Jun Jiu Ling หวนชะตารักภาค 3 บทที่ 200 พวกเจ้าเป็นโจรรึ

Now you are reading Jun Jiu Ling หวนชะตารัก Chapter ภาค 3 บทที่ 200 พวกเจ้าเป็นโจรรึ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ดาบเล่มหนึ่งเหวี่ยงว่องไวออกมาฟันลงบนขาม้าตัวหนึ่ง ม้ากรีดร้องทีหนึ่งล้มคว่ำ เกล็ดหิมะปลิวกระจายแถบหนึ่ง  

 

 

คนบนม้าร่วงกลิ้งกับพื้น  

 

 

หลังร่างกลุ่มคนกลุ้มรุม คนสิบกว่าคนล้อมเข้ามาในมือถือหอกยาวดาบยาวฟันเข้าใส่คนที่ล้มกลิ้งอยู่บนพื้น  

 

 

คนบนพื้นกลิ้งไปข้างหน้า  

 

 

เสียงโจมตีกระทบบนพื้นดังเช้ง เกล็ดหิมะกระจายแถบหนึ่งอีกครั้ง  

 

 

ด้านข้างมีคนสามคนขี่ม้าพุ่งมาขวาง  

 

 

“เหล่าปา พวกเจ้าไม่ต้องสนข้า” บุรุษบนพื้นรีบร้อนตะโกน “รีบปกป้องนายหญิงไป”  

 

 

ด้านข้างของพวกเขามีรถม้าคันหนึ่งอยู่ด้วย  

 

 

ทั้งสามคนนั้นกำลังคุ้มครองรถม้าไม่ให้คนสิบกว่าคนนี้เข้าใกล้  

 

 

บุรุษบนพื้นเอ่ยพลางหลบหอกยาวพ้นฉวยโอกาสจับไว้บังคับแย่งมา คนบนม้าถูกดึงลงมา คนบนพื้นพลิกมือดันทีหนึ่ง หอกยาวก็แทงทะลุหน้าอกเขา  

 

 

คนกรีดร้องล้มลงกับพื้น  

 

 

“พวกเจ้ารีบไป พวกเจ้ารีบไป คุ้มครองนายหญิง” เขาลุกขึ้นมาจากพื้นตะโกนบอก นาทีต่อมาก็ครางทุ้มต่ำ  

 

 

ดาบใหญ่เล่มหนึ่งฟันผ่านแขนของเขา  

 

 

เขาโซเซวูบหนึ่ง  

 

 

“พี่สี่” สามคนนั้นตะโกนเสียงร้อนรนจะล้อมเข้ามา  

 

 

คนที่ถูกเรียกว่าพี่สี่กำหอกยาวไว้  

 

 

“ข้าให้พวกเจ้าคุ้มครองนางหญิงรีบไป” เขาตวาด “พวกเจ้าไม่ได้ยินรึ?”  

 

 

สามคนนั้นมองแขนที่พริบตาถูกเลือดย้อมแดงของเขา สีหน้าโศกเศร้าคับแค้นทั้งยังร้อนใจ  

 

 

“ไป” คนหนึ่งในนั้นตะโกน หมุนตัวไปปกป้องรถม้า  

 

 

อีกสองคนก็รีบติดตาม  

 

 

แต่สำหรับคนสิบกว่าคนด้านหลังร่าง นี่เป็นหนูในอุ้งมือแมวแล้ว พวกเขาถึงขั้นหยุด สีหน้าติดจะหยอกเย้ามองบุรุษที่ถือหอกยาวแขนเลือดไหลตรงหน้า  

 

 

“พกวเจ้าหนีไม่รอดแล้ว” บุรุษคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง สะบัดดาบยาวในมือ “ฆ่า”  

 

 

ทว่าในเวลานี้เอง บนถนนใหญ่ก็มีเสียงกีบเท้ามาเอะอะกลุ่มหนึ่งดังมาอีก  

 

 

หรือทางการกับทหารรู้ตัวแล้ว?  

