เอ็กซ์เรย์เป็นมากกว่าที่ฉันคิด – X-ray Is More Than I Thought 99

Now you are reading เอ็กซ์เรย์เป็นมากกว่าที่ฉันคิด – X-ray Is More Than I Thought Chapter 99 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 99

 

เวอร์ชั่นไม่เซ็นเซอร์อ่านได้ที่ tunwalai หรือ readAwrite

 

ด้วยกันกับริกกะ เรากับมาที่บ้าน ผมเดินไปที่บันได้แล้วไปที่ห้องนอน เมื่อเราเข้ามา ผมมองไปรอบๆ

 

ริกกะ ที่เข้ามาในห้องหลังจากผม สับขาไปที่เตียง เธอแหมะลงบนมัน จากนั้นเธอฝังหน้าของเธอลงบนหมอนของผม และเริมเตะขาเธออย่างมีความสุขระหว่างที่กอดมัน

 

「ริกกะ ถ้าเธออยากได้อะไร งั้นทำตามใจเธอเลย」

 

ผมเรียกริกกะที่เล่นไปทั่วเตียงด้วยตัวเธอเอง

 

เพราะมีความเป็นไปได้ว่าเราจะไม่สามารถกลับมาที่นี่ได้อีกแล้ว

 

「อะไรก็ได้เหรอ?」

 

「อืมม」

 

เมื่อเธอนั่งตรงๆจากเตียงและถามคำถามนั้น ผมตอบด้วยการพยักหน้า

 

จากนั้นริกกะกระโดดออกจากเตียง วิ่งเหยาะๆไปที่ชั้นวางหนังสือและยืนตรงหน้ามัน

 

「งั้น ชั้นอยากได้นี่」

 

หยิบตุ๊กตามาจากชั้นวางหนังสือ ริกกะมองผมและมอบมัน

 

ที่เธอหยิบมาจากชั้นวางหนังสือคือตุ๊กตาซูซูฮาระเบอร์ 7 ซึ่งทำโดยมารินะ และทิ้งมันไว้ที่นี่เพื่อความสะดวกของเธอเอง

 

「เมื่อวาน ชั้นเห็นมารินะ-ซังมีตุ๊กตาที่ดูคล้ายกันกับตัวนี้ และชั้นอยากได้มันด้วย ชั้นจะดีใจมากถ้านายได้มอบนี่ให้ชั้น」

 

เครื่องจักรช่วยตัวเองติดไปด้วยของเล่นเซ็กส์จำนวนมากข้างใน

และระหว่างที่พึมพำ ริกกะโอบกอดมันอย่างรักใคร่

 

เธอจะเอานั่นไปเหรอ? และผมตรงนี้ คิดว่าผมอยากจะถูกปล่อยจากคำสาปซูซูฮาระ

 

มารินะนั่น เธอสาปตุ๊กตาซูซูฮาระเหรอ?

 

「ยะ-ยังไงซะ ชั้นไม่ถือมันเป็นพิเศษ」

 

คิดว่าคำสาปจะตามผมไปไม่ว่าผมไปที่ไหน ผมจบที่การตอบรับคำขอของริกกะ

 

「เย้♥ ชั้นจะปฏิบัติกับนี่ว่าเป็นส่วนหนึ่งของมาสเตอร์และจะหวงแหนมันด้วยความรัก♥」

 

กระโดดในความสุข ริกกะใส่สีหน้าที่มีความสุขขณะที่เธอถูกตุ๊กตาซูซูฮาระเบอร์ 7 บนแก้มของเธอที่เธอกอดแน่นๆ

 

ผมได้เตรียมกระเป๋าใบใหญ่ให้ริกกะแพคของใช้ประจำวันเข้าไป และลงบันไดไป

 

ผมได้กังวลเกี่ยวกับมันมาค่อนข้างซักพักแล้ว แต่ผมต้องพูดมัน

 

พูดจากใจ ผมไม่มีความคิดว่าจะอธิบายมันยังไง ดังนั้น ผมคิดว่ามันดีกว่าที่จะพูดความคิดของผม

 

พูดสิ่งนั้นกับตัวเอง ผมหยิบที่รับโทรศัพท์

 

ในท้ายที่สุด ผมพูดขอบคุณสำหรับเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน และพูดลาก่อน จากนั้นวางโทรศัพท์กลับไป

 

ผมบอกแม่ของผมว่ามีบางอย่างที่ผมต้องทำ

 

ผมบอกเธอด้วยว่าผมจะออกจากโรงเรียน และไม่ได้บอกว่าผมจะไปที่ไหน

 

ผมอยากจะพูดทุกอย่างในทีเดียวและจบมันด้วยแค่นั้น

 

แต่ถ้าผมจบมันแบบนั้น มันอาจจะฟังดูเหมือนว่าผมบอกเธอให้ตามหาผม

 

แต่ถึงอย่างไร ไม่ว่าผมจะอธิบายมันหรือกล่อมเธอขนาดไหน เธอน่าจะไม่เข้าใจ อย่างไรก็ตาม ผมแค่วิ่งหนีไม่ได้

 

โดยธรรมชาติแล้ว ผมได้ยินหลายอย่างจากแม่ กับการรัวคำถามนั่น ผมพูดง่ายๆว่าผมตอบคำถามพวกนั้นไม่ได้

 

แน่นอนว่า แม่โยนคำถามหลายแบบมาใส่ผม และร้องไห้ผ่านโทรศัพท์ ซึ่งทำให้ผมเสียใจกับสิ่งที่ผมทำ

 

ผมตอบอะไรไม่ได้ และไม่สามารถจะทำอะไรได้อีก ผมแค่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยโทรศัพท์แนบหู ฟังเสียงที่ร้องไห้ของแม่

 

ผมรู้สึกถึงความอุ่นบนมือซ้าย

 

เมื่อผมหันกลับไป ผมเห็นริกกะมองขึ้นมาหาผมและจับมือผมอยู่

 

ถ้าริกกะหัวเราะ ผมน่าจะวางโทรศัพท์ไปทันที

 

แต่เธอแสดงสีหน้าที่กังวลเมื่อเธอมองผม

 

ริกกะกังวลเกี่ยวกับผม เธอใจดีพอที่จะกังวลเกี่ยวกับผม

 

ผมที่ตัวคนเดียวในที่สุดก็ได้เจอ “ครอบครัวที่แท้จริง”

 

นั่นทำไม ผมต้องทำต่อไป ผมได้พูดไปแล้วว่าผมจะปกป้อง “ครอบครัวที่แท้จริง” ของผมตั้งแต่ตอนนี้ไป ผมเลยวิ่งหนีตอนนี้ไม่ได้

 

ผมสงสัยว่ามันใช้เวลานานแค่ไหน

 

แม่ของผม ที่ได้ร้องไห้ตลอดเวลานี้ ถามคำถามนี้ในเสียงที่สั่น

 

――ลูกจะโทรหาแม่มั้ย?

 

คือที่เธอพูด

 

แม่ผมด้วยกันกับพ่อผม ไกลจากบ้าน

 

เธอจะทำมันไม่ทันแม้ว่าเธอพยายามจะหยุดผมจากการออกจากบ้าน

 

แม้ว่าเธอขอการหาตัวจากตำรวจ ตำรวจจะไม่รับงานนี้ด้วยความจริงใจ

 

เพราะฉะนั้น เธอน่าจะสรุปว่ามันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ที่จะทำให้มั่นใจว่าผมสัญญาจะติดต่อกับเธอบ่อย

 

――ผมจะโทรหาแม่แน่นอน

 

บอกนั่นกับแม่ผม เธอ ที่ในที่สุดหยุดหร้องไห้แล้ว เริ่มร้องไห้อีกครั้ง เหมือนเด็กมาก

 

แม่ผมขอโทษผม เธอร้องไห้ระหว่างที่ขอโทษผมและสารภาพความรู้สึกจริงๆของเธอ

 

――แม่ไม่รู้ว่าจะสื่อสารกับลูกยังไง

 

――แม่ขอโทษที่เป็นแม่ที่ล้มเหลว

 

――แม่ไม่อยากทำร้ายลูก แต่แม่รู้ว่าแม่จบที่การทำร้ายลูกมากขึ้น แม้ว่าแม้รู้เกี่ยวกับมัน แม่ทำอะไรไม่ได้

 

คือที่เธอพูด

 

ผมไม่รู้สึกโกรธแม้แต่เล็กน้อย

 

ถ้าผมเป็นคนปรกติ ที่ตกหลุมรักสาวคนหนึ่ง และเดทปรกติ และมีลูก

 

และถ้าลูกผมเป็นสัตว์ประหลาดแบบผม

 

ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะอธิบายมันกับเธออย่างไร

 

มันเป็นแนวคิดเดียวกันกับสัตว์ประหลาดให้กำเนิดลูก

 

เราจะไม่เล่นเกมการโทษเพื่อจะดูว่าใครผิด

บังเอิญ มันเป็นเพียงความบังเอิญที่ผมจับได้ไม้สั้น

 

――แม่ ในที่สุดผมก็ได้สร้างครอบครัวที่แท้จริงแล้ว ครอบครัวที่ผมต้องปกป้อง ดังนั้นขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่แม่ทำให้ผม…และลาก่อน

 

ริกกะจับมือผมแน่นขณะที่ผมบอกคำเหล่านั้นกับแม่ของผมบนโทรศัพท์

 

แม่ไม่พูดอะไรและแค่ร้องไห้เงียบๆ

 

วางโทรศัพท์กลับอย่างอ่อนโยน ผมพาสายตาลงไปที่ริกกะ และเห็นเธอสั่น ก้มหัวของเธอลงระหว่างที่บีบมือผม

 

จากริกกะ น้ำตาหยดลงและลงไปที่เท้าของเธอ

 

ออกจากบ้าน ริกกะและผมเดินออกไปที่ถนนเพื่อจะกลับไปที่บ้านของทามะมูชิ

 

ผมไม่มีเจตนาจะกลับมาที่นี่อีก เราก็จะทิ้งบ้านของทามะมูชิวันนี้ด้วย

 

เพราะทามะมูชิเกี่ยวข้องกับคุดันทางอ้อม และจากที่นานะฟูชิพูด ทามะมูชิอยู่ภายใต้การเฝ้าดูขององค์กรของคุดัน

 

อย่างไรก็ตาม เหมือนที่ผมไม่สามารถที่จะใช้ความสามารถของผมเมื่อผมอยู่ใกล้ฮิซูกิ มันดูเหมือนองค์กรไม่สามารถที่จะดูสถานการณ์เนื่องจากการตื่นขึ้นของตาแห่งสวรรค์

 

ดังนั้น พวกเขาจะเริ่มเคลื่อนไหว

 

แม้ว่ามันจะฟังดูรีบ มันดีกว่าที่จะเปลี่ยนตำแหน่งเราไปที่อื่น

 

ผมไม่แน่ใจว่าเราจะซื้อเวลาได้มากเท่าไหร่ แต่มันยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

 

อย่างน้อย ผมอยากได้เวลาพอให้ความสามารถของฮิซูกิมั่นคง

 

ก่อนที่จะออกมาจากบ้านทามะมูชิ ผมรวมทุกคนในห้องนั่งเล่น และถามว่ามีที่ที่เราย้ายไปได้มั้ย

 

ผลของการสนทนานั้น เราได้เจอความจริงที่ว่าตอนนี้ฮิซูกิอยู่คนเดียว

 

ไม่ พูดให้ตรงๆ เธอได้อยู่ด้วยกันกับคาซะฮานะ

 

เห็นได้ชัดว่า ฮิซูกิเกิดขึ้นมาในตระกูลที่ร่ำรวย ด้วยกันกับพี่ชายสองคน พี่สาวสามคน น้องชายสองคน และน้องสาวสีคน

 

แค่การฟังมัน ผมเข้าใจว่าเธอมีครอบครัวที่ซับซ้อนอย่างไร้สาระ

 

แต่ยังไงซะ ผมไม่ได้อยู่ตำแหน่งที่จะพูดนั่น เพราะผมได้ลงมือกับสาวๆจำนวนหนึ่ง

 

คำอธิบายของฮิซูกิรวบรัดมาก

 

เธอได้ถูกบอกว่าไม่ให้กลับบ้านไปอีกครั้ง

 

เพราะมีเงินจำนวนมากในบัญชีธนาคารของเธอ ค่าอาหาร และการหาที่อยู่ไม่ใช่ปัญหา

 

สองจุดนั้น และ――

 

――มันเป็นความผิดชั้นที่เกิดมา

 

เธอพูดสิ่งนั้นด้วยรอยยิ้ม

 

สถานการณ์ของเธอฟังดูคล้ายของผม

 

คนส่วนใหญ่จะสงสัยว่านั่นเกิดขึ้นได้อย่างไร

 

ผมเดาว่าเธอก็ได้ความสามารถเมื่อเธอเกิดและเป็นเด็กที่มีปัญหาแบบผมด้วย

 

ไม่ ความสามาถของผมทำให้ผมเห็นทะลุคน แต่ของฮิซูกิทำให้เธอแอบมองเข้าไปในใจคน

 

แม้ว่าข้อมูลมันเป็นเศษเสี้ยว เมื่อคนรู้ว่าบางคนมีความสามารถแบบนั้น จะไม่ชอบมันอย่างแน่นอน

 

เพราะทุกคนมีความลับที่จะซ่อน แต่เด็กเล็กไม่มีความสามารถที่จะแยกแยะมันกับข้อมูลอื่น

 

พูดอีกอย่าง สำหรับแค่เด็กคนนั้น ความสามารถที่จะ “เห็น” เห็นได้ชัดว่าจะเป็ฯ “สามัญสำนึก” ดังนั้นความเป็นไปได้ที่จะพูดถึงมันค่อนข้างสูง

 

เหมือนผม คนน่าจะคิดว่าเธอเป็นสัตว์ประหลาดบางอย่าง

 

ไม่ เธอน่าจะโตมากับสภาพแวดล้อมที่แย่กว่าของผม

 

มันเป็นเพียงเรื่องธรรมชาติที่จิตใจของฮิซูกิ ไปในทางที่แย่กว่าเนื่องด้วยสิ่งนั้น

 

แต่ยังไงซะ ฮิซูกิโชคดีที่โชคไม่ดี

 

ความโชคร้ายที่เกิดมาด้วยความสามารถพิเศษ และถูกทิ้งโดย “ครอบครัว” ของเธอ ที่มีสายเลือดเดียวกันวิ่งอยู่ในเส้นเลือด

ในทางกลับกัน ถูกทิ้งโดย “ครอบครัว” ที่เกี่ยวของกันทางสายเลือด จริงๆแล้วเป็นผลให้เธอเจอคาซะฮานะ “ครอบครัวที่แท้จริง” ของเธอ

 

