ไม่สามารถจะเข้าใจได้ ว่าทำไม่เธอถึงสับสนมาก ในทางตรงกันข้าม มันก็ยังดูเหมือนว่าจะกระทบกับผมด้วย

 

ซ่อนความสามารถของผม และปิดข้อมูลส่วนเกินทั้งหมดออก มันอาจจะฉลาดกว่าที่จะให้ทามะมูชิใจเย็นก่อน

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อผมยกเลิกความสามารถของผม ผมจะเป็นมนุษธรรมดาอีกครั้ง แล้วก็ นี่เป็นรังของทามะมูชิ ผมไม่สามารถเสียในการการลดการป้องกันของผมลงได้

 

แม้ว่าทามะมูชิจะไม่เป็นภัยอีกแล้ว ยังมีความเป็นไปได้ที่ว่ามันมีบุคคลที่สามเกี่ยวข้องกับทามะมูชิ ที่จะมาหาเธออย่างกระทันหัน

 

แต่นั่นแค่ในกรณี่ที่ว่าผมโดยสมมุติฐานแล้ว ‘ลำพัง’

 

「ริกกะ!」

 

เรียกชือของเธอออกมา ริกกะที่หลับอยู่บนโซฟา ที่ปิดตาของเธอ ดีดตาเปิดขึ้นกว้าง เธอเด้งขึ้นมา กระโดดขึ้นมาจากโซฟาเหมือนสปริง ตีลังกาในอากาศและ ในท้ายที่สุด ลงพื้น

 

「ชั้นอยู่บนความระวังสูงสุด อย่าได้ออกจากข้างชั้นและระวังรอบข้าง ให้ชั้นรู้ถ้าเธอรู้สึกอะไรแปลกๆ แม้ว่ามันเป็นบางอย่างที่เล็กน้อยมาก」

 

「ค่ะ! ตามคำสั่ง!」

 

ได้ยินคำสั่งของผม อารมณ์หายไปจากหน้าของริกกะ ขณะที่เธอตอบ

 

เธอเหมือนคนอีกคนอย่างสมบูรณ์เมื่อเทียบกับริกกะที่ผมสอดใส่จนเธออาเฮะกาโอะ

 

ริกกะได้เกร็งขึ้นมาทันที ลับสัมผัสเธอให้เฉียบคม

 

ลบตัวตนของเธอ แสดงแค่เพียงความดุร้ายและความโหดร้าย ในสายตาทับทิมของเธอ

 

เหมือนกันไม่มีผิดกับหมาล่าเนื้อ ที่มันหลอมรวมมาในความมืดมิด

 

ริกกะลดหัวเธอเล็กน้อย และถอยมาข้างหลังผมอย่างรวดเร็ว ตัวของเธอจู่ๆก็ได้หายไป

 

ตอนนี้ที่ผมใช้ความสามารถ ผมบอกได้ว่าริกกะอยู่ไหน

อย่างไรก็ตาม มันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหาเธอเจอ ถ้าผมยกเลิกความสามารถของผม

 

เธอแค่ซ่อนเร้นมากเท่านั้น

 

แม้ว่าบางอย่างผิดปรกติเกิดขึ้น ริกกะจะสามารถรู้สึกถึงอีกคนได้ก่อนที่พวกเขาจะรู้

 

นอกกะนั้น ริกกะมีปืนตะปู

 

ด้วยอาณุภาพการทำลายล้างดั่งปืน เธอสามารถยิงกระสุนตะปูของเธอถึงจุดที่ว่ามันไม่มีเสียง

 

ยิงตะปูในสภาพของการถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับความมืดมิดอย่างเต็มที่

ศัตรูส่วนใหญ่จะตายด้วยการยิงทีเดียว เพิ่มเติมจากนั้น ริกกะยังเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในการต่อสู้ระยะประชิด ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะสามารถป้องกันกระสุนตะปู เธอจะสามารถใช้มันเป็นตัวล่อเพื่อบุกไปข้างหน้า สู่ศัตรูในพริบตา เพราะเธอได้เปรียบอย่างท้วมท้นเมื่ออยู่ในการต่อสู้ระยะประชิด

 

โอเค มั้นไม่ควรมีปัญหาแม้ว่าผมยกเลิกความสามารถของผม

 

ดังนั้น ผมยกเลิกความสามารถของผม

 

ในทันทีนั้นทั้งหมดทีเดียว “ระยะการมอง” ของผมหายไปในทุกทิศทาง

 

「อะไร-อะไร?……」

 

ทามะมูชิพึมพำในเสียงที่สั่นขณะที่เหงื่อเย็นวิ่งผ่านข้างแก้มของเธอ

 

「มันเทียบไม่ได้กับเมื่อเวลาที่เธอสู้กับชั้น ความสามารถทั้งหมดของเธอได้เพิ่มขึ้นและเสถียร」

 

มันดูเหมือนริกกะตกใจ ที่เห็นความสามารถซ่อนของเธอ

 

มีความรู้สึกเดียวกัน ผมก็ประหลาดใจด้วย

 

「นายได้โอบกอด สาวน้อยในอ่างอาบน้ำเหรอ?」

 

「อ๋า?」

 

「ไม่ อย่ากังวลเกี่ยวกับมัน」

 

ก่อนที่ผมจะตอบคำถามของเธอ ด้วยอีกคำถามหนึ่ง ทามะมูชิอุทานส่ายหัวของเธอไปข้างๆ

 

「อย่างที่คาดมันเป็นไปได้สูงทีว่าความสามารถของนายคือ “ตาแห่งพื้นดิน” ดังนั้นนายต้องปกป้องผู้หญิงคนนั้น อาซาฮินะ」

 

「อ๋า?」

 

「สาวคนนั้น เธอตะลึงโดย “ตาแห่งพื้นดิน” บางทีมันอาจจะมีอารมณเหมือนฮีโร่」

 

ไม่พูดถึงใครโดยเฉพาะ เธอพึมพำ จ้องผมด้วยตาที่สั่น

 

ทามะมูชิดูเหมือนจะตั้งคำถามตัวเธอเอง ขณะที่เธอพยายามจะจัดระเบียบความคิดที่สับสนของเธอ

 

「เรามีเวลาอยู่เยอะ ถ้าเธอมีบางอย่างที่อยากจะพูด พูดออกมา แต่ก่อนอื่นใจเย็นลง ถ้าเธอพูดในสภาพที่สับสนนี้ ชั้นจะไม่สามารถเข้าใจเธอได้」

