re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง 95 อุโมงค์หลักสู่โลกใต้พิภพ (จบภาค 2 ยักษ์เถื่อน)

Now you are reading re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง Chapter 95 อุโมงค์หลักสู่โลกใต้พิภพ (จบภาค 2 ยักษ์เถื่อน) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย re Zombie World โลกซอมบี้อีกครั้ง ตอนที่ 95 อุโมงค์หลักสู่โลกใต้พิภพ (จบภาค 2 ยักษ์เถื่อน)

ตอนที่ 95 อุโมงค์หลักสู่โลกใต้พิภพ (จบภาค 2 ยักษ์เถื่อน)

ขณะเดียวกันที่เมืองออสธา บริเวณคฤหาสน์ตระกูลอาโรเดียที่ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว อยู่ ๆ ก็มีวิญญาณลอยขึ้นมาจากพื้นดิน ซึ่งมันก็คือวิญญาณอารักษ์ของเวนดี้

ในช่วงหลายวันมานี้เวนดี้จะส่งวิญญาณอารักษ์ขึ้นมาทุกวันเพื่อดูว่าด้านบนปลอดภัยแล้วหรือยัง และในวันนี้เมื่อมองไปรอบ ๆ แล้วก็ไม่เห็นถึงสิ่งมีชีวิตวิญญาณตนนั้น ก็ลอยกับเข้าไปในพื้นดิน

หลังจากนั้นไม่นาน พื้นดินก็เริ่มนูนขึ้น จนกระทั่งดันดินออกมาเผยให้เห็นทางลงสู่ ห้องใต้ดิน ซึ่งก็เป็นห้องใต้ดินเดียวกันกับที่ในเรลและเนโคเข้าไป

ตาเดียวและทุกคนเดินขึ้นมาด้านนอก ตอนนี้สภาพภูมิประเทศโดยรอบเปลี่ยนไป หมดแล้ว มันไม่มีอะไรให้จดจําได้เลยว่าคือสถานที่เดียวกับตอนที่พวกเขานั้นมาถึง

“วินารีบหาท่านในเรล” ชารอนกล่าวออกมา

วินาที่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าและแล้วพวกเธอก็ได้เดินมาหยุดอยู่แอ่งน้ําหนึ่ง ซึ่งถ้าดูเผิน ๆ มันก็ไม่ต่างจากแอ่งน้ําขังทั่วไป แต่สําหรับวินามันคือรองลอย เธอเริ่มพยา กรณ์อีกครั้ง

และดูเหมือนว่าเธอจะเห็นแค่ชายชราลากไนเรลไปซึ่งทุกอย่างก็มาหยุดอยู่แค่ตรงนี้ เพราะข้อมูลนั้นไม่มีอีกแล้ว

เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็พอจะเดาได้ว่าในเรลและเนโคจากไปแล้ว ซึ่งดูเหหมือนว่าพวกเขาจะบาดเจ็บหนัก แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาห่วงในเรลเพราะทุกคนเชื่อว่าใน เรลอย่างไรก็ไม่เป็นอะไรโดยเฉพาะชารอนที่รู้ถึงสารสีแดงที่มีความสามารถในการ รักษานั้น

ในเมื่อตอนนี้ในเรลหายไปแล้ว พวกเขาก็ต้องไปจากตรงนี้เช่นกัน ที่นี่ยังอันตรายเกินไป

ดังนั้นชารอนจึงได้ตัดสินใจนําทุกคนออกไปและมุ่งหน้าลงไปทางใต้ ซึ่งก็คือตามที่ในเรลเคยพูดไว้ว่ายังมีมนุษย์และรัฐบาลไทกล่าอยู่ทางนั้น

ตาเดียวก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ได้แต่เดินตามสาว ๆ ไปอย่างเงียบ ๆ ในฐานะบอดี้การ์ด

ไนเรลที่สลบค่อย ๆ รู้สึกตัวอย่างช้า ๆ ดวงตาที่เปิดอยู่มองไปโดยรอบอย่างมึนงง “เกิดอะไรขึ้น?” นี่คือค่าถามแรกที่เข้ามาในหัวของเขา

ตอนนี้ตัวของไนเรลกําลังเคลื่อนที่อยู่ ไม่ต้องบอกว่ากรงที่ขังเขากําลังเคลื่อนที่อยู่เคร็ง!