และจากการติดต่อกับผม ผมสามารถที่จะเจอริกกะ

 

นั่นทำไมผมต้องขอบคุณฮิซูกิ

 

ถ้าผมไม่ทิ้งฮิซูกิออกไปจากชีวิตของผม ผมจะไม่มีวันได้เจอริกกะ

 

ไม่นานมานี่ ผมได้ติดค้างหลายคนจากหลายเรื่อง ผมได้กังวลว่าผมจะสามารถจ่ายพวกเธอคืนได้มั้ย

 

พูดนั่นแล้ว เราตัดสินใจที่จะเลื่อนฐานของเราไปที่บ้านปัจจุบันของฮิซูกิ

 

ฮิซูกิเหมือนเด็กไร้เดียงสาและตื่นเต้นที่ได้ยินผมแนะนำความคิดนั้น

 

เธอพูดอย่างมีความสุขว่า ตอนนี้เธออยู่กับผมได้ตลอดเวลาแล้ว

 

ยิ้มหูถึงหูจากความสุขที่บริสุทธิ์ ตัวที่เล็กของเริกกะถือกระเป๋ามโหฬารที่ขนาดไม่เท่ากัน ระหว่างที่ถือตุ๊กตาซูซูฮาระเบอร์ 7 ที่เธอหวงแหน ด้วยมือหนึ่งที่มารินะทำ

 

เมื่อผมจับมือของริกกะและมุ่งหน้าไปที่บ้านของทามะมูชิ มือถือของผมเริ่มสั่นข้างในกระเป๋าแจ็คเก็ต

 

ผมควรจะยกเลิกมือถือด้วย ผมวางภาระไปบนพ่อแม่ผมอีกไม่ได้

 

มีนั่นอยู่ในใจ ผมเอื้อมเข้าไปในกระเป๋า หยิบมือถือออกมาและดูจอ

 

ผู้ส่งคือเมลของยูกะ

 

ตาของผมเปิดกว้างเมื่อผมเปิดข้อความ

 

――ช่วยชั้นด้วยโมตะ-คุง ยู-จังอยู่ในปัญหาใหญ่

 

ระหว่างที่เขียนมันเป็นตัวอักษร เนื้อหามันถูกตัดกระทันหัน เหมือนผู้ส่งอยู่ในความรีบ

 

ข้อความจากยูกะบอกอย่างชัดเจนว่ามันเป็นเหตุฉุกเฉิน

 

มากกว่านั้น มันดูเหมือนเธอน่าจะอยู่ด้วยกันกับอาซาฮินะ

 

เมื่อผมกลับไปที่บ้าน อาซาฮินะก็ทำอย่างเดียวกัน

 

ข้างในตัวของอาซาฮินะมีแมลงจากวิธีต้องห้าม

ดังนั้น มันอันตรายที่จะให้เธอเดินคนเดียว นั่นทำไมผมคิดว่าให้คาซะฮานะคุ้มกันเธอกลับไป แต่มันจะเป็นอันตราย ถ้าฮิซูกิที่ไม่มั่นคงได้แยกกับเธอแม้ว่าจะไม่กี่ชั่วโมง

 

จากนั้นผมคิดว่าจะให้ทามะมูชิไปคุ้มกันเธอกลับไป แต่ทามะมูชิเกี่ยวข้องกับองค์กรของคุดันทางอ้อม ดังนั้นมันดีกว่าที่จะไม่ให้ทามะมูชิออกไปข้างนอก

 

งั้นที่เหลือมีเพียงนานะฟูชิ

 

คิดว่านานะฟูชิเป็นตัวเลือกเดียวที่ผมมีเท่านั้น ผมแต่งตั้งเธอให้คุ้มกันอาซาฮินะกลับบ้าน อย่างไรก็ตาม อาซาฮินะปฏิเสธข้อเสนอผมตรงๆ

 

――ชั้นเลยอายุที่ต้องมีพี่เลี้ยงแล้ว แล้วก็ ชั้นสามารถจะปกป้องตัวเองได้เป็นอย่างน้อย

 

เธอพูดระหว่างที่มีหน้าตาที่มองคนอื่นต่ำกว่าอย่างท่วมท้นเหมือนเคย และอย่างธรรมชาติ มันเป็นไปเป็นข้อพิพาททางคำพูด และในท้ายที่สุดจบที่การต่อสู้

 

ในเวลานั้น ผมอารมณ์เสียและคิดว่ามันเหมาะกันตัวเธอแล้วถ้าอย่างนั้น แต่คิดย้อนกลับไป แต่ถึงอย่างไรผมควรจะให้นานะฟูชิคุ้มกันเธอ

 

แม้ว่าเธอได้พลังเพิ่มขึ้นจากการมีแมลงข้างในเธอ มันไม่นานหลังจากที่ตัวเธอกลายพันธุ์ เธอไม่มีความสามารถตั้งแต่เธอเกิด ดังนั้นผมคาดการณ์ว่าความสามารถของเธอไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเธอทั้งหมด

 

และปัญหาได้เกิดขึ้น มากกว่านั้น แน่นอนว่ามันดูเหมือนยูกะได้ถูกลากเข้ามาในความเละเทะนี้แล้ว

 

พวกเธอเจอกับองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาตื? หรือมันเป็นองค์กรของคุดัน? ไม่ว่าแบบไหน พวกเธออยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก

 

แต่ทำไมยูกะล่ะ?

 

อย่าบอกผมนะว่า อาซาฮินะนั่น เมื่อเธอได้มุ่งหน้ากลับบ้าน เธอแวะที่บ้านยูกะ

 

อะไรของเธอวะที่พูด “ชั้นสามารถจะปกป้องตัวชั้นเอง” เธอแม้แต่ปกป้องตัวเธอเองก็ไม่ได้ และลากแม้แต่ยูกะเข้าไปในมันอีก

 

ผมส่งข้อความไปหาเธอ ถามที่อยู่และสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ไม่มีคำตอบ

 

ถ้ามันเป็นยูกะ เธอควรจะตอบกลับทำที

 

ไม่ มันต่างออกไป ไม่ใช่อย่างนั้น ข้อความแรกมันแปลก มันดูเหมือนเนื้อหาได้ถูกเขียนในความรีบและส่งมากลางทาง

 

พูดอีกอย่าง เธออยู่ในสถานการณ์ที่เธอพิมพ์ข้อความมากกว่านั้นไม่ได้

 

มันเป็นเพราะยูกะ ที่ผมได้รับข้อความ ใช้ประโยชน์จากจังหวะที่อีกฝ่ายมองไปทางอื่น เธอขอความช่วยเหลือจากผมได้สำเร็จ

 

นั่นทำไม――

 

「เวรล่ะ นี่มันแย่แล้ว……」

 

มันคือองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือมันคือองค์กรของคุดัน? ไม่ว่าอย่างไร ถ้าคนที่ดูทามะมูชิอยู่ตามอาซาฮิะนเมื่อเธอออกจากบ้านไป และถ้าคนนั้นโจมตีเวลาที่อาซาฮินะติดต่อกับยูกะ ถ้างั้น

 

นี่มันแย่แล้ว นี่มันเป็นกรณีสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

 

เพราะอาซาฮินะเพิ่มทำให้ความสามารถของเธอตื่น เธอไม่สามารถที่จะควบคุมมันได้อย่างอิสระ มากกว่านั้น อาซาฮินะนั้นเชี่ยวชาญในการต่อสู้ระยะประชิด ดังนั้นแม้ว่าเธอจะควบคุมมันได้อย่างอิสระ มันไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น มันอย่างดีที่สุดก็เหมือนกับสัตว์ป่า เพิ่มเติมจากนั้น ไม่ว่าจิตวิญญานของเธอจะไม่ย่อท้อมากแค่ไหน ทั้งหมดมันจะจบถ้าเธอถูกจับและมัด

 

และยูกะ เธอน่าจะยังไม่รู้ว่าเธอได้ปลุกความสามารถพิเศษของตัวเธอเองให้ตื่น

 

นี่มันแย่แล้ว พวกเขาไปบริเวณที่ผมอยากให้พวกเขาไปล่ะอย่างน้อย

 

「มาสเตอร์……」

 

เสียงของริกกะดีดผมให้กลับมามีสติ

 

เมื่อผมมองลงไป ริกกะมองผมอย่างใจจดใจจ่อด้วยตาสีแดงของเธอ ระหว่างที่ถือตุ๊กตาซูซูฮาระเบอร์ 7 ที่หวงแหนด้วยมือหนึ่ง และเกี่ยวแขนของผมด้วยอีกแขน

 

แผนทุกแผนของเราดำเนินไปได้แค่ครึ่งทาง แต่ไม่มีทางเลือกนอกจากทำมัน

 

「ริกกะ ได้เวลาสู้แล้ว ชั้นมีเจตนาจะก้มหัวและขอร้องให้คนอื่นช่วยเหลือ แต่ชั้นจะไม่ถามอะไรจากเธอ เพราะเธอคือซูซูฮาระ ริกกะ ดังนั้นตาชั้นมาข้างหลังไม่ว่าชั้นไปที่ไหน」

 

ผมพูด มองตรงไปที่ริกกะ จากนั้นริกกะกอดตุ๊กตาซูซูฮาระเบอร์ 7 แน่นกว่าเดิม และจับมือผมแน่นขึ้น

 

「วั่น!」

 

จู่ๆ ริกกะก็เห่าเหมือนหมา

 

「นั่นมันอะไรวะ」

 

ผมหัวเราะโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

「วั่น วั่น วาอู้นนน~!」

 

หอนเหมือนหมา ริกกะกอดผม

 

ผมเข้าใจ ริกกะไม่สามารถจะถ่ายถอดความรู้สึกดีๆได้ แม้ว่าเธออยากจะแสดงความขอบคุณผม ที่ผมเรียกเธอว่าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เธอแสดงความสุขของเธอมาเป็นคำพูดไม่ได้

 

นั่นทำไมเธอหอน เหมือนหมา

 

เธออยากจะบอกผมว่าเธอเป็นหมาของผม และอยากจะตามผมไม่ว่าผมไปที่ไหน

 

「มันโอเค ชั้นได้ข้อความของเธอแล้ว ขอบคุณ ริกกะ ขอบคุณ」

 

พูดนั่น ผมโอบกอดริกกะ

 

มาเริ่มกันเถอะ เพื่อล้มคนที่แตะครอบครัวของผม และเพื่อสร้างที่ที่ผมเรียกว่าบ้าน

 

วิ่งด้วยกำลังทั้งหมดของผม ผมกลับไปที่บ้านทามะมูชิ

 

ผมไม่รู้ว่าอาซาฮินะและยูกะอยู่ไหน ถ้าผมออกไปและหาพวกเข้าโดยไม่รู้ มันจะสายเกินไปสำหรับผม

 

งั้นผมต้องยืมพลังของคนอื่นที่สามารถจะหาพวกเธอ

 

「ฮิซูกิ!」

 

วิ่งเข้าไปในห้องนั่งเล่น ผมเจอฮิซูกิบนโซฟา และตะโกนชื่อของเธอ

 

ดูเหมือนเธอได้เล่นไพ่กับคาซะฮานะ ฮิซูกิสะดุ้งและไพ่ทั้งหมดหล่นจากมือเธอทั้งหมด

 

จากนั้นฮิซูกิเริ่มเหงื่อออก

 

ตกใจที่เห็นผมตะโกนและรีบมาในห้องนั่งเล่น

 

มันเป็นหลักฐานว่าตาแห่งสวรรค์ไม่ได้ทำงานอย่างถูกต้อง

 

มากกว่านั้นเธอได้ตกใจมากจนเธอได้หกคะเมนระหว่างที่ตาของเธอเป็นจุดดำจุดขาว

 

สภาพมันแย่ลงเหรอ?

 

เมื่อผมมองไปที่คาซะฮานะที่มองกลับมาหาผม หูสัตว์ของเธอตกและส่ายหัวของเธอเล็กน้อย

 

แทนที่จะเป็นประสิทธิผลลดลง ตอนนี้มันเกือบจะใช้การไม่ได้

 

เหี้ย นี่มันแย่ที่สุด แย่ที่สุดจริงๆ

 

ไม่ ผมโทษฮิซูกิเรื่องนี้ไม่ได้ ความสามารถของฮิซูกิ สิ่งที่น่ารังเกียจที่ทำให้เธอทุกข์ทรมาน มากกว่านั้น ไม่เหมือนความสามารถของผม ของเธอใช้งานอยู่ตลอดเวลา

 

ถ้าเธอใช้งานมันไม่ได้ งันมันควรเป็นสิ่งที่มีความสุขที่ต้องฉลอง

 

แต่ผมต้องการมันตอนนี้ ผมต้องการมันอย่างสิ้นหวัง

 

「มันเกี่ยวกับอาซาฮินะและยูกะเหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้น งั้นนายไม่ต้องกังวล」

 

หันไปทิศทางของเสียง ผมเห็นทามะมูชิยืนอยู่ที่นั่นในเสื้อคลุมสีดำที่เธอใส่ประจำ

 

「ไม่ต้องกังวล? เธอหมายความว่ายังไง?」

 

ผมเข้าหาทามะมูชิและถามคำถามเธอ

 

จากนั้นทามะมูชิวิ้มและชี้ไปที่ท้องของเธอด้วยนิ้วชี้ขวาของเธอ

 

อา

 

「นายคิดว่าชั้นเป็นใครกันแน่? แน่นอนว่า ชั้นเก่งในการต่อสู้ระยะประชิด แต่ดั้งเดิมแล้วชั้นเชี่ยวชาญในการค้นหาและลอบสังหาร มือชื่อเป็นผู้ใช้แมลงไม่ได้แค่มีไว้โชว์นะ」

 

ทามะมูชิพูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจ จากนั้นเธอชี้ไปที่แมลงที่ดูเหมือนด้วงกว่างที่พักอยู่บนท้องของเธอ

 

ผมลืมสนิทไปเลย นั่นใช่แล้ว เด็กคนที่รู้ว่าจะใช้แมลงอย่างไร

 

「ไม่มีทางที่ชั้นจะปล่อยให้บางคนที่ออกไปจากบ้านด้วยตัวเองโดยไม่มีใครดู」

 

หลังจากพูดอย่างนั้น เธอได้ “ฟูฟุน” หัวเราะคิกคัก

 

ผมเสร็จเธอละ สำหรับผมที่ลืมสนิทว่าการเข้าใจความสามารถของ “สหาย” เป็นปัจจัยพื้นฐานในพื้นฐานของกลยุทธ์…

 

「ทามะมูชิ! ทำได้ดีมาก! ความพยายามที่ยอดเยี่ยม!」

 

ผมตะโกนด้วยความสุข ผมกอกทามะมูชิและยกเธอขึ้นในอากาศ ถูกแก้มของผมกับเธอ

 

「เดี๋ย-♥ เดี๋ยวก่อนซูซูฮาระ♥ น-นายเข้าใจผิดแล้ว♥ ชั้นขอโทษ♥ ชั้นขอโทษ♥ ความจริงคือ นานะฟูชิบอกให้ชั้นทำ ♥」

 

ทามะมูชิที่ถูกกอดโดยผมและแก้มของเธอถูกับของผม แดงอย่างแรงจริงๆ และพยายามจะขอโทษอย่างสิ้นหวังระหว่างที่ดิ้น

 

เธองี่เง่าเหรอ? เธอพูดอะไรกัน? เธอและนานะฟูชิเป็นหนึ่งใจและวิญญานนะ!