 

พูดนั่นกับทามะมูชิ เธอเปิดตาของเธอและมองผม และมอบรอยยิ้มที่แข็งๆให้ผม

 

「นายคิดล่วงหน้ากับทุกอย่างได้เหรอ?」

 

「ชั้นบอกได้ว่าในหัวของเธอมันเละ แค่มองเธอ」

 

「“มอง” เอ๋? ชั้นสงสัยว่าโลกแบไหนที่นาย“มอง”เห็นจริงๆ」

 

「อ๋า?」

 

「ไม่ แม้ว่าชั้นถาม ชั้นน่าจะยังไม่สามารถเข้าใจได้ด้วย」

 

ดูเหมือนว่า เหมือนเธอชี้คำพูดของเธอมาที่ผม ทามะมูชิตอบคำถามของเธอเอง

 

เห็นทามะมูชิสับสนมาก จนถึงจุดที่ว่าเธอจำเป็นต้องใจเย็นตัวเธอเองลง ผมแค่ยืนอยู่ที่นั่น มองดูเธอ

 

วางศอกของเธอไว้บนเข่า เหมือนกับเธออธิษฐาน

ทามะมูชินำมือเข้าหากันและยกหน้าของเธอขึ้น ขณะที่เธอเล็ดถอนหายใจเล็กๆออกมา จากนั้นเธอจ้องผม ขณะที่ผมรู้สึกถึงความรู้สึกแห่งความกลัวและการลังเล จากการมองกลับไปในตาสีเขียวมรกตที่สว่างลึกของเธอ

 

มันดูเหมือนเธอใจเย็นมากขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนหน้าแต่ เธอยังสับสนอยู่

 

ผมไม่ควรใช้ความสามารถของผมที่นี่ แต่แทนกัน มันดีกว่าที่จะคุยกับเธอตรงๆ อย่างช้าๆและเป็นตุเป็นตะ ระหว่างที่ใช้เวลาของเรา เพื่อการคุย

 

แบบนั้น มันควรจะเป็นไปได้สำหรับทามะมูชิ ที่จะจัดระเบียบความคิดเธอด้วยเช่นกัน

 

「ชั้นบอกนายมาก่อนใช่มั้ย ว่าชั้นได้ทำสัญญากับแมลงที่ชั้นเก็บไว้ข้างในมดลูก ด้วยวิธีต้องห้าม ใช่มั้ย?」

 

「อาา」

 

ผมพยักหน้าตอบคำถามเธอ

 

「มันถูกเรียกวิธีต้องห้ามเพราะมันมีเหตุผล มีหลายระดับของความเสี่ยงเกี่ยวข้องในการกระทำนี้ ดังนั้นนั่นทำไมมันถูกเรียกว่าวิธีต้องห้าม มันไม่เคยจะเป็นหนึ่งเดียวกันเลย」

 

「หมายความว่ายังไง?」

 

「ยกตัวอย่างเช่น บทลงโทษสำหรับอาชญากรรมมันจะน้ำหนักไม่เท่ากันใช่มั้ย? นำหนักของบทลงโทษ จะเปลี่ยนขึ้นอยู่กับอาชญากรรมที่ได้ก่อ บทลงโทษที่เบาสำหรับอาชญากรรมที่เบา บทลงโทษที่หนักสำหรับอาชญากรรมที่หนัก อย่างอื่นก็เหมือนกัน」

 

ดังนั้น น้ำหนักของบทลงโทษเปลี่ยน ขึ้นอยู่กับอาชญากรรมที่ได้ก่อ ยังไงซะ แน่นอนว่า นั่นมันรู้กันอยู่แล้ว

 

ดังนั้นการยกตัวอย่างนั้น นั่นหมายถึง――

 

「ถ้ามันมีสิ่งที่เกือบจะถูกกำหนดว่าเป็นวิธีต้องห้าม มันยังมีวิธีต้องห้ามที่ข่มขู่และมีอำนาจอย่างท้วมท้น พูดอีกอย่างก็คือ มันหมายถึงระดับความอันตรายจะ ขึ้นๆลงๆตามวิธีต้องห้าม」

 

「เข้าใจแล้ว」

 

สังหารหมู่และขโมยของทั้งสองอย่างเป็นอาชญากับ แต่ระดับความอันตรายของมันต่างกันโดยสิ้นเชิง

 

「วิธีที่ชั้นใช้ค่อนข้างอยู่ในหมวดหมู่ที่อันตรายน้อย ของวิธีต้องห้าม เหตุผลคือถ้านายเป็นผู้ใช้แมลง ทุกคนสามารถจะรับมือมันได้ ตรงกันข้าม ถ้านายไม่ใช่ผู้ใช้แมลง มันแน่นอนว่าจะรับมือมันไม่ได้ ดังนั้นนายสามารถป้องกันตัวนายเองจากการมีอายุ การรับความเป็นอมตะนั้นเกือบจะเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยที่สุด มันเป็นภัยส่วนบุคคล มันยังมีข้อจำกัดเมื่อใช้ความสามารถด้วย แต่สำหรับผู้ใช้แมลง มันไม่มีข้อจำกัด」

 

ยังไงซะ แน่นอนว่า มันจะเป็นภัยเมื่อได้รับตัวที่เป็นอมตะ ซึ่งเกินความสามารถทางการ ถ้าคุณสามารถสร้างของพวกนั้นได้เยอะ มันจะเป็นสิ่งอันตรายอย่างแน่นอน แต่ถ้ามันแค่คนเดียว มันจะไม่อันตรายมากขนาดนั้น

 

ภัยเหมือนกันของสัตว์ป่าอมตะคือการเตร่ไปรอบๆ

แม้ว่ามันจะสร้างความเสียหาย มันยังต้องใช้เวลาซักพักเพื่อที่จะทำลายเมือง

 

แต่ถึงอย่างไร ความจริงที่ว่ามันยังเป็นภัยอยู่ก็ยังไม่เปลี่ยน ดังนั้น มันได้ถูกกำหนดว่าเป็นวิธีต้องห้าม แต่มันไม่ใช่วิธีที่ทุกคนจะสามารถรับมือได้ แต่แม้อย่างนั้น มันเป็นวิธีต้องห้ามที่ค่อนข้างความเสี่ยงต่ำ ถูกมั้ย?

