re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง 37 กาเบรียล ทูตสวรรค์ไซเบอร์

Now you are reading re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง Chapter 37 กาเบรียล ทูตสวรรค์ไซเบอร์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 37 กาเบรียล ทูตสวรรค์ไซเบอร์

“เยี่ยมไม่คิดว่าจะได้มาเจอกับตัวตนที่สุดยอดแบบเธอที่นี่” ไนเรลถึงกลับยิ้มออกมา ที่โชคชะตาพาให้เขามาเจอกับเธอ

อะไรคือตัวตนที่สุดยอด ทุกคนมองไปที่ไนเรล ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักเธอ แต่ทำไมเธอถึงแสดงท่าทีว่าไม่รู้จักไนเรล

ทุกคนได้แต่สงสัย

“ฉันขอคุยกับเธอตามลำพังได้ไหม” ไนเรลหันไปพูดกับทุกคน

คูเปอร์ลังเล หันไปมองจูเรียและไนเรล แต่เขาก็ตอบตกลงและสั่งให้ทุกคนออกไปสำรวจรอบข้างกันก่อน ในขณะที่เอวาก็พากลุ่มนักล่าออกไปเช่นกัน

แต่เธอก็หันมามองไนเรลอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกไป ด้วยความสงสัยว่าทั้งคู่เป็นอะไรกัน

ในขณะที่จูเรียเธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เพราะดูเหมือนว่าไนเรลจะรู้ว่าเธอเป็นใคร เธอกลัวว่าไนเรลจะบอกกับทหารพวกนั้น

ถ้าพวกทหารรู้ถึงตัวตนของเธอก็อาจจะจับเธอทันทีเธอคดีของเธอเยอะเกินไป

“นายต้องการอะไร?” จูเรียถามออกไปทันที ถ้าสามารถต่อรองได้เธอก็จะทำเพราะดูเหมือนไนเรลจะอยากทำข้อตกลงกับเธอไม่งั้นเขาคงส่งเธอให้กับพวกทหารไปแล้ว

“เธอคือนักแฮคเกอร์ที่ถูกจัดให้เป็นภัยระดับประเทศ แฮคเกอร์หมายเลข 1 จูเรีย กาเบรียล ทูตสวรรค์โลกไซเบอร์ สินะ ไม่คิดว่าจะเป็นแค่หญิงสาวอายุ 18 ผู้พิการแบบนี้ ช่างน่าสาร” ไนเรลพูดจี้จุดไปที่ขาที่พิการของเธอ

“นายต้องการอะไร!!!!!!!!!!”

จูเรียได้ยินดังนั้นก็โกรธขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล มันกระตุ้นจนเธออยากจะเข้าไปจัดการผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าเธอฉีกเขาออกมาเป็นชิ้น ๆ

เธอไม่ได้อยากจะเป็นคนพิการ แต่ในตอนเด็กเธอถูกพ่อเลี้ยงที่เป็นตำรวจทุบตีในตอนที่เขาเมาจนกระดูกสันหลังแตกและเส้นประสาทเสียหายพิการท่อนล่างทั้งหมด

เมื่อก่อนเธอนั้นต้องนอนติดอยู่กับเตียง แต่ด้วยความที่แม่ของเธอทำงานอย่างหนักหาเงินมารักษาเธอ จนกระทั่งเธอสามารถนั่งรถเข็นได้ ไม่ต้องนอนติดเตียงอีก แต่ก็ไม่สามารถเดินได้อยู่

ในขณะที่พ่อเลี้ยงผู้เป็นตำรวจนั้นถ้าไม่เมาก็ทุบตีทำร้ายร่างกายเธอกับแม่ตลอด ก็ถูกให้ออกจากราชการและสุดท้ายก็ตายด้วยมะเร็งลำไส้

ทั้งสองแม่ลูกถึงได้รอดพ้นความทุกข์มาได้ แต่ตอนนี้เธอกับถูกชายแปลกหน้าพูดถึงเรื่องของเธอด้วยน้ำเสียงที่ดูถูก สำหรับเธอแล้ว คำว่า “สงสาร” นั้นมันเป็นยิ่งกว่าคำดูถูกซะอีก

“เธออยากที่จะกลับมาเดินได้อีกครั้งไหม?”

แต่ก่อนที่เธอจะโกรธไปมากกว่านี้ ไนเรลก็ถามคำถามที่ดูเหมือนจะเป็นความหวังกับเธอ “นายหมายความว่าอย่างไร….”