เมื่อไนเรลพยายามที่จะขยับตัว ความเจ็บปวดก็ถาโถมเข้ามา เพราะที่ข้อมือและ แขนขาทั้ง 4 ของเขานั้นมันกับถูกโซ่สีดเจาะตรึกไว้กับเสาเหล็กที่เป็นเหมือนกับไม้ กางเขน

บริเวณที่โดนโซ่เจาะนั้นมีเลือดซึมไหลออกมาเล็กน้อยในทุก ๆ ครั้งที่เขาขยับตัวมันทําให้ในเรลขมวดคิ้วในทันที เขาลองออกแรงกระชากโซ่ด้วยพละทั้งหมด แต่มันกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

ในเรลจึงได้แต่หยุดการกระทํานั้น และหันไปสังเกตรอบ ๆ เพื่อทําความเข้าใจสถา นการณ์

รอบตัวของไนเรลนั้นมียักษ์เถื่อนสวมเกราะอยู่หลายตน ดูเหมือนว่านี้จะเป็นกองทัพยักษ์เถื่อน กรงที่ในเรลอยู่ในตอนนี้ก็อยู่บนหลังของแรดเกราะหนัก เมื่อมารวมกับ ตอนที่เขาโดนรอบโจมตีภาพสุดท้ายนั้นก็เดาได้ไม่ยากมันก็คืออคาที่ลอบโจมตีเขา

ในเรลเชื่อว่าไม่ได้มีแค่นั้น เขาสงสัยอยู่อีกเรื่องสองเรื่อง หนึ่งก็คือพวกมันหาตัวของเขาเจอได้อย่างไรและสองก็คือยักษ์อีกตนที่โจมตีเขาคือใคร พลังของมันไม่ต่ํากว่าขั้น 5 แน่นอน

การที่เขาโดนยักษ์เถื่อนขั้น 5 สองตนโจมตีพร้อมกันนั้นก็ไม่แปลกที่ในเรลจะสู้ไม่ได้ เพราะแค่ยักษ์เถื่อนขั้น 5 อย่างอคาแค่ตนเดียวนั้นก็แทบจะรับมือไม่ไหวแล้ว

การที่มันถูกเรียกว่าระดับที่ก้าวข้ามระดับชีวิตนั้นก็เป็นเพราะว่ามันไม่เหมือนกับระดับที่ผ่าน ๆ พลังมันต่างกันมากเกินไป

หลังจากที่ไนเรลอยู่แบบนี้ทําอะไรไม่ได้ ก็ได้แต่ปล่อยให้พวกยักษ์เถื่อนพาเขาไป ซึ่งขบวนกองทัพยักษ์เถื่อนก็เคลื่อนที่ทั้งวัน จนกระทั่งเย็นพวกมันก็หาที่พักกัน

หลังจากที่ทหารยักษ์เถื่อนแยกย้ายกันไปล่าสัตว์และหาเสียง ในตอนนั้นก็มีหนึ่งในยักษเถื่อนเดินเข้ามาที่กรงขังในเรล

ในเรลมองไปที่ยก์เถื่อนที่เดินเข้ามา เขาต้องใช้เวลาสักพักจึงจําได้ว่ามันคืออูคา

“แกยังไม่ตาย”

“ข้าไม่ตายง่าย ๆ หรอก เจ้าก็เช่นกัน อคามองไปที่ไนเรลอย่างโกรธแค้น ในทุกครั้งที่มันมองไนเรลบาดแผลที่อยู่บนหน้าก็จะเจ็บขึ้นมาแปลบ

ในเรลมองไปที่อูคาที่มีบาดแผลเต็มหน้า ผิวหนังมันหายไปหมด เหลือเนื้อและ กระดูกที่โผล่ออกมา ถ้าเป็นมนุษย์ปกติแล้วมีบาดแผลขนาดนี้ก็คงตายไปแล้ว

เนื่องจากว่าแผลของอคายังไม่แห้งสนิท มันจึงมีน้ําเหลืองออกมาเล็กน้อยอยู่ตลอด ส่งกลิ่นที่น่ารังเกียจอยู่เรื่อย ๆ อคาใช้แขนปาดน้ําเหลืองที่อยู่บนหน้ามันก็เจ็บขึ้นมา เล็กน้อย

ในเรลมองไปที่อูคาเขารับรู้ได้จากสายตาของอคาว่ามันโกรธแค้นในเรลมากจนอ ยากจะฉีกร่างของเขาออกไปเป็นชิ้น

“ข้าจะทําให้เจ้าได้รับความเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าข้าแน่นอน” อูคาหยิบมีดออกมา และหันไปสั่งให้ยักษ์เถื่อนผู้ที่ถือกุญแจเปิดกรงขังในเรลออก

ในเรลพยายามดิ้นเล็กน้อย แต่มันก็ไม่มีผลเพราะเขาไม่มีทางหลุดจากโซนี้ได้เลย

“เจ้าดิ้นเข้าไป มันไม่มีทางหลดได้อย่างแน่นอน โซ่และเสาเหล็กที่ใช้พันธนาการเจ้ามันสร้างมาจากเหล็กพิภพที่แข็งแกร่งและหลอมออกมาได้ยากมาก ไว้ใช้ยังพวกขั้น 6 โดยเฉพาะ เจ้าจงสํานึกซะที่ได้รับเกียรตินี้” อคากล่าวออกมาด้วยน้ําเสียงที่ ดูโหดเหี้ยมมาก

อูคาใช้มือปิดปากของในเรลกดลงไปกับเสาโลหะ จากนั้นก็ล้วงมือไปที่ด้านหลังของตนหยิบสั้นออกมา ถึงอคาจะมองมันเป็นมีดสั้น แต่สําหรับในเรลนั้นมันเหมือนกับมีดฆ่าสัตว์ไม่มีผิด