 

「มันยังแม้แต่มีบางวิธีต้องห้าม ที่มันถือว่าค่อนข้างอันตราย แต่มันไม่จำเป็นต้องเป็นบางอย่างที่มอบพลังที่ยิ่งใหญ่หรือความสามารถ ขึ้นอยู่กับตัวเลือกของวิธี มันยังมีประโยชน์ที่มันสามารถรับมาได้เป็นเวลาสั้นๆ แต่บางเวลามันอันตรายอย่างน่ากลัว」

 

วิธีที่คุณได้ประโยชน์ แต่มันอันตราย?

 

「ชั้นคิดว่ามันขัดแย้งกันนิดหน่อยนะ」

 

ทามะมูชิพยักหน้าตอบ

 

「มันได้พูดว่าบางอย่างเติมเต็มความขัดแย้งนั้นได้」

 

「ยกตัวอย่างเช่น?」

 

「หืมม ถ้านายเทียบมันกับแมลง มันมีวิธีที่จะควบคุมมดได้อย่างอิศระ จากการมองจากมุมมองของบุคคลอื่น มันเป็นวิธีที่คุณสามารถควบคุมได้แค่มด นายรู้ว่ามันไม่ได้ภัยที่ใหญ่ ที่มันเป็นแค่มดใช่มั้ย? แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าควบคุมมดได้โดยไม่มีขีดจำกัด? แม้ว่าหนึ่งมันบอบบาง มันเป็นเรื่องต่างออกกไป ถ้ามันนับไม่ถ้วน」

 

「อา เข้าใจแล้ว」

 

แม้ว่ามันง่ายที่จะขยี้มดตัวเดียว เรื่องมันจะต่างไปถ้ากลายเป็นมดหลายสิบล้านตัว มันยากที่จะจัดการกับมดที่มากขนาดนั้นโจมตีพร้อมกันทีเดียว

 

「อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะควบคุมมดพวกนั้น พลังจิตแมลงจำนวนมหาศาลนั้นจำเป็น โดยเฉพาะเมื่อนายสามารถควบคุมมันได้อย่างอิสระ ไม่ว่าผู้ใช้แมลงจะมีพรสวรรค์แค่ไหน มันไม่ได้บางอย่างที่บุคคลเดียวจะทำได้」

 

「เพราะบางอย่างแบบนั้นมั้นเป็นไปไม่ได้ มันได้ถูกเรียกว่าวิธีต้องห้าม」

 

「ด้วยนั่นที่พูด สำหรับกรณีนั้นที่ชั้นพูดเมื่อกี้นี้ มันยังเป็นวิธีที่ความเสี่ยงค่อนข้างน้อย เหตุผลของมันก็เพราะ――」

 

「มีเพียงแค่ผู้ใช้แมลงสามารถใช้มันได้」

 

「ถูกต้อง ความสามารถในการเข้าใจของนายมันค่อนข้างสูง ดังนั้นมันช่วยชั้นจากปัญหาของคำอธิบาย」

 

ในการตอบสนองคำตอบของผม ทามะมูชิพยักหน้าลึกๆ

 

ดังนั้น ไม่ว่ามันจะอันตรายขนาดไหน ถ้าคนที่สามารถรับมือกับมันได้มีศักยภาพที่ถูกจำกัด ความเสี่ยงจะน้อย

 

ด้วยนั่นที่พูด――

 

「ในวิธีต้องห้าม วิธีที่มันอันตรายเป็นพิเศษคือวิธีที่มันใช้งานง่ายสุดขีดเหรอ?」

 

「มันจริง แต่มันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความคิดแบบเดียว แม้ว่ามันรับมือยากมาก วิธีต้องห้ามระดับนั้น ที่สามารถทำลายเมืองทั้งเมืองได้ มันเพียงแค่อันตราย ยังไงก็ตาม มันได้พูดว่าวิธีที่สามารถรับมือได้อย่าง่ายดาย ก็อันตรายด้วย」

 

「เข้าใจแล้ว」

 

แม้ว่าในวิธีที่มีการจัดการที่จำกัด ถ้าพลังอยู่เหนือการควบคุม ใน 10 นาทีจะเป็นภัยที่ใหญ่ ในทางกลับกัน ถ้าพลังไม่ได้ดีขนาดนั้น วิธีที่สามารถจัดการได้ง่ายๆ ก็ยังอันตรายด้วย

 

「แมลงที่ชั้นใช้กับสาวนั้น อาซาฮินะ มันถือว่าอันตราย ยังไงก็ตาม มันไม่ใช่วิธีต้องห้ามเพราะชั้นได้อธิบายแล้วว่าทำไม」

 

「โอ้ จากที่เธอพูด ทุกคนสามารถจัดการมันได้อย่างง่ายๆ แต่คนที่สร้างมันจำกัด และสำหรับคนที่ไม่ใช่ผู้ใช้แมลง มีความเสี่ยงที่จะทำลายจิตวิญญานเมื่อใช้มัน ใช่มั้ย?」

 

「นั่นถูกต้องตรงๆเลย อย่างไรก็ตาม โดยสมมุติฐาน ถ้านายลบแมลงออกไป ความเสี่ยงไหนที่นายว่ามันจะถูกนำมาใช้ที่นี่?」

 

ทามะมูชิพยักหน้ากับคำตอบของผม และถามด้วยตาที่สั่นของเธอ

 

ได้ยินคำถามของเธอ หัวใจผมเต้นข้ามจังหวะ

 

อาซาฮินะตื่นขึ้นหลังจากที่รักษาตัวของเธออย่างสมบูรณ์ ผมรู้สึกบางอย่างแปลกระหว่างที่ดูอาซาฮินะในสภาพปัจจุบัน

 

มันดูเหมือนผลข้างเคียง ดูเหมือนว่าจะเล็กกว่าเรื่องที่ผมได้ยิน

 

「ม-ไม่มีทางน่า……」

 

「ใช่ มันตรงกับที่นายคิดเลย ชั้นยังบอกอย่างมั่นใจไม่ได้ แต่ชั้นอาจจะได้สร้างสิ่งที่พิเศษ ขึ้นอยู่กับแมลงจะถูกใช้ยังไง มันอาจมีความสามารถที่จะทำลายโลกนี้」

 

ปิดปากเธอด้วยสองมือ เมื่อจะบอกผมผ่านเหงื่อบนแก้มของเธอ ตาของทามะมูชิสั่นขณะที่เธอพูดเสียงสั่นออกมา

 

มันรับมือได้ง่าย ถึงอย่างไรก็ตาม มีแค่จำนวนคนที่จำกัดที่ใช้มันได้ และถ้าเลี่ยงความเสียหายถึงชีวิต มันสามารถที่จะรักษาแผลใด้ๆก็ได้ อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่ไม่ใช่ผู้ใช้แมลงจะมีผลข้างเคียงที่มันมากเกินกว่าจิดวิญญานจะรับได้

 

ถึงอย่างไรก็ตาม นั่นที่พูด ถ้าผลข้างเคียงมันน้อยล่ะ?