“ก็หมายความอย่างที่พูด เธออยากกลับมาเดินได้อีกครั้งไหม ภายใน 1 ปี เธอจะสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง” ไนเรลพูดออกไปด้วยท่าทีปกติ

แต่เธอหารู้ไม่ว่าตั้งแต่ต้นเขาได้ใช้ความสามารถ [คำบัญชาเผ่าพันธุ์ E] กับเธอ ความสามารถนี้ไม่ใช่เพียงแค่ชักจูงตามพูดที่เขาพูดออกมา แต่มันเหมือนกับคำสั่ง

เขากำลังจะสั่งเธอ และคำสั่งอะไรที่ได้ผลที่สุดให้คนที่โดนสั่งไปนั้นไม่สามารถขัดขืนได้นั้นก็คือ การทำให้ผู้โดนสั่งน้อมรับมันด้วยตนเอง

ถึงแม้ว่าเขาจะสั่งออกไปด้วยวิธีปกติก็สามารถบังคับเธอได้ แต้ถ้าเขาไม่ใช้ความสามารถนี้ต่อ เธอก็จะกลับมาเป็นปกติ

แต่ถ้าเธอตกลงรับคำสั่งด้วยตนเอง มันจะเป็นเหมือนกับคำสัญญาถ้าผู้ผิดคำสัญญาจะต้องทำตามที่ถูกสั่งไว้

แม้ว่าเขาจะอัดเสียงของตัวเองไว้ถ้าผู้ที่ได้ยินแล้วตกลงรับคำสั่งของเขานั้น มันก็มีผลเช่นเดียวกัน

นี่คือความน่ากลัวของความสามารถประเภทจิตใจ ของความสามารถ [คำบัญชาเผ่าพันธุ์ E]

จูเรียที่ตอนนี้อยู่ก็โดนชายแปลกหน้าที่พี่งเจอถามคำถามออกมา ซึ่งเป็นคำถามที่เธออยากได้ยินมากที่สุด เธอก็ติดกับไนเรลเข้าทันที

“ต้องทำอย่างไร พวกมาไม่ว่าจะอะไรฉันก็ยอมทำ ถ้านายทำได้อย่างที่พูดจริง ๆ ทำให้ฉันกลับมาเดินได้อีกครั้ง” เธอกระโจนออกจากรถเข็นจับชายเสื้อของไนเรลไว้แน่น พร้อมกับพูดออกมาอย่างมีความหวัง

เธอจึงเริ่มศึกษาเรียนรู้โลกอินเทอร์เน็ต และเริ่มจากการเขียนโปรแกรม ไปจนถึงศึกษาเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล การแฮคระบบ เขียนไวรัส และโจมตีองค์กรเรียกค่าไถต่าง ๆ เพื่อหาเงินมารักษาตัวเองให้กลับมาเดินได้อีกครั้ง ไม่ว่าจะผ่าตัดจำนวน หลายร้อยครั้ง ทำกายภาพบำบัดมาทุกที่ โดนหลอกมาก็หลายครั้งแต่ทุกครั้งก็ไม่เป็นผล เธอยังไม่สามารถเดินได้

“ง่ายมาก แค่ติดตามและซื่อสัตย์กับฉัน ภายใน 1 ปี ฉันจะทำให้เธอกลับมาเดินได้อีกครั้ง” ตอนนี้ไนเรลชูนิ้วชี้ออกมาและยิ้ม

“ถ้านายทำได้อย่างที่พูด ฉันจะติดตามนาย คอยรับใช้นายไปตลอดชีวิต แต่ถ้าหลังจาก 1 ปี นายทำไม่ได้…”

“เธอก็จะเป็นอิสระ” ไนเรลพูดออกไป

จูเรียมองไปที่ไนเรลอยู่สักพัก “ตกลง”

เพียงแค่เธอตอบตกลงเงื่นไขก็ถูกสร้างขึ้นในจิตสำนึกของเธอ

เธอไม่มีอะไรจะเสีย ถ้าการที่ต้องยอมเสียสละความบริบุทธิ์เพื่อกลับมาเดินได้อีกครั้งเธอก็ยอม แม้จะต้องค่อยรับใช้อุ่นเตียงให้เจ้านายเหมือนกับเป็นทาสก็ตาม