“ข้าจะตัดแขนตัดขาเจ้าเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหนีไปได้ออีก แต่ไม่ต้องกลัวมันจะไม่ เจ็บปวดมากนัก” อคายิ้มออกมามันดูสยองเป็นอย่างมาก ขณะที่มีดกําลังจะตัดลงไป อยู่ ๆ ก็มีเสียงที่ดังมาจากด้านหลัง

“ท่านอัศวินอูคา ท่านจะทําอะไร? ท่านลืมไปแล้วหรือว่าองค์ชายใหญ่ต้องการจับมันไปทั้งที่ยังครบ 32 อยู่ หรือว่าท่านต้องการมีปัญหากับองค์ชายใหญ่” ยักษ์เถื่อนที่ดูแก่ราวกับชายชราอายุ 80 ก็ไม่ปาน

แต่ดูจากเขาที่อยู่บนหัวของยักษ์ชราก็ต้องตกใจที่มันมีพลังถึงระดับ 5 และดูท่าแล้วยักษ์ชราตนนี้ไม่ชพวกไร้ชื่อเสียงอย่างแน่นอน

อคาถึงกับชักสีหน้าไม่พอใจทันที แต่เพราะยังคงกลัวองค์ชายใหญ่ที่พูดถึงอยู่มาก เขาจึงหยุดมือในทันที

“ถ้าไม่ทํามันก็จะหนีอีก”

“ถ้างั้น ท่านก็แค่ตัดเส้นเอ็นมันก็พอแล้ว” ยักษ์ชราตนนั้นกล่าวออกมาอย่างไม่สนใจจากนั้นก็เดินกลับไป เพราะเชื่อว่าอคาจะไม่ทําอะไรเกินเลยไปกว่านี้แน่นอน

อคาได้แต่ทําเสียงอึดฮัดไม่พอใจจากนั้นก็ลงมือตัดเอ็นไนเรลที่แขนขาทั้ง 4 ข้างแทน

มือข้างหนึ่งปิดปากไนเรล มืออีกข้างก็ลงมือทุก ๆ การตัด อคาจะลงมืออย่างช้า ๆ เพื่อที่จะให้ในเรลนั้นเจ็บปวดมากที่สุด

ไนเรลได้แต่กัดฟันและมองไปที่อุคาด้วยสายตาอาฆาต แต่ยิ่งในเรลทําแบบนี้มันก็ยิ่งทําให้เขาเจ็บปวดมากกว่าเดิม

ในใจของในเรลได้สาบานไว้แล้วว่าถ้าเขาหลุดออกมาได้เมื่อไหร่ละก็เขาจะตามฆ่าอคาอย่างแน่นอน

ไนเรลเลือกที่จะไม่ร้องออกมา แต่ความจริงนั้นมันเจ็บเป็นอย่างมาก หลังจากที่เห็นว่าในเรลนั้นเลิกที่จะดิ้นรนแล้วอคาก็ไม่มีอารมณ์จะเล่นกับเขาต่อมันจึงลงมืออย่า รวดเร็วให้เสร็จ ๆ และก็จากไป

บาดแผลมันไม่ได้มากนักเป็นแค่รอยตัดเฉือนเล็ก ๆ เท่านั้น ตอนนี้แขนขาของไนเรลนั้นไม่สามารถขยับได้อีก แต่เขาก็ไม่ได้กลัว เพราะขนาดแขนที่ขาดของเนโคเลือดแห่งชีวิตยังคงรักษาได้เลย

หลังจากนั้นตกกลางคืนในเรลก็ได้แต่มองดูเหล่ายักษ์เถื่อน กินเนื้อกันอย่างเมามันพอตกกลางคืนทุกอย่างก็ได้กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง แต่แล้วก็เกิดมีสัตว์กลายพันธุ์ขั้น 4 ตัวหนึ่งที่ไม่รู้ว่าหิวโซมาจากไหน

มันเลือกที่จะโจมตัวทหารยักษ์เถื่อนขั้น 3 นายหนึ่ง ซึ่งมันก็ได้ลิ้มรสเนื้อไปอีกไม่ ยักษ์เล็กน้อย แต่ก็แน่นอนว่าหลังจากนั้นมันก็โดนฆ่าตายกลายเป็นมื้อเช้าส่วนศพ ของยักษ์เถื่อนตนนั้นก็ถูกฝังอยู่ไม่ไกล

เช้าวันต่อมาขบวนก็เคลื่อนที่แต่เช้าอีกครั้ง ซึ่งในขณะนั้นไนเรลก็ถือโอกาสใช้ความสามารถ [โลหิตแห่งชีวิต A] สร้างออกมาได้อีกประมาณหนึ่งขวด แต่ในเรลไม่ได้เลือกที่จะรักษาตัวเองในทันที เพราะถ้าทําแบบนั้นอคาก็จะมาตัดเอ็นเขาอีกครั้ง