 

คำตอบมันชัดเจน ทุกคนจะสามารถใช้มันได้ ทุกคน จะสามารถรับตัวที่ใกล้เคียงกับความอมตะได้

 

「มันมากกว่าที่ชั้นคาด สาวอาซาฮินะนั่น มีความสามารถรักษาที่ข้ามขั้นผู้ใช้แมลงแบบดังเดิมไปมาก มากกว่านั้น มันดูเหมือนว่าการกินพลังงานนั้นน้อยด้วย มากกว่านั้น จากผลของการประเมินตัวของเธอ มันเป็นไปได้ว่าความสามารถทางกายภาพของเธอได้เพิ่มขึ้น ชั้นอาจจะพูดเกินจริงว่าเธออาจจะเป็นลูกสาวของคนเหนือมนุษย์ แต่มันก็พูดได้ด้วยว่าเธอมีความสามารถและผลงานที่เหนือมนุษย์ เมื่อเทียบกับมนุษย์ทั่วไป แต่ถึงยังไง ผลข้างเคียงมันน้อยกว่าสุดขีด น้อยกว่าแมลงธรรมดา」

 

ผมได้ตกใจโดยคำของทามะมูชิ

 

ทามะมูชิที่อธิบายอย่างสุภาพเกี่ยวกับวิธีต้องห้าม จากในวิธีต้องห้ามที่อันตรายเป็นพิเศษ ผมเห็นด้วยว่าองค์ประกอบของแมลงได้ถูกใช้บนอาซะฮินะ

 

งั้นนั่นหมายถึง――

 

「ดังนั้นเธอพูดว่าเธอใช้วิธีที่อยู่ในหมวดหมู่ที่อันตรายโดยเฉพาะเหมือนวิธีต้องห้าม ซึ่งใช้บนอาซาฮินะ……」

 

ระหว่างที่สั่น ทามะมูชิพยักหน้ากับคำถามผม

 

โอ้พระเจ้าช่วย

 

「ชั้นขอโทษ มันอาจจะฟังเหมือนข้ออ้าง แต่ชั้นไม่มีเจตนาที่จะให้มันเป็นอย่างนั้น ชั้นไม่มีแผนจะสร้างวิธีต้องห้าม ยังไงก็ได้ ชั้นได้ไร้ความสามารถและทักษะของชั้น ในฐานะผู้ใช้แมลง ยังไม่เติบโต ซึ่งนำชั้นไปสู่การสร้างวิธีที่ย่ำแย่โดยบังเอิญ ชั้นขอโทษ ชั้นขอโทษ」

 

ทามะมูชิที่สั่นขอโทษ

 

ดูเหมือนว่าทามะมูชิมายามจะสร้างมนุษย์เทียม สิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับโฮมุนคูลัส ผมเดาว่าเธอชอบหาวิธีใหม่ สั้นๆคือ มันความผิดของนักวิจัย

 

เหมือนอย่างนั้น ทามะมูชิได้สร้างวิธีต้องห้ามโดยบังเอิญ

 

วิธีที่น่ากลัว คล้ายกับวิธีที่ทุกคนสามารถสร้างแมลง และมีตัวที่ใกล้กับความเป็นอมตะ

 

「เธอสร้างมันยังไง?」

 

「ชั้นได้บันทึกมันไว้ แต่ชั้นไม่รู้ว่าชั้นจะสามารถสร้างแมลงแบบเดียวกันได้มั้ย」

 

「มันยังอันตรายอยู่มั้ย?」

 

「ตราบใดทีสาวอาซาฮินะนั้นยังมีชีวิตอยู่ ถ้าเธอถูกเปิดเผย เธอจะรับวิธีต้องห้ามอย่างแน่นอน และที่สำคัญที่สุด มันเป็นวิธีที่อันตราย」

 

「ถ้าอย่างนั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับอาซาฮินะ?」

 

「สำหรับพวกนั้นที่รู้ความจริง ขึ้นอยู่กับคนที่อยู่ในองค์กร ไม่ว่ายังไง เธอจะถูกจับกุมตัว แต่ใช้เป็นวัตถุสำหรับการทดลอง」

 

「แล้วเธอล่ะ?」

 

「เหมือนกัน」

 

ใช่ มันจะเป็นแบบนั้นแน่นอน

 

วิธีต้องห้ามที่ทามะมูชิได้สร้างนั้นเป็นที่ต้องการสูง มีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนเทียบกับดาวในกาแล็กซี คนที่อยากได้มันจะแห่กันมาสู่มัน

 

จากองค์กรส่วนบุคคล จากนั้นระดับประเทศ

 

「ชั้นโอเคว่าอะรจะเกิดขึ้นก็ได้ ชั้นจะทำถ้ามันฆ่าชั้น แต่ ชั้นเสียใจกับสาวอาซาฮินะ ชั้นต้องด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งในบางวิธี…ชั้นต้องอย่างน้อยช่วยสาวคนนั้น……」

 

เข้าใจแล้วไม่ต้องสงสัยว่าทำไมทามะมูชิถึงได้ตื่นตกใจ

 

ไม่ แต่ *ฟุมุ* ในท้ายที่สุด นี่มันแน่นอนว่ามีปัญหา

 

ถ้าไม่มีใครเจอมัน งั้นมันก็ไม่เป็นเรื่องใหญ่ อาซาฮินะแค่ได้ตัวที่ฆ่าได้ยาก และมันอย่างที่ทามะมูชิได้พูด วิธีต้องห้ามที่เธอสร้างมาโดยอุบัติเหตุเป็นเพียงโชคของปีศาจ ถ้ามันเป็นบางสิ่งที่สร้างมาจากความบังเอิญ เนื่องจากความผิดพลาดที่ไม่สังเกต มันมีการบันทึกในการสร้างซึ่งนั่นเกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่แม้ว่าทามะมูชิได้สร้างแมลงจากวิธีสร้างแมลงที่เธอบันทึกไว้ มีความเป็นไปได้ที่แบบเดียวกันจะไม่สามารถทำได้อีก อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ ผลิตภัณฑ์ที่เสร็จแล้วที่เรียกว่าอาซาฮินะได้ถูกสร้าง ถ้าตัวตนของเธอได้ถูกเปิดเผย เธอจะตกเป็นเป้าหมายของคนอื่นโดยไม่ต้องสงสัย

 

「ชั้นอยากจะรู้ ถ้าเธอได้ตกเป็นเป้าหมาย งั้นเธอเป็นเป้าของใครมากที่สุด?」

 

「เอ๋?」

 

ทามะมูชิเอียงหัวตอบสนองกับคำถามผม

 

มันยากเกินไปที่จะเข้าใจ?