ไนเรลไม่ได้รู้ว่าความคิดของเธอนั้นไปถึงไหนแล้ว สิ่งที่เขาต้องการจากเธอนั้นไม่ใช่ร่างกายแต่เป็นความสามารถของเธอ

ต่อไปในอนาคตเธอจะมีชื่อเสียงที่โดงดังมาก ผู้สร้างโลกไซเบอร์และสกุลเงิน G ขึ้นมา ซึ่งต่อมามันได้ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนแทนตั๋วอาหาร แม้แต่ประเทศต่าง ๆ ก็ยอมรับมัน

ทุกคนขนาดนามผู้สร้างว่า กาเบรียล ทูตสวรรค์แห่งโลกไซเบอร์ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเธอหรือเขาเป็นใคร ยกเว้นชื่อจริงที่ว่าจูเรีย กาเบรียล

ส่วนที่เขารู้ได้ไงนั้นก็แค่เดาพูดออกมามั่ว ๆ เท่านั้น เพราะชื่อ “กาเบรียล” มันเป็นเอกลักษณเกินไปไม่ค่อยมีคนใช้ แต่ใครจะไปคิดว่าเธอจะยอมรับมันง่าย ๆ

ตอนนี้เขาถึงกลับยิ้มออกมาทันทีที่ได้ จูเรีย มาเป็นพวก แบบนี้แผนการในการก่อตั้ง สมาพันธ์นักล่าก็มีหวังมากขึ้น ไม่สิมันต้องเกิดขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

เมื่อถึงตอนนั้น สมาพันธ์นักล่าก็จะกลายเป็นหนึ่งในขั้วอำนาจที่สามารถสู้กับ 3 บริษัทใหญ่ 7 ประเทศที่ทรงอำนาจ และตระกูลชั้นสูงอื่น ๆ ได้อย่างแน่นอน

และมันจะยังทำให้เขาสามารถวางแผนรับมือกับภัยพิบัตจากซอมบี้และยักษ์เถือนพวกนั้นได้

ไนเรลกำมือแน่นด้วยความตื่นเต้น “ครั้งนี้มันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”

หนังจากนั้น พวกเขาก็ได้เจอกับวิทยุที่จูเรียเก็บไว้ พวกทหารรีบติดต่อกลับไปที่ค่ายด้วยช่องความถี่ฉุกเฉินทันที

ตอนนี้พวกเขาเพียงแค่ต้องรอให้ทางกองทัพของค่ายลี้ภัย 101 ส่งเฮลิคอปเตอร์ออกมารับก็เท่านั้น

สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือรอเพียงเท่านั้น

ไนเรลเรียกนักล่าที่เหลืออยู่เพื่อพูดคุยกันทันที

คนที่เหลือรอดตอนนี้มี ไนเรล เอวา เอียน และนักล่าอีก 5 คน ส่วนคนที่มาใหม่อีกคนก็คือจูเลีย

เขารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับไอแซคนั้นจะต้องรู้ถึงทางค่ายแล้ว

ดังนั้นเขาจึงบอกให้ทุกคนว่าเมื่อไปถึงค่ายและหลังจากถูกคุมตัวไปสอบออกมาแล้วให้ไปรวมกันที่บ้านพักของเขา

ซึ่งพวกเขาจะเริ่มแผนการก่อตั้งสมาพันธ์นักล่าทันที

หลังจากนั้นเพียง 3 ชั่วโมง เฮลิคอปเตอร์ก็บินมาสองลำเพื่อรับพวกเขา

ไนเรลมองไปที่ผืนป่าและต้นไม้ที่สูงทะลุเมฆ สัตว์ป่ากลายพันธุ์จำนวนมากที่อาศัยอยู่ในผืนป่า นกและสิ่งมีชีวิตที่บินได้จำนวนมากที่บินอยู่บนท้องฟ้า เงาที่อยู่เหมือนเมฆจำนวนมากกำลังต่อสู้ฆ่าฟันกันเพื่อขั้นเป็นราชาแห่งท้องฟ้าของโลกใบนี้

มนุษย์ไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงอำนาจมากที่สุดอีกต่อไปแล้ว

ตอนนี้อารมณ์ของแต่ละคนก็ผสมปนเปกันไป ในช่วงเวลาสั้น ๆ แค่ 3 วัน กับต้องเสียงตายครั้งแล้วครั้งเล่า

การมีชีวิตอยู่นั้นมันยากมาก แต่การจะไปอยู่ในจุดที่สูงสุดของโลกใบใหม่นี้นั้นยากยิ่งกว่า

ใช้เวลาอีก 3 ชั่วโมงพวกเขาก็มาถึงที่สนามบินในตัวของค่ายลี้ภัย 101

“หยุดยกมือขึ้น!!!”