ในเรลเลือกที่จะเก็บมันเข้าไปในขวด โดยการใช้ความสามารถเงา เตะนิ้วลงไปในเงาซึ่งด้านในมีขวดเล็ก ๆ อยู่และเขาก็จะไม่ขยับตัวมากนักเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตจนเกินไป

ตกเย็นทุกอย่างก็ยังคงเป็นไปในลักษณะเดิม และมันก็เป็นแบบนี้อยู่สองวัน จนกระทั่งวันที่สามไนเรลก็เข้าใจแล้วว่าพวกมันต้องการพาเขาไปที่ไหน

และนั้นก็คือที่ปากทางอุโมงค์สู่โลกใต้พิภพ แต่ที่นี่ไม่ใช่ที่เดียวกับครั้งที่เลฟอนออกมา

ดูเหมือนที่แห่งนี้จะเป็นอุโมงค์หลักที่พวกมันทั้งหมดใช้ในการเข้าออกบริเวณโดย รอบนั้นเต็มไปด้วยยักษ์เถื่อน แต่มันไม่ได้หมดแค่นั้น เพราะมันยังมีกรงขังสัตว์กลาย พันธุ์ ซอมบี้ แม้แต่เผ่าอสูรก็มีและที่ขาดไม่ได้นั้นก็คือมนุษย์

สําหรับในเรลแล้วในชีวิตก่อนหน้านั้นไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับพวกนี้มากนัก เพราะเขานั้นมีแค่ความสามารถแค่เร่งการเจริญเติบโตของพืชเท่านั้น

ส่วนการเดินทางไปยังประเทศทางตอนเหนืออย่างมิสทาลนั้นเขาก็อาศัยในหลาย ๆ อย่างถึงรอดไปถึงที่นั่น และหนึ่งในนั้นก็คงหนีไม่พ้นโชค

ขณะที่กองทัพของยักษ์เถื่อนที่นําโดยอูคาไปถึง ทุกสายตาก็มองมาที่ในเรลและ กระซิบกันเล็กน้อย ซึ่งยักษ์เถื่อนหลาย ๆ ตนต่างก็ชี้มาที่ไนเรล ถึงเขาจะฟังไม่ค่อยรู้ เรื่องแต่ก็พอจะเดาได้ว่ามันเกี่ยวกับการที่เขาฆ่าเลฟอน

เพราะการฆ่ายักษ์เถื่อนสายเลือดราชศ์วงสักตนหนึ่งนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่มากในเผ่าอัคคี

แต่ก่อนที่กองทัพของอคาจะเข้าไปในหลุมมันก็มียักษ์เถื่อนขั้น 4 ตนหนึ่งเข้ามาถามพวกเขา

พอยักษ์เถื่อนตนนั้นรู้ว่าเป็นอูคาที่ได้มาส่งเชลย เขาก็เอาตัวในเรลไปซึ่งแน่นอนว่าในตอนนั้นอคาได้ส่งเข็มทิศชีพไปด้วย ในเรลก็มองไปที่เข็มทิศนั้นเช่นกัน

อคามองไปที่ไนเรลอยากสายตาอาฆาตมาดแค้นจากนั้นก็หันหลังกลับไป ตอนนี้ ภารกิจของเขาเสร็จสมบูรณ์แล้ว

ซึ่งในเรลก็ได้ถูกส่งไปรวมกลุ่มกับมนุษย์คนอื่น ๆ และก็มุ่งลงสู่โลกใต้พิภพ เพื่อเข้ารับโทษกับการฆ่าในเรล

เมื่อลงมาที่อโมงค์มันมีเส้นทางเวียนลงไปยังเบื้องล่าง ลึกลงไปจนแทบไม่มีแสง สองถึง แต่เนื่องจากไนเรลนั้นมีเสาหลักและโซ่จากเหล็กพิภพพันธนาการอยู่ เขาจึง ถูกส่งลงไปทางช่องที่ใช้คนของใหญ่ ๆ มันดูไม่ต่างจากลิฟท์มากนัก ถูกสร้างมาด้ว ยกลไกเหล็กทั้งหมด

ในเรลค่อย ๆ ถูกหย่อนลงไปด้านล่างที่มืดมิด โดยมีน้ําฝนที่หนาวเย็นตกลงมาใบ หน้า ในเรลในตอนนี้ได้แต่รอโอกาสและเวลาที่สามารถหนีเท่านั้นไม่สามารถทําอย่าง อื่น ๆ ได้อีก

และแล้วผ่านไปสักพักแสงก็ค่อย ๆ หายไปเหลือแต่ความมืดของโลกใต้พิภพ

Witterry : ข้อ 1. จบภาค 2 ยักษ์เถื่อนแล้ว เจอกันกับภาค 3 โลกใต้พิภพ

ข้อ 2.ไรท์จะย้อนกลับไปปลดตอนติดเหรียญของภาค 1 ทั้งหมด (ยกเว้นตอนที่ 35)

ข้อ 3. ขอบคุณทุกการสนับสนุนซึ่งรอลุ้นปกนิยายใหม่กันนะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง 95 อุโมงค์หลักสู่โลกใต้พิภพ (จบภาค 2 ยักษ์เถื่อน)