 

「ชั้นจะชมนานะฟูชิที่หลัง! แต่การฟังคำแนะนำของนานะฟูชิแล้วทำตามมันก็ดีพอแล้ว! ดังนั้นเธอไม่ต้องขอโทษ! ทำได้ดีมากทามะมูชิ! เธอเยี่ยมยอด! โดดเด่นมาก!」

 

「อ-อะววววู้♥ ความรู้สึกผิด♥ แม้ว่าชั้นรู้สึกผิดกับมัน♥ ชั้นควรจะพูดนั่นตั้งแต่ทีแรกกกกกกกกก♥」

 

กับคำพูดผม ทามะมูชิ ที่ดิ้นอยู่ในแขนของผม ทำหน้าที่ดูเหมือนว่าเธอจะร้องไห้ได้ทุกวินาที ขณะที่เธอส่งเสียงปวดร้าว

 

「ข-ขอโทษ……」

 

หันไปทิศทางของเสียง ผมเห็นฮิซูกินั่งอยู่บนโซฟา ตาเธอมองลงไปข้างล่าง

 

「ช-ชั้นไม่เข้าใจ ชั้นไม่มั่นใจ ชั้นไม่เห็นที่ชั้น “เห็นอยู่” และชั้นได้หลงลืมมัน ถ้าไม่มีใครพูดถึงมัน งั้นชั้นจะไม่สังเกตมัน แม้แต่ชั้นเองก็ไม่เข้าใจด้วย ชั้นขอโทษ ชั้นขอโทษ ชั้นขอโทษ……」

 

ตามองลงไปข้างล่างและตัวที่สั่น ฮิซูกิขอโทษต่อไประหว่างที่กอดตัวเธอเอง

 

ผมคิดว่าเราจบแล้วซะอีก ผมได้คิดว่ามันไม่มีทางไหนที่เราจะหาอาซาฮินะและคนอื่น แต่ เมื่อทามะมูชิปรากฏอยู่ตรงหน้าผม จู่ๆผมก็ได้รับการกระชากของความหวัง ซึ่งผลของมันทำให้ผมทิ้งตัวตนของฮิซูกิไปเลย

 

ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้แม้ว่าจะมีความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุด ไร้ประโยชน์ นั่นเป็นสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับฮิซูกิ

 

ถ้าผมจะชมทามะมูชิ ผมควรจะทำมันในที่ที่ฮิซูกิไม่อยู่

 

แถ้า ถ้าไม่มีใคนพูดเกี่ยวกับมัน งั้นเธอจะไม่สังเกตมัน? ถ้าไม่มีใครบอกเธอเกี่ยวกับความสามารถของเธอ งั้นเธอจะลืมมันเหรอ?

 

นั่นสำหรับฮิซูกิ เป็นการกระพิบของความสุขอย่างแน่นอน ความสามารถที่น่ารังเกียจที่รบกวนเธอ ตามเธอ และทำลายจิตใจเธอ ถ้าเธอได้ลืมเกี่ยวกับตัวตนของมัน และใช้ชีวิตอยู่อย่างสาวปรกติ――

 

คิดไปถึงจุดนั้น บางอย่างได้คลิกข้างในผม

 

มันเป็นไปได้มั้ยว่าบางที่ข้างใน ฮิซูกิได้พยายามจะผนึกความสามารถนั้น?

 

สถานการณ์ของฮิซูกิตอนนี้ถูกวางให้เตรียมพร้อม

 

คนที่ใกล้กับเธอมีคาซะฮานะ ผมและริกกะ อาซาฮินะที่น่ากลัว ทามะมูชิ และนานะฟูชิ

 

มีปัญหาหลากหลาย แต่เมื่อเรามารวมตัวกัน เราคุย เราทะเลาะ และเราหัวเราะด้วยกัน

 

แน่นอนว่านั่น คืออะไรที่ฮิซูกิได้หามาตลอดเวลานี้

 

ระหว่างที่เธออยู่กับผม แน่นอนว่าเธอพยายามจะหาที่ที่เหมาะสมสำหรับเธอ

 

นั่นทำไมฮิซูกิพยายามจะทำที่นี่เป็น “โชคชะตาสุดท้าย”

 

ถ้านั่นจริง งั้นผมเข้าใจว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน

 

ถ้าผมทำได้ ผมก็อยากให้นี่ เป็นที่ที่ผมเรียกว่าบ้าน

 

แต่นั่น……เป็นไปไม่ได้

 

แน่นอนว่าคุดันจะมีเป้าหมายไปที่ตาแห่งสวรรค์ เมื่อองค์กรอนุรักษธรรมชาติรู้เกี่ยวกับตัวตนของอาซาฮินะ พวกเขาก็จะเคลื่อนไหวด้วย ในความเป็นจริง ตอนนี้ ทั้งอาซาฮินะและยูกะอยู่ในอันตราย

 

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาสถานะของเราไว้แบบนี้

 

เพื่อสร้างที่สำหรับสิ่งมีชีวิตที่พิเศษเหมือนเรา ที่เราสามารถจะใช้ชีวิต และหัวเราะด้วยกัน เราต้องทำบางอย่างกับพลังของเราเอง

 

อย่างไรก็ตาม ผมไม่มีเวลาจะอธิบายนี่ให้กับฮิซูกิตอนนี้

 

ชำเลืองมองคาซะฮานะ ที่นั่งต่อจากฮิซูกิ ผมเห็นเธอมองกลับมาที่ผม โอบแขนเธอไปรอบไหล่ของฮิซูกิระหว่างที่ลูบหัวของฮิซูกิ

 

「ฮิซูกิ ทุกคนจะไปที่บ้านเธอวันนี้ พวกเราทั้งหมดจะรวมกันอยู่ในบ้านเธอ ดังนั้นเราต้องจัดปาร์ตี้ต้อนรับ เราต้องทำโอริกามิ*แขวนจากกำแพง และอาหารที่อร่อยมากมาย แล้วก็ซื้อขนมปังกรอบด้วย เค้กด้วย เราจะจัดการกับที่นอนยังไง? จากนั้นเราต้องทำอาหารที่ทำให้ซูซูฮาระ-ซามะพอใจ และจากนั้นเมื่อเธอขอมัน ซูซูฮาระ-ซามะจะตอบตกลงแน่นอน」

TLN: กระดาษพับเป็นตัวต่างๆ

 

คาซะฮานะพูดกับฮิซูกิอย่างอ่อนโยน และปลอบโยนเธอเหมือนเธอเป็นเด็ก

 

ฮิซูกิหยุดร้องไห้และยกหัวของเธอ

 

และ――

 

「อึน! ชั้นต้องทำเต็มที่! ชั้นอยากจะเป็นภรรยาของโมตะ-คุง! ชั้นสงสัยว่าชั้นสามารถเป็นได้มั้ย?」

 

รูปลักษณ์ของฮิซูกิไม่ได้ดูเหมือนเด็ก เธอเป็นเด็ก

 

นั่นสมควรจะเป็น……การย้อนกลับไปเป็นทารก?

 

ไม่เหมือนผม ฮิซูกิได้ถูกทิ้งโดยครอบครัวของเธอ เพื่อตอบแทนสิ่งนั้น เธอได้ถูกทิ้งเงินไว้มากมาย ที่มันมากพอที่จะเน่าอยู่ในบัญชีธนาคาร อย่างไรก็ตาม มันไม่เปลี่ยนความเป็นจริงที่ว่าเธอถูกทิ้ง

 

บางทีฮิซูกิพยายามจะกล่อมตัวเธอเองว่าทุกอย่าง “ไม่เคยเกิดขึ้น”

 

ย้อนเวลา ลบความจริงที่เธอได้ถูกทิ้ง กลับไปเป็นเวลาที่เธอเริ่มใช้ชีวิตกับคาซะฮานะและตอนนี้ ด้วยที่เราเข้าร่วมที่อยู่ของเธอ บางที่เธอพยายามจะทำนี่ให้เป็น “ครอบครัวที่แท้จริง” ของเธอ

 

ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมใช้พลังของฮิซูกิไม่ได้

 

อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอเสียพลังของเธอไป และเมื่อการต่อสู้ได้เกิดขึ้น เธอจะไม่เป็นอะไรเลยนอกจากภาระ การมีอยู่ของฮิซูกิจะไม่จำเป็นอีกต่อไป

 

แต่――

 

「ชั้นจะ “กลับ” อย่างแน่นอน」

 

เมื่อผมบอกนั่นกับฮิซูกิ แก้มของเธอย้อมเป็นสีแดง เปิดเผยความอายอย่างละเอียด ขณะที่เธอโบกมือให้ผมอย่างเขินๆ

 

「อึน♥」

 

จากนั้นเธอมองผมด้วยตาที่ไร้เดียงสา ที่ไม่ได้ซ่อนอะไรที่บอกใบ้ว่ามีความสงสัยเลย และพยักหน้าอย่างมีความสุข

 

ผมเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจฮิซูกิได้

 

แต่ผมดันเธอออกไปจากผม

 

แม้ว่าเธอจะเป็นภาระกับผม ผมจะไม่ทิ้งเธออีกแล้ว

 

ฮิซูกิ เธอเข้าใจชั้นมั้ย?

 

ถ้าผมเข้าใจเธอได้ งั้นเธอก็จะสามารถทำอย่างเดียวกันเมื่อมันเป็นผม ใช่มั้ย?

 

มีความคิดนั้นในใจ ผมยิ้มและโบกมือกลับไปให้ฮิซูกิและหันตัว

 

มีเพียงเธอที่เดินทางเดียวกันที่จะสามารถเข้าใจความทุกข์ทรมานของผมได้

 

แม้ว่าเธอจะเสียพลังไปแล้วกลับไปเป็นเด็ก ผมยังต้องการเธอ

 

ทิ้งบ้านของทามะมูชิกับริกกะ เราตามคำแนะนำของทามะมูชิ และมุ่งหน้าไปที่เป้าหมาย

 

「ความผิดปรกติได้เกิดขึ้นและนานะฟูชิรีบไปที่ที่เกิดเหตุทันที ชั้นใช้กระแสจิตได้ แต่มีขีดจำกัดกับมัน ดังนั้นชั้นสามารถที่จะสื่อสารกับนานะฟูชิ อย่างไรก็ตาม มีผู้ใช้ความสามารถที่สกัดกั้นกระแสจิตของชั้นได้ ซึ่งมันมีปัญหา ตราบใดที่มันเป็นเหตุฉุกเฉิน กระแสจิตได้ถูกตัด」

 

ทามะมูชิเรียกออกมาระหว่างที่วิ่งตามเรา

 

「และ?」

 

「การเชื่อมต่อยังตัดอยู่ แต่ชั้นไม่คิดว่าสถานการณ์มันลำบากขนาดนั้น」

 

「แล้วความเป็นไปได้ที่นานะฟูชิจะถูกจับตัวก่อนให้ข้อมูลเธอเกี่ยวกับสถานการณ์ผิดปรกติล่ะ」

 

「ออุมุ ชั้นไม่คิดว่านานะฟูชิจะด้อยกว่าผู้ใช้ความสามารถธรรมดา นอกจากนั้น เราใช้คนละเส้นสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน มันเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ เมื่อข้อมูลได้ถูกส่ง นายควรจะสามารถรู้มันได้ทันที」

 

「แล้วข้อมูลจากแมลงที่ตามอาซาฮินะล่ะ?」

 

「เพราะมันเป็นแมลงตัวเล็กๆ มันปล่อยสัญญานเตือนเพราะมันแค่ตอบสนองกับสิ่งตางๆในรูปแบบที่กำหนดไว้ ไม่มีระบบที่มันสามารถจะสื่อสารข้อมูลเพิ่มเติม แมลงตัวเล็กส่วนใหญ่ใช้สำหรับการรวบรวมข้อมูลพื้นฐานเหมือนการเตือน การบันทึกวีดีโอและเสียง และถ้าเราอยากจะใช้แมลงตัวอื่นให้บินไปที่นั่นเพื่อเก็บข้อมูลเพิ่ม ชั้นคิดว่ามันเร็วกว่าที่จะไปที่นั่นด้วยตัวเองแทน」

 

ยิ่งเล็กยิ่งสะดวก แต่มันมีราคาคือผลงาน หือห์

 

ไม่ว่าอย่างไร ผมแค่หวังว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับนานะฟูชิ แต่เรายังต้องเตรียมกับกรณีสถานการณ์ที่แย่ที่สุด

 

「มาสเตอร์ อยากให้ชั้นไปที่ที่เกิดเหตุก่อนมั้ย?」

 

ริกกะที่วิ่งอยู่ข้างผมส่งเสียงของเธอ

 

ด้วยความเร็วของริกกะ เธอไปที่นั่นได้ทันที

 

อย่างไรก็ตาม――

 

「ตอนนี้ เราอยู่ในสถานการณ์ที่เราไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น ถ้าความแย่ไปถึงแย่ที่สุด ชั้นจำเป็นต้องให้เธออยู่ข้างชั้น」

 

「ค่ะ!」

 

ริกกะพยักหน้าตอบ

 

ริกกะมีสมดุลย์ที่ดีเป็นพิเศษในทั้งการโจมตีและป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสู้หรือวิ่งหนี ผมทำตัวเลือกให้กว้างได้เมื่อเธออยู่ข้างผม นอกจากนี้ แม้ว่าความสามารถการต่อสู้ระยะใกล้ของทามะมูชิไม่ได้ดีเท่าริกกะ เธอเกือบจะเอาชนะไม่ได้

 

กรณีสถานการณ์ที่แย่ที่สุด ผมต้องการเธอสองคนเพื่อจะเปลี่ยนทิศคลื่นของการต่อสู้

 

「อึ๋นน? โออ้ มันอยู่นี่ มันอยู่นี่ ชั้นได้รับข้อความจากนานะฟูชิ」

 

「มันอยู่นี่! งั้น มันเรื่องอะไร!?」

 

ผมถามทามะมูชิ ไม่สามารถจะซ่อนความกระตือรือล้นจากคำพูดผม

 