 

 

ผู้คนสองฝั่งฉับพลันสีหน้าเปลี่ยน เพียงแต่ด้านหนึ่งยินดีด้านหนึ่งเคร่งเครียด  

 

 

ทว่านาทีต่อมาทุกคนก็มองเห็นคนที่เดินทางมา บุรุษสวมเสื้อนวมสิบกว่าคนกับเด็กสาวที่สวมผ้าคลุมสองคน  

 

 

ม้าของพวกเขากำยำ เสื้อผ้าที่สวมแม้นับไม่ได้ว่าหรูหราแต่ก็ไม่ใช่คนจนเด็ดขาด บนหลังม้าถุงตุงๆ ไม่รู้บรรทุกของอะไร  

 

 

พวกบุรุษสีหน้าซื่อๆ ท่าทางบ้านนอก  

 

 

ไม่ใช่ทหารทางการ เป็นคนเดินทาง  

 

 

ฝ่ายที่ยินดีกลายเป็นผิดหวัง ส่วนฝ่ายที่เคร่งเครียดกลับมากระหยิ่มยิ้มย่อง  

 

 

ขบวนคนที่ผ่านมาด้านนั้นคล้ายถูกสถานการณ์นี้ทำให้กลัว ชักม้าหยุดยืนอยู่บนถนน  

 

 

“พวกเจ้ากำลังทำอันใด?” เด็กสาวคนนั้นเอ่ยถาม  

 

 

คนเดินทางสมัยนี้ชอบยุ่งวุ่นวายเสียจริง มองเห็นคนขยับดาบขยับหอกแล้วยังไม่รีบหนี ดูเรื่องสนุกอะไร  

 

 

“ไสหัวไป” บุรุษที่เป็นหัวหน้าเอ่ยด่าอย่างไม่สบอารมณ์ สะบัดดาบยาวในมือ “ไม่เคยเห็นการปล้นรึ?”  

 

 

คำพูดนี้ออกมากลับไม่เห็นคนเหล่านี้กลัวลนลานหนี ตรงกันข้ามดวงตากลับเปล่งประกาย  

 

 

“ปล้นหรือ?” เด็กสาวคนนั้นเอ่ยถามคล้ายจะยืนยัน “พวกเจ้าเป็นโจรหรือ?”  

 

 

คนเหล่านี้โง่หรือไม่?  

 

 

“ใช่โจรปล้น” บุรุษที่เป็นหัวหน้าถลึงตาคำรามโกรธเกรี้ยว “ไม่ไสหัวไปอีกจะเอาชีวิตของพวกเจ้า”  

 

 

เหล่าบุรุษที่คุ้มครองรถม้าวิ่งมานั่นก็มองเห็นพวกเขาด้วย  

 

 

“รีบไปแจ้งทางการ” คนหนึ่งในนั้นตะโกนบอก “ขอร้องพวกเจ้าไปแจ้งทางการ”  

 

 

ทว่าประโยคนี้เพิ่งตะโกนออกมา บุรุษผู้กำหอกยาวขวางโจรอยู่สีหน้ากลับมืดลง  

 

 

ขอความช่วยเหลือ บางครั้งกลับทำให้ผู้อื่นกลัว  

 

 

หากไม่ขอ ไม่แน่ว่าคนผ่านทางไม่รู้ชัดสถานการณ์อาจมุงดู ด้วยเหตุนี้อาจข่มขวัญผู้ร้ายได้ระดับหนึ่ง  

 

 

แต่เมื่อขอความช่วยเหลือทำให้คนผ่านทางรู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันถึงชีวิต คนชอบชมดูเรื่องสนุกอีกเท่าใดก็คงกลัววิ่งหนี  

 

 

หรือจะต้องจบสิ้นอยู่ที่นี่วันนี้แล้ว?  