Now you are reading re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง Chapter 95 อุโมงค์หลักสู่โลกใต้พิภพ (จบภาค 2 ยักษ์เถื่อน) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย re Zombie World โลกซอมบี้อีกครั้ง ตอนที่ 95 อุโมงค์หลักสู่โลกใต้พิภพ (จบภาค 2 ยักษ์เถื่อน)

ตอนที่ 95 อุโมงค์หลักสู่โลกใต้พิภพ (จบภาค 2 ยักษ์เถื่อน)

ขณะเดียวกันที่เมืองออสธา บริเวณคฤหาสน์ตระกูลอาโรเดียที่ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว อยู่ ๆ ก็มีวิญญาณลอยขึ้นมาจากพื้นดิน ซึ่งมันก็คือวิญญาณอารักษ์ของเวนดี้

ในช่วงหลายวันมานี้เวนดี้จะส่งวิญญาณอารักษ์ขึ้นมาทุกวันเพื่อดูว่าด้านบนปลอดภัยแล้วหรือยัง และในวันนี้เมื่อมองไปรอบ ๆ แล้วก็ไม่เห็นถึงสิ่งมีชีวิตวิญญาณตนนั้น ก็ลอยกับเข้าไปในพื้นดิน

หลังจากนั้นไม่นาน พื้นดินก็เริ่มนูนขึ้น จนกระทั่งดันดินออกมาเผยให้เห็นทางลงสู่ ห้องใต้ดิน ซึ่งก็เป็นห้องใต้ดินเดียวกันกับที่ในเรลและเนโคเข้าไป

ตาเดียวและทุกคนเดินขึ้นมาด้านนอก ตอนนี้สภาพภูมิประเทศโดยรอบเปลี่ยนไป หมดแล้ว มันไม่มีอะไรให้จดจําได้เลยว่าคือสถานที่เดียวกับตอนที่พวกเขานั้นมาถึง

“วินารีบหาท่านในเรล” ชารอนกล่าวออกมา

วินาที่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าและแล้วพวกเธอก็ได้เดินมาหยุดอยู่แอ่งน้ําหนึ่ง ซึ่งถ้าดูเผิน ๆ มันก็ไม่ต่างจากแอ่งน้ําขังทั่วไป แต่สําหรับวินามันคือรองลอย เธอเริ่มพยา กรณ์อีกครั้ง

และดูเหมือนว่าเธอจะเห็นแค่ชายชราลากไนเรลไปซึ่งทุกอย่างก็มาหยุดอยู่แค่ตรงนี้ เพราะข้อมูลนั้นไม่มีอีกแล้ว

เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็พอจะเดาได้ว่าในเรลและเนโคจากไปแล้ว ซึ่งดูเหหมือนว่าพวกเขาจะบาดเจ็บหนัก แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาห่วงในเรลเพราะทุกคนเชื่อว่าใน เรลอย่างไรก็ไม่เป็นอะไรโดยเฉพาะชารอนที่รู้ถึงสารสีแดงที่มีความสามารถในการ รักษานั้น

ในเมื่อตอนนี้ในเรลหายไปแล้ว พวกเขาก็ต้องไปจากตรงนี้เช่นกัน ที่นี่ยังอันตรายเกินไป

ดังนั้นชารอนจึงได้ตัดสินใจนําทุกคนออกไปและมุ่งหน้าลงไปทางใต้ ซึ่งก็คือตามที่ในเรลเคยพูดไว้ว่ายังมีมนุษย์และรัฐบาลไทกล่าอยู่ทางนั้น

ตาเดียวก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ได้แต่เดินตามสาว ๆ ไปอย่างเงียบ ๆ ในฐานะบอดี้การ์ด

ไนเรลที่สลบค่อย ๆ รู้สึกตัวอย่างช้า ๆ ดวงตาที่เปิดอยู่มองไปโดยรอบอย่างมึนงง “เกิดอะไรขึ้น?” นี่คือค่าถามแรกที่เข้ามาในหัวของเขา

ตอนนี้ตัวของไนเรลกําลังเคลื่อนที่อยู่ ไม่ต้องบอกว่ากรงที่ขังเขากําลังเคลื่อนที่อยู่เคร็ง!