「ห๋าา? นักเลง? แยงกี้? นั่นมันอะไรวะ? ห๋าา? การต่อสู้ระหว่างนักเลง? มันได้โง่มากจนชั้นอยากจะกลับไปบ้าน? เดี๋-เดี๋ยวก่อน ชั้นไม่รู้ว่าสถานการณ์คืออะไรเลยซักนิด ไม่ว่ายังไง อยู่นี่ก่อน」

 

ความเร็วของการวิ่งของทามะมุชิช้าลงอย่างช้าๆ และมองไปข้างหน้าด้วยตาที่ตำหนิ

 

「คู่ต่อสู้ไม่ใช่ผู้ใช้ความสามารถ? ห๋าา? เป็นแค่มนุษย์? มีเท่าไหร่นะ? สิบห้า? ไม่มีทางที่มนุษย์จะสู้กับอาซาฮินะ เอ๋? อาซาฮินะถูกต่อย? ฝ่ายเดียว? ทำไม? ห๋าา? หลักการที่ส่งหมัดกลับหลังจากที่ถูกต่อย? อะไรของเธอกันวะ? ยังไงซะ ชั้นไม่คิดว่าบางอย่างจะเกิดขึ้นกับเธอจากการโดนต่อยด้วยมนุษย์ ดังนั้นมันพูดง่ายๆว่าเป็นความขัดแย้งของมนุษย์กับมนุษย์? เข้าใจแล้ว ชั้นเข้าใจ ชั้นเข้าใจว่าทำไมเธออยากจะกลับบ้าน แต่แค่รอจนกว่าเราจะไปถึงที่นั่น」

 

ได้ยินการสนทนาของทามะมูชิ ผมได้เข้าใจได้ดีว่าอะไรเกิดขึ้น

 

อาซาฮินะ หือห์ มันเป็นความผิดอีโง่นั้น ไปพัวพันตัวเธอเองกับกลุ่มของนักเลง และน่าจะไปยั่วยุพวกมัน ยูกะอยู่ที่นั่นและพยายามจะขอความช่วยเหลือจากผม แต่บางคนเอามือถือของเธอไป และเสียการติดต่อตั้งแต่ตอนนั้น อะไรบางอย่างแบบนั้น

 

อาา เหี้ย ผมได้กังวลเปล่าประโยชน์

 

มันดูเหมือนจะมีประมาณสิบห้าคน แต่ไม่ว่ามนุษย์จะมากซักกี่คน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดสัตว์ป่าที่ดุร้ายในการต่อสู้ ตราบใดที่ไม่มีอาวุธไปเกี่ยวข้อง

 

มากกว่านั้น มีนานะฟูชิอยู่ข้างเธอที่แน่นอนว่าจะถูกจัดอันดับเป็นสัตว์ประหลาดชั้นสูงสุด ดังนั้นพวกเธอน่าจะโอเค

 

แม้ว่า นานะฟูชิดูเหมือนว่าเธออยากจะกลับบ้าน

 

「เราจะทำยังไง? ชั้นได้บอกนานะฟูชิให้รอชั้นจนกว่าเราจะไปที่นั่น ชั้นเลยมีเจตนาจะไปที่นั่น」

 

ช้าลงจนหยุดอย่างสมบูรณ์ ทามะมูชิส่ายหางม้าสีเงินและมองขึ้นมาที่ผม

 

ผมสีเงินของเธออาบไปในแสงแดง ส่องสว่างด้วยกันกับตาสีมรกต ซึ่งเปล่งประกายดั่งอัญมณี่ภายใต้แสงแดด และผิวที่ขาวผ่องของเธอที่ดูเหมือนมันไม่เคยโดนสัมผัสมาเลยในชีวิต

 

แล้วก็ สองรอpปูดที่ดันขึ้นมากับเสื้อคลุมสีดำที่เธอใส่อยู่ตอนนี้

 

เห็นทามะมูชิใต้แสงแดดนั้นน่ารัก แต่ยั้ง มันยังเป็นเพราะทามะมูชิอยู่ในความมืดมาตลอด จนผมรู้สึกว่ามันดึงเสน่ห์ที่ผิดศีลธรรมออกมาจากเธอ

 

หาความสงบใจในผม ผมคิดเกี่ยวกับนี่ในความมึนงง และโดยไม่มีเหตุผล ผมลูบหัวทามะมูชิ

 

ทามะมูชิเด้ง เลือดได้รีบเข้ามาที่แก้มของเธอ ขณะที่เธอยิ้มและเอียงหัวของเธอ

 

ฉันไม่รู้ว่าทำไมนายลูบหัวของฉัน แต่ฉันมีสุข คือที่สีหน้าของเธอบอกผม

 

เอ๋อๆนิดหน่อยแต่น่ารัก

 

ระหว่างที่ผมคิดอย่างนั้น ผมรู้สึกถึงการดึงที่กางเกง

 

เมื่อผมหันไปเพื่อดูว่าใครดึงกางเกงผม ริกกะยืนที่นั่นและมองไปที่พื้น และแดงไปถึงหูเธอ พองแก้มของเธอ

 

เธอโอเคเมื่อผมวางมือของผมลงบนผู้หญิงคนอื่น แต่มันดูเหมือนมันต่างออกไปเมื่อมันเป็นทามะมูชิ

 

สำหรับริกกะ ทามะมูชิเป็นบางอย่างที่เหมือนคู่อริตั้งแต่เธอเกิด

 

มีนั่นในใจ เมื่อผมลูบหัวริกกะ เธอยกหัวของเธอขึ้นเล็กน้อย ระหว่างที่มองผมด้วยสายตามองขึ้นมา และยิ้มอย่างมีความสุข

 

หืมม ริกกะที่ปรกติไม่อิจฉา มาอิจฉานั้นน่ารักและมอบความรู้สึกสดใหม่ให้ผม

 

จากนั้นผมรู้สึกถึงการดึงข้างหลังแจ็คเก็ต

 

หันไป ทามะมูชิที่หันหัวเธอหนีจากผม มอบการทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย

 

มันดูเหมือนเธออิจฉาริกกะ

 

เมื่อผมลูบหัวทามะมูชิ เธอชำเลืองมองผมและมอบรอยยิ้มที่หวาน

 

จากนั้นผมรู้สึกถึงการดึงกางเกง――

 

อา เราจะเข้าไปในการวนเวียนไม่มีที่สิ้นสุด

 

เราทำแบบนี้ต่อบนถนนไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อทามะมูชิเกี่ยวข้องกับคุดันทางอ้อม

 

เราต้องรีบแล้วทำความสะอาดความเละเทะนี้ และกลับไปที่บ้านของทามะมูชิ จากนั้นเลื่อนฐานของเราไปที่บ้านฮิซูกิ

 

「ไปที่นั่นที่พวกเธอสามคนอยู่กันเถอะ」

 

ผมเสนอและลูบสองหัวในเวลาเดียวกัน

 

「ค่ะ!」

 

「อุมุ!」

 

สองคนส่งเสียงในความสุข และในเวลาเดียวกัน มองหน้ากัน

 

「ชั้นจะชอบมากกว่าถ้าแมลงอยู่เป็นแมลงที่คลานอยู่ที่พื้นต่อ」

 

จ้องเป็นมีดไปที่ทามะมูชิ ริกกะพึมพำใต้ลมหายใจของเธอ

 

「ทั้งหมดเพราะกึ่งมนุษย์เป็นอีโง่ ชั้นไม่ใช่แมลง แต่ผู้ใช้แมลง ที่จะไม่รู้ความต่างของเรื่องนั้น เพราะเธอมันอีโง่ แม้แต่จะเรียกมันว่าการยั่วยุยังไม่ได้เลย น่าสงสาร」

 

จ้องแห่งความตายไปที่ริกกะ ทามะมูชิพึมพำและมอบรอยยิ้มที่ชั่วร้าย และเอามือของเธอปิดปากและ เล็ด “พรืดด” ออกมา

 

「เฮ๋ห์ เฮฮ๋ห์ เธออยากตายเหรอ」

 

ริกกะมอบรอยยิ้มที่กระตุก และเอามือเธอไปไว้ที่ข้างหลังเธอ

 

「เธอโง่จริงๆที่พยายามจะข่มขู่ว่าจะฆ่าชั้นที่เป็นอมตะ การมีหมาที่โง่ขนาดนี้ ชั้นรู้สึกเสียใจที่ซูซูฮาระเป็นมาสเตอร์ของเธอ」

 

ลดสะโพกของเธอ ทามะมูชิยั่วยุริกกะที่ยิ้มต่อ นำมือของเธอทั้งสองไปที่ข้างหลังเธอและดึงเข็มที่ยาวผิดปรกติออกมา และถือมันไว้ที่แต่ละมือ พวกนั้นเหมือนหมุดปักแมลงยักษ์

 

「เธอะ-เธอเพิ่งจะดูถูกมาสเตอร์ชั้น หึ้ห์?」

 

จ้องอย่างเกลียดไปที่ทามะมูชิ ริกกะกัดฟันขณะที่เธอพึมพำคำนั้นออกมา เล็ดเจตน่าฆ่าออกมา เธอดึงมีดเล่มใหญ่ พร้อมตัวเธอเองสำหรับสงครามเต็มรูปแบบ

 

「ชั้นดูถูกเธอ ชั้นได้เล่นๆกันเธอก่อนหน้านี้เหมือนครั้งที่แล้ว แต่ครั้งนี้จะต่างออกไป ชั้นจะสอนคนอย่างพวกเธอถึงทักษะการต่อสู้ของชั้น ที่ชั้นรวบรวมมาหลายปี ระหว่างที่หั่นเธอเป็นชิ้นๆ น่ะนะ」

 

ทามะมูชิก็ปล่อยเจตนาฆ่าด้วยระหว่างที่นำเข็มยักษ์ทั้งสองไปหน้าหน้าอกเธอ ทำรูปทรงกากบาท ขณะที่เธอลดศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงของเธอลงอย่างช้าๆ

 

「มาสเตอร์ได้ใจดีพอที่จะบอกชั้นว่าชั้นเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเค้า ดังนั้นถ้าเธอดูถูกชั้น นั้นหมายถึงเธอดูถูกมาสเตอร์ชั้นด้วย」

 

「นั่นเป็นความไร้สาระที่เห็นแก่ตัวของเธอเอง ชั้นไม่ได้ดูถูกซูซูฮาระ พอแล้วกับการพร่ำเพ้อน่ะ มาสิ หรือเธอแค่กลัวชั้นและพยายามจะหาข้ออ้างไว้วิ่งหนี?」

 

นี่ในทางปฏิบัติแล้วเป็นสถานการณ์ที่ทุกอย่างจะแย่ลงถ้าผมเคลื่อนไหวอะไรผิด

 

มันเป็นเทคนิคที่เกือบจะเป็นไปไม่ได้ ที่จะหยุดสองคนที่จริงจังใส่กัน แต่ต้องขอบคุณ เพราะฮิซูกิไม่ได้อยู่ต่อจากผม พลังของผมกลับมาที่ผม

 

ผมยืดมือทั้งสองออกไปอย่างรวดเร็ว

 

เล็งเป้าไปทั้ง “ทุกอย่าง” ของทั้งสองคนและเน้นไปที่จุดเน้น ผมหยิกหัวนมพวกเธอบนเสื้อ

 

「คย้าน♥」

 

「อะวู้♥」

 

สองคนที่ถูกหยิกหัวนมเด้งอย่างแรงทิ้งอาวุธในเวลาเดียวกันและบีบต้นขาเข้าด้วยกัน

 

「ชั้นไม่รู้สึกอยากจะหยุดพวกเธอจากการต่อสู้ สู้เท่าที่ต้องการเลย เพราะมันพาจุดจบมาหาพวกเธอเมื่อทำมัน ชั้นโอเคกับมัน แต่ทำให้มั่นในที่จะเลือกเวลาและที่ที่ถูกที่จะทำมันนะ โอเคมั้ย?」

 

ผมยิ้มให้ทั้งสองคนขณะที่ผมดึงหัวนมแรงๆ

 

「คย้าน คย้าน♥ คยาวู้นนน♥」

 

「ควัว♥ อ๊าา♥ ระ-แรงอีก♥ หยิกมันแรงกว่านี้อีก♥」

 

โดนดึงหัวนมโดยผม พวกเธอสองคนร้องอย่างมีความสุขและยืนบนปลายเท้า

 

เห้อ ถ้าเธอเป็นมาโซคิสม์ งั้นมันจะไม่นับว่าเป็นการลงโทษ ไม่ว่าผมจะดูมันยังไง มันดูเหมือนเป็นรางวัล เห็นหน้าที่บ้าเซ็กส์ของพวกเธอ ผมบอกตัวผมเองในความเงียบ

 

ปล่อยหัวนมของพวกเธอ พวกเธอทั้งสองคนเสียสมดุลย์และล้มไปที่เข่า จากนั้นวางมือทั้งสองไว้บนหว่างขาของพวกเธอ กดมันในเวลาเดียวกันกับที่ทั้งสองแดงไปถึงหูขณะที่พวกเธอหอบอย่างหนัก

 

「พวกเธอสองคนจะได้รับการลงโทษเมื่อเรากลับบ้านนะ โอเคมั้ย?」

 

พูดสิ่งนั้นกับทั้งสองคน ตาของพวกเธอเปลี่ยนสี และเริ่มหายใจรัวๆ พวกเธอยิ้มในเวลาเดียวกัน มองกันในเวลาเดียวกัน จ้องกันในเวลาเดียวกัน และจากนั้น ฮึ่มมมม และหันหนีจากกันในเวลาเดียวกัน

 

ช่างเป็นคู่หูที่สมบูรณ์แบบ

 

ด้วยนั่นที่พูด วันนี้เราจำเป็นต้องยายฐานไปที่บ้านของฮิซูกิและรีบเพื่อแก้ปัญหานี้

 

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายเป็นแค่ “มนุษย์”

 

นานะฟูชิก็อยากจะกลับบ้านด้วย มันน่าขันสิ้นดี

 

「ยังไงซะ ไปกันเถอะ」

 

พูดกับตัวผมเองในใจ ผมบอกพวกเธอทั้งสองคนและเดินไปที่ที่อาซาฮินะอยู่

 

เห้อ อาซาฮินะนั่น เธอเป็นนักสร้างปัญหาจริงๆ อีนั่น

 

 

 

เวอร์ชั่นไม่เซ็นเซอร์อ่านได้ที่ tunwalai หรือ readAwrite

สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่

067-3-63958-5

กสิกรไทย

 

แปลโดย: wayuwayu

ติดตามได้ที่ดิสคอทส่งข้อความมาขอได้ที่ facebook: “wayuwayu แปล”

pdfไว้อ่านตอนกลางคืน  สปอนเซอร์ตอน จองตอน ซื้อตอน หารได้ ได้ทั้ง facebook และ discord

