re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง 60 ระหว่างทาง

Now you are reading re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง Chapter 60 ระหว่างทาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 60 ระหว่างทาง

 

ไนเรลเดินออกมาไม่นานก็มีพนักงานสาวของสมาพันธ์นักล่าเดินมาแจ้งกับเขาว่า มีคนจากทางรัฐบาลมาขอเข้าพบ

 

แต่เมื่อไปพบกับพวกเขาที่ห้องรับแขกและก็พบว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่คนของรัฐบาลแต่มีคนจากพาราซัสมาด้วย ชายคนนั้นก็คือผู้จัดการของ สํานักงานย่อยประจําเมืองย่อย 101 นั้นเอง

 

สิ่งที่พวกเขาต้องการจะพูดก็คือการมาขอโทษถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับไนเรลในการลอบสังหารที่ผ่านมา

 

แต่ในความหมายแฝงนั้นพวกเขาคงจะมายืนยันสภาพของไนเรลว่าเขาบาดเจ็บใกล้ตายหรือเป็นอย่างไรบ้าง

 

ส่วนผู้จัดการพาราซัสที่มาก็มาเพื่อแก้ข่าวลือที่ว่าแผนการทั้งหมดเป็นสิ่งที่พาราซัสสั่งการมา ซึ่งผู้จัดการก็เข้ามาพร้อมกับกระเช้าที่สวยงามและรอยยิ้มที่ดูจริงใจ

 

“ผมคือผู้จัดการของสํานักงานย่อยของพาราซัส หวังว่าคุณจะไม่หลงเชื่อข่าวลือที่เกิดขึ้น และผมหวังว่าในอนาคตพวกเราจะได้ร่วมธุรกิจด้วยกัน”

 

ไนเรลมองไปรอยยิ้มเหมือนงูพิษของผู้จัดการคนนี้อย่างสะอิดสะเอีอน แต่เขาก็ยิ้มและจับมือกลับไปเพื่อเป็นมารยาทพร้อมทั้งกล่าวออกมาอย่างจริงใจว่า “แน่นอนเดี๋ยวผมจะแวะไปหา”

 

ทันทีที่ผู้จัดการได้ยินคําพูดของไนเรลตัวของเขาก็ขนลุกขึ้นมาในทันทีอย่างไม่มีสาเหตุ

 

และจากคําพูดนี้เองภายในค่ำคืนนี้ที่พักของผู้จัดการก็เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง และการฆ่าฟัน ผู้จัดการสํานักงานย่อย บริษัทพาราซัสอยู่ในภาพที่ร้องขอชีวิตแต่ก็ถูกฆ่าตายอยู่ดี

 

ในเช้าวันต่อมา ก็มีข่าวการตายของคนระดับสูงของสํานักงาน ย่อยพาราซัส ประจําเมืองย่อย 101 โดยลักษณะการตายนั้นเป็นรูปแบบฆ่าของนักฆ่าเงา มันแทบจะเรียกได้ว่านักฆ่าเงาไปกวาดล้างคนของสํานักงานย่อยของบริษัทพาราซัสของเมืองย่อย 101 ไปจนหมดเลยก็ว่าได้

 

นั่นทําให้ทันทีที่สํานักงานใหญ่ของบริษัทพาราซัสโกรธแค้นเป็นอย่างมากและตั้งค่าหัวนักฆ่าเงามากถึง 10 ล้านเหรียญไทกีล่าและผลคริสตัลวิวัฒนาการอีก 2 ผล

 

แต่แน่นอนก็มีหลายคนที่สมน้ำหน้าและรอซ้ำเติมพวกเขา โดยเฉพาะรัฐบาลเมื่อย่อย 101 ที่ถือโอกาศนี้จัดการถอนรากถอนโคลนสํานักงานย่อยพาราซัสออกไปในทันที

 

โดยกล่าวหาว่าผู้จัดการของสํานักงานย่อยแห่งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเงาในการว่าจ้างรอบสังหารไนเรลดังนั้นจึงได้จับกลุ่มคนของสํานักงานย่อยแห่งนี้ทั้งหมด

 

แต่นั้นยิ่งทําให้สํานักงานหลักของพาราซัสโกรธพวกเขาไปอีกแต่ก็ทําอะไรไม่ได้ เพราะทุกคนในสํานักงานย่อยตายไปหมดแล้วคนตายไม่สามารถพูดอะไรได้ หลักฐานที่ไม่รู้ว่ารัฐบาลไปขุดมาจากไหนก็ทําให้บริษัทพาราซัสถูกตรวจสอบและเพ่งเล็กจากรัฐบาลกลางของไทกีล่าในทันที

 

พาราซัสได้แต่ทําตัวสงบสะเงียมมากขึ้นมากขึ้นเพื่อหลีกเรียงในหลาย ๆ เรื่องที่รัฐบาลไทกีร่ากดดันมา

 