 

「ไม่ว่าองค์กรนั้นมันมาจากไหน พวกเค้าจะทำเธอเป็นเรื่องทดสอบ สำหรับการทดลองของพวกเค้า แต่ถ้าเธอได้ถูกจับ ที่ไหนโดยเฉพาะที่พวกเค้าจะพาเธอไป พูดอีกอย่างคือ เราพูดในการสมมุติว่าเธอถูกจับแล้ว」

 

ถ้าไม่มีใครรู้มันก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้ามันมีคนรู้ งั้นทุกคนรอบข้างเราจะเต็มไปด้วยศัตรู แม้ว่าเราเคลื่อนไหวตอนนั้น มันจะสายเกินไป

 

「น-นั่น……」

 

ทามะมูชิพึมพำขณะที่ตาของเธอสั่น

 

ผมไม่เคยคาดเดาเลยว่าเธอจะหวั่นไหวจากคำพูดผม

 

「มันไม่สำคัญว่าเป็นองค์กรดีหรือร้าย บอกชั้นถึงองค์กรที่ชั้นเจรจาด้วยได้ ที่ชั้นต้องทำคือข่มขู่พวกเหี้ยนั้นที่มาเพื่ออาซาฮินะ มันจะเป็นไปได้ถ้าชั้นใช้พลังขององค์กรนั้น」

 

「ม-ไม่มีนายในโลกนี้หรอก! นายควรจะหนี! เมื่อทุกอย่างมันถูกเปิดเผย มันจะจบแล้วในตอนนั้น!」

 

ทามะมูชิขึ้นเสียงโมโหจากคำพูดผม จากนั้นจับแขนของผม จ้องผม

 

ผมรู้นั่นแล้ว ถ้าคุณมีทางเลือกที่จะวิ่งหนี งั้นมันดีกว่าที่จะทำอย่างนั้น

 

อย่างไรก็ตาม――

 

「ด้วยเธอที่ใจร้อนขนาดนั้น ชั้นเดาว่ามันเป็นไปได้ที่มันจะเล็ดออกไปข้างนอก ซึ่งทำให้อาซาฮินะตกอยู่ในอันตราย ใช่มั้ย?」

 

ทามะมูชิกระตุกทีนึงเมื่อเธอได้ยินคำถามของผม

 

บิงโก

 

「ม-เมื่อชั้นถูกทิ้ง ชั้นจะถูกฆ่า ดังนั้น――」

 

「ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของมุโกอุ-ซัง นายจะไม่มีวันรู้ว่าเมื่อไหร่เค้าจะส่งคนมาหานาย」

 

「นั้นถูกต้อง แล้วก็ ถ้าชั้นถูกจับตัว――」

 

「ไม่ว่าจะเธอซ่อนมันยังไง มีความเสี่ยงที่ข้อมูลจะถูกเปิดเผย」

 

「น-นั่นถูกต้อง」

 

จ้องผมอย่างเข้มข้น ทามะมูจิจับผมที่แขน การจจับของเธออ่อนแรงลง ขณะที่ความเข้มช้นกระจายออกไปจากตาของเธอ

 

ถ้าทามะมูชิถูกจับ และข้อมูลถูกสกัดออกไปจากเธอ ตัวตนของอาซาฮินะจะถูกเปิดเผย

 

ถ้าอย่างนั้น ไม่เร็วก็ช้า มันควรจะดีกว่าที่จะคิดว่าองค์กรไหนจะสามารถเจรจาด้วย และมีการเตรียมการเตรียมการล่วงหน้า เพื่อที่จะซัดทุกคนด้วยหมัด

 

「อ-องค์กรที่เจรจาด้วยได้ ไม่ว่าองค์กรไหน เมื่อมันถูกเปิดเผย งั้นทุอย่างมันจะจบ แต่ในฐานะบางคนที่มีการรักษาขั้นสูงเป็นความสามารถที่ผิดปรกติ งั้น องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด พวกเขามีความรู้ที่สมบูรณ์เกี่ยวกับความสามารถพิเศษ และคนที่มีความารถพิเศษ อย่างไรก็ตาม เมื่อมันเป็นเรื่องวิธีต้องห้าม……」

 

งั้น ในทางปฏิบัตแล้วไม่มีองค์กรไหนที่เจรจาด้วยได้เลย แต่องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติจะสามารถที่จะเข้าใจ คนที่มีความสามารถที่ผิดปรกติ

 

เข้าใจแล้ว

 

「ค-ความเป็นไปได้มันต่ำ แต่มันไม่ได้หมายถึงมันไม่มีทางที่นายจะเจรจาได้……」

 

หันหน้าออกไปจากผม ทามะมูชิพึมพำขณะที่เธอสั่น

 

「ความสามารถของนาย เพราะความสามารถของนายคือ “ตาแห่งพื้นดิน” มันใช้เป็นวัตถุดิบการเจรจาได้ “ตาแห่งพื้นดิน” ก็ยังใช้ถึงจุดนั้นได้ด้วย นอกจากนี้ แม้ว่าวิธีต้องห้ามมันอันตราย ระดับความเสี่ยงปัจจุบัน มันไม่มากขนาดนั้น ถ้านายไม่เล็ดข้อมูลออกไป และมีองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติสนับสนุนนายทันที เราอาจจะสามารถเจรจาอย่างได้เปรียบ อย่างที่นายพูด มันน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะกระทำเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อสร้างสถานการณ์ที่ดีที่นี่ด้วยเหมือนกัน ยังไงก็ตาม――」

 

ทามะมูชินำสายตาเธอกลับมาที่ผมระหว่างที่สั่น จากนั้น――

 