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เอ็กซ์เรย์เป็นมากกว่าที่ฉันคิด – X-ray Is More Than I Thought 99

Now you are reading เอ็กซ์เรย์เป็นมากกว่าที่ฉันคิด – X-ray Is More Than I Thought Chapter 99 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 99

 

เวอร์ชั่นไม่เซ็นเซอร์อ่านได้ที่ tunwalai หรือ readAwrite

 

ด้วยกันกับริกกะ เรากับมาที่บ้าน ผมเดินไปที่บันได้แล้วไปที่ห้องนอน เมื่อเราเข้ามา ผมมองไปรอบๆ

 

ริกกะ ที่เข้ามาในห้องหลังจากผม สับขาไปที่เตียง เธอแหมะลงบนมัน จากนั้นเธอฝังหน้าของเธอลงบนหมอนของผม และเริมเตะขาเธออย่างมีความสุขระหว่างที่กอดมัน

 

「ริกกะ ถ้าเธออยากได้อะไร งั้นทำตามใจเธอเลย」

 

ผมเรียกริกกะที่เล่นไปทั่วเตียงด้วยตัวเธอเอง

 

เพราะมีความเป็นไปได้ว่าเราจะไม่สามารถกลับมาที่นี่ได้อีกแล้ว

 

「อะไรก็ได้เหรอ?」

 

「อืมม」

 

เมื่อเธอนั่งตรงๆจากเตียงและถามคำถามนั้น ผมตอบด้วยการพยักหน้า

 

จากนั้นริกกะกระโดดออกจากเตียง วิ่งเหยาะๆไปที่ชั้นวางหนังสือและยืนตรงหน้ามัน

 

「งั้น ชั้นอยากได้นี่」

 

หยิบตุ๊กตามาจากชั้นวางหนังสือ ริกกะมองผมและมอบมัน

 

ที่เธอหยิบมาจากชั้นวางหนังสือคือตุ๊กตาซูซูฮาระเบอร์ 7 ซึ่งทำโดยมารินะ และทิ้งมันไว้ที่นี่เพื่อความสะดวกของเธอเอง

 

「เมื่อวาน ชั้นเห็นมารินะ-ซังมีตุ๊กตาที่ดูคล้ายกันกับตัวนี้ และชั้นอยากได้มันด้วย ชั้นจะดีใจมากถ้านายได้มอบนี่ให้ชั้น」

 

เครื่องจักรช่วยตัวเองติดไปด้วยของเล่นเซ็กส์จำนวนมากข้างใน

และระหว่างที่พึมพำ ริกกะโอบกอดมันอย่างรักใคร่

 

เธอจะเอานั่นไปเหรอ? และผมตรงนี้ คิดว่าผมอยากจะถูกปล่อยจากคำสาปซูซูฮาระ

 

มารินะนั่น เธอสาปตุ๊กตาซูซูฮาระเหรอ?

 

「ยะ-ยังไงซะ ชั้นไม่ถือมันเป็นพิเศษ」

 

คิดว่าคำสาปจะตามผมไปไม่ว่าผมไปที่ไหน ผมจบที่การตอบรับคำขอของริกกะ

 

「เย้♥ ชั้นจะปฏิบัติกับนี่ว่าเป็นส่วนหนึ่งของมาสเตอร์และจะหวงแหนมันด้วยความรัก♥」

 

กระโดดในความสุข ริกกะใส่สีหน้าที่มีความสุขขณะที่เธอถูกตุ๊กตาซูซูฮาระเบอร์ 7 บนแก้มของเธอที่เธอกอดแน่นๆ

 

ผมได้เตรียมกระเป๋าใบใหญ่ให้ริกกะแพคของใช้ประจำวันเข้าไป และลงบันไดไป

 

ผมได้กังวลเกี่ยวกับมันมาค่อนข้างซักพักแล้ว แต่ผมต้องพูดมัน

 

พูดจากใจ ผมไม่มีความคิดว่าจะอธิบายมันยังไง ดังนั้น ผมคิดว่ามันดีกว่าที่จะพูดความคิดของผม

 

พูดสิ่งนั้นกับตัวเอง ผมหยิบที่รับโทรศัพท์

 

ในท้ายที่สุด ผมพูดขอบคุณสำหรับเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน และพูดลาก่อน จากนั้นวางโทรศัพท์กลับไป

 

ผมบอกแม่ของผมว่ามีบางอย่างที่ผมต้องทำ

 

ผมบอกเธอด้วยว่าผมจะออกจากโรงเรียน และไม่ได้บอกว่าผมจะไปที่ไหน

 

ผมอยากจะพูดทุกอย่างในทีเดียวและจบมันด้วยแค่นั้น

 

แต่ถ้าผมจบมันแบบนั้น มันอาจจะฟังดูเหมือนว่าผมบอกเธอให้ตามหาผม

 

แต่ถึงอย่างไร ไม่ว่าผมจะอธิบายมันหรือกล่อมเธอขนาดไหน เธอน่าจะไม่เข้าใจ อย่างไรก็ตาม ผมแค่วิ่งหนีไม่ได้

 

โดยธรรมชาติแล้ว ผมได้ยินหลายอย่างจากแม่ กับการรัวคำถามนั่น ผมพูดง่ายๆว่าผมตอบคำถามพวกนั้นไม่ได้

 

แน่นอนว่า แม่โยนคำถามหลายแบบมาใส่ผม และร้องไห้ผ่านโทรศัพท์ ซึ่งทำให้ผมเสียใจกับสิ่งที่ผมทำ

 

ผมตอบอะไรไม่ได้ และไม่สามารถจะทำอะไรได้อีก ผมแค่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยโทรศัพท์แนบหู ฟังเสียงที่ร้องไห้ของแม่

 

ผมรู้สึกถึงความอุ่นบนมือซ้าย

 

เมื่อผมหันกลับไป ผมเห็นริกกะมองขึ้นมาหาผมและจับมือผมอยู่

 

ถ้าริกกะหัวเราะ ผมน่าจะวางโทรศัพท์ไปทันที

 

แต่เธอแสดงสีหน้าที่กังวลเมื่อเธอมองผม

 

ริกกะกังวลเกี่ยวกับผม เธอใจดีพอที่จะกังวลเกี่ยวกับผม

 

ผมที่ตัวคนเดียวในที่สุดก็ได้เจอ “ครอบครัวที่แท้จริง”

 

นั่นทำไม ผมต้องทำต่อไป ผมได้พูดไปแล้วว่าผมจะปกป้อง “ครอบครัวที่แท้จริง” ของผมตั้งแต่ตอนนี้ไป ผมเลยวิ่งหนีตอนนี้ไม่ได้

 

ผมสงสัยว่ามันใช้เวลานานแค่ไหน

 

แม่ของผม ที่ได้ร้องไห้ตลอดเวลานี้ ถามคำถามนี้ในเสียงที่สั่น

 

――ลูกจะโทรหาแม่มั้ย?

 

คือที่เธอพูด

 

แม่ผมด้วยกันกับพ่อผม ไกลจากบ้าน

 

เธอจะทำมันไม่ทันแม้ว่าเธอพยายามจะหยุดผมจากการออกจากบ้าน

 

แม้ว่าเธอขอการหาตัวจากตำรวจ ตำรวจจะไม่รับงานนี้ด้วยความจริงใจ

 

เพราะฉะนั้น เธอน่าจะสรุปว่ามันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ที่จะทำให้มั่นใจว่าผมสัญญาจะติดต่อกับเธอบ่อย

 

――ผมจะโทรหาแม่แน่นอน

 

บอกนั่นกับแม่ผม เธอ ที่ในที่สุดหยุดหร้องไห้แล้ว เริ่มร้องไห้อีกครั้ง เหมือนเด็กมาก

 

แม่ผมขอโทษผม เธอร้องไห้ระหว่างที่ขอโทษผมและสารภาพความรู้สึกจริงๆของเธอ

 

――แม่ไม่รู้ว่าจะสื่อสารกับลูกยังไง

 

――แม่ขอโทษที่เป็นแม่ที่ล้มเหลว

 

――แม่ไม่อยากทำร้ายลูก แต่แม่รู้ว่าแม่จบที่การทำร้ายลูกมากขึ้น แม้ว่าแม้รู้เกี่ยวกับมัน แม่ทำอะไรไม่ได้

 

คือที่เธอพูด

 

ผมไม่รู้สึกโกรธแม้แต่เล็กน้อย

 

ถ้าผมเป็นคนปรกติ ที่ตกหลุมรักสาวคนหนึ่ง และเดทปรกติ และมีลูก

 

และถ้าลูกผมเป็นสัตว์ประหลาดแบบผม

 

ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะอธิบายมันกับเธออย่างไร

 

มันเป็นแนวคิดเดียวกันกับสัตว์ประหลาดให้กำเนิดลูก

 

เราจะไม่เล่นเกมการโทษเพื่อจะดูว่าใครผิด

บังเอิญ มันเป็นเพียงความบังเอิญที่ผมจับได้ไม้สั้น

 

――แม่ ในที่สุดผมก็ได้สร้างครอบครัวที่แท้จริงแล้ว ครอบครัวที่ผมต้องปกป้อง ดังนั้นขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่แม่ทำให้ผม…และลาก่อน

 

ริกกะจับมือผมแน่นขณะที่ผมบอกคำเหล่านั้นกับแม่ของผมบนโทรศัพท์

 

แม่ไม่พูดอะไรและแค่ร้องไห้เงียบๆ

 

วางโทรศัพท์กลับอย่างอ่อนโยน ผมพาสายตาลงไปที่ริกกะ และเห็นเธอสั่น ก้มหัวของเธอลงระหว่างที่บีบมือผม

 

จากริกกะ น้ำตาหยดลงและลงไปที่เท้าของเธอ

 

ออกจากบ้าน ริกกะและผมเดินออกไปที่ถนนเพื่อจะกลับไปที่บ้านของทามะมูชิ

 

ผมไม่มีเจตนาจะกลับมาที่นี่อีก เราก็จะทิ้งบ้านของทามะมูชิวันนี้ด้วย

 

เพราะทามะมูชิเกี่ยวข้องกับคุดันทางอ้อม และจากที่นานะฟูชิพูด ทามะมูชิอยู่ภายใต้การเฝ้าดูขององค์กรของคุดัน

 

อย่างไรก็ตาม เหมือนที่ผมไม่สามารถที่จะใช้ความสามารถของผมเมื่อผมอยู่ใกล้ฮิซูกิ มันดูเหมือนองค์กรไม่สามารถที่จะดูสถานการณ์เนื่องจากการตื่นขึ้นของตาแห่งสวรรค์

 

ดังนั้น พวกเขาจะเริ่มเคลื่อนไหว

 

แม้ว่ามันจะฟังดูรีบ มันดีกว่าที่จะเปลี่ยนตำแหน่งเราไปที่อื่น

 

ผมไม่แน่ใจว่าเราจะซื้อเวลาได้มากเท่าไหร่ แต่มันยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

 

อย่างน้อย ผมอยากได้เวลาพอให้ความสามารถของฮิซูกิมั่นคง

 

ก่อนที่จะออกมาจากบ้านทามะมูชิ ผมรวมทุกคนในห้องนั่งเล่น และถามว่ามีที่ที่เราย้ายไปได้มั้ย

 

ผลของการสนทนานั้น เราได้เจอความจริงที่ว่าตอนนี้ฮิซูกิอยู่คนเดียว

 

ไม่ พูดให้ตรงๆ เธอได้อยู่ด้วยกันกับคาซะฮานะ

 

เห็นได้ชัดว่า ฮิซูกิเกิดขึ้นมาในตระกูลที่ร่ำรวย ด้วยกันกับพี่ชายสองคน พี่สาวสามคน น้องชายสองคน และน้องสาวสีคน

 

แค่การฟังมัน ผมเข้าใจว่าเธอมีครอบครัวที่ซับซ้อนอย่างไร้สาระ

 

แต่ยังไงซะ ผมไม่ได้อยู่ตำแหน่งที่จะพูดนั่น เพราะผมได้ลงมือกับสาวๆจำนวนหนึ่ง

 

คำอธิบายของฮิซูกิรวบรัดมาก

 

เธอได้ถูกบอกว่าไม่ให้กลับบ้านไปอีกครั้ง

 

เพราะมีเงินจำนวนมากในบัญชีธนาคารของเธอ ค่าอาหาร และการหาที่อยู่ไม่ใช่ปัญหา

 

สองจุดนั้น และ――

 

――มันเป็นความผิดชั้นที่เกิดมา

 

เธอพูดสิ่งนั้นด้วยรอยยิ้ม

 

สถานการณ์ของเธอฟังดูคล้ายของผม

 

คนส่วนใหญ่จะสงสัยว่านั่นเกิดขึ้นได้อย่างไร

 

ผมเดาว่าเธอก็ได้ความสามารถเมื่อเธอเกิดและเป็นเด็กที่มีปัญหาแบบผมด้วย

 

ไม่ ความสามาถของผมทำให้ผมเห็นทะลุคน แต่ของฮิซูกิทำให้เธอแอบมองเข้าไปในใจคน

 

แม้ว่าข้อมูลมันเป็นเศษเสี้ยว เมื่อคนรู้ว่าบางคนมีความสามารถแบบนั้น จะไม่ชอบมันอย่างแน่นอน

 

เพราะทุกคนมีความลับที่จะซ่อน แต่เด็กเล็กไม่มีความสามารถที่จะแยกแยะมันกับข้อมูลอื่น

 

พูดอีกอย่าง สำหรับแค่เด็กคนนั้น ความสามารถที่จะ “เห็น” เห็นได้ชัดว่าจะเป็ฯ “สามัญสำนึก” ดังนั้นความเป็นไปได้ที่จะพูดถึงมันค่อนข้างสูง

 

เหมือนผม คนน่าจะคิดว่าเธอเป็นสัตว์ประหลาดบางอย่าง

 

ไม่ เธอน่าจะโตมากับสภาพแวดล้อมที่แย่กว่าของผม

 

มันเป็นเพียงเรื่องธรรมชาติที่จิตใจของฮิซูกิ ไปในทางที่แย่กว่าเนื่องด้วยสิ่งนั้น

 

แต่ยังไงซะ ฮิซูกิโชคดีที่โชคไม่ดี

 

ความโชคร้ายที่เกิดมาด้วยความสามารถพิเศษ และถูกทิ้งโดย “ครอบครัว” ของเธอ ที่มีสายเลือดเดียวกันวิ่งอยู่ในเส้นเลือด

ในทางกลับกัน ถูกทิ้งโดย “ครอบครัว” ที่เกี่ยวของกันทางสายเลือด จริงๆแล้วเป็นผลให้เธอเจอคาซะฮานะ “ครอบครัวที่แท้จริง” ของเธอ

 