ซึ่งตัวการที่รับรู้เรื่องทั้งหมดนี้อย่างไนเรลก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้เขากําลังจะออกเดินทางไปที่คฤหาสน์ตระกูลอาโรเดียแล้ว โดยมีเอวาที่ตอนนี้เลื่อนระดับเป็นสีน้ำตาลแล้ว และนิเรียที่เธอก็เลือนมาเป็นระดับสีน้าตาลใกล้จะเลือนเป็นระดับ สีเขียว

 

เหตุที่นิเรียเลื่อนระดับได้ไว้นั้นก็ไม่น่าแปลกเพราะตามจริงแล้วศักยภาพของเธอนั้นก็ไม่ได้น้อยไปกว่านักฆ่าเงาถ้าไม่ติดที่ตอนแรกเริ่มขาดแคลนแก่นพลังงาน

 

แต่หลังจากที่เธอได้รับการสนับแก่นพลังงานจากไนเรลพลังของเธอก็ก้าวหน้าเร็วขึ้นมาก ซึ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่ทําให้ไนเรลวางใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของเธอมากขึ้น

 

“พี่ชาย พี่จะไม่รอให้พ่อกับแม่เดินทางมาที่นี่ก่อนหรือ” นีเรียถามออกมาด้วยความเป็นห่วง

 

“พี่ออกไปไม่นานอาจจะแค่ 1 เดือน อีกอย่างพี่กลัวว่าเบาะแสของปู่จะหายไปก่อน ถ้าพ่อกับแม่มาถึงแล้วก็ให้พักที่สมาพันธ์นักล่าก็ได้”

 

“อืมเอาแบบนั้นก็ได้” นเรียพูดออกมาด้วยปากที่มัยอย่างเสียดาย เธอคิดว่าจะได้เห็นใบหน้าของพี่ชายที่รู้ว่าพ่อแม่รู้เรื่องที่พี่ชายของเธอทําอะไรกับเอวาไว้ มันคงจะสุดยอดน่าดู เธอถึงกับเตรียมที่จะแอบอัดวิดีโอไว้แล้วด้วย

 

นอกจากนี้เธอก็จะให้พ่อกับแม่ช่วยกันผู้หญิงหน้าอกส้มโอแบบเอวาออกห่างจากไนเรล เพราะทั้งสองยังไม่เป็นอะไรกันก็ทําเรื่องแบบนั้นแล้ว เธอเตรียมใช้เหตุผลที่ว่าเดี๋ยวไนเรลจะทําผู้หญิงท้องก่อนแต่ง? เอวาได้แต่คิดในใจด้วยความหึงหวงพี่ชายของตนเอง

 

ไนเรลที่ตอนนี้หันไปร่ำลาคนอื่น ๆ โดยไม่รู้ถึงความคิดของน้องสาวตัวน้อยเลยแม้แต่น้อย

 

เขาบอกกับแมวน้อยและธีโอเป็น 2 คนสุดท้าย ไม่สิเป็น 2 ตัวสุดท้ายว่าให้ปกป้องทุกคนด้วย ซึ่งแมวน้อยก็รับปากจะปกป้องต้นคริสตัลวิวัฒนาการอย่างเต็มที่ เพราะผลของต้นคริสตัลวิวัฒนาการนั้นก็เป็นเหมือนกับมันครึ่งหนึ่งอยู่แล้วไนเรลไม่ต้องเป็นห่วง

มันรับปากพร้อมกับมองไปที่ผลคริสตัลวิวัฒนาการจํานวนมากอย่างตาเป็นมัน

 

ไนเรลได้ยินดังนั้นก็วางใจ แต่ที่เขาวางใจจริง ๆ คงเป็นฮีโอ เจ้าคาปิบาร่าผู้น่ากลัวนี้

 

หลังจากนั้นเขาก็ไปหาคนสุดท้ายจริง ๆ นั้นก็คือเอวาเขาไม่ได้พูดอะไรมากแค่บอกว่าดูแลตัวเองดี ๆ แค่นั้น

 

สําหรับไนเรลนั้น เขายังไม่รู้ว่าจะเรียกเอวาว่าคนรักได้อย่างเต็มปากหรือไม่ เพราะเขายังคงฝังใจกับเรื่องในอดีต ผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อสเตล่า คนที่เขาทั้งรักและเกลียด เธอผู้ที่เป็นตัวการในการฆ่าทุกคนที่เขารัก รวมถึงลูกสาวของพวกเขาด้วย

 

ไนเรลใช้ความสามารถของ [ปีกแห่งความตาย B] บินขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันที มองไปที่ด้านล่างที่เห็นผู้คนกําลังสร้างกําแพงที่ดูมันคงและติดตั้งปืนใหญ่จํานวนมาก รวมถึงปืนใหญ่พลังงาน E1 จํานวนหลายกระบอก ทั้งได้รับมาจากเมืองหลักในรอบหลัง ๆ พร้อมกับมีสัตว์กลายพันธุ์ที่ดุร้ายโจมตีตามจุดต่าง ๆ ของเมืองบ้างเป็นบางครั้งบางคราว

 