ทันทีที่เครื่องลงจอดทหารจำนวนมากก็จ่อปืนไปที่ไนเรลก่อนที่เขาจะได้ลลงจากเฮลิคอปเตอร์เสียอีก

ไนเรลไม่ได้สนใจปืนพวกนี้แม้แต่น้อย สิ่งที่สร้างความเสียหายให้เขาได้คงจะมีแค่ปืนกลหนักเท่านั้น

“พวกนายกำลังทำอะไร?” ทหารหลายคนรีบเข้ามาขวางไว้ทันที

“จ่าคูเปอร์ใช่ไหม”

“ครับ” จ่าคูเปอร์ทำความเคารพแบบทหารทันที

“พวกนายแยกไปพักผ่อนก่อน ส่วนนักล่าคนอื่น ๆ ให้ตามจ่าไปเพื่อไปพบกับผู้ตรวจสอบ ส่วนนักล่าที่ชื่อไนเรลให้ตามพวกเราไป อย่าได้ขัดขืนที่คือคำสั่งจากท่านพลตรีและท่านรัฐมลตรีพาลเมอร์” นายทหารคนนั้นสั่งออกมาทันที

จ่าคูเปอร์ทำอะไรไม่ได้มันเกินความสามารถของเขา ได้แต่กล้มหน้ารับคำสั่งไป

ไนเรลพยักหน้าให้กับทุกคนเป็นการบอกว่าให้ทำตามที่คุยกันไว้ ในขณะที่ตัวของเขานั้นตามนายทหารคนนั้นไปที่ห้องสอบสวนโดยมีทหารกว่า 10 นายคุมตัวเขาไป

ภายในห้องสอบส่วนมันเป็นห้อง 4 เหลี่ยมมีกระจกที่ดำมืดอยู่รอบด้าน มีโต๊ะสี่เหลี่ยมตรงกลาง และเก้าอี้สองฝั่งเท่านั้น

ไนเรลไม่ได้ถูกใส่กุญแจมือไว้แต่อย่างใด หลังจากนั่งรออยู่แบบนี้นับชั่วโมงในที่สุดก็มีคนเข้ามา

ประตูที่เปิดออกปิดอย่างรวดเร็ว ชายวัยกลางคนหน้าตาโหดร้ายเดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทีเงียบขรึม

เขารู้ได้ทันทีว่านี้คือผู้สอบสวน ผู้ที่รับบทโหด อีกสักพักก็คงจะส่งคนที่เล่นบทคนดีเข้ามาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขายอมพูดออกมา

ไนเรลขี้เกียจเสียเวลาจึงลุกขึ้นทันทีเดินไปที่กระจกทางด้านข้าง เขาเคาะมันไปสองทีจากนั้นก็พูดออกมา

“ผมต้องการพูดกับท่าน รัฐมลตรีพาลเมอร์ มีเรื่องที่จะเจรจาด้วย” จากนั้นเขาก็กลับไปนั่งลงที่เดิม ท่าทีของเขาเล่นเอาผู้สอบสวนสุดโหดไปไม่เป็นเลย หลังจากลังเลอยู่สักพักผู้สอบสวนก็เดินออกไป

ที่ด้านนอกรัฐมลตรีพาลเมอร์มองไปไนเรล ด้วยสายตาที่แปลกใจว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าเขาอยู่ตรงนี้ หรือจะเป็นแค่ไนเรลเดาเอานั้น

“ท่านจะเข้าไปหรือไม่ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้กลัวพวกเราเลยแม้แต่น้อย” พลตรีที่อยู่ด้านข้างถามออกมาทันที ทั้งสองคือผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดของค่ายแห่งนี้คือ พลตรีวินเซนต์ และ รัฐมลตรีพาลเมอร์

โดยทำอาจส่วนใหญ่จะอยู่ที่ รัฐมลตรีพาลเมอร์และรองลงมาคือ พลตรีวินเซนต์

“เข้าสิ ข้าอยากจะรู้เหมือนกันว่า เขาต้องการเจรจาอะไร?”