เมื่อไนเรลพยายามที่จะขยับตัว ความเจ็บปวดก็ถาโถมเข้ามา เพราะที่ข้อมือและ แขนขาทั้ง 4 ของเขานั้นมันกับถูกโซ่สีดเจาะตรึกไว้กับเสาเหล็กที่เป็นเหมือนกับไม้ กางเขน

บริเวณที่โดนโซ่เจาะนั้นมีเลือดซึมไหลออกมาเล็กน้อยในทุก ๆ ครั้งที่เขาขยับตัวมันทําให้ในเรลขมวดคิ้วในทันที เขาลองออกแรงกระชากโซ่ด้วยพละทั้งหมด แต่มันกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

ในเรลจึงได้แต่หยุดการกระทํานั้น และหันไปสังเกตรอบ ๆ เพื่อทําความเข้าใจสถา นการณ์

รอบตัวของไนเรลนั้นมียักษ์เถื่อนสวมเกราะอยู่หลายตน ดูเหมือนว่านี้จะเป็นกองทัพยักษ์เถื่อน กรงที่ในเรลอยู่ในตอนนี้ก็อยู่บนหลังของแรดเกราะหนัก เมื่อมารวมกับ ตอนที่เขาโดนรอบโจมตีภาพสุดท้ายนั้นก็เดาได้ไม่ยากมันก็คืออคาที่ลอบโจมตีเขา

ในเรลเชื่อว่าไม่ได้มีแค่นั้น เขาสงสัยอยู่อีกเรื่องสองเรื่อง หนึ่งก็คือพวกมันหาตัวของเขาเจอได้อย่างไรและสองก็คือยักษ์อีกตนที่โจมตีเขาคือใคร พลังของมันไม่ต่ํากว่าขั้น 5 แน่นอน

การที่เขาโดนยักษ์เถื่อนขั้น 5 สองตนโจมตีพร้อมกันนั้นก็ไม่แปลกที่ในเรลจะสู้ไม่ได้ เพราะแค่ยักษ์เถื่อนขั้น 5 อย่างอคาแค่ตนเดียวนั้นก็แทบจะรับมือไม่ไหวแล้ว

การที่มันถูกเรียกว่าระดับที่ก้าวข้ามระดับชีวิตนั้นก็เป็นเพราะว่ามันไม่เหมือนกับระดับที่ผ่าน ๆ พลังมันต่างกันมากเกินไป

หลังจากที่ไนเรลอยู่แบบนี้ทําอะไรไม่ได้ ก็ได้แต่ปล่อยให้พวกยักษ์เถื่อนพาเขาไป ซึ่งขบวนกองทัพยักษ์เถื่อนก็เคลื่อนที่ทั้งวัน จนกระทั่งเย็นพวกมันก็หาที่พักกัน

หลังจากที่ทหารยักษ์เถื่อนแยกย้ายกันไปล่าสัตว์และหาเสียง ในตอนนั้นก็มีหนึ่งในยักษเถื่อนเดินเข้ามาที่กรงขังในเรล

ในเรลมองไปที่ยก์เถื่อนที่เดินเข้ามา เขาต้องใช้เวลาสักพักจึงจําได้ว่ามันคืออูคา

“แกยังไม่ตาย”

“ข้าไม่ตายง่าย ๆ หรอก เจ้าก็เช่นกัน อคามองไปที่ไนเรลอย่างโกรธแค้น ในทุกครั้งที่มันมองไนเรลบาดแผลที่อยู่บนหน้าก็จะเจ็บขึ้นมาแปลบ

ในเรลมองไปที่อูคาที่มีบาดแผลเต็มหน้า ผิวหนังมันหายไปหมด เหลือเนื้อและ กระดูกที่โผล่ออกมา ถ้าเป็นมนุษย์ปกติแล้วมีบาดแผลขนาดนี้ก็คงตายไปแล้ว

เนื่องจากว่าแผลของอคายังไม่แห้งสนิท มันจึงมีน้ําเหลืองออกมาเล็กน้อยอยู่ตลอด ส่งกลิ่นที่น่ารังเกียจอยู่เรื่อย ๆ อคาใช้แขนปาดน้ําเหลืองที่อยู่บนหน้ามันก็เจ็บขึ้นมา เล็กน้อย

ในเรลมองไปที่อูคาเขารับรู้ได้จากสายตาของอคาว่ามันโกรธแค้นในเรลมากจนอ ยากจะฉีกร่างของเขาออกไปเป็นชิ้น

“ข้าจะทําให้เจ้าได้รับความเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าข้าแน่นอน” อูคาหยิบมีดออกมา และหันไปสั่งให้ยักษ์เถื่อนผู้ที่ถือกุญแจเปิดกรงขังในเรลออก

ในเรลพยายามดิ้นเล็กน้อย แต่มันก็ไม่มีผลเพราะเขาไม่มีทางหลุดจากโซนี้ได้เลย

“เจ้าดิ้นเข้าไป มันไม่มีทางหลดได้อย่างแน่นอน โซ่และเสาเหล็กที่ใช้พันธนาการเจ้ามันสร้างมาจากเหล็กพิภพที่แข็งแกร่งและหลอมออกมาได้ยากมาก ไว้ใช้ยังพวกขั้น 6 โดยเฉพาะ เจ้าจงสํานึกซะที่ได้รับเกียรตินี้” อคากล่าวออกมาด้วยน้ําเสียงที่ ดูโหดเหี้ยมมาก

อูคาใช้มือปิดปากของในเรลกดลงไปกับเสาโลหะ จากนั้นก็ล้วงมือไปที่ด้านหลังของตนหยิบสั้นออกมา ถึงอคาจะมองมันเป็นมีดสั้น แต่สําหรับในเรลนั้นมันเหมือนกับมีดฆ่าสัตว์ไม่มีผิด

“ข้าจะตัดแขนตัดขาเจ้าเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหนีไปได้ออีก แต่ไม่ต้องกลัวมันจะไม่ เจ็บปวดมากนัก” อคายิ้มออกมามันดูสยองเป็นอย่างมาก ขณะที่มีดกําลังจะตัดลงไป อยู่ ๆ ก็มีเสียงที่ดังมาจากด้านหลัง

“ท่านอัศวินอูคา ท่านจะทําอะไร? ท่านลืมไปแล้วหรือว่าองค์ชายใหญ่ต้องการจับมันไปทั้งที่ยังครบ 32 อยู่ หรือว่าท่านต้องการมีปัญหากับองค์ชายใหญ่” ยักษ์เถื่อนที่ดูแก่ราวกับชายชราอายุ 80 ก็ไม่ปาน

แต่ดูจากเขาที่อยู่บนหัวของยักษ์ชราก็ต้องตกใจที่มันมีพลังถึงระดับ 5 และดูท่าแล้วยักษ์ชราตนนี้ไม่ชพวกไร้ชื่อเสียงอย่างแน่นอน

อคาถึงกับชักสีหน้าไม่พอใจทันที แต่เพราะยังคงกลัวองค์ชายใหญ่ที่พูดถึงอยู่มาก เขาจึงหยุดมือในทันที

“ถ้าไม่ทํามันก็จะหนีอีก”

“ถ้างั้น ท่านก็แค่ตัดเส้นเอ็นมันก็พอแล้ว” ยักษ์ชราตนนั้นกล่าวออกมาอย่างไม่สนใจจากนั้นก็เดินกลับไป เพราะเชื่อว่าอคาจะไม่ทําอะไรเกินเลยไปกว่านี้แน่นอน

อคาได้แต่ทําเสียงอึดฮัดไม่พอใจจากนั้นก็ลงมือตัดเอ็นไนเรลที่แขนขาทั้ง 4 ข้างแทน

มือข้างหนึ่งปิดปากไนเรล มืออีกข้างก็ลงมือทุก ๆ การตัด อคาจะลงมืออย่างช้า ๆ เพื่อที่จะให้ในเรลนั้นเจ็บปวดมากที่สุด

ไนเรลได้แต่กัดฟันและมองไปที่อุคาด้วยสายตาอาฆาต แต่ยิ่งในเรลทําแบบนี้มันก็ยิ่งทําให้เขาเจ็บปวดมากกว่าเดิม

ในใจของในเรลได้สาบานไว้แล้วว่าถ้าเขาหลุดออกมาได้เมื่อไหร่ละก็เขาจะตามฆ่าอคาอย่างแน่นอน

ไนเรลเลือกที่จะไม่ร้องออกมา แต่ความจริงนั้นมันเจ็บเป็นอย่างมาก หลังจากที่เห็นว่าในเรลนั้นเลิกที่จะดิ้นรนแล้วอคาก็ไม่มีอารมณ์จะเล่นกับเขาต่อมันจึงลงมืออย่า รวดเร็วให้เสร็จ ๆ และก็จากไป

บาดแผลมันไม่ได้มากนักเป็นแค่รอยตัดเฉือนเล็ก ๆ เท่านั้น ตอนนี้แขนขาของไนเรลนั้นไม่สามารถขยับได้อีก แต่เขาก็ไม่ได้กลัว เพราะขนาดแขนที่ขาดของเนโคเลือดแห่งชีวิตยังคงรักษาได้เลย

หลังจากนั้นตกกลางคืนในเรลก็ได้แต่มองดูเหล่ายักษ์เถื่อน กินเนื้อกันอย่างเมามันพอตกกลางคืนทุกอย่างก็ได้กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง แต่แล้วก็เกิดมีสัตว์กลายพันธุ์ขั้น 4 ตัวหนึ่งที่ไม่รู้ว่าหิวโซมาจากไหน

มันเลือกที่จะโจมตัวทหารยักษ์เถื่อนขั้น 3 นายหนึ่ง ซึ่งมันก็ได้ลิ้มรสเนื้อไปอีกไม่ ยักษ์เล็กน้อย แต่ก็แน่นอนว่าหลังจากนั้นมันก็โดนฆ่าตายกลายเป็นมื้อเช้าส่วนศพ ของยักษ์เถื่อนตนนั้นก็ถูกฝังอยู่ไม่ไกล

เช้าวันต่อมาขบวนก็เคลื่อนที่แต่เช้าอีกครั้ง ซึ่งในขณะนั้นไนเรลก็ถือโอกาสใช้ความสามารถ [โลหิตแห่งชีวิต A] สร้างออกมาได้อีกประมาณหนึ่งขวด แต่ในเรลไม่ได้เลือกที่จะรักษาตัวเองในทันที เพราะถ้าทําแบบนั้นอคาก็จะมาตัดเอ็นเขาอีกครั้ง