 

 

เขาสีหน้าคับแค้นทว่ามีความเด็ดเดี่ยวอยู่  

 

 

“เข้ามา” เขาคำรามเอ่ย หอกยาวในมือกำแน่นโผเข้าไปหาคนกลุ่มนี้  

 

 

บุรุษสิบกว่าคนมองคนที่โผมาต่างหัวเราะฮ่าฮ่า  

 

 

“แค่เจ้าไก่ปีกเดียวตัวนี้ ข้าคนเดียวก็จัดการเจ้าได้” บุรุษคนหนึ่งตะโกนพลางควบม้ากระโจนออกมา ฟันดาบยาวในมือเข้าใส่เขา  

 

 

บุรุษสามคนที่คุ้มครองรถม้าวิ่งห้ออยู่ด้านนี้ก็ไม่หันกลับมา แต่หวดแส้ม้าเร็วกว่าเดิม สีหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและสิ้นหวัง  

 

 

ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ที่จริงในใจพวกเขารู้ชัดยิ่ง ทว่าแล้วทำอย่างไรได้อีก ยังคงต้องสู้ ยังคงต้องวิ่งหนี จนกระทั่งนาทีสุดท้าย  

 

 

หลังร่างเสียงกรีดร้องเสียงหนึ่งดังขึ้น  

 

 

บุรุษสามคนกัดฟันแน่นไม่หันกลับไป นี่คือเวลาที่พี่น้องใช้ความตายช่วงชิงมาให้พวกเขา ขอเพียงไปข้างหน้าต่อ พบทหารยามของทางการได้ก็รอดแล้ว  

 

 

นี่เป็นยามสงคราม ที่ต่างๆ ต้องวางทหารยามไว้แน่นอน  

 

 

แต่เสียงกรีดร้องหลังร่างยังไม่ทันจาง เสียงร้องตะโกนก็ดังขึ้นอีกครั้ง  

 

 

“ใคร?”  

 

 

เสียงนี้ตกตะลึงโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก  

 

 

“ใครยิงศร?”  

 

 

ยิงศร  

 

 

บุรุษสามคนที่ควบม้าเร็วรี่อยู่ตะลึง ไม่ทันรู้ตัวเงยหน้ามองไปก็เห็นในมือเด็กสาวคนหนึ่งในคณะเดินทางที่เข้ามาใกล้แล้วด้านหน้านั่นกำคันศรอยู่   

 

 

คันศร?  

 

 

บุรุษสามคนอดไม่ได้รั้งบังเ**ยนม้าหันกลับไปโดยไม่ทันรู้ตัว  

 

 

บุรุษที่ได้รับบาดเจ็บด้านหลังร่างยังยืนมั่นคงอยู่ แต่บุรุษคนหนึ่งด้านหน้าเขาล้มคว่ำแน่นิ่ง  

 

 

สายตาทั้งหมดล้วนรวมอยู่ด้านนี้ จับจ้องบนร่างเด็กสาวที่ถือคันศร  

 

 

เด็กสาวคนนี้สวมผ้าคลุมศีรษะใบใหญ่ปิดบังเส้นผมไว้ ส่วนใบหน้าก็ถูกผ้าผืนหนึ่งปิดไว้ด้วย เผยออกมาเพียงดวงตาคู่หนึ่งอยู่ด้านนอก  

 

 

“เยี่ยม” คุณหนูจวินเอ่ย ยื่นมือชี้บุรุษทั้งหลายด้านนั้น “ตอนนี้ยิงเจ้าอ้วนที่เป็นหัวหน้าคนนั้น”  

 

 

ยิงเจ้าอ้วนที่เป็นหัวหน้าคนนั้น  

 

 

ข้าอ้วนตรงไหน?  

 

 

เขาโมโหอยู่บ้าง ความคิดแล่นผ่านก็ได้ยินเสียงฟึบทีหนึ่ง ศรดอกหนึ่งบินมาหาเขา  

 

 

เขาสะบัดดาบ เสียงเช้งดังทีหนึ่ง ศรถูกกันไว้ร่วงลงบนพื้น ต่อให้เป็นเช่นนี้เขาก็ยังเหงื่อกาฬแตกพลั่กทั่วร่าง  

 

 

“ยิงไม่ถูก” จ้าวฮั่นชิงสีหน้าเขินอายเอ่ย  

 

 

“ไม่เป็นไร เพราะข้าเตือนเขา” คุณหนูจวินเอ่ย “ไม่ใช่เพราะเจ้า”  

 

 

คุณพระ!  