รัฐมลตรีพาลเมอร์เดินเข้าไปในห้องสอบสวนทันที โดยไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อยว่าไนเรลจะทำอันตรายมต่อเขาหรือไม่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง 37 กาเบรียล ทูตสวรรค์ไซเบอร์

Now you are reading re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง Chapter 37 กาเบรียล ทูตสวรรค์ไซเบอร์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 37 กาเบรียล ทูตสวรรค์ไซเบอร์

“เยี่ยมไม่คิดว่าจะได้มาเจอกับตัวตนที่สุดยอดแบบเธอที่นี่” ไนเรลถึงกลับยิ้มออกมา ที่โชคชะตาพาให้เขามาเจอกับเธอ

อะไรคือตัวตนที่สุดยอด ทุกคนมองไปที่ไนเรล ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักเธอ แต่ทำไมเธอถึงแสดงท่าทีว่าไม่รู้จักไนเรล

ทุกคนได้แต่สงสัย

“ฉันขอคุยกับเธอตามลำพังได้ไหม” ไนเรลหันไปพูดกับทุกคน

คูเปอร์ลังเล หันไปมองจูเรียและไนเรล แต่เขาก็ตอบตกลงและสั่งให้ทุกคนออกไปสำรวจรอบข้างกันก่อน ในขณะที่เอวาก็พากลุ่มนักล่าออกไปเช่นกัน

แต่เธอก็หันมามองไนเรลอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกไป ด้วยความสงสัยว่าทั้งคู่เป็นอะไรกัน

ในขณะที่จูเรียเธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เพราะดูเหมือนว่าไนเรลจะรู้ว่าเธอเป็นใคร เธอกลัวว่าไนเรลจะบอกกับทหารพวกนั้น

ถ้าพวกทหารรู้ถึงตัวตนของเธอก็อาจจะจับเธอทันทีเธอคดีของเธอเยอะเกินไป

“นายต้องการอะไร?” จูเรียถามออกไปทันที ถ้าสามารถต่อรองได้เธอก็จะทำเพราะดูเหมือนไนเรลจะอยากทำข้อตกลงกับเธอไม่งั้นเขาคงส่งเธอให้กับพวกทหารไปแล้ว

“เธอคือนักแฮคเกอร์ที่ถูกจัดให้เป็นภัยระดับประเทศ แฮคเกอร์หมายเลข 1 จูเรีย กาเบรียล ทูตสวรรค์โลกไซเบอร์ สินะ ไม่คิดว่าจะเป็นแค่หญิงสาวอายุ 18 ผู้พิการแบบนี้ ช่างน่าสาร” ไนเรลพูดจี้จุดไปที่ขาที่พิการของเธอ

“นายต้องการอะไร!!!!!!!!!!”

จูเรียได้ยินดังนั้นก็โกรธขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล มันกระตุ้นจนเธออยากจะเข้าไปจัดการผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าเธอฉีกเขาออกมาเป็นชิ้น ๆ

เธอไม่ได้อยากจะเป็นคนพิการ แต่ในตอนเด็กเธอถูกพ่อเลี้ยงที่เป็นตำรวจทุบตีในตอนที่เขาเมาจนกระดูกสันหลังแตกและเส้นประสาทเสียหายพิการท่อนล่างทั้งหมด

เมื่อก่อนเธอนั้นต้องนอนติดอยู่กับเตียง แต่ด้วยความที่แม่ของเธอทำงานอย่างหนักหาเงินมารักษาเธอ จนกระทั่งเธอสามารถนั่งรถเข็นได้ ไม่ต้องนอนติดเตียงอีก แต่ก็ไม่สามารถเดินได้อยู่

ในขณะที่พ่อเลี้ยงผู้เป็นตำรวจนั้นถ้าไม่เมาก็ทุบตีทำร้ายร่างกายเธอกับแม่ตลอด ก็ถูกให้ออกจากราชการและสุดท้ายก็ตายด้วยมะเร็งลำไส้

ทั้งสองแม่ลูกถึงได้รอดพ้นความทุกข์มาได้ แต่ตอนนี้เธอกับถูกชายแปลกหน้าพูดถึงเรื่องของเธอด้วยน้ำเสียงที่ดูถูก สำหรับเธอแล้ว คำว่า “สงสาร” นั้นมันเป็นยิ่งกว่าคำดูถูกซะอีก

“เธออยากที่จะกลับมาเดินได้อีกครั้งไหม?”

แต่ก่อนที่เธอจะโกรธไปมากกว่านี้ ไนเรลก็ถามคำถามที่ดูเหมือนจะเป็นความหวังกับเธอ “นายหมายความว่าอย่างไร….”