「แม้การเจรจาจะสำเร็จ มันเป็นไปไม่ได้ทีจะกลับไปใช้วิถีชีวิตแบบเดิม นอกจากนี้ ในกรณีของสาวคนนั้น แม้ว่าเธอช่วยชีวิตของเธอได้ เธอจะถูกผนึกไปอย่างไม่ต้องสงสัย」

 

เกือบจะร้องไห้ ทามะมูชิพึมพำระหว่างที่จับหน้าอกผมด้วยสองมือ

 

ความเป็นไปได้ที่การเจรจาจะล้มเหลวมันสูงมาก แม้ว่าผมทำสำเร็จงั้นมันจะมีผลเป็นชีวิตที่ถูกคุมขัง

 

「ถ้านายลบบันทึกแล้วลบตัวตนชั้นซะ――」

 

「ถ้ามีผู้ใช้ความสามารถหลากหลาย งั้นมันจะไม่น่าแปลกใจที่จะมีความสามารถที่สามารถฟื้นฟูบันทึก」

 

ลบบันทึกไปกับตัวเธอเอง หลังจากได้ยินอย่างนั้น ทามะมูชิที่พึมพำสั่นกับคำพูดผม

 

อาา มันมีตัวตน ผู้ใช้ความสามารถนั้น

 

「ช…ช-ชั้นจะ วิธีใดวิธีหนึ่ง วิธีใดวิธีหนึ่ง คิดให้ออกอย่างแน่นอน……」

 

ใช่ ทามะมูชิที่อ่อนแอได้สั่น

 

ดูเหมือนว่าเธอโทษทุกอย่างไปที่ตัวเธอเอง ทามะมูชิพยายามจะแบกความรับผิดชอบทั้งหมด แต่มันไม่ใช่บางอย่างที่เธอรับมือได้ด้วยตัวของเธอเอง

 

「มันจริงที่ว่าอาซาฮินะได้ถูกช่วย ชั้นขอเธอให้ช่วยอาซาฮินะ เธอตอบการร้องขอของชั้น นั่นคือทั้งหมดของมัน นอกจากนั้น เหตุผลที่อาซาฮินะได้รับบาดเจ็บสาหัสและเกือบตาย เพราะเธอเป็นอีงี่เง่าตั้งแต่ทีแรก แม้ว่า ชั้นพูดไม่ได้ว่าเธอไม่มีความรับผิดชอบใดๆเลยซักนิด แต่มันคือความผิดของอาซาฮินะ และชั้นที่ร้องขอให้เธอช่วยอาซาฮินะ」

 

ถ้ามันไม่ใช่อาซาฮินะที่ก้าวเข้าไปสู้กับคามูโระ ฮิซูกิ งั้นนี่จะไม่มีวันเกิดขึ้นเลย

 

แต่ยังไงซะ ถ้าอาซาฮินะได้ถอยอย่างเชื่อฟังในการต่อสู้ งั้นคามูโระ ฮิซูกิจะยังติดกับผมอย่างแน่นอน

 

ยังไงซะ ถ้านั่นเกิดขึ้น ผมมีแผนจะทำบางอย่าง แต่อะไรที่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ――

 

「ถ้าอาซาฮินะถอนตัวจากการต่อสู้ที่นั้น งั้นชั้นจะผิดหวังในเธอ แต่เธอไม่ถอยและชั้นไม่ได้รู้สึกไม่พอใจเลยซักนิดกับผลของมัน」

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมคืออาซาฮินะไม่ถอยเลย

เนื่องจากความจริงนั้น ผมพอใจมาก

 

สาวคนนั้น อาซาฮินะต้องเป็นเหมือนกันกับเธอ

 

และมันเหมือนกันในครั้งนี้

 

ไม่ว่าองค์กรไหนที่จับตามองมาที่เธอ เธอจะไม่มีวันถอย เพราะเธอคืออีงี่เง่า

 

「ทามะมูชิ ขอโทษแต่เอาข้อมูลมาให้ชั้น มันคือองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติเหรอ? ถ้าการเจรจาเป็นไปไม่ได้ งั้นชั้นต้องซัดมันซะ ชัยชนะจะเป็นของคนที่เคลื่อนไหวก่อน ชั้นอยากได้ข้อมูลสำหรับเรื่องนั้น แม่ว่าชั้นยังไม่ได้จ่ายเธอคืน ชั้นจะขอติดค้างกับเธออีกครั้ง」

 

「ห๋าา?」

 

กับคำถามผม ทามะมูชิส่งเสียงที่โง่เง่าด้วยตาเป็นจุด

 

ถ้าอาซาฮินะเรียนรู้ความจริงนี้ เธอจะไม่หนีหรือซ่อน เธอจะเผชิญหน้าตรงๆ โดยไม่สงสัย

 

ถ้านั้นเกิดขึ้น มันจะยากที่จะคุยให้เข้าใจ ดังนั้น มันดีหว่าสำหรับผมที่จะเคลื่อนไหวก่อนที่นั่นจะเกิดขึ้น

 

「ม-ไม่มีทางน่า! นายจะบอกว่านายจะไม่เป็นศัตรูกับองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติเหรอ?!」

 

「ชั้นไม่ได้จะต่อต้านพวกเขา มันแค่อยู่ที่ว่าเค้าจะรับเงื่อนไขของเราได้มั้ย」

 

「อะไร?」

 

ทามะมูชิส่งเสียงที่สั่นจากนั้นยิ้มอย่างงุ่มง่าม กับคำพูดผมทามะมูชิเอียงหัวของเธอแล้วส่งเสียงที่โง่เง่า

 

มันเป็นไปไม่ได้เหรอ? มันยากที่จะเข้าใจเหรอ? มันเป็นบางอย่างที่ท้าทายสามัญสำนึกใช่มั้ย? งั้นมันยิ่งมีเหตุผลในทำมัน

คุณจะไม่มีวันคาดว่าคนอื่นจะจู่ๆมาหาคุณด้วยหมัด มันเรียกว่าการโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว

 

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้อาจจะค่อนข้างลำบาก มันแตกต่างจากสู้ข้างถนน

 

แม้ว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี มีความเป็นไปได้สูงที่ทั้งอาซาฮินะและผมจะถูกจับกุมตัว เพิ่มเติมจากนั้น สถานการณ์กรณีที่แย่ที่สุด ทามะมูชิจะถูกกำจัดทิ้ง

 

「มา-มาสเตอร์!」

 

ริกกะ ผู้ที่ลบตัวตนของเธอและหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับความมืดอย่างสมบูรณ์ ได้ปรากฏตัวจากที่ไหนก็ไม่รู้ และยืนตรงหน้าผม

 

ริกกะตอบสนองกับศัตรูเหรอ?

 

มีนั่นอยู่ในใจ ผมใช้ความสามารถของผมและ “เห็น” ฉากนั้นที่ทำให้หัวผมเจ็บ

 

ขณะที่ผมถอนหายใจ ในเวลาเดียวกัน ประตูของห้องนั่งเล่นบินเปิดออก และคนที่ปรากฏตัวก็คือ――

 

「นั่นเป็นพลังเยอะ ชั้นตกใจ」

 

เห็นหมัดของเธอ แม้เธอพูดว่าเธอตกใจ มันดูไม่เหมือนอย่างนั้น

 

「อ๊ะ ขอโทษที่ทำลายประตู」

 

แม้ว่าเธอพูดขอโทษ มันดูไม่เหมือนว่าเธอสำนึกมัน

 

「ชั้นได้ยินที่พวกนายคุยกัน แต่ชั้นไม่มีความคิดเลยว่าพูดเรื่องอะไรกัน」

 

และด้วยเหตุนี่ เธอเปิดเผยว่าเธอเป็นอีงีเง่าด้วยวิธีที่ยิ่งใหญ่

 

ให้ตายเหอะ คนที่ผมไม่อยากให้ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มากที่สุด ได้ยินที่เราคุยกัน

 

มันเป็นสิ่งที่มีปัญหาอย่างแน่นอน

 

「ข-ขอโทษมาสเตอร์ ชั้นได้รู้ว่าอาซาฮินะ-ซามะเข้าหา แต่…อืม…ช-ชั้นได้กลัวมากจนชั้นสลบไป」

 

ริกกะที่สั่นยืนตรงหน้าผมเพื่อปกป้องผมพูดด้วยรอยยิ้มที่สั่น

 

เห็นได้ชัดว่า ริกกะได้กลัวอาซาฮินะอย่างสมบูรณ์

 

จากทามะมูชิ แม้ว่ามันดูเหมือนอาซาฮินะได้เพิ่มความสามารถเธออย่างมาก ความแข็งแกร่งของเธอดูจะไกลจากริกกะและทามะมูชิ

 

พูดอีกอย่าง ถ้าพวกเขาได้สู้กัน งั้นริกกะจะมีความได้เปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย

 

อย่างไรก็ตาม――

 

「ริกกะแม้ว่าเธอพลาด อย่าไปสู้กับอีงี่เง่านั่น เพราะเธอจะติดโรคความโง่ของเธอ」

 

ยืนขึ้น ผมลูบริกกะที่ไหล่ แล้วยืนอยู่ตรงหน้าเธอ

 

แม้ว่าไม่ต้องสงสัยว่าริกกะจะได้เปรียบในการต่อสู้ อาซาฮินะจะชนะ ริกกะเอาชนะอาซาฮินะไม่ได้

ริกกะเข้าใจความจริงนี้

 

แต่นั่นโอเค

 

ความกลัวนั้นไม่ได้หมายถึงความรู้สึกที่ไม่ดี ไม่ ในความเป็นจริง มันเป็นอารมณ์ที่ขาดไม่ได้เพื่อความอยู่รอด

 

「ซูซูฮาระ-คุง อธิบายสถานการณ์ปัจจุบันให้ชั้นเข้าใจให้ชัดเจน」

 

「อ-ออกคำสั่งกับมาสเตอร์――」

 

「อึ๋นนน?」

 

「ฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮิ้- อย่าออกคำสั่งมาสเตอร์ของชั้น อาซาฮินะ-ซามะ…」

 

แม้ว่ามันเป็นริกกะที่ขึ้นเสียงเพื่อวิจารณ์ท่างทางที่ไร้เหตุผลของอาซาฮินะ แต่จากการดูอาซาฮินะเอียงหัวของเธอและยิ้มให้เธอ ริกกะดูเหมือนเธอกำลังจะร้องไห้ แม้ว่าริกกะยังเกาะกับความภาคภูมิใจของเธออยู่ เธอยังใช้คำให้เกียรติกับอาซาฮินะ มากกว่านั้น ใช่ “-ซามะ” เพื่อเรียกเธอ

 

ริกกะ อย่าดันตัวเอง อีงี่เง่านั่นมันพิเศษ

 

「ซูซูฮาระ-คุง ชั้นพูดว่า อธิบายสถานการณ์ปัจจุบันใน รูปแบบที่เข้าใจง่ายซิ」 「ชั้นโง่ ดังนั้นได้โปรดอธิบายมันในระดับที่เข้าใจได้แม้แต่เด็ก ใช่มั้ย?」

 

อาซาฮินะสั่งระหว่างที่เดินเข้ามาหาผมด้วยท่าทางที่ไม่เคารพ เผชิญหน้ากับผมด้วยรอยยิ้ม

 

เธอได้เดินมาหาผมต่อ จนถึงจุดที่ว่าตัวเราจะชนกัน และริมฝีปากของเราเกือบสัมผัสกัน

 

「ซูซูฮาระ-คุง หูนายเน่าแล้วเหรอไง? ชั้นคิดว่ามันดีกว่าที่นายจะไปหาโสตศอนาสิกแพทย์*」

TLN: หมอหู

 

แม้จะเตี้ยกว่าผมมากก็ตาม อาซาฮินะสั่งผมอย่างหยิ่งขณะที่เธอมองขึ้นมาเพื่อให้ตาสบกัน

 

「มันยังไม่เน่าซักพักที่แล้ว แต่มันดูเหมือนว่าหลังจากที่ได้ยินเสียงของเธอ มันได้กลายเป็นเน่า」

 

ยิ้มให้อาซาฮินะ ผมจิ้มนิ้วเข้าไปที่หู แสดงมันให็เธอดู

 

「ชั้นสงสัยว่า ชั้นจะถูกตกเป็นเป้าของใครมั้ย」

 

แม้อาซาฮินะพูดว่าเธอไม่เข้าใน มันดูเหมือนว่าเธอยังจะพอเข้าใจได้บ้าง

 

「อาา」

 

ตอบคำถามของเธอด้วยรอยยิ้มบนหน้าผม อาซาฮินะมองผมและยิ้ม

 