และจากการติดต่อกับผม ผมสามารถที่จะเจอริกกะ

 

นั่นทำไมผมต้องขอบคุณฮิซูกิ

 

ถ้าผมไม่ทิ้งฮิซูกิออกไปจากชีวิตของผม ผมจะไม่มีวันได้เจอริกกะ

 

ไม่นานมานี่ ผมได้ติดค้างหลายคนจากหลายเรื่อง ผมได้กังวลว่าผมจะสามารถจ่ายพวกเธอคืนได้มั้ย

 

พูดนั่นแล้ว เราตัดสินใจที่จะเลื่อนฐานของเราไปที่บ้านปัจจุบันของฮิซูกิ

 

ฮิซูกิเหมือนเด็กไร้เดียงสาและตื่นเต้นที่ได้ยินผมแนะนำความคิดนั้น

 

เธอพูดอย่างมีความสุขว่า ตอนนี้เธออยู่กับผมได้ตลอดเวลาแล้ว

 

ยิ้มหูถึงหูจากความสุขที่บริสุทธิ์ ตัวที่เล็กของเริกกะถือกระเป๋ามโหฬารที่ขนาดไม่เท่ากัน ระหว่างที่ถือตุ๊กตาซูซูฮาระเบอร์ 7 ที่เธอหวงแหน ด้วยมือหนึ่งที่มารินะทำ

 

เมื่อผมจับมือของริกกะและมุ่งหน้าไปที่บ้านของทามะมูชิ มือถือของผมเริ่มสั่นข้างในกระเป๋าแจ็คเก็ต

 

ผมควรจะยกเลิกมือถือด้วย ผมวางภาระไปบนพ่อแม่ผมอีกไม่ได้

 

มีนั่นอยู่ในใจ ผมเอื้อมเข้าไปในกระเป๋า หยิบมือถือออกมาและดูจอ

 

ผู้ส่งคือเมลของยูกะ

 

ตาของผมเปิดกว้างเมื่อผมเปิดข้อความ

 

――ช่วยชั้นด้วยโมตะ-คุง ยู-จังอยู่ในปัญหาใหญ่

 

ระหว่างที่เขียนมันเป็นตัวอักษร เนื้อหามันถูกตัดกระทันหัน เหมือนผู้ส่งอยู่ในความรีบ

 

ข้อความจากยูกะบอกอย่างชัดเจนว่ามันเป็นเหตุฉุกเฉิน

 

มากกว่านั้น มันดูเหมือนเธอน่าจะอยู่ด้วยกันกับอาซาฮินะ

 

เมื่อผมกลับไปที่บ้าน อาซาฮินะก็ทำอย่างเดียวกัน

 

ข้างในตัวของอาซาฮินะมีแมลงจากวิธีต้องห้าม

ดังนั้น มันอันตรายที่จะให้เธอเดินคนเดียว นั่นทำไมผมคิดว่าให้คาซะฮานะคุ้มกันเธอกลับไป แต่มันจะเป็นอันตราย ถ้าฮิซูกิที่ไม่มั่นคงได้แยกกับเธอแม้ว่าจะไม่กี่ชั่วโมง

 

จากนั้นผมคิดว่าจะให้ทามะมูชิไปคุ้มกันเธอกลับไป แต่ทามะมูชิเกี่ยวข้องกับองค์กรของคุดันทางอ้อม ดังนั้นมันดีกว่าที่จะไม่ให้ทามะมูชิออกไปข้างนอก

 

งั้นที่เหลือมีเพียงนานะฟูชิ

 

คิดว่านานะฟูชิเป็นตัวเลือกเดียวที่ผมมีเท่านั้น ผมแต่งตั้งเธอให้คุ้มกันอาซาฮินะกลับบ้าน อย่างไรก็ตาม อาซาฮินะปฏิเสธข้อเสนอผมตรงๆ

 

――ชั้นเลยอายุที่ต้องมีพี่เลี้ยงแล้ว แล้วก็ ชั้นสามารถจะปกป้องตัวเองได้เป็นอย่างน้อย

 

เธอพูดระหว่างที่มีหน้าตาที่มองคนอื่นต่ำกว่าอย่างท่วมท้นเหมือนเคย และอย่างธรรมชาติ มันเป็นไปเป็นข้อพิพาททางคำพูด และในท้ายที่สุดจบที่การต่อสู้

 

ในเวลานั้น ผมอารมณ์เสียและคิดว่ามันเหมาะกันตัวเธอแล้วถ้าอย่างนั้น แต่คิดย้อนกลับไป แต่ถึงอย่างไรผมควรจะให้นานะฟูชิคุ้มกันเธอ

 

แม้ว่าเธอได้พลังเพิ่มขึ้นจากการมีแมลงข้างในเธอ มันไม่นานหลังจากที่ตัวเธอกลายพันธุ์ เธอไม่มีความสามารถตั้งแต่เธอเกิด ดังนั้นผมคาดการณ์ว่าความสามารถของเธอไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเธอทั้งหมด

 

และปัญหาได้เกิดขึ้น มากกว่านั้น แน่นอนว่ามันดูเหมือนยูกะได้ถูกลากเข้ามาในความเละเทะนี้แล้ว

 

พวกเธอเจอกับองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาตื? หรือมันเป็นองค์กรของคุดัน? ไม่ว่าแบบไหน พวกเธออยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก

 

แต่ทำไมยูกะล่ะ?

 

อย่าบอกผมนะว่า อาซาฮินะนั่น เมื่อเธอได้มุ่งหน้ากลับบ้าน เธอแวะที่บ้านยูกะ

 

อะไรของเธอวะที่พูด “ชั้นสามารถจะปกป้องตัวชั้นเอง” เธอแม้แต่ปกป้องตัวเธอเองก็ไม่ได้ และลากแม้แต่ยูกะเข้าไปในมันอีก

 

ผมส่งข้อความไปหาเธอ ถามที่อยู่และสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ไม่มีคำตอบ

 

ถ้ามันเป็นยูกะ เธอควรจะตอบกลับทำที

 

ไม่ มันต่างออกไป ไม่ใช่อย่างนั้น ข้อความแรกมันแปลก มันดูเหมือนเนื้อหาได้ถูกเขียนในความรีบและส่งมากลางทาง

 

พูดอีกอย่าง เธออยู่ในสถานการณ์ที่เธอพิมพ์ข้อความมากกว่านั้นไม่ได้

 

มันเป็นเพราะยูกะ ที่ผมได้รับข้อความ ใช้ประโยชน์จากจังหวะที่อีกฝ่ายมองไปทางอื่น เธอขอความช่วยเหลือจากผมได้สำเร็จ

 

นั่นทำไม――

 

「เวรล่ะ นี่มันแย่แล้ว……」

 

มันคือองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือมันคือองค์กรของคุดัน? ไม่ว่าอย่างไร ถ้าคนที่ดูทามะมูชิอยู่ตามอาซาฮิะนเมื่อเธอออกจากบ้านไป และถ้าคนนั้นโจมตีเวลาที่อาซาฮินะติดต่อกับยูกะ ถ้างั้น

 

นี่มันแย่แล้ว นี่มันเป็นกรณีสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

 

เพราะอาซาฮินะเพิ่มทำให้ความสามารถของเธอตื่น เธอไม่สามารถที่จะควบคุมมันได้อย่างอิสระ มากกว่านั้น อาซาฮินะนั้นเชี่ยวชาญในการต่อสู้ระยะประชิด ดังนั้นแม้ว่าเธอจะควบคุมมันได้อย่างอิสระ มันไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น มันอย่างดีที่สุดก็เหมือนกับสัตว์ป่า เพิ่มเติมจากนั้น ไม่ว่าจิตวิญญานของเธอจะไม่ย่อท้อมากแค่ไหน ทั้งหมดมันจะจบถ้าเธอถูกจับและมัด

 

และยูกะ เธอน่าจะยังไม่รู้ว่าเธอได้ปลุกความสามารถพิเศษของตัวเธอเองให้ตื่น

 

นี่มันแย่แล้ว พวกเขาไปบริเวณที่ผมอยากให้พวกเขาไปล่ะอย่างน้อย

 

「มาสเตอร์……」

 

เสียงของริกกะดีดผมให้กลับมามีสติ

 

เมื่อผมมองลงไป ริกกะมองผมอย่างใจจดใจจ่อด้วยตาสีแดงของเธอ ระหว่างที่ถือตุ๊กตาซูซูฮาระเบอร์ 7 ที่หวงแหนด้วยมือหนึ่ง และเกี่ยวแขนของผมด้วยอีกแขน

 

แผนทุกแผนของเราดำเนินไปได้แค่ครึ่งทาง แต่ไม่มีทางเลือกนอกจากทำมัน

 

「ริกกะ ได้เวลาสู้แล้ว ชั้นมีเจตนาจะก้มหัวและขอร้องให้คนอื่นช่วยเหลือ แต่ชั้นจะไม่ถามอะไรจากเธอ เพราะเธอคือซูซูฮาระ ริกกะ ดังนั้นตาชั้นมาข้างหลังไม่ว่าชั้นไปที่ไหน」

 

ผมพูด มองตรงไปที่ริกกะ จากนั้นริกกะกอดตุ๊กตาซูซูฮาระเบอร์ 7 แน่นกว่าเดิม และจับมือผมแน่นขึ้น

 

「วั่น!」

 

จู่ๆ ริกกะก็เห่าเหมือนหมา

 

「นั่นมันอะไรวะ」

 

ผมหัวเราะโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

「วั่น วั่น วาอู้นนน~!」

 

หอนเหมือนหมา ริกกะกอดผม

 

ผมเข้าใจ ริกกะไม่สามารถจะถ่ายถอดความรู้สึกดีๆได้ แม้ว่าเธออยากจะแสดงความขอบคุณผม ที่ผมเรียกเธอว่าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เธอแสดงความสุขของเธอมาเป็นคำพูดไม่ได้

 

นั่นทำไมเธอหอน เหมือนหมา

 

เธออยากจะบอกผมว่าเธอเป็นหมาของผม และอยากจะตามผมไม่ว่าผมไปที่ไหน

 

「มันโอเค ชั้นได้ข้อความของเธอแล้ว ขอบคุณ ริกกะ ขอบคุณ」

 

พูดนั่น ผมโอบกอดริกกะ

 

มาเริ่มกันเถอะ เพื่อล้มคนที่แตะครอบครัวของผม และเพื่อสร้างที่ที่ผมเรียกว่าบ้าน

 

วิ่งด้วยกำลังทั้งหมดของผม ผมกลับไปที่บ้านทามะมูชิ

 

ผมไม่รู้ว่าอาซาฮินะและยูกะอยู่ไหน ถ้าผมออกไปและหาพวกเข้าโดยไม่รู้ มันจะสายเกินไปสำหรับผม

 

งั้นผมต้องยืมพลังของคนอื่นที่สามารถจะหาพวกเธอ

 

「ฮิซูกิ!」

 

วิ่งเข้าไปในห้องนั่งเล่น ผมเจอฮิซูกิบนโซฟา และตะโกนชื่อของเธอ

 

ดูเหมือนเธอได้เล่นไพ่กับคาซะฮานะ ฮิซูกิสะดุ้งและไพ่ทั้งหมดหล่นจากมือเธอทั้งหมด

 

จากนั้นฮิซูกิเริ่มเหงื่อออก

 

ตกใจที่เห็นผมตะโกนและรีบมาในห้องนั่งเล่น

 

มันเป็นหลักฐานว่าตาแห่งสวรรค์ไม่ได้ทำงานอย่างถูกต้อง

 

มากกว่านั้นเธอได้ตกใจมากจนเธอได้หกคะเมนระหว่างที่ตาของเธอเป็นจุดดำจุดขาว

 

สภาพมันแย่ลงเหรอ?

 

เมื่อผมมองไปที่คาซะฮานะที่มองกลับมาหาผม หูสัตว์ของเธอตกและส่ายหัวของเธอเล็กน้อย

 

แทนที่จะเป็นประสิทธิผลลดลง ตอนนี้มันเกือบจะใช้การไม่ได้

 

เหี้ย นี่มันแย่ที่สุด แย่ที่สุดจริงๆ

 

ไม่ ผมโทษฮิซูกิเรื่องนี้ไม่ได้ ความสามารถของฮิซูกิ สิ่งที่น่ารังเกียจที่ทำให้เธอทุกข์ทรมาน มากกว่านั้น ไม่เหมือนความสามารถของผม ของเธอใช้งานอยู่ตลอดเวลา

 

ถ้าเธอใช้งานมันไม่ได้ งันมันควรเป็นสิ่งที่มีความสุขที่ต้องฉลอง

 

แต่ผมต้องการมันตอนนี้ ผมต้องการมันอย่างสิ้นหวัง

 

「มันเกี่ยวกับอาซาฮินะและยูกะเหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้น งั้นนายไม่ต้องกังวล」

 

หันไปทิศทางของเสียง ผมเห็นทามะมูชิยืนอยู่ที่นั่นในเสื้อคลุมสีดำที่เธอใส่ประจำ

 

「ไม่ต้องกังวล? เธอหมายความว่ายังไง?」

 

ผมเข้าหาทามะมูชิและถามคำถามเธอ

 

จากนั้นทามะมูชิวิ้มและชี้ไปที่ท้องของเธอด้วยนิ้วชี้ขวาของเธอ

 

อา

 

「นายคิดว่าชั้นเป็นใครกันแน่? แน่นอนว่า ชั้นเก่งในการต่อสู้ระยะประชิด แต่ดั้งเดิมแล้วชั้นเชี่ยวชาญในการค้นหาและลอบสังหาร มือชื่อเป็นผู้ใช้แมลงไม่ได้แค่มีไว้โชว์นะ」

 

ทามะมูชิพูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจ จากนั้นเธอชี้ไปที่แมลงที่ดูเหมือนด้วงกว่างที่พักอยู่บนท้องของเธอ

 

ผมลืมสนิทไปเลย นั่นใช่แล้ว เด็กคนที่รู้ว่าจะใช้แมลงอย่างไร

 

「ไม่มีทางที่ชั้นจะปล่อยให้บางคนที่ออกไปจากบ้านด้วยตัวเองโดยไม่มีใครดู」

 

หลังจากพูดอย่างนั้น เธอได้ “ฟูฟุน” หัวเราะคิกคัก

 

ผมเสร็จเธอละ สำหรับผมที่ลืมสนิทว่าการเข้าใจความสามารถของ “สหาย” เป็นปัจจัยพื้นฐานในพื้นฐานของกลยุทธ์…

 

「ทามะมูชิ! ทำได้ดีมาก! ความพยายามที่ยอดเยี่ยม!」

 

ผมตะโกนด้วยความสุข ผมกอกทามะมูชิและยกเธอขึ้นในอากาศ ถูกแก้มของผมกับเธอ

 

「เดี๋ย-♥ เดี๋ยวก่อนซูซูฮาระ♥ น-นายเข้าใจผิดแล้ว♥ ชั้นขอโทษ♥ ชั้นขอโทษ♥ ความจริงคือ นานะฟูชิบอกให้ชั้นทำ ♥」

 

ทามะมูชิที่ถูกกอดโดยผมและแก้มของเธอถูกับของผม แดงอย่างแรงจริงๆ และพยายามจะขอโทษอย่างสิ้นหวังระหว่างที่ดิ้น

 

เธองี่เง่าเหรอ? เธอพูดอะไรกัน? เธอและนานะฟูชิเป็นหนึ่งใจและวิญญานนะ!