“ก็หมายความอย่างที่พูด เธออยากกลับมาเดินได้อีกครั้งไหม ภายใน 1 ปี เธอจะสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง” ไนเรลพูดออกไปด้วยท่าทีปกติ

แต่เธอหารู้ไม่ว่าตั้งแต่ต้นเขาได้ใช้ความสามารถ [คำบัญชาเผ่าพันธุ์ E] กับเธอ ความสามารถนี้ไม่ใช่เพียงแค่ชักจูงตามพูดที่เขาพูดออกมา แต่มันเหมือนกับคำสั่ง

เขากำลังจะสั่งเธอ และคำสั่งอะไรที่ได้ผลที่สุดให้คนที่โดนสั่งไปนั้นไม่สามารถขัดขืนได้นั้นก็คือ การทำให้ผู้โดนสั่งน้อมรับมันด้วยตนเอง

ถึงแม้ว่าเขาจะสั่งออกไปด้วยวิธีปกติก็สามารถบังคับเธอได้ แต้ถ้าเขาไม่ใช้ความสามารถนี้ต่อ เธอก็จะกลับมาเป็นปกติ

แต่ถ้าเธอตกลงรับคำสั่งด้วยตนเอง มันจะเป็นเหมือนกับคำสัญญาถ้าผู้ผิดคำสัญญาจะต้องทำตามที่ถูกสั่งไว้

แม้ว่าเขาจะอัดเสียงของตัวเองไว้ถ้าผู้ที่ได้ยินแล้วตกลงรับคำสั่งของเขานั้น มันก็มีผลเช่นเดียวกัน

นี่คือความน่ากลัวของความสามารถประเภทจิตใจ ของความสามารถ [คำบัญชาเผ่าพันธุ์ E]

จูเรียที่ตอนนี้อยู่ก็โดนชายแปลกหน้าที่พี่งเจอถามคำถามออกมา ซึ่งเป็นคำถามที่เธออยากได้ยินมากที่สุด เธอก็ติดกับไนเรลเข้าทันที

“ต้องทำอย่างไร พวกมาไม่ว่าจะอะไรฉันก็ยอมทำ ถ้านายทำได้อย่างที่พูดจริง ๆ ทำให้ฉันกลับมาเดินได้อีกครั้ง” เธอกระโจนออกจากรถเข็นจับชายเสื้อของไนเรลไว้แน่น พร้อมกับพูดออกมาอย่างมีความหวัง

เธอจึงเริ่มศึกษาเรียนรู้โลกอินเทอร์เน็ต และเริ่มจากการเขียนโปรแกรม ไปจนถึงศึกษาเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล การแฮคระบบ เขียนไวรัส และโจมตีองค์กรเรียกค่าไถต่าง ๆ เพื่อหาเงินมารักษาตัวเองให้กลับมาเดินได้อีกครั้ง ไม่ว่าจะผ่าตัดจำนวน หลายร้อยครั้ง ทำกายภาพบำบัดมาทุกที่ โดนหลอกมาก็หลายครั้งแต่ทุกครั้งก็ไม่เป็นผล เธอยังไม่สามารถเดินได้

“ง่ายมาก แค่ติดตามและซื่อสัตย์กับฉัน ภายใน 1 ปี ฉันจะทำให้เธอกลับมาเดินได้อีกครั้ง” ตอนนี้ไนเรลชูนิ้วชี้ออกมาและยิ้ม

“ถ้านายทำได้อย่างที่พูด ฉันจะติดตามนาย คอยรับใช้นายไปตลอดชีวิต แต่ถ้าหลังจาก 1 ปี นายทำไม่ได้…”

“เธอก็จะเป็นอิสระ” ไนเรลพูดออกไป

จูเรียมองไปที่ไนเรลอยู่สักพัก “ตกลง”

เพียงแค่เธอตอบตกลงเงื่นไขก็ถูกสร้างขึ้นในจิตสำนึกของเธอ

เธอไม่มีอะไรจะเสีย ถ้าการที่ต้องยอมเสียสละความบริบุทธิ์เพื่อกลับมาเดินได้อีกครั้งเธอก็ยอม แม้จะต้องค่อยรับใช้อุ่นเตียงให้เจ้านายเหมือนกับเป็นทาสก็ตาม

ไนเรลไม่ได้รู้ว่าความคิดของเธอนั้นไปถึงไหนแล้ว สิ่งที่เขาต้องการจากเธอนั้นไม่ใช่ร่างกายแต่เป็นความสามารถของเธอ