「ชั้นไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร ถ้ามีใครมีเป้ามาที่ชั้น งั้นชั้นจะให้พวกเค้าทำอะไรที่พวกเค้าต้องการ แล้ว ชั้นก็จะทำที่ชั้นพอใจด้วย」

 

「นั่นมันจะไม่เกิดขึ้น เธอเป็นทาสของชั้น ชั้นจะไม่ยกโทษให้ใครที่ลงมือกับสิ่งของของชั้น」

 

「โอ้ แหม? นี่เป็นการสารภาพรักเหรอ?」

 

「ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนที่จำเป็นต้องไปหาโสตศอนาสิกแพทย์เหรอ? อ๊ะ ชั้นผิดเอง ชั้นผิดเอง แม้ว่าเธอไปหาโสตศอนาสิกแพทย์ พวกเค้ารักษาสมองเน่าไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ?」

 

「ฟุฟุ ช่างไร้เดียงสา พูดจากคนที่รักชั้นถึงตาย」

 

「เธอทำให้ชั้นโมโหถึงตาย」

 

ด้วยปากของเราใกล้กันมากถึงจุดที่ว่ามันสัมผัสกันได้ เรายิ้มให้กัน

 

「เฮ้ อาซาฮินะ」

 

「มีอะไร?」

 

「เธอจะตกเป็นเป้าหมาย」

 

「อะร้า อย่างนั้นเหรอ? ชั้นค่อนข้างเป็นที่นิยม ไม่ใช่เหรอ?」

 

「เราควรจะฆ่าพวกเค้ามั้ย?」

 

「ชั้นมีเจตนาอย่างนั้นอยู่ตลอด」

 

「งั้นมันตัดสินใจแล้ว」

 

「ใช่ แน่นอน」

 

อาซาฮินะพยักหน้ากับคำพูดผมโดยไม่ลังเล

 

เพราะเธอโง่ เธอไม่เข้าใจสถานการณ์เลยซักนิด แต่แม้ว่าเธอเข้าใจสถานการณ์แล้ว คำตอบเธอจะไม่เปลี่ยนแน่นอน

 

เธอเป็นไอโง่ที่รู้ว่าจะเดินหน้าอย่างเดียวเท่านั้น

 

อ๊าาา อีเหี้ย นี่มันน่ารำคาญ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณได้ไปเกี่ยงข้องกับอีนังนั่น ทุกอย่างได้ปัญหาเยอะทันที

 

นี่มันแย่ที่สุด แย่ที่สุดจริงๆ มันแย่มากถึงจุดที่ว่ามันหัวเราะได้เลย

 

「ชั้นรู้สึกแย่กับองค์กรที่จะมีเป้าหมายที่เรา」

 

「อย่าเอาชั้นไปร่วมกับนาย ชั้นไม่น่ารังเกียจเท่านาย」

 

「โอ้ มาเหอะ อย่าพูดอย่างนั้นสิ อาซาฮินะ มาสนุกด้วยกันเถอะ」

 

「ฮ่าา นี่คือทำไมผู้ชายเป็นสัตว์ป่าเถื่อน นายรักชั้นมากจนถึงจุดที่ว่านายข่มขืนชั้น」

 

ได้ยินคำพูดผม อาซาฮินะถอนหายใจลึก และเหมือนเธอได้ยอมแพ้ เธอยักใหล่ของเธอ

 

ผมอาจจะค่อนข้างป่าเถื่อน แต่ผมแน่นอนว่าไม่อยากได้ยินนั่นมาจากเธอ

 

ที่สมควรจะเป็นจุดที่สุโคมิเกิดขึ้น แต่อีงี่เง่านี่จะไม่ถอยไปอย่างเชื่อฟัง ดังนั้นเธอจะพูดต่ออย่างทะลึ่ง และทำให้ผมโกรธขึ้นอีก

 

ดังนั้น――

 

「ทามะมูชิ เรามีแผนจะเริ่มโจมตีที่ที่เรียกว่าองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติ ขอโทษ แต่ชั้นจำเป็นให้เธอร่วมมือด้วย」

 

「มาสเตอร์!」

 

ขณะที่ผมได้มองอาซาฮินะต่อแล้วถามทามะมูชิ ริกกะขึ้นเสียงขึ้นมา

 

「ริกกะ ชั้นจะไม่บอกให้เธอร่วมมือ」

 

พูดนั่นผมมองกลับไปและเห็นริกกะมองผมด้วยหน้าตาที่กังวล บนหน้าของเธอ

 

「เธอเป็นคนเดียวที่ชั้นจะไม่ถาม เหตุผลก็คือเพราะเธอเป็นหมาของชั้น ไม่ใช่ว่านั่นถูกเหรอ? ซูซูฮาระ ริกกะ」

 

ผมถามริกกะด้วยรอยยิ้มบนหน้าผม สักครู่หนึ่งเธอมองผมอย่างว่างเปล่า แต่รอยยิ้มที่เปล่งปลั่งได้ลอยอยู่บนหน้าเธอ และจากนั้น――

 

「ค่ะ! ชั้นจะตามนายไปไม่ว่าที่ไหนที่นายไป!」

 

ริกกะมอบการพยักหน้าที่ใหญ่

 

มันดีที่ว่าเธอเข้าใจมัน

 

นั่นเป็นอย่างนั้น พลังการต่อสู้ของเรามีสี่คนรวมถึงผมด้วย

 

จำนวนของพวกเราน้อย แต่นั่นดี

 

ผมไม่รู้ว่าองค์กรแบบไหน ที่องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติเป็น แต่ผมจะเริ่มก่อนเพื่อดูมัน

 

นั่นทำไม――

 

ล้างคอแล้วรอได้เลย

 

ข้อความจากผู้เขียน

องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติ: 「เออ๋!? รอเดี๋- เออ๋?!」

 

TLN: หยุด 5 วันนะครับ

 

 

 

เวอร์ชั่นไม่เซ็นเซอร์อ่านได้ที่ tunwalai หรือ readAwrite

สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่

067-3-63958-5

กสิกรไทย

 

แปลโดย: wayuwayu

ติดตามได้ที่ดิสคอทส่งข้อความมาขอได้ที่ facebook: “wayuwayu แปล”

pdfไว้อ่านตอนกลางคืน  สปอนเซอร์ตอน จองตอน หารได้ ได้ทั้ง facebook และ discord

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+