ด้านนอกมีซอมบี้ที่ถูกนักล่าไล่ล่านอกเมืองย่อย 101 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นซอมบี้ที่หลงฝูงหรือถูกทิ้งไว้

 

ห่างออกไปมีสัตว์กลายพันธุ์หลายตัวที่รุมโจมตีฆ่านักล่าในขณะที่นักล่าก็ฆ่าพวกมันเช่นกัน

 

ที่ผ่านมาถึงในเมืองจะสงบสุขจากการปกป้องของกองทัพ แต่ทันทีที่ออกมานอกเมืองมันก็มีการฆ่าฟันอยู่ทั่วทุกหนแห่งไม่ต่างจากดินแดนป่าเถื่อนเลยแม้แต่น้อย และโดยเฉพาะที่ที่เขากําลังไปนั้นที่ซึ่งอยู่นอกเหนือจากอิทธิพลของรัฐบาลกลางของไทกีล่าด้วย แล้วมันยิ่งโหดร้ายเข้าไปอีกอย่างแน่นอน

 

ไนเรลมองไปที่เมืองย่อย 101 ที่กลายเป็นจุดเล็กลง ขณะที่เขาบินออกห่างไปเรื่อย ๆ

 

ไนเรลไม่ได้บินสูงมากนักโดยจะอยู่ที่ความสูงแค่ 1500 เมตรจากพื้นดินเท่านั้น เพื่อให้พ้นระยะของยอดไม้บางส่วน และอยู่ต่ำกว่าสัตว์นักล่าบนท้องฟ้าที่เป็นอันตรายอย่างมาก

 

ถึงเขาจะเป็นระดับ สีเขียวแต่ก็ต้องระวังตัวเป็นอย่างมาก เพราะเหนือเมฆขึ้นไปนั้นถึงจะเรียกว่าราชาที่แท้จริง

 

สิ่งมีชีวิตที่ก้าวข้ามระดับชีวิต ไปแล้วนั้นจะน่ากลัวเป็นอย่างมากถึงขนาดที่สามารถฆ่าเขาไปง่าย ๆ เลย

 

ส่วนระดับชีวิตที่ว่านั้นก็คือ ระดับสีน้ำเงินหรือขั้น 5 นี่คือระดับต่ำสุดที่มีสิทธิ์ในการบินอยู่เหนือกว่าเมฆอย่างแท้จริง

 

ในการจะกล้าวผ่านจากระดับสีเขียวไปเป็นสีน้ำเงินนั้นจะต้องมีพลังงานในเซลล์มากกว่า 10,000 หน่วย

 

ซึ่งไนเรลก็ยังไม่ได้รีบยกระดับขึ้นไปอีกเขาอยากจะให้เซลล์ของตัวเองคงระดับสีเขียวไปก่อนเพื่อไม่ให้มันเกิดปัญญาหาขึ้นในอนาคต ถึงแม้เขาไม่รู้ว่าเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการจะจัดการในเรื่องนี้ได้หรือไม่กันแน่แต่เขาก็ไม่ต้องการจะเสียง

 

อีกอย่างพลังของเขาก็ถือว่าพัฒนาการเร็วมากแล้ว เพราะในชีวิตที่แล้วของเขาระดับสูงสุดก็เป็นแค่สีน้ำเงินเท่านั้น

 

ไนเรลบินด้วยความเร็วสูงมากกว่า 3 วันแล้ว ในทุกวันตอนเย็นเขาก็ลงไปพักข้างล่างตามต้นไม้ และล่าสัตว์กลายพันธุ์ในบางครั้ง

 

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่มีสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 3 โจมตีเขาซึ่งมันก็ลงไปอยู่ในกระเพาะของไนเรลอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมันยังให้แก่นพลังงานมาอีก 1 ชิ้น แต่เขาก็ไม่ได้ความสามารถใหม่มา

 

ส่วนสัตว์กลายพันธุ์ที่กินไม่หมดไนเรลก็เก็บมันไว้ในเงา แต่ว่าเขาก็สร้างพื้นที่เงาให้มีขนาดได้แค่ 100 เมตรเท่านั้นนี่คือขีดจํากัดในการคงพื้นที่ให้เสถียรที่สุดแล้วในระดับพลังของเขาตอนนี้

 

“จากระยะที่บินมาอีกไม่กี่กิโลเมตรก็คงพ้นระยะของสัญญาอินเทอร์เน็ตและเข้าสู่ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทกีล่าที่ติดกับประเทศจีนาส ที่นี่มีสงครามเมืองและการแย่งชิงพื้นที่ปกครองของมนุษย์ชั้นสูงอยู่บ่อยครั้งสินะ ถ้าจําไม่ผิดแถวนี้มีเมืองแลกเปลี่ยนที่เรียกว่า โคลอสเซียม อยู่ลงไปแวะพักที่นั่นแล้วกัน” ไนเรลนึกถึงข้อมูลในชีวิตที่แล้วจากนั้นเขาก็ส่งข้อความระบุตําแหน่งของตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายให้สมาพันธ์นักล่ารับรู้ก่อนที่จะมุ่งหน้าต่อ

 

หลังจากบินมาจนถึงเย็นไนเรลก็เตรียมจะลงที่แถวปายักษ์และใช้ความสามารถ [ราชานักวิ่ง C] ไปที่โคลอสเซียมแทน เพราะเขาไม่ต้องการที่จะเป็นจุดเด่น

 

แต่ก่อนนั้นอยู่ ๆ เขาก็เห็นกลุ่มของคนที่กําลังจําโดนซอมบี้โจมตีอยู่แถวทุ่งหญ้าโล่งกว้าง

 

ไนเรลสังเกตดูมีในฝูงมีซอมบี้อยู่ไม่เกิน 1 พันตัว ในฝูงยังมีซอมบี้สติปัญญา 2 อยู่ด้วย เมื่อเขาเห็นแบบนั้นก็ตาเป็นประกายเลียริมฝีปากในทันที

 

ที่ด้านล่าง กลุ่มของนักล่าที่พยายามช่วยกันแบกหมูป่ากลายพันธุ์ขั้น 3 ที่หนักประมาณ 600 กิโลกกรัม หนีฝูงซอมบี้เพื่อไม่ให้ซอมบี้พวกนี้กัดโดนเนื้อของของหมูได้ไม่อย่างนั้นเนื้อนี่ก็จะติดเชื้อจนกินไม่ได้

 

สําหรับพวกเขาแล้วเนื้อของสัตว์กลายพันธุ์ขั้นที่สามตัวนี้สามารถเลี้ยงคนของพวกเขาให้อยู่รอดได้อีกหลายวัน

 

และที่สําคัญมันยังสามารถนําไปแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของต่าง ๆ ได้จํานวนมาก

 

“คนที่มีแรงอยู่ก็ช่วยกันแบกหมูนี้ไป ส่วนสัตว์กลายพันธุ์ตัวอื่น ๆ ทิ้งไปเป็นเหยื่อล่อซอมบี้”

 

“ไปถึงที่รถบรรทุกได้พวกเราก็น่าจะหนีออกจากฝูงซอมบี้ได้อย่างแน่นอน”

 

คนประมาณ 10 กว่าคนช่วยกันแบกหมูปาและอีกหลายคนที่ทําหน้าที่คุ้มกันจัดการกับซอมบี้

 

หนึ่งในนั้นก็มีมนุษย์ชั้นสูง สีน้ำตาล ที่มีความสามารถสนับสนุนความเร็ว ใช้ดาบซามูไรตัดคอซอมบี้ตายเป็นจํานวนมาก พร้อมกับพุ่งเข้าหาซอบบี้ไททันขั้น 3 ในทันที

 

“โอ้วๆๆๆ”

 

“ท่านโรฮานลงมือแล้ว”

 

“ท่านโรฮานฆ่ามัน จัดการซอมบี้ทั้งหมดเลย”

 

คนทั้งหมดนั้นก็ร้องออกมาด้วยความดีใจ เพราะดูเหมือนว่าคนที่ส่งไปตามกําลังหนุนจะมาแล้ว

 

โรฮานจัดการฟันซอมบี้ไททันขั้น 3 พร้อมกับที่มนุษย์ชั้นสูงระดับสีเทา อีก 4 คนได้เข้ามาช่วย นั้นทําให้สถาณะการของพวกเขาดีขึ้นมาก

 

ในตอนนั้นเองที่เสียงกรีดร้องของซอมบี้ปีกขั้น 2 ก็ดังขึ้นพร้อมกับที่ร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า

 

พร้อมกับสิ่งมีชีวิตบินได้ที่จู่โจมไปที่ซอมบี้สติปัญญาอย่างไม่ทันตั้งตัว เหมือนกับเหยี่ยวที่ตะครุบหนูพาซอมบี้สติปัญญาขั้น 2 ขึ้นสู่ท้องฟ้าและหายไปทางในยอดไม้หลังจากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องของซอมบี้สติปัญญาตามา

 

ทุกคนได้แต่มองไปด้วยความงุนงงว่านั้นมันคือตัวอะไร ใช่สัตว์กลายพันธุ์หรือไม่

 

ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ไม่มีเวลามางุนงงสงสัยมานัก เพราะซอมบี้สติปัญญาจะโดนกําจัดไปแล้วแต่ก็ยังมีซอมบี้ธรรมดาและซอมบี้กลายพันธุ์ตัวอื่น ๆ อยู่

 

พวกเขารีบพากันเปิดทางและพาร่างของหมูป่าขั้น 3 กลับไปที่รถและเตรียมขับออกไปทัน

 

แต่ในนั้นตอนนั้นอีกเจ้าสิ่งที่ฆ่าซอมบี้สติปัญญาก็บินลงมาหยุดขวางทางพวกเขาไว้

 

และในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่าสิ่งที่ฆ่าซอมบี้สติปัญญาไม่ใช่สัตว์หรืออะไร แต่มันคือ มนุษย์ชั้นสูงที่ใส่หน้ากากทองคําพร้อมกับผ้าคลุมสีดํามิดชิด

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง 60 ระหว่างทาง

Now you are reading re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง Chapter 60 ระหว่างทาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 60 ระหว่างทาง

 

ไนเรลเดินออกมาไม่นานก็มีพนักงานสาวของสมาพันธ์นักล่าเดินมาแจ้งกับเขาว่า มีคนจากทางรัฐบาลมาขอเข้าพบ

 

แต่เมื่อไปพบกับพวกเขาที่ห้องรับแขกและก็พบว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่คนของรัฐบาลแต่มีคนจากพาราซัสมาด้วย ชายคนนั้นก็คือผู้จัดการของ สํานักงานย่อยประจําเมืองย่อย 101 นั้นเอง

 

สิ่งที่พวกเขาต้องการจะพูดก็คือการมาขอโทษถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับไนเรลในการลอบสังหารที่ผ่านมา

 

แต่ในความหมายแฝงนั้นพวกเขาคงจะมายืนยันสภาพของไนเรลว่าเขาบาดเจ็บใกล้ตายหรือเป็นอย่างไรบ้าง

 

ส่วนผู้จัดการพาราซัสที่มาก็มาเพื่อแก้ข่าวลือที่ว่าแผนการทั้งหมดเป็นสิ่งที่พาราซัสสั่งการมา ซึ่งผู้จัดการก็เข้ามาพร้อมกับกระเช้าที่สวยงามและรอยยิ้มที่ดูจริงใจ

 

“ผมคือผู้จัดการของสํานักงานย่อยของพาราซัส หวังว่าคุณจะไม่หลงเชื่อข่าวลือที่เกิดขึ้น และผมหวังว่าในอนาคตพวกเราจะได้ร่วมธุรกิจด้วยกัน”

 

ไนเรลมองไปรอยยิ้มเหมือนงูพิษของผู้จัดการคนนี้อย่างสะอิดสะเอีอน แต่เขาก็ยิ้มและจับมือกลับไปเพื่อเป็นมารยาทพร้อมทั้งกล่าวออกมาอย่างจริงใจว่า “แน่นอนเดี๋ยวผมจะแวะไปหา”

 

ทันทีที่ผู้จัดการได้ยินคําพูดของไนเรลตัวของเขาก็ขนลุกขึ้นมาในทันทีอย่างไม่มีสาเหตุ

 

และจากคําพูดนี้เองภายในค่ำคืนนี้ที่พักของผู้จัดการก็เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง และการฆ่าฟัน ผู้จัดการสํานักงานย่อย บริษัทพาราซัสอยู่ในภาพที่ร้องขอชีวิตแต่ก็ถูกฆ่าตายอยู่ดี

 

ในเช้าวันต่อมา ก็มีข่าวการตายของคนระดับสูงของสํานักงาน ย่อยพาราซัส ประจําเมืองย่อย 101 โดยลักษณะการตายนั้นเป็นรูปแบบฆ่าของนักฆ่าเงา มันแทบจะเรียกได้ว่านักฆ่าเงาไปกวาดล้างคนของสํานักงานย่อยของบริษัทพาราซัสของเมืองย่อย 101 ไปจนหมดเลยก็ว่าได้

 

นั่นทําให้ทันทีที่สํานักงานใหญ่ของบริษัทพาราซัสโกรธแค้นเป็นอย่างมากและตั้งค่าหัวนักฆ่าเงามากถึง 10 ล้านเหรียญไทกีล่าและผลคริสตัลวิวัฒนาการอีก 2 ผล

 

แต่แน่นอนก็มีหลายคนที่สมน้ำหน้าและรอซ้ำเติมพวกเขา โดยเฉพาะรัฐบาลเมื่อย่อย 101 ที่ถือโอกาศนี้จัดการถอนรากถอนโคลนสํานักงานย่อยพาราซัสออกไปในทันที

 

โดยกล่าวหาว่าผู้จัดการของสํานักงานย่อยแห่งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเงาในการว่าจ้างรอบสังหารไนเรลดังนั้นจึงได้จับกลุ่มคนของสํานักงานย่อยแห่งนี้ทั้งหมด

 

แต่นั้นยิ่งทําให้สํานักงานหลักของพาราซัสโกรธพวกเขาไปอีกแต่ก็ทําอะไรไม่ได้ เพราะทุกคนในสํานักงานย่อยตายไปหมดแล้วคนตายไม่สามารถพูดอะไรได้ หลักฐานที่ไม่รู้ว่ารัฐบาลไปขุดมาจากไหนก็ทําให้บริษัทพาราซัสถูกตรวจสอบและเพ่งเล็กจากรัฐบาลกลางของไทกีล่าในทันที

 

พาราซัสได้แต่ทําตัวสงบสะเงียมมากขึ้นมากขึ้นเพื่อหลีกเรียงในหลาย ๆ เรื่องที่รัฐบาลไทกีร่ากดดันมา

 

ซึ่งตัวการที่รับรู้เรื่องทั้งหมดนี้อย่างไนเรลก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้เขากําลังจะออกเดินทางไปที่คฤหาสน์ตระกูลอาโรเดียแล้ว โดยมีเอวาที่ตอนนี้เลื่อนระดับเป็นสีน้ำตาลแล้ว และนิเรียที่เธอก็เลือนมาเป็นระดับสีน้าตาลใกล้จะเลือนเป็นระดับ สีเขียว

 

เหตุที่นิเรียเลื่อนระดับได้ไว้นั้นก็ไม่น่าแปลกเพราะตามจริงแล้วศักยภาพของเธอนั้นก็ไม่ได้น้อยไปกว่านักฆ่าเงาถ้าไม่ติดที่ตอนแรกเริ่มขาดแคลนแก่นพลังงาน

 

แต่หลังจากที่เธอได้รับการสนับแก่นพลังงานจากไนเรลพลังของเธอก็ก้าวหน้าเร็วขึ้นมาก ซึ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่ทําให้ไนเรลวางใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของเธอมากขึ้น

 

“พี่ชาย พี่จะไม่รอให้พ่อกับแม่เดินทางมาที่นี่ก่อนหรือ” นีเรียถามออกมาด้วยความเป็นห่วง

 

“พี่ออกไปไม่นานอาจจะแค่ 1 เดือน อีกอย่างพี่กลัวว่าเบาะแสของปู่จะหายไปก่อน ถ้าพ่อกับแม่มาถึงแล้วก็ให้พักที่สมาพันธ์นักล่าก็ได้”

 

“อืมเอาแบบนั้นก็ได้” นเรียพูดออกมาด้วยปากที่มัยอย่างเสียดาย เธอคิดว่าจะได้เห็นใบหน้าของพี่ชายที่รู้ว่าพ่อแม่รู้เรื่องที่พี่ชายของเธอทําอะไรกับเอวาไว้ มันคงจะสุดยอดน่าดู เธอถึงกับเตรียมที่จะแอบอัดวิดีโอไว้แล้วด้วย

 

นอกจากนี้เธอก็จะให้พ่อกับแม่ช่วยกันผู้หญิงหน้าอกส้มโอแบบเอวาออกห่างจากไนเรล เพราะทั้งสองยังไม่เป็นอะไรกันก็ทําเรื่องแบบนั้นแล้ว เธอเตรียมใช้เหตุผลที่ว่าเดี๋ยวไนเรลจะทําผู้หญิงท้องก่อนแต่ง? เอวาได้แต่คิดในใจด้วยความหึงหวงพี่ชายของตนเอง

 

ไนเรลที่ตอนนี้หันไปร่ำลาคนอื่น ๆ โดยไม่รู้ถึงความคิดของน้องสาวตัวน้อยเลยแม้แต่น้อย

 

เขาบอกกับแมวน้อยและธีโอเป็น 2 คนสุดท้าย ไม่สิเป็น 2 ตัวสุดท้ายว่าให้ปกป้องทุกคนด้วย ซึ่งแมวน้อยก็รับปากจะปกป้องต้นคริสตัลวิวัฒนาการอย่างเต็มที่ เพราะผลของต้นคริสตัลวิวัฒนาการนั้นก็เป็นเหมือนกับมันครึ่งหนึ่งอยู่แล้วไนเรลไม่ต้องเป็นห่วง

มันรับปากพร้อมกับมองไปที่ผลคริสตัลวิวัฒนาการจํานวนมากอย่างตาเป็นมัน

 

ไนเรลได้ยินดังนั้นก็วางใจ แต่ที่เขาวางใจจริง ๆ คงเป็นฮีโอ เจ้าคาปิบาร่าผู้น่ากลัวนี้

 

หลังจากนั้นเขาก็ไปหาคนสุดท้ายจริง ๆ นั้นก็คือเอวาเขาไม่ได้พูดอะไรมากแค่บอกว่าดูแลตัวเองดี ๆ แค่นั้น

 

สําหรับไนเรลนั้น เขายังไม่รู้ว่าจะเรียกเอวาว่าคนรักได้อย่างเต็มปากหรือไม่ เพราะเขายังคงฝังใจกับเรื่องในอดีต ผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อสเตล่า คนที่เขาทั้งรักและเกลียด เธอผู้ที่เป็นตัวการในการฆ่าทุกคนที่เขารัก รวมถึงลูกสาวของพวกเขาด้วย

 

ไนเรลใช้ความสามารถของ [ปีกแห่งความตาย B] บินขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันที มองไปที่ด้านล่างที่เห็นผู้คนกําลังสร้างกําแพงที่ดูมันคงและติดตั้งปืนใหญ่จํานวนมาก รวมถึงปืนใหญ่พลังงาน E1 จํานวนหลายกระบอก ทั้งได้รับมาจากเมืองหลักในรอบหลัง ๆ พร้อมกับมีสัตว์กลายพันธุ์ที่ดุร้ายโจมตีตามจุดต่าง ๆ ของเมืองบ้างเป็นบางครั้งบางคราว

 

ด้านนอกมีซอมบี้ที่ถูกนักล่าไล่ล่านอกเมืองย่อย 101 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นซอมบี้ที่หลงฝูงหรือถูกทิ้งไว้

 

ห่างออกไปมีสัตว์กลายพันธุ์หลายตัวที่รุมโจมตีฆ่านักล่าในขณะที่นักล่าก็ฆ่าพวกมันเช่นกัน

 

ที่ผ่านมาถึงในเมืองจะสงบสุขจากการปกป้องของกองทัพ แต่ทันทีที่ออกมานอกเมืองมันก็มีการฆ่าฟันอยู่ทั่วทุกหนแห่งไม่ต่างจากดินแดนป่าเถื่อนเลยแม้แต่น้อย และโดยเฉพาะที่ที่เขากําลังไปนั้นที่ซึ่งอยู่นอกเหนือจากอิทธิพลของรัฐบาลกลางของไทกีล่าด้วย แล้วมันยิ่งโหดร้ายเข้าไปอีกอย่างแน่นอน

 

ไนเรลมองไปที่เมืองย่อย 101 ที่กลายเป็นจุดเล็กลง ขณะที่เขาบินออกห่างไปเรื่อย ๆ

 

ไนเรลไม่ได้บินสูงมากนักโดยจะอยู่ที่ความสูงแค่ 1500 เมตรจากพื้นดินเท่านั้น เพื่อให้พ้นระยะของยอดไม้บางส่วน และอยู่ต่ำกว่าสัตว์นักล่าบนท้องฟ้าที่เป็นอันตรายอย่างมาก

 

ถึงเขาจะเป็นระดับ สีเขียวแต่ก็ต้องระวังตัวเป็นอย่างมาก เพราะเหนือเมฆขึ้นไปนั้นถึงจะเรียกว่าราชาที่แท้จริง

 

สิ่งมีชีวิตที่ก้าวข้ามระดับชีวิต ไปแล้วนั้นจะน่ากลัวเป็นอย่างมากถึงขนาดที่สามารถฆ่าเขาไปง่าย ๆ เลย

 

ส่วนระดับชีวิตที่ว่านั้นก็คือ ระดับสีน้ำเงินหรือขั้น 5 นี่คือระดับต่ำสุดที่มีสิทธิ์ในการบินอยู่เหนือกว่าเมฆอย่างแท้จริง

 

ในการจะกล้าวผ่านจากระดับสีเขียวไปเป็นสีน้ำเงินนั้นจะต้องมีพลังงานในเซลล์มากกว่า 10,000 หน่วย

 

ซึ่งไนเรลก็ยังไม่ได้รีบยกระดับขึ้นไปอีกเขาอยากจะให้เซลล์ของตัวเองคงระดับสีเขียวไปก่อนเพื่อไม่ให้มันเกิดปัญญาหาขึ้นในอนาคต ถึงแม้เขาไม่รู้ว่าเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการจะจัดการในเรื่องนี้ได้หรือไม่กันแน่แต่เขาก็ไม่ต้องการจะเสียง

 

อีกอย่างพลังของเขาก็ถือว่าพัฒนาการเร็วมากแล้ว เพราะในชีวิตที่แล้วของเขาระดับสูงสุดก็เป็นแค่สีน้ำเงินเท่านั้น

 

ไนเรลบินด้วยความเร็วสูงมากกว่า 3 วันแล้ว ในทุกวันตอนเย็นเขาก็ลงไปพักข้างล่างตามต้นไม้ และล่าสัตว์กลายพันธุ์ในบางครั้ง

 

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่มีสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 3 โจมตีเขาซึ่งมันก็ลงไปอยู่ในกระเพาะของไนเรลอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมันยังให้แก่นพลังงานมาอีก 1 ชิ้น แต่เขาก็ไม่ได้ความสามารถใหม่มา

 

ส่วนสัตว์กลายพันธุ์ที่กินไม่หมดไนเรลก็เก็บมันไว้ในเงา แต่ว่าเขาก็สร้างพื้นที่เงาให้มีขนาดได้แค่ 100 เมตรเท่านั้นนี่คือขีดจํากัดในการคงพื้นที่ให้เสถียรที่สุดแล้วในระดับพลังของเขาตอนนี้

 

“จากระยะที่บินมาอีกไม่กี่กิโลเมตรก็คงพ้นระยะของสัญญาอินเทอร์เน็ตและเข้าสู่ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทกีล่าที่ติดกับประเทศจีนาส ที่นี่มีสงครามเมืองและการแย่งชิงพื้นที่ปกครองของมนุษย์ชั้นสูงอยู่บ่อยครั้งสินะ ถ้าจําไม่ผิดแถวนี้มีเมืองแลกเปลี่ยนที่เรียกว่า โคลอสเซียม อยู่ลงไปแวะพักที่นั่นแล้วกัน” ไนเรลนึกถึงข้อมูลในชีวิตที่แล้วจากนั้นเขาก็ส่งข้อความระบุตําแหน่งของตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายให้สมาพันธ์นักล่ารับรู้ก่อนที่จะมุ่งหน้าต่อ

 