ต่อไปในอนาคตเธอจะมีชื่อเสียงที่โดงดังมาก ผู้สร้างโลกไซเบอร์และสกุลเงิน G ขึ้นมา ซึ่งต่อมามันได้ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนแทนตั๋วอาหาร แม้แต่ประเทศต่าง ๆ ก็ยอมรับมัน

ทุกคนขนาดนามผู้สร้างว่า กาเบรียล ทูตสวรรค์แห่งโลกไซเบอร์ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเธอหรือเขาเป็นใคร ยกเว้นชื่อจริงที่ว่าจูเรีย กาเบรียล

ส่วนที่เขารู้ได้ไงนั้นก็แค่เดาพูดออกมามั่ว ๆ เท่านั้น เพราะชื่อ “กาเบรียล” มันเป็นเอกลักษณเกินไปไม่ค่อยมีคนใช้ แต่ใครจะไปคิดว่าเธอจะยอมรับมันง่าย ๆ

ตอนนี้เขาถึงกลับยิ้มออกมาทันทีที่ได้ จูเรีย มาเป็นพวก แบบนี้แผนการในการก่อตั้ง สมาพันธ์นักล่าก็มีหวังมากขึ้น ไม่สิมันต้องเกิดขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

เมื่อถึงตอนนั้น สมาพันธ์นักล่าก็จะกลายเป็นหนึ่งในขั้วอำนาจที่สามารถสู้กับ 3 บริษัทใหญ่ 7 ประเทศที่ทรงอำนาจ และตระกูลชั้นสูงอื่น ๆ ได้อย่างแน่นอน

และมันจะยังทำให้เขาสามารถวางแผนรับมือกับภัยพิบัตจากซอมบี้และยักษ์เถือนพวกนั้นได้

ไนเรลกำมือแน่นด้วยความตื่นเต้น “ครั้งนี้มันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”

หนังจากนั้น พวกเขาก็ได้เจอกับวิทยุที่จูเรียเก็บไว้ พวกทหารรีบติดต่อกลับไปที่ค่ายด้วยช่องความถี่ฉุกเฉินทันที

ตอนนี้พวกเขาเพียงแค่ต้องรอให้ทางกองทัพของค่ายลี้ภัย 101 ส่งเฮลิคอปเตอร์ออกมารับก็เท่านั้น

สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือรอเพียงเท่านั้น

ไนเรลเรียกนักล่าที่เหลืออยู่เพื่อพูดคุยกันทันที

คนที่เหลือรอดตอนนี้มี ไนเรล เอวา เอียน และนักล่าอีก 5 คน ส่วนคนที่มาใหม่อีกคนก็คือจูเลีย

เขารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับไอแซคนั้นจะต้องรู้ถึงทางค่ายแล้ว

ดังนั้นเขาจึงบอกให้ทุกคนว่าเมื่อไปถึงค่ายและหลังจากถูกคุมตัวไปสอบออกมาแล้วให้ไปรวมกันที่บ้านพักของเขา

ซึ่งพวกเขาจะเริ่มแผนการก่อตั้งสมาพันธ์นักล่าทันที

หลังจากนั้นเพียง 3 ชั่วโมง เฮลิคอปเตอร์ก็บินมาสองลำเพื่อรับพวกเขา

ไนเรลมองไปที่ผืนป่าและต้นไม้ที่สูงทะลุเมฆ สัตว์ป่ากลายพันธุ์จำนวนมากที่อาศัยอยู่ในผืนป่า นกและสิ่งมีชีวิตที่บินได้จำนวนมากที่บินอยู่บนท้องฟ้า เงาที่อยู่เหมือนเมฆจำนวนมากกำลังต่อสู้ฆ่าฟันกันเพื่อขั้นเป็นราชาแห่งท้องฟ้าของโลกใบนี้

มนุษย์ไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงอำนาจมากที่สุดอีกต่อไปแล้ว

ตอนนี้อารมณ์ของแต่ละคนก็ผสมปนเปกันไป ในช่วงเวลาสั้น ๆ แค่ 3 วัน กับต้องเสียงตายครั้งแล้วครั้งเล่า

การมีชีวิตอยู่นั้นมันยากมาก แต่การจะไปอยู่ในจุดที่สูงสุดของโลกใบใหม่นี้นั้นยากยิ่งกว่า

ใช้เวลาอีก 3 ชั่วโมงพวกเขาก็มาถึงที่สนามบินในตัวของค่ายลี้ภัย 101

“หยุดยกมือขึ้น!!!”