ในเรลเลือกที่จะเก็บมันเข้าไปในขวด โดยการใช้ความสามารถเงา เตะนิ้วลงไปในเงาซึ่งด้านในมีขวดเล็ก ๆ อยู่และเขาก็จะไม่ขยับตัวมากนักเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตจนเกินไป

ตกเย็นทุกอย่างก็ยังคงเป็นไปในลักษณะเดิม และมันก็เป็นแบบนี้อยู่สองวัน จนกระทั่งวันที่สามไนเรลก็เข้าใจแล้วว่าพวกมันต้องการพาเขาไปที่ไหน

และนั้นก็คือที่ปากทางอุโมงค์สู่โลกใต้พิภพ แต่ที่นี่ไม่ใช่ที่เดียวกับครั้งที่เลฟอนออกมา

ดูเหมือนที่แห่งนี้จะเป็นอุโมงค์หลักที่พวกมันทั้งหมดใช้ในการเข้าออกบริเวณโดย รอบนั้นเต็มไปด้วยยักษ์เถื่อน แต่มันไม่ได้หมดแค่นั้น เพราะมันยังมีกรงขังสัตว์กลาย พันธุ์ ซอมบี้ แม้แต่เผ่าอสูรก็มีและที่ขาดไม่ได้นั้นก็คือมนุษย์

สําหรับในเรลแล้วในชีวิตก่อนหน้านั้นไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับพวกนี้มากนัก เพราะเขานั้นมีแค่ความสามารถแค่เร่งการเจริญเติบโตของพืชเท่านั้น

ส่วนการเดินทางไปยังประเทศทางตอนเหนืออย่างมิสทาลนั้นเขาก็อาศัยในหลาย ๆ อย่างถึงรอดไปถึงที่นั่น และหนึ่งในนั้นก็คงหนีไม่พ้นโชค

ขณะที่กองทัพของยักษ์เถื่อนที่นําโดยอูคาไปถึง ทุกสายตาก็มองมาที่ในเรลและ กระซิบกันเล็กน้อย ซึ่งยักษ์เถื่อนหลาย ๆ ตนต่างก็ชี้มาที่ไนเรล ถึงเขาจะฟังไม่ค่อยรู้ เรื่องแต่ก็พอจะเดาได้ว่ามันเกี่ยวกับการที่เขาฆ่าเลฟอน

เพราะการฆ่ายักษ์เถื่อนสายเลือดราชศ์วงสักตนหนึ่งนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่มากในเผ่าอัคคี

แต่ก่อนที่กองทัพของอคาจะเข้าไปในหลุมมันก็มียักษ์เถื่อนขั้น 4 ตนหนึ่งเข้ามาถามพวกเขา

พอยักษ์เถื่อนตนนั้นรู้ว่าเป็นอูคาที่ได้มาส่งเชลย เขาก็เอาตัวในเรลไปซึ่งแน่นอนว่าในตอนนั้นอคาได้ส่งเข็มทิศชีพไปด้วย ในเรลก็มองไปที่เข็มทิศนั้นเช่นกัน

อคามองไปที่ไนเรลอยากสายตาอาฆาตมาดแค้นจากนั้นก็หันหลังกลับไป ตอนนี้ ภารกิจของเขาเสร็จสมบูรณ์แล้ว

ซึ่งในเรลก็ได้ถูกส่งไปรวมกลุ่มกับมนุษย์คนอื่น ๆ และก็มุ่งลงสู่โลกใต้พิภพ เพื่อเข้ารับโทษกับการฆ่าในเรล

เมื่อลงมาที่อโมงค์มันมีเส้นทางเวียนลงไปยังเบื้องล่าง ลึกลงไปจนแทบไม่มีแสง สองถึง แต่เนื่องจากไนเรลนั้นมีเสาหลักและโซ่จากเหล็กพิภพพันธนาการอยู่ เขาจึง ถูกส่งลงไปทางช่องที่ใช้คนของใหญ่ ๆ มันดูไม่ต่างจากลิฟท์มากนัก ถูกสร้างมาด้ว ยกลไกเหล็กทั้งหมด

ในเรลค่อย ๆ ถูกหย่อนลงไปด้านล่างที่มืดมิด โดยมีน้ําฝนที่หนาวเย็นตกลงมาใบ หน้า ในเรลในตอนนี้ได้แต่รอโอกาสและเวลาที่สามารถหนีเท่านั้นไม่สามารถทําอย่าง อื่น ๆ ได้อีก

และแล้วผ่านไปสักพักแสงก็ค่อย ๆ หายไปเหลือแต่ความมืดของโลกใต้พิภพ

Witterry : ข้อ 1. จบภาค 2 ยักษ์เถื่อนแล้ว เจอกันกับภาค 3 โลกใต้พิภพ

ข้อ 2.ไรท์จะย้อนกลับไปปลดตอนติดเหรียญของภาค 1 ทั้งหมด (ยกเว้นตอนที่ 35)

ข้อ 3. ขอบคุณทุกการสนับสนุนซึ่งรอลุ้นปกนิยายใหม่กันนะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+