 

「ชั้นจะชมนานะฟูชิที่หลัง! แต่การฟังคำแนะนำของนานะฟูชิแล้วทำตามมันก็ดีพอแล้ว! ดังนั้นเธอไม่ต้องขอโทษ! ทำได้ดีมากทามะมูชิ! เธอเยี่ยมยอด! โดดเด่นมาก!」

 

「อ-อะววววู้♥ ความรู้สึกผิด♥ แม้ว่าชั้นรู้สึกผิดกับมัน♥ ชั้นควรจะพูดนั่นตั้งแต่ทีแรกกกกกกกกก♥」

 

กับคำพูดผม ทามะมูชิ ที่ดิ้นอยู่ในแขนของผม ทำหน้าที่ดูเหมือนว่าเธอจะร้องไห้ได้ทุกวินาที ขณะที่เธอส่งเสียงปวดร้าว

 

「ข-ขอโทษ……」

 

หันไปทิศทางของเสียง ผมเห็นฮิซูกินั่งอยู่บนโซฟา ตาเธอมองลงไปข้างล่าง

 

「ช-ชั้นไม่เข้าใจ ชั้นไม่มั่นใจ ชั้นไม่เห็นที่ชั้น “เห็นอยู่” และชั้นได้หลงลืมมัน ถ้าไม่มีใครพูดถึงมัน งั้นชั้นจะไม่สังเกตมัน แม้แต่ชั้นเองก็ไม่เข้าใจด้วย ชั้นขอโทษ ชั้นขอโทษ ชั้นขอโทษ……」

 

ตามองลงไปข้างล่างและตัวที่สั่น ฮิซูกิขอโทษต่อไประหว่างที่กอดตัวเธอเอง

 

ผมคิดว่าเราจบแล้วซะอีก ผมได้คิดว่ามันไม่มีทางไหนที่เราจะหาอาซาฮินะและคนอื่น แต่ เมื่อทามะมูชิปรากฏอยู่ตรงหน้าผม จู่ๆผมก็ได้รับการกระชากของความหวัง ซึ่งผลของมันทำให้ผมทิ้งตัวตนของฮิซูกิไปเลย

 

ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้แม้ว่าจะมีความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุด ไร้ประโยชน์ นั่นเป็นสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับฮิซูกิ

 

ถ้าผมจะชมทามะมูชิ ผมควรจะทำมันในที่ที่ฮิซูกิไม่อยู่

 

แถ้า ถ้าไม่มีใคนพูดเกี่ยวกับมัน งั้นเธอจะไม่สังเกตมัน? ถ้าไม่มีใครบอกเธอเกี่ยวกับความสามารถของเธอ งั้นเธอจะลืมมันเหรอ?

 

นั่นสำหรับฮิซูกิ เป็นการกระพิบของความสุขอย่างแน่นอน ความสามารถที่น่ารังเกียจที่รบกวนเธอ ตามเธอ และทำลายจิตใจเธอ ถ้าเธอได้ลืมเกี่ยวกับตัวตนของมัน และใช้ชีวิตอยู่อย่างสาวปรกติ――

 

คิดไปถึงจุดนั้น บางอย่างได้คลิกข้างในผม

 

มันเป็นไปได้มั้ยว่าบางที่ข้างใน ฮิซูกิได้พยายามจะผนึกความสามารถนั้น?

 

สถานการณ์ของฮิซูกิตอนนี้ถูกวางให้เตรียมพร้อม

 

คนที่ใกล้กับเธอมีคาซะฮานะ ผมและริกกะ อาซาฮินะที่น่ากลัว ทามะมูชิ และนานะฟูชิ

 

มีปัญหาหลากหลาย แต่เมื่อเรามารวมตัวกัน เราคุย เราทะเลาะ และเราหัวเราะด้วยกัน

 

แน่นอนว่านั่น คืออะไรที่ฮิซูกิได้หามาตลอดเวลานี้

 

ระหว่างที่เธออยู่กับผม แน่นอนว่าเธอพยายามจะหาที่ที่เหมาะสมสำหรับเธอ

 

นั่นทำไมฮิซูกิพยายามจะทำที่นี่เป็น “โชคชะตาสุดท้าย”

 

ถ้านั่นจริง งั้นผมเข้าใจว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน

 

ถ้าผมทำได้ ผมก็อยากให้นี่ เป็นที่ที่ผมเรียกว่าบ้าน

 

แต่นั่น……เป็นไปไม่ได้

 

แน่นอนว่าคุดันจะมีเป้าหมายไปที่ตาแห่งสวรรค์ เมื่อองค์กรอนุรักษธรรมชาติรู้เกี่ยวกับตัวตนของอาซาฮินะ พวกเขาก็จะเคลื่อนไหวด้วย ในความเป็นจริง ตอนนี้ ทั้งอาซาฮินะและยูกะอยู่ในอันตราย

 

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาสถานะของเราไว้แบบนี้

 

เพื่อสร้างที่สำหรับสิ่งมีชีวิตที่พิเศษเหมือนเรา ที่เราสามารถจะใช้ชีวิต และหัวเราะด้วยกัน เราต้องทำบางอย่างกับพลังของเราเอง

 

อย่างไรก็ตาม ผมไม่มีเวลาจะอธิบายนี่ให้กับฮิซูกิตอนนี้

 

ชำเลืองมองคาซะฮานะ ที่นั่งต่อจากฮิซูกิ ผมเห็นเธอมองกลับมาที่ผม โอบแขนเธอไปรอบไหล่ของฮิซูกิระหว่างที่ลูบหัวของฮิซูกิ

 

「ฮิซูกิ ทุกคนจะไปที่บ้านเธอวันนี้ พวกเราทั้งหมดจะรวมกันอยู่ในบ้านเธอ ดังนั้นเราต้องจัดปาร์ตี้ต้อนรับ เราต้องทำโอริกามิ*แขวนจากกำแพง และอาหารที่อร่อยมากมาย แล้วก็ซื้อขนมปังกรอบด้วย เค้กด้วย เราจะจัดการกับที่นอนยังไง? จากนั้นเราต้องทำอาหารที่ทำให้ซูซูฮาระ-ซามะพอใจ และจากนั้นเมื่อเธอขอมัน ซูซูฮาระ-ซามะจะตอบตกลงแน่นอน」

TLN: กระดาษพับเป็นตัวต่างๆ

 

คาซะฮานะพูดกับฮิซูกิอย่างอ่อนโยน และปลอบโยนเธอเหมือนเธอเป็นเด็ก

 

ฮิซูกิหยุดร้องไห้และยกหัวของเธอ

 

และ――

 

「อึน! ชั้นต้องทำเต็มที่! ชั้นอยากจะเป็นภรรยาของโมตะ-คุง! ชั้นสงสัยว่าชั้นสามารถเป็นได้มั้ย?」

 

รูปลักษณ์ของฮิซูกิไม่ได้ดูเหมือนเด็ก เธอเป็นเด็ก

 

นั่นสมควรจะเป็น……การย้อนกลับไปเป็นทารก?

 

ไม่เหมือนผม ฮิซูกิได้ถูกทิ้งโดยครอบครัวของเธอ เพื่อตอบแทนสิ่งนั้น เธอได้ถูกทิ้งเงินไว้มากมาย ที่มันมากพอที่จะเน่าอยู่ในบัญชีธนาคาร อย่างไรก็ตาม มันไม่เปลี่ยนความเป็นจริงที่ว่าเธอถูกทิ้ง

 

บางทีฮิซูกิพยายามจะกล่อมตัวเธอเองว่าทุกอย่าง “ไม่เคยเกิดขึ้น”

 

ย้อนเวลา ลบความจริงที่เธอได้ถูกทิ้ง กลับไปเป็นเวลาที่เธอเริ่มใช้ชีวิตกับคาซะฮานะและตอนนี้ ด้วยที่เราเข้าร่วมที่อยู่ของเธอ บางที่เธอพยายามจะทำนี่ให้เป็น “ครอบครัวที่แท้จริง” ของเธอ

 

ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมใช้พลังของฮิซูกิไม่ได้

 

อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอเสียพลังของเธอไป และเมื่อการต่อสู้ได้เกิดขึ้น เธอจะไม่เป็นอะไรเลยนอกจากภาระ การมีอยู่ของฮิซูกิจะไม่จำเป็นอีกต่อไป

 

แต่――

 

「ชั้นจะ “กลับ” อย่างแน่นอน」

 

เมื่อผมบอกนั่นกับฮิซูกิ แก้มของเธอย้อมเป็นสีแดง เปิดเผยความอายอย่างละเอียด ขณะที่เธอโบกมือให้ผมอย่างเขินๆ

 

「อึน♥」

 

จากนั้นเธอมองผมด้วยตาที่ไร้เดียงสา ที่ไม่ได้ซ่อนอะไรที่บอกใบ้ว่ามีความสงสัยเลย และพยักหน้าอย่างมีความสุข

 

ผมเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจฮิซูกิได้

 

แต่ผมดันเธอออกไปจากผม

 

แม้ว่าเธอจะเป็นภาระกับผม ผมจะไม่ทิ้งเธออีกแล้ว

 

ฮิซูกิ เธอเข้าใจชั้นมั้ย?

 

ถ้าผมเข้าใจเธอได้ งั้นเธอก็จะสามารถทำอย่างเดียวกันเมื่อมันเป็นผม ใช่มั้ย?

 

มีความคิดนั้นในใจ ผมยิ้มและโบกมือกลับไปให้ฮิซูกิและหันตัว

 

มีเพียงเธอที่เดินทางเดียวกันที่จะสามารถเข้าใจความทุกข์ทรมานของผมได้

 

แม้ว่าเธอจะเสียพลังไปแล้วกลับไปเป็นเด็ก ผมยังต้องการเธอ

 

ทิ้งบ้านของทามะมูชิกับริกกะ เราตามคำแนะนำของทามะมูชิ และมุ่งหน้าไปที่เป้าหมาย

 

「ความผิดปรกติได้เกิดขึ้นและนานะฟูชิรีบไปที่ที่เกิดเหตุทันที ชั้นใช้กระแสจิตได้ แต่มีขีดจำกัดกับมัน ดังนั้นชั้นสามารถที่จะสื่อสารกับนานะฟูชิ อย่างไรก็ตาม มีผู้ใช้ความสามารถที่สกัดกั้นกระแสจิตของชั้นได้ ซึ่งมันมีปัญหา ตราบใดที่มันเป็นเหตุฉุกเฉิน กระแสจิตได้ถูกตัด」

 

ทามะมูชิเรียกออกมาระหว่างที่วิ่งตามเรา

 

「และ?」

 

「การเชื่อมต่อยังตัดอยู่ แต่ชั้นไม่คิดว่าสถานการณ์มันลำบากขนาดนั้น」

 

「แล้วความเป็นไปได้ที่นานะฟูชิจะถูกจับตัวก่อนให้ข้อมูลเธอเกี่ยวกับสถานการณ์ผิดปรกติล่ะ」

 

「ออุมุ ชั้นไม่คิดว่านานะฟูชิจะด้อยกว่าผู้ใช้ความสามารถธรรมดา นอกจากนั้น เราใช้คนละเส้นสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน มันเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ เมื่อข้อมูลได้ถูกส่ง นายควรจะสามารถรู้มันได้ทันที」

 

「แล้วข้อมูลจากแมลงที่ตามอาซาฮินะล่ะ?」

 

「เพราะมันเป็นแมลงตัวเล็กๆ มันปล่อยสัญญานเตือนเพราะมันแค่ตอบสนองกับสิ่งตางๆในรูปแบบที่กำหนดไว้ ไม่มีระบบที่มันสามารถจะสื่อสารข้อมูลเพิ่มเติม แมลงตัวเล็กส่วนใหญ่ใช้สำหรับการรวบรวมข้อมูลพื้นฐานเหมือนการเตือน การบันทึกวีดีโอและเสียง และถ้าเราอยากจะใช้แมลงตัวอื่นให้บินไปที่นั่นเพื่อเก็บข้อมูลเพิ่ม ชั้นคิดว่ามันเร็วกว่าที่จะไปที่นั่นด้วยตัวเองแทน」

 

ยิ่งเล็กยิ่งสะดวก แต่มันมีราคาคือผลงาน หือห์

 

ไม่ว่าอย่างไร ผมแค่หวังว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับนานะฟูชิ แต่เรายังต้องเตรียมกับกรณีสถานการณ์ที่แย่ที่สุด

 

「มาสเตอร์ อยากให้ชั้นไปที่ที่เกิดเหตุก่อนมั้ย?」

 

ริกกะที่วิ่งอยู่ข้างผมส่งเสียงของเธอ

 

ด้วยความเร็วของริกกะ เธอไปที่นั่นได้ทันที

 

อย่างไรก็ตาม――

 

「ตอนนี้ เราอยู่ในสถานการณ์ที่เราไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น ถ้าความแย่ไปถึงแย่ที่สุด ชั้นจำเป็นต้องให้เธออยู่ข้างชั้น」

 

「ค่ะ!」

 

ริกกะพยักหน้าตอบ

 

ริกกะมีสมดุลย์ที่ดีเป็นพิเศษในทั้งการโจมตีและป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสู้หรือวิ่งหนี ผมทำตัวเลือกให้กว้างได้เมื่อเธออยู่ข้างผม นอกจากนี้ แม้ว่าความสามารถการต่อสู้ระยะใกล้ของทามะมูชิไม่ได้ดีเท่าริกกะ เธอเกือบจะเอาชนะไม่ได้

 

กรณีสถานการณ์ที่แย่ที่สุด ผมต้องการเธอสองคนเพื่อจะเปลี่ยนทิศคลื่นของการต่อสู้

 

「อึ๋นน? โออ้ มันอยู่นี่ มันอยู่นี่ ชั้นได้รับข้อความจากนานะฟูชิ」

 

「มันอยู่นี่! งั้น มันเรื่องอะไร!?」

 

ผมถามทามะมูชิ ไม่สามารถจะซ่อนความกระตือรือล้นจากคำพูดผม

 

「ห๋าา? นักเลง? แยงกี้? นั่นมันอะไรวะ? ห๋าา? การต่อสู้ระหว่างนักเลง? มันได้โง่มากจนชั้นอยากจะกลับไปบ้าน? เดี๋-เดี๋ยวก่อน ชั้นไม่รู้ว่าสถานการณ์คืออะไรเลยซักนิด ไม่ว่ายังไง อยู่นี่ก่อน」

 

ความเร็วของการวิ่งของทามะมุชิช้าลงอย่างช้าๆ และมองไปข้างหน้าด้วยตาที่ตำหนิ

 

「คู่ต่อสู้ไม่ใช่ผู้ใช้ความสามารถ? ห๋าา? เป็นแค่มนุษย์? มีเท่าไหร่นะ? สิบห้า? ไม่มีทางที่มนุษย์จะสู้กับอาซาฮินะ เอ๋? อาซาฮินะถูกต่อย? ฝ่ายเดียว? ทำไม? ห๋าา? หลักการที่ส่งหมัดกลับหลังจากที่ถูกต่อย? อะไรของเธอกันวะ? ยังไงซะ ชั้นไม่คิดว่าบางอย่างจะเกิดขึ้นกับเธอจากการโดนต่อยด้วยมนุษย์ ดังนั้นมันพูดง่ายๆว่าเป็นความขัดแย้งของมนุษย์กับมนุษย์? เข้าใจแล้ว ชั้นเข้าใจ ชั้นเข้าใจว่าทำไมเธออยากจะกลับบ้าน แต่แค่รอจนกว่าเราจะไปถึงที่นั่น」

 

ได้ยินการสนทนาของทามะมูชิ ผมได้เข้าใจได้ดีว่าอะไรเกิดขึ้น

 

อาซาฮินะ หือห์ มันเป็นความผิดอีโง่นั้น ไปพัวพันตัวเธอเองกับกลุ่มของนักเลง และน่าจะไปยั่วยุพวกมัน ยูกะอยู่ที่นั่นและพยายามจะขอความช่วยเหลือจากผม แต่บางคนเอามือถือของเธอไป และเสียการติดต่อตั้งแต่ตอนนั้น อะไรบางอย่างแบบนั้น

 

อาา เหี้ย ผมได้กังวลเปล่าประโยชน์

 

มันดูเหมือนจะมีประมาณสิบห้าคน แต่ไม่ว่ามนุษย์จะมากซักกี่คน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดสัตว์ป่าที่ดุร้ายในการต่อสู้ ตราบใดที่ไม่มีอาวุธไปเกี่ยวข้อง

 

มากกว่านั้น มีนานะฟูชิอยู่ข้างเธอที่แน่นอนว่าจะถูกจัดอันดับเป็นสัตว์ประหลาดชั้นสูงสุด ดังนั้นพวกเธอน่าจะโอเค

 

แม้ว่า นานะฟูชิดูเหมือนว่าเธออยากจะกลับบ้าน

 

「เราจะทำยังไง? ชั้นได้บอกนานะฟูชิให้รอชั้นจนกว่าเราจะไปที่นั่น ชั้นเลยมีเจตนาจะไปที่นั่น」

 

ช้าลงจนหยุดอย่างสมบูรณ์ ทามะมูชิส่ายหางม้าสีเงินและมองขึ้นมาที่ผม

 

ผมสีเงินของเธออาบไปในแสงแดง ส่องสว่างด้วยกันกับตาสีมรกต ซึ่งเปล่งประกายดั่งอัญมณี่ภายใต้แสงแดด และผิวที่ขาวผ่องของเธอที่ดูเหมือนมันไม่เคยโดนสัมผัสมาเลยในชีวิต

 

แล้วก็ สองรอpปูดที่ดันขึ้นมากับเสื้อคลุมสีดำที่เธอใส่อยู่ตอนนี้

 

เห็นทามะมูชิใต้แสงแดดนั้นน่ารัก แต่ยั้ง มันยังเป็นเพราะทามะมูชิอยู่ในความมืดมาตลอด จนผมรู้สึกว่ามันดึงเสน่ห์ที่ผิดศีลธรรมออกมาจากเธอ

 

หาความสงบใจในผม ผมคิดเกี่ยวกับนี่ในความมึนงง และโดยไม่มีเหตุผล ผมลูบหัวทามะมูชิ

 

ทามะมูชิเด้ง เลือดได้รีบเข้ามาที่แก้มของเธอ ขณะที่เธอยิ้มและเอียงหัวของเธอ

 

ฉันไม่รู้ว่าทำไมนายลูบหัวของฉัน แต่ฉันมีสุข คือที่สีหน้าของเธอบอกผม

 

เอ๋อๆนิดหน่อยแต่น่ารัก

 

ระหว่างที่ผมคิดอย่างนั้น ผมรู้สึกถึงการดึงที่กางเกง

 

เมื่อผมหันไปเพื่อดูว่าใครดึงกางเกงผม ริกกะยืนที่นั่นและมองไปที่พื้น และแดงไปถึงหูเธอ พองแก้มของเธอ

 

เธอโอเคเมื่อผมวางมือของผมลงบนผู้หญิงคนอื่น แต่มันดูเหมือนมันต่างออกไปเมื่อมันเป็นทามะมูชิ

 

สำหรับริกกะ ทามะมูชิเป็นบางอย่างที่เหมือนคู่อริตั้งแต่เธอเกิด

 

มีนั่นในใจ เมื่อผมลูบหัวริกกะ เธอยกหัวของเธอขึ้นเล็กน้อย ระหว่างที่มองผมด้วยสายตามองขึ้นมา และยิ้มอย่างมีความสุข

 

หืมม ริกกะที่ปรกติไม่อิจฉา มาอิจฉานั้นน่ารักและมอบความรู้สึกสดใหม่ให้ผม

 

จากนั้นผมรู้สึกถึงการดึงข้างหลังแจ็คเก็ต

 

หันไป ทามะมูชิที่หันหัวเธอหนีจากผม มอบการทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย

 

มันดูเหมือนเธออิจฉาริกกะ

 

เมื่อผมลูบหัวทามะมูชิ เธอชำเลืองมองผมและมอบรอยยิ้มที่หวาน

 

จากนั้นผมรู้สึกถึงการดึงกางเกง――

 

อา เราจะเข้าไปในการวนเวียนไม่มีที่สิ้นสุด

 

เราทำแบบนี้ต่อบนถนนไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อทามะมูชิเกี่ยวข้องกับคุดันทางอ้อม

 

เราต้องรีบแล้วทำความสะอาดความเละเทะนี้ และกลับไปที่บ้านของทามะมูชิ จากนั้นเลื่อนฐานของเราไปที่บ้านฮิซูกิ

 

「ไปที่นั่นที่พวกเธอสามคนอยู่กันเถอะ」

 

ผมเสนอและลูบสองหัวในเวลาเดียวกัน

 

「ค่ะ!」

 

「อุมุ!」

 

สองคนส่งเสียงในความสุข และในเวลาเดียวกัน มองหน้ากัน

 

「ชั้นจะชอบมากกว่าถ้าแมลงอยู่เป็นแมลงที่คลานอยู่ที่พื้นต่อ」

 

จ้องเป็นมีดไปที่ทามะมูชิ ริกกะพึมพำใต้ลมหายใจของเธอ

 

「ทั้งหมดเพราะกึ่งมนุษย์เป็นอีโง่ ชั้นไม่ใช่แมลง แต่ผู้ใช้แมลง ที่จะไม่รู้ความต่างของเรื่องนั้น เพราะเธอมันอีโง่ แม้แต่จะเรียกมันว่าการยั่วยุยังไม่ได้เลย น่าสงสาร」

 

จ้องแห่งความตายไปที่ริกกะ ทามะมูชิพึมพำและมอบรอยยิ้มที่ชั่วร้าย และเอามือของเธอปิดปากและ เล็ด “พรืดด” ออกมา

 

「เฮ๋ห์ เฮฮ๋ห์ เธออยากตายเหรอ」

 

ริกกะมอบรอยยิ้มที่กระตุก และเอามือเธอไปไว้ที่ข้างหลังเธอ

 

「เธอโง่จริงๆที่พยายามจะข่มขู่ว่าจะฆ่าชั้นที่เป็นอมตะ การมีหมาที่โง่ขนาดนี้ ชั้นรู้สึกเสียใจที่ซูซูฮาระเป็นมาสเตอร์ของเธอ」

 

ลดสะโพกของเธอ ทามะมูชิยั่วยุริกกะที่ยิ้มต่อ นำมือของเธอทั้งสองไปที่ข้างหลังเธอและดึงเข็มที่ยาวผิดปรกติออกมา และถือมันไว้ที่แต่ละมือ พวกนั้นเหมือนหมุดปักแมลงยักษ์

 

「เธอะ-เธอเพิ่งจะดูถูกมาสเตอร์ชั้น หึ้ห์?」

 

จ้องอย่างเกลียดไปที่ทามะมูชิ ริกกะกัดฟันขณะที่เธอพึมพำคำนั้นออกมา เล็ดเจตน่าฆ่าออกมา เธอดึงมีดเล่มใหญ่ พร้อมตัวเธอเองสำหรับสงครามเต็มรูปแบบ

 

「ชั้นดูถูกเธอ ชั้นได้เล่นๆกันเธอก่อนหน้านี้เหมือนครั้งที่แล้ว แต่ครั้งนี้จะต่างออกไป ชั้นจะสอนคนอย่างพวกเธอถึงทักษะการต่อสู้ของชั้น ที่ชั้นรวบรวมมาหลายปี ระหว่างที่หั่นเธอเป็นชิ้นๆ น่ะนะ」

 

ทามะมูชิก็ปล่อยเจตนาฆ่าด้วยระหว่างที่นำเข็มยักษ์ทั้งสองไปหน้าหน้าอกเธอ ทำรูปทรงกากบาท ขณะที่เธอลดศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงของเธอลงอย่างช้าๆ

 

「มาสเตอร์ได้ใจดีพอที่จะบอกชั้นว่าชั้นเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเค้า ดังนั้นถ้าเธอดูถูกชั้น นั้นหมายถึงเธอดูถูกมาสเตอร์ชั้นด้วย」

 

「นั่นเป็นความไร้สาระที่เห็นแก่ตัวของเธอเอง ชั้นไม่ได้ดูถูกซูซูฮาระ พอแล้วกับการพร่ำเพ้อน่ะ มาสิ หรือเธอแค่กลัวชั้นและพยายามจะหาข้ออ้างไว้วิ่งหนี?」

 

นี่ในทางปฏิบัติแล้วเป็นสถานการณ์ที่ทุกอย่างจะแย่ลงถ้าผมเคลื่อนไหวอะไรผิด

 

มันเป็นเทคนิคที่เกือบจะเป็นไปไม่ได้ ที่จะหยุดสองคนที่จริงจังใส่กัน แต่ต้องขอบคุณ เพราะฮิซูกิไม่ได้อยู่ต่อจากผม พลังของผมกลับมาที่ผม

 

ผมยืดมือทั้งสองออกไปอย่างรวดเร็ว

 

เล็งเป้าไปทั้ง “ทุกอย่าง” ของทั้งสองคนและเน้นไปที่จุดเน้น ผมหยิกหัวนมพวกเธอบนเสื้อ

 

「คย้าน♥」

 

「อะวู้♥」

 

สองคนที่ถูกหยิกหัวนมเด้งอย่างแรงทิ้งอาวุธในเวลาเดียวกันและบีบต้นขาเข้าด้วยกัน

 

「ชั้นไม่รู้สึกอยากจะหยุดพวกเธอจากการต่อสู้ สู้เท่าที่ต้องการเลย เพราะมันพาจุดจบมาหาพวกเธอเมื่อทำมัน ชั้นโอเคกับมัน แต่ทำให้มั่นในที่จะเลือกเวลาและที่ที่ถูกที่จะทำมันนะ โอเคมั้ย?」

 

ผมยิ้มให้ทั้งสองคนขณะที่ผมดึงหัวนมแรงๆ

 

「คย้าน คย้าน♥ คยาวู้นนน♥」

 

「ควัว♥ อ๊าา♥ ระ-แรงอีก♥ หยิกมันแรงกว่านี้อีก♥」

 

โดนดึงหัวนมโดยผม พวกเธอสองคนร้องอย่างมีความสุขและยืนบนปลายเท้า

 

เห้อ ถ้าเธอเป็นมาโซคิสม์ งั้นมันจะไม่นับว่าเป็นการลงโทษ ไม่ว่าผมจะดูมันยังไง มันดูเหมือนเป็นรางวัล เห็นหน้าที่บ้าเซ็กส์ของพวกเธอ ผมบอกตัวผมเองในความเงียบ

 

ปล่อยหัวนมของพวกเธอ พวกเธอทั้งสองคนเสียสมดุลย์และล้มไปที่เข่า จากนั้นวางมือทั้งสองไว้บนหว่างขาของพวกเธอ กดมันในเวลาเดียวกันกับที่ทั้งสองแดงไปถึงหูขณะที่พวกเธอหอบอย่างหนัก

 

「พวกเธอสองคนจะได้รับการลงโทษเมื่อเรากลับบ้านนะ โอเคมั้ย?」

 

พูดสิ่งนั้นกับทั้งสองคน ตาของพวกเธอเปลี่ยนสี และเริ่มหายใจรัวๆ พวกเธอยิ้มในเวลาเดียวกัน มองกันในเวลาเดียวกัน จ้องกันในเวลาเดียวกัน และจากนั้น ฮึ่มมมม และหันหนีจากกันในเวลาเดียวกัน

 

ช่างเป็นคู่หูที่สมบูรณ์แบบ

 

ด้วยนั่นที่พูด วันนี้เราจำเป็นต้องยายฐานไปที่บ้านของฮิซูกิและรีบเพื่อแก้ปัญหานี้

 

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายเป็นแค่ “มนุษย์”

 

นานะฟูชิก็อยากจะกลับบ้านด้วย มันน่าขันสิ้นดี

 

「ยังไงซะ ไปกันเถอะ」

 

พูดกับตัวผมเองในใจ ผมบอกพวกเธอทั้งสองคนและเดินไปที่ที่อาซาฮินะอยู่

 

เห้อ อาซาฮินะนั่น เธอเป็นนักสร้างปัญหาจริงๆ อีนั่น

 

 

 

เวอร์ชั่นไม่เซ็นเซอร์อ่านได้ที่ tunwalai หรือ readAwrite

สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่

067-3-63958-5

กสิกรไทย

 

แปลโดย: wayuwayu

ติดตามได้ที่ดิสคอทส่งข้อความมาขอได้ที่ facebook: “wayuwayu แปล”

pdfไว้อ่านตอนกลางคืน  สปอนเซอร์ตอน จองตอน ซื้อตอน หารได้ ได้ทั้ง facebook และ discord

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+