ทันทีที่เครื่องลงจอดทหารจำนวนมากก็จ่อปืนไปที่ไนเรลก่อนที่เขาจะได้ลลงจากเฮลิคอปเตอร์เสียอีก

ไนเรลไม่ได้สนใจปืนพวกนี้แม้แต่น้อย สิ่งที่สร้างความเสียหายให้เขาได้คงจะมีแค่ปืนกลหนักเท่านั้น

“พวกนายกำลังทำอะไร?” ทหารหลายคนรีบเข้ามาขวางไว้ทันที

“จ่าคูเปอร์ใช่ไหม”

“ครับ” จ่าคูเปอร์ทำความเคารพแบบทหารทันที

“พวกนายแยกไปพักผ่อนก่อน ส่วนนักล่าคนอื่น ๆ ให้ตามจ่าไปเพื่อไปพบกับผู้ตรวจสอบ ส่วนนักล่าที่ชื่อไนเรลให้ตามพวกเราไป อย่าได้ขัดขืนที่คือคำสั่งจากท่านพลตรีและท่านรัฐมลตรีพาลเมอร์” นายทหารคนนั้นสั่งออกมาทันที

จ่าคูเปอร์ทำอะไรไม่ได้มันเกินความสามารถของเขา ได้แต่กล้มหน้ารับคำสั่งไป

ไนเรลพยักหน้าให้กับทุกคนเป็นการบอกว่าให้ทำตามที่คุยกันไว้ ในขณะที่ตัวของเขานั้นตามนายทหารคนนั้นไปที่ห้องสอบสวนโดยมีทหารกว่า 10 นายคุมตัวเขาไป

ภายในห้องสอบส่วนมันเป็นห้อง 4 เหลี่ยมมีกระจกที่ดำมืดอยู่รอบด้าน มีโต๊ะสี่เหลี่ยมตรงกลาง และเก้าอี้สองฝั่งเท่านั้น

ไนเรลไม่ได้ถูกใส่กุญแจมือไว้แต่อย่างใด หลังจากนั่งรออยู่แบบนี้นับชั่วโมงในที่สุดก็มีคนเข้ามา

ประตูที่เปิดออกปิดอย่างรวดเร็ว ชายวัยกลางคนหน้าตาโหดร้ายเดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทีเงียบขรึม

เขารู้ได้ทันทีว่านี้คือผู้สอบสวน ผู้ที่รับบทโหด อีกสักพักก็คงจะส่งคนที่เล่นบทคนดีเข้ามาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขายอมพูดออกมา

ไนเรลขี้เกียจเสียเวลาจึงลุกขึ้นทันทีเดินไปที่กระจกทางด้านข้าง เขาเคาะมันไปสองทีจากนั้นก็พูดออกมา

“ผมต้องการพูดกับท่าน รัฐมลตรีพาลเมอร์ มีเรื่องที่จะเจรจาด้วย” จากนั้นเขาก็กลับไปนั่งลงที่เดิม ท่าทีของเขาเล่นเอาผู้สอบสวนสุดโหดไปไม่เป็นเลย หลังจากลังเลอยู่สักพักผู้สอบสวนก็เดินออกไป

ที่ด้านนอกรัฐมลตรีพาลเมอร์มองไปไนเรล ด้วยสายตาที่แปลกใจว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าเขาอยู่ตรงนี้ หรือจะเป็นแค่ไนเรลเดาเอานั้น

“ท่านจะเข้าไปหรือไม่ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้กลัวพวกเราเลยแม้แต่น้อย” พลตรีที่อยู่ด้านข้างถามออกมาทันที ทั้งสองคือผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดของค่ายแห่งนี้คือ พลตรีวินเซนต์ และ รัฐมลตรีพาลเมอร์

โดยทำอาจส่วนใหญ่จะอยู่ที่ รัฐมลตรีพาลเมอร์และรองลงมาคือ พลตรีวินเซนต์

“เข้าสิ ข้าอยากจะรู้เหมือนกันว่า เขาต้องการเจรจาอะไร?”

รัฐมลตรีพาลเมอร์เดินเข้าไปในห้องสอบสวนทันที โดยไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อยว่าไนเรลจะทำอันตรายมต่อเขาหรือไม่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+