หลังจากบินมาจนถึงเย็นไนเรลก็เตรียมจะลงที่แถวปายักษ์และใช้ความสามารถ [ราชานักวิ่ง C] ไปที่โคลอสเซียมแทน เพราะเขาไม่ต้องการที่จะเป็นจุดเด่น

 

แต่ก่อนนั้นอยู่ ๆ เขาก็เห็นกลุ่มของคนที่กําลังจําโดนซอมบี้โจมตีอยู่แถวทุ่งหญ้าโล่งกว้าง

 

ไนเรลสังเกตดูมีในฝูงมีซอมบี้อยู่ไม่เกิน 1 พันตัว ในฝูงยังมีซอมบี้สติปัญญา 2 อยู่ด้วย เมื่อเขาเห็นแบบนั้นก็ตาเป็นประกายเลียริมฝีปากในทันที

 

ที่ด้านล่าง กลุ่มของนักล่าที่พยายามช่วยกันแบกหมูป่ากลายพันธุ์ขั้น 3 ที่หนักประมาณ 600 กิโลกกรัม หนีฝูงซอมบี้เพื่อไม่ให้ซอมบี้พวกนี้กัดโดนเนื้อของของหมูได้ไม่อย่างนั้นเนื้อนี่ก็จะติดเชื้อจนกินไม่ได้

 

สําหรับพวกเขาแล้วเนื้อของสัตว์กลายพันธุ์ขั้นที่สามตัวนี้สามารถเลี้ยงคนของพวกเขาให้อยู่รอดได้อีกหลายวัน

 

และที่สําคัญมันยังสามารถนําไปแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของต่าง ๆ ได้จํานวนมาก

 

“คนที่มีแรงอยู่ก็ช่วยกันแบกหมูนี้ไป ส่วนสัตว์กลายพันธุ์ตัวอื่น ๆ ทิ้งไปเป็นเหยื่อล่อซอมบี้”

 

“ไปถึงที่รถบรรทุกได้พวกเราก็น่าจะหนีออกจากฝูงซอมบี้ได้อย่างแน่นอน”

 

คนประมาณ 10 กว่าคนช่วยกันแบกหมูปาและอีกหลายคนที่ทําหน้าที่คุ้มกันจัดการกับซอมบี้

 

หนึ่งในนั้นก็มีมนุษย์ชั้นสูง สีน้ำตาล ที่มีความสามารถสนับสนุนความเร็ว ใช้ดาบซามูไรตัดคอซอมบี้ตายเป็นจํานวนมาก พร้อมกับพุ่งเข้าหาซอบบี้ไททันขั้น 3 ในทันที

 

“โอ้วๆๆๆ”

 

“ท่านโรฮานลงมือแล้ว”

 

“ท่านโรฮานฆ่ามัน จัดการซอมบี้ทั้งหมดเลย”

 

คนทั้งหมดนั้นก็ร้องออกมาด้วยความดีใจ เพราะดูเหมือนว่าคนที่ส่งไปตามกําลังหนุนจะมาแล้ว

 

โรฮานจัดการฟันซอมบี้ไททันขั้น 3 พร้อมกับที่มนุษย์ชั้นสูงระดับสีเทา อีก 4 คนได้เข้ามาช่วย นั้นทําให้สถาณะการของพวกเขาดีขึ้นมาก

 

ในตอนนั้นเองที่เสียงกรีดร้องของซอมบี้ปีกขั้น 2 ก็ดังขึ้นพร้อมกับที่ร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า

 

พร้อมกับสิ่งมีชีวิตบินได้ที่จู่โจมไปที่ซอมบี้สติปัญญาอย่างไม่ทันตั้งตัว เหมือนกับเหยี่ยวที่ตะครุบหนูพาซอมบี้สติปัญญาขั้น 2 ขึ้นสู่ท้องฟ้าและหายไปทางในยอดไม้หลังจากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องของซอมบี้สติปัญญาตามา

 

ทุกคนได้แต่มองไปด้วยความงุนงงว่านั้นมันคือตัวอะไร ใช่สัตว์กลายพันธุ์หรือไม่

 

ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ไม่มีเวลามางุนงงสงสัยมานัก เพราะซอมบี้สติปัญญาจะโดนกําจัดไปแล้วแต่ก็ยังมีซอมบี้ธรรมดาและซอมบี้กลายพันธุ์ตัวอื่น ๆ อยู่

 

พวกเขารีบพากันเปิดทางและพาร่างของหมูป่าขั้น 3 กลับไปที่รถและเตรียมขับออกไปทัน

 

แต่ในนั้นตอนนั้นอีกเจ้าสิ่งที่ฆ่าซอมบี้สติปัญญาก็บินลงมาหยุดขวางทางพวกเขาไว้

 

และในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่าสิ่งที่ฆ่าซอมบี้สติปัญญาไม่ใช่สัตว์หรืออะไร แต่มันคือ มนุษย์ชั้นสูงที่ใส่หน้ากากทองคําพร้อมกับผ้าคลุมสีดํามิดชิด

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+