 

 

คนผู้นี้ประสาทรึ? บุรุษที่เป็นหัวหน้าทั้งอับอายทั้งโกรธแค้น นางคิดว่านางเป็นใคร?  

 

 

“ฆ่าพวกมัน!” เขาตวาด  

 

 

บุรุษทั้งหลายในที่สุดก็รู้สึกตัว คำรามโกรธเกรี้ยวควบม้าชูหอกยาวดาบยาวในมือพุ่งมาด้านนี้ด้วย  

 

 

บุรุษที่แขนได้รับบาดเจ็บกำหอกยาวอยู่กลับถูกทิ้งไว้ที่เดิม  

 

 

คนเดินทางกลุ่มนี้จะชักดาบช่วยเหลือหรือ? แต่คนเหล่านี้ไม่กระจอกเช่นนั้นเหมือนโจรปล้นชิงนะ คนเดินทางเหล่านี้ดูไปแล้วเป็นเพียงชาวบ้าน…  

 

 

“ฆ่าพวกมัน”  

 

 

เสียงสตรีเอ่ยวาจาเหมือนกันออกมา  

 

 

เขาหมุนตัวไปก็เห็นคนเดินทางพวกนั้นไม่เพียงไม่วิ่งหนี ตรงกันข้ามทั้งสิบคนเลิกผ้าคลุมบนหลังม้าออก เอาคันศรออกมา  

 

 

คันศร!  

 

 

ดวงตาของเขาเบิกโตทันที  

 

 

ส่วนโจรที่พุ่งไปด้านหน้าก็หน้าถอดสีร้องตกใจเช่นกัน  

 

 

“พวกเขามีคันศร!”  

 

 

“หยุดเร็ว”  

 

 

“ต่ำช้า มีคันศรทำไมไม่เอาออกมาก่อน!”  

 

 

หากเด็กสาวคนนั้นไม่ได้ถือคันศรหยาบๆ ง่ายๆอยู่ แต่เอาคันศรแข็งแกรงเช่นนี้ออกมาตั้งแต่ต้น พวกเขาก็คงไม่พุ่งเข้ามาโง่ๆ เช่นนี้  

 

 

หอกยาวดาบยาวสู้คันศรได้ที่ไหน  

 

 

คนเดินทางเหล่านี้ที่แท้เป็นใคร ถึงกับมีคันศรที่ในกองทัพถึงจะมี  

 

 

แต่สายไปแล้ว หลังคำว่า “ฆ่าพวกมัน” ของสตรีผู้นั้น บุรุษสิบกว่าคนที่ถือคันศรก็ก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่งเรียงแถวหน้ากระดาน เท้าเหยียบขึ้นสาย ยกคันธนูยิงศร การกระทำพร้อมเพรียงเป็นหนึ่ง ศรสิบดอกยิงออกมาพร้อมเพรียง ศรยังบินอยู่ พวกเขาก็เท้าเหยียบขึ้นสายอีกครั้ง ทำซ้ำการเคลื่อนไหวนี้  

 

 

การเคลื่อนไหวของพวกเขารวดเร็ว สายศรแทบกลายเป็นภาพลวงตาภาพหนึ่ง ศรฟึบๆ แหวกอากาศต่อเนื่องไม่ขาด สิ่งที่ควบคู่มากับมันคือเสียงกรีดร้องที่ดังต่อเนื่องรอบด้าน  

 

 

บุรุษที่พุ่งมาไหนเลยยังองอาจเยี่ยงก่อนหน้า โดนห่าศรแถบนี้เข้าพลันทยอยร่วงจากม้า  

 

 

บุรุษที่กำหอกยาวอยู่กับบุรุษสามคนที่คุ้มครองรถม้าอยู่ล้วนมองอึ้งไปแล้ว  

 

 

นี่เป็นชักดาบช่วยเหลือที่ไหน นี่มันฆ่าล้างบางชัดๆ  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด