Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. 1

Now you are reading Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. Chapter 1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แสงที่ 1 ชายผู้หลงไหลในดาบแสงและสงครามแห่งดวงดาว..

สงครามคือสิ่งที่อยู่กับมวลมนุษย์มาตั้งแต่ที่อารยธรรมถือกำเนิดขึ้นบนผืนโลก เหตุของการเกิดสงครามมาจากคนสองกลุ่มหรือมากกว่านั้นที่เกิดความขัดแย้ง

ณ คอนโดแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางของเมืองหลวงในประเทศเล็กๆที่มีผู้นำโง่ๆ

[มันจบแล้วอนาคิน..~]

เสียงตะโกนของตัวละครชายผู้หนึ่งที่ดังออกมาจากภายในจอของโน๊ตบุ๊ค โดยที่ตัวละครดังกล่าวกำลังยืนอยู่บนหินเหนือธารลาวาที่กำลังปะทุ

ภายในห้องแคบๆที่มืดสนิทของคอนโดที่เกือบจะรกร้างปรากฏเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังนั่งกอดเข่าของตัวเองอยู่บนเก้าอี้ เขาเป็นชายที่มีรูปร่างสูงโปร่ง เส้นผมที่ปล่อยยาวจนถึงบ่าดูกระเซอะกระเซิงลงมาปรกหน้าราวกับไม่เคยหวี่หรือดูแลมัน

โดยที่ในเวลานี้สายตาของชายคนดังกล่าวกำลังจับจ้องไปยังหนังที่ดูซ้ำและซ้ำเล่ากว่าหลายพันครั้ง จนเกือบจะจำบทพูดและเนื้อเรื่องได้..

“เฮ้อ..~ ข้าเกลียดท่าน..!”เสียงถอนหายใจของชายวัยกลางคนที่เอ่ยบทพูดของตัวละครอีกตัว ก่อนที่ตัวละครตัวนั้นจะพูดประโยคนี้ออกมา

[ข้าเกลียดท่าน..!!!]

“รวมถึงชีวิตที่โครตจะเซ็งเคร็งนี่ด้วย..~”

และนี่ก็คือความรู้สึกของผมในตอนนี้ ตัวของผมนั้นมีชื่อว่าสตาร์ เป็นชายหนุ่ม อายุ 29 ย่างเข้า 30 เป็นคนที่มีชีวิตเหลวแหลกธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไป 

ผมเกิดและเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง ชีวิตวัยรุ่นนั้นก็สดใสปกติเหมือนกับเด็กทั่วๆไป แต่สุดท้ายในจุดๆหนึ่งของชีวิตก็กลับต้องพังทลายลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ..

เมื่อวันที่พ่อของผมหรือเสาหลักของบ้านได้จากไปด้วยโรคหัวใจ แม่ของผมที่ทำใจไม่ได้ก็ได้กลายโรคซึมเศร้า ก่อนจะตัดสินใจปลิดชีวิตของตัวเองด้วยการผูกคอตาย โดยปล่อยทิ้งผมที่กำลังเรียนอยู่ในช่วงมัธยมปลายให้ต้องเผชิญชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง

หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น มันจึงทำให้ตัวของผมได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง นอกจากจะสูญเสียครอบครัวไปแล้ว ชีวิตวัยเรียนของผมก็พังเละไม่เป็นท่า จนกลายเป็นโรคประสาทและมีอาการทางจิตที่ไม่ปกติ ทั้งโรคซึมเศร้า ไบโพรล่า อาการย้ำคิดย้ำทำหรือบางครั้งก็จะหลอนจนหูแววได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ

ซึ่งก็มีอยู่หลายครั้งที่ผมเกือบจะกลายเป็นบ้า เพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ ยกตัวอย่างเหตุการณ์ในวันหนึ่งที่ผมเกิดอารมณ์กับเครื่องครัวภายในบ้านจนสำเร็จความใคร่กับกระทะ อาการทางจิตของผมมันเริ่มที่จะทวีคูณหนักขึ้นเรื่อยๆ 

ในช่วงสมัยที่ผมยังเรียนอยู่มัธยมปลาย หลังจากที่พ่อกับแม่ผมเสียไป ด้วยสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ ผมจึงต้องหยุดเรียนไปนานกว่าหนึ่งเทอม ชีวิตของผมในตอนนั้นได้ญาติๆของพ่อที่เข้ามาช่วยเหลือ จนทำให้ผมสามารถที่จะเรียนจบมาได้..

แต่ถึงอย่างนั้นในระหว่างที่กำลังเรียน สิ่งที่ผมตระหนักได้คือช่วงชีวิตวัยรุ่นที่ตกต่ำ ผมที่เคยเป็นที่รักของเพื่อนๆ กลับถูกคนที่ไม่ชอบขี้หน้าใส่ร้ายว่าเป็นคนวางยาฆ่าพ่อของตังเอง ซึ่งแม่งแทบจะไม่ต่างอะไรกับพล็อตในละครน้ำเน่า เพราะมันดันมีคนโง่ที่เชื่อจริงๆ..

และนับตั้งแต่วันนั้นชีวิตในวัยเรียนของผมก็ไม่ได้มีความสุขอีกต่อไป ผู้หญิงที่แอบชอบก็ตีตัวออกห่าง อีกทั้งเธอยังไปมีอะไรกับชายอื่นต่อหน้าต่อตาของผมบนโต๊ะภายในห้องหลังเลิกเรียน 

ในตอนนั้นที่เห็นผมเกือบจะแทบคลั่งจนกลายเป็นบ้า สติของผมได้หลุดลอยออกไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่โชคชะตาเหมือนจะกำลังเล่นตลกกับผม มีเหตุการณ์ต่างๆมากมายที่ถาโถมเข้ามาในจิตใจของผมจนทำให้อาการทางจิตเริ่มที่จะย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าสุดท้ายผมจะกัดฟันผ่านพ้นมันมาได้ก็ตาม

หลังจากที่เรียนจบมัธยมปลายผมก็ได้ออกหางานทำ แต่ทำได้ไม่นานก็ถูกไล่ออก ชีวิตของผมในแต่ละวันกับเงินประกันก้อนสุดท้ายที่พ่อแม่ทิ้งเอาไว้ให้ มันช่างแสนจะยากลำบาก

ผมไม่สามารถใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วๆไปได้ ตลอดเวลากว่าหลายปีที่ผ่านมา ผมต้องคอยแวะไปหาหมอจิตเวชที่โรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง เพื่อเข้ารับการรักษาและเอายาระงับประสาทมากินอย่างสม่ำเสมอ

คุณหมอที่โรงพยาบาลได้แนะนำวิธีการต่างๆที่จะช่วยบรรเทาอาการโรคประสาทของผม โดยวิธีที่ว่าคือการหางานอดิเรกมาทำ เช่นดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ

ซึ่งตัวของผมนั้นก็ได้ทำตามคำแนะนำเหล่านั้นทั้งหมด จึงทำให้อาการทางจิตเริ่มที่จะบรรเทาลง จนผมเริ่มคิดว่าตอนนี้ผมสามารถที่จะกลับมาใช้ชีวิตเหมือนกับคนปกติทั่วไปได้ในอีกไม่ช้า..

แต่ถึงอย่างนั้นหนังที่ผมดูหรือสื่อต่างๆที่เสพมักจะเป็นแต่แนวสงคราม รวมไปถึงหนังที่มีเนื้อหาดาร์กๆอย่างเช่นหนังฆาตรกรรม หนังชีวิตที่ตอนจบทำลายตับ ลากยาวไปจนถึงมังงะและอนิเมะต่างโลกแนวสงคราม

ซึ่งหนังทุกเรื่องที่เอ่ยมามันแทบจะไม่เหมาะกับผู้ป่วยทางจิตอย่างผมเลย แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นผมกลับรู้สึกปรอดโปร่งที่ได้ดูมัน..

ซึ่งหนังเรื่องที่ผมชอบมากที่สุดและดูมันซ้ำๆจนเกือบจะเป็นพันกว่าครั้ง นั่นก็คือเรื่องสตาร์วอสงครามอวกาศ..

ครั้งแรกในวัยเด็กที่ผมได้ดูหนังเรื่องนี้ ผมก็รู้สึกหลงไหลและอินไปกับเรื่องราวของมันราวกับได้หลุดเข้าไปอยู่ในหนัง ตัวของผมนั้นชอบสงคราม ชอบดูการแย่งชิงความเป็นใหญ่ 

ถึงมันอาจจะฟังดูเป็นรสนิยมที่แปลกประหลาด แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองเป็นโอตาคุหนังและสื่อแนวสงคราม..

ในหนังเรื่องนี้มีอะไรหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่น่าสนใจ ถ้าพูดถึงดาบที่ดีที่สุดในโลก ความคิดแรกของพวกคุณจะนึกถึงดาบเล่มไหน..?

มุรามาซะ..เอ็กคาริเบอร์ ซอร์ดวาย ถึงดาบทุกเล่มที่กล่าวมาจะเป็นอาวุธที่มีชื่อเสียงโด่งดังจนกลายเป็นตำนาน และเป็นดาบที่มีพลังวิเศษ 

ดาบที่มีความคมสูงหรือแม้แต่ความทนทานที่ยากจะหักได้ง่ายๆ พ่วงมาด้วยพลังที่เกินจะหยั่งถึง แต่ทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นมาจากเศษเหล็กที่สักวันหนึ่งก็จะต้องบุบสลายเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา..

แต่สำหรับผมแล้ว..ดาบที่ดีที่สุดนั้น นั่นก็คือ..ไลท์เซเบอร์หรือดาบแสง ดาบที่สามารถตัดผ่านวัตถุได้ทุกชนิด มันคือองค์ประกอบส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น และไหนจะพ่วงมาด้วยผู้ที่สามารถใช้พลังจิตเคลื่อนย้ายสิ่งของกับเนื้อเรื่องดาร์กๆที่ชายคนหนึ่งได้เดินเข้าสู่ด้านมืด แค่ผมมองก็รู้สึกว่าแม่งเป็นอะไรที่โครตจะเท่..

มีอยู่ครั้งหนึ่งในสมัยช่วงมัธยมที่ผมยังเป็นจูนิเบียว ผมนั้นเคยเพ้อฝันว่าอยากที่จะถูกส่งไปต่างโลก ในโลกแห่งสงคราม อยากจะดำดิ่งเข้าสู่ด้านมืด พอนึกย้อนไปกลับไปก็รู้สึกอายตัวเองที่เคยคิดอะไรแบบนั้น..

‘เรื่องนี้อีกแล้ว น่าเบื่อชิบหาย..แต่ก็นะคนแบบแกมันก็เหมาะกับอะไรแบบนี้อยู่แล้ว..’

อีกแล้ว..ไอ้เสียงเวรนี่อีกแล้ว ไอ้เสียงนี้มันคือต้นต่อของอาการประสาทหลอน อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นของทุกๆโรคและอาการทางจิตที่ตามมารุมเร้า โดยที่อาการนี้มันแตกต่างจากทุกๆอาการทางจิตที่ผมเป็น มันไม่ได้จะพึ่งมาเกิด หากแต่มันตามหลอกหลอนผมมาตั้งแต่สมัยที่ผมยังเป็นเด็ก ก่อนที่พ่อกับแม่ของผมจะเสียชีวิตซะอีก..

ซึ่งตั้งแต่ที่ผมได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตในวันที่พ่อกับแม่เสีย หลังจากวันนั้นไอ้เจ้าเสียงนี้มันก็โผล่ออกมาบ่อยขึ้นและชัดเจนยิ่งขึ้น..

แต่ถึงจะบอกว่าดังอยู่ภายในหัวมันก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เสียงที่ว่ามีเพียงแค่ผมเท่านั้นที่ได้ยิน โดยที่ต้นตอของเสียงมันดังมาจากอวัยวะที่อยู่ภายใต้กางเกงของผม พูดไปใครๆก็หาว่าบ้า ถ้าเป็นนิยายแม่งก็โครตจะกาวอย่างไม่มีเหตุผล เพราะมันคือสิ่งที่ผู้ชายทุกๆคนมีหรือก็คือไอ้จ้อนของผมนั่นแหละ..

‘เฮ้ยๆ ฉันรู้นะว่าแกได้ยินเสียงของฉัน..รีบๆเข้า Pornhudz เร็วเข้าฉันอยากจะปลดปล่อยเต็มที่แล้ว..’เสียงของไอ้จ้อนที่ออกคำสั่งดังอยู่ภายในหัวของผม ทุกๆครั้งที่มันโผล่ออกมา มันก็มักจะออกคำสั่งให้ผมเสพสื่ออย่างว่า มันพยายามครอบงำและสั่งการให้ผมช่วยตัวเอง..

“อะ..อึก..”ผมที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ร่างกายที่กำลังสั่นพลันเอื้อมมือไปจับเมาส์ ก่อนจะบรรเลงใช้นิ้วกดลงบนแป้นคีบอร์ดเข้าสู่เว็ปอย่างว่าในทันที..

ทันทีที่สายตาจ้องมองไปยังคลิปวิดีโอที่ฉายผ่านจอคอม หัวใจของผมก็เต้นระรัว มันคือความตื่นเต้น ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมดูอะไรแบบนี้ ไม่สิ..ผมดูมันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ผมสัมผัสได้ถึงอะดรีนาลีนภายในร่างที่กำลังพลุ่งพล่าน..

ฟุบ..!!!!

ผมที่ตั้งสติพลันเอื้อมมือไปหยิบขวดยามาเปิดฝาอย่างล่กๆ ก่อนจะเทเม็ดยาระงับประสาทใส่มือและกลอกมันใส่ปากของตัวเองอย่างรวดเร็ว..

‘เปล่าประโยชน์ แกก็รู้อยู่แก่ใจว่าถึงต่อให้กินไปยังไงก็ไม่ทำให้ฉันหายไปได้ ถ้าแกอยากจะให้ฉันหายไปก็ปลดปล่อยฉันซะสิ..’ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา ดูเหมือนว่าอาการประสาทหลอนของผมจะรุนแรงขึ้น ผมเคยที่พยายามจะปรับตัวและทำใจให้ชิน แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำได้..

“นี่ฉันคงใกล้เป็นบ้าจริงๆแล้วสินะ..”ผมที่กล่าวออกมา จึงทำให้ไอ้อารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านต้องสงบลง

‘แกไม่ได้บ้าสักหน่อย แต่แกแค่ยังไม่เข้าใจ แกน่ะเอาแต่ปฏิเสธมาตลอด โดยไม่แม้แต่จะรับฟัง แกเอาแต่คิดอยู่ฝ่ายเดียวว่าฉันคืออาการทางจิต ทำไมแกถึงไม่คิดมั้งล่ะว่าฉันอาจจะมีตัวตนอยู่จริงๆก็ได้..’เสียงของไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา

‘ไม่เอาน่าสตาร์ ตอนที่พวกเรายังเป็นเด็ก นายก็เคยเปิดใจให้กับฉัน แล้วทำไมมาปฏิเสธเอาป่านนี้ซะล่ะ..?’

เดี๋ยว..นี่ผมกำลังถูกไอ้จ้อนของตัวเองเกลี่ยกล่อมอย่างงั้นเหรอ..?

“แกจะให้ฉันทำใจยอมรับจริงๆน่ะเหรอ..? ว่าไอ้จู๋อย่างแกสามารถพูดกับฉันได้..? ไปบอกกับใครเขาก็หาว่าบ้ากันทั้งนั้นแหละ..”ผมที่กล่าวออกมา และแล้วผมก็ดันคล้อยตามพูดกับมันซะงั้น

‘นะ..นี่แก ยะ..ยอมกลับมาคุยกับฉันแล้วอย่างงั้นเหรอ..? ฮึก..ทั้งๆที่สิบกว่าปีที่ผ่านมาแกทำเป็นเมินฉันมาโดยตลอด..’

เยี่ยม..เออ ไอ้จ้อนกำลังปลาบปลื้ม ผมควรจะทำยังไงดีว่ะเนี่ย กาวแบบไม่มีลิมิตชีวิตเกินร้อย แต่ก็ไม่แน่หรอก ในเมื่อตอนนี้แม่งไม่มีทางเลือกแล้ว ถ้าปรับความเข้าใจกันได้ ผมก็อาจจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมันได้

ซึ่งในตอนเด็กที่ผมยังไม่รู้ประสีประสา ผมก็ได้พูดคุยกับมันราวกับเป็นเพื่อนคนหนึ่ง แต่ทันทีที่พ่อกับแม่รู้เรื่องนี้เข้า ตัวของผมก็ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลจิตเวช ก่อนที่ในภายหลังผมจะได้รับรู้เข้าถึงความจริงที่ว่า..ในโลกนี้จู๋แม่งพูดไม่ได้ แล้วคนที่คุยกับจู๋ของตัวเองมันไม่ใช่สิ่งที่คนจิตปกติเขาจะทำกัน

และนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นตนมา ผมก็พยายามทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของมัน แม้แต่ในตอนช่วยตัวเองหรือขัดสีฉวีวรรณมันในตอนอาบน้ำก็ตาม

“เอาเถอะ..ในเมื่อทำยังไงแกก็ไม่มีวันหายไป ดูเหมือนว่าฉันจะไม่มีทางเลือกแล้ว ฉันจะทำใจเชื่อก็ได้ว่าแกคือไอ้จ้อนที่สามารถพูดได้จริงๆ..”ผมที่กล่าวออกมา 

‘มันควรจะเป็นอย่างนั้นตั้งนานแล้ว คนบ้าอะไรคุยด้วยก็ไม่คุยด้วย..’

อืม..เยี่ยม โดนจู๋ของตัวเองด่าว่าเป็นคนบ้า..

‘ถึงจะดีใจก็เถอะ..แต่อันดับแรกรีบๆเข้า Pornhudz ก่อน ไม่ไหวแล้วครั่นเนื้อครั่นตัว..’ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา ซึ่งมันไม่ได้มีความสามารถพูดคุยได้เพียงอย่างเดียว มันยังสามารถยืดหดตัวเองและขยายขนาดหรือแม้แต่โยกย้ายสายสะโพกหมุนควงมันก็ทำได้

“เอาไว้ก่อนเลย..ฉันจะออกไปหางานทำ เงินก้อนสุดท้ายก็ใกล้ที่จะหมดแล้ว..”ผมที่บอกกับไอ้จ้อนก่อนจะชันตัวลุกออกจากหน้าจอคอม เพื่อที่จะไปอาบน้ำ..

‘โด้ว..อะไรวะ จู๋เซง..’ไอ้จ้อนที่ส่งเสียงออกมา และพอได้ยินแบบนั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ไอ้ที่แปลกคือผมสามารถคุยกับคนอื่นได้..

จากครั้งล่าสุดที่ผมจำความได้ ผมนั้นก็เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ภายในคอนโด รู้สึกตัวอีกทีก็กลายเป็นนีทที่กลัวสังคมไปซะแล้ว ขนาดจะกินข้าวยังต้องใช้บริการส่งถึงหน้าคอนโด หรือจะพูดง่ายๆผมคือศูนย์รวมของทุกอาการทางจิต..

ไม่ชั่วโมงกี่ต่อมา..

หลังจากที่ผมจัดแจงตัวเองจนเสร็จ ผมก็ได้รวบรวมความกล้าที่จะออกไปเดินหางานทำ โดยตัวของผมนั้นอาศัยอยู่ในระแวกย่านเริงรมในจังหวัดแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับทะเล

“อะ..อึก..”ผมในตอนนี้กำลังเดินก้มหน้าอยู่บนถนนแห่งหนึ่งเต็มไปด้วยผู้คนที่แออัดและพลุกพล่าน ทั้งสองฝั่งของถนนมีสถานบันเทิงต่างๆมากมายที่เปิดดนตรีเสียงดังกระหึ่ม..

‘แกจะประหม่าอะไรนักหนาว่ะ ยืดอกเดินให้มันหลังตรงๆหน่อย สภาพแบบนี้เหรอจะไปสมัครงาน หมาเห็นหมายังเมินเลย..’

เสียงของไอ้จ้อนที่บอกกับผมราวกับว่าตัวของมันเองมีประสบการณ์ผ่านโลกนี้มาอย่างโชกโชด ทั้งๆที่ตั้งแต่จำความได้มันก็อยู่กับตัวของผมมาโดยตลอด และไม่น่าที่จะถอดตัวเองออกไปเดินเล่นไปไหนมาไหนได้..

ผลัก..!!

ตุบ..!!

แต่แล้วด้วยความไม่ระวังมันก็ทำให้ผมเดินชนเข้ากับใครบางคนจนล้มก้นจ้ำเบ้า..

“คุณครับเป็นอะไรหรือเปล่า..?”เสียงของชายหนุ่มคู่กรณีที่เอ่ยถามผมอย่างสุภาพ พลางเอื้อมมือออกมาทางผม ซึ่งเมื่อผมเงยหน้าขึ้นสิ่งที่พบก็คือผู้ชายที่แต่งตัวดูดี เขาสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว อีกทั้งยังมีสูทที่พาดเอาไว้บนแขน..

“หืม.. สตาร์..?”

ผมที่ชะงักไปชั่วขณะจากเสียงทักของชายตรงหน้า ซึ่งเมื่อผมจ้องไปที่หน้าของอีกฝ่ายดีๆ มันก็ทำให้ดวงตาของผมพลันต้องเบิกกว้าง..

“แมน..?”ผมที่กล่าวออกมา ร่างกายของผมในตอนนี้กำลังสั่นระรัว..

“กะแล้วเชียวเป็นมึงจริงๆด้วย..”แมนที่ตอบกลับ มือที่เอื้อมจะมาช่วยพยุงของผมในตอนแรกพลันชักกลับไปปัดเสื้อเชิ้ตของตัวเอง..

‘หืม..? อืม..~’เสียงของไอ้จ้อนที่ดังออกมาเหมือนกับว่ามันกำลังนึกคิดอะไรบางอย่าง..

“ดูสภาพมึงตอนนี้ดิ กูล่ะยากจะขำให้ฟันร่วงเลยว่ะ..”

ฟุบ..!!!

ในขณะที่ไอ้แมนกำลังพูด ผมที่นั่งอยู่บนพื้นก็รีบชันตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะวิ่งหนีอย่างเร็ว ใครจะไปนั่งฟังมันดูถูกกันล่ะ

“อะ..อ้าวเฮ้ย..”แมนที่ส่งเสียงตะโกนไล่หลังมา แต่มันก็ไม่ได้คิดที่จะวิ่งตาม ร่างของผมในตอนนี้กำลังวิ่งหนีเข้าไปในฝูงคนที่แออัด ระหว่างทางก็ชนใครต่อใครกว่าหลายครั้ง ก่อนที่สุดท้ายผมจะวิ่งหนีออกมาจากย่านเริงรมสู่ฟุตบาตริมถนนที่อยู่ติดกับชายหาด..

‘อ้อ..นึกออกแล้ว ไอ้คนเมื่อกี้คือไอ้..’

“หุบปาก..!!”ผมที่ตะโกนออกมา ทำให้ผู้คนที่เดินอยู่บนฟุตบาทต่างพากันหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน..

“อึก..”ผมที่รีบก้มหน้า ก่อนจะจัดผมให้ลงมาปรกตาของตัวเอง ผมยังพอคุยกับคนอื่นได้ แต่ขอเพียงแค่ไม่ต้องสบตาตรงๆ..

เหตุผลที่ทำไมผมต้องวิ่งหนีไอ้แมนเป็นเพราะว่ามันทำให้อาการทางจิตของผมเหมือนจะกำเริบ ถ้าไม่วิ่งออกมาผมคงจะแหกปากร้องตะโกนเหมือนกับคนเสียสติ..

นั่นก็เพราะไอ้แมนคือเพื่อนสมัยมัธยมของผม และเป็นคนๆเดียวกันกับคนที่แอบไปมีอะไรกับผู้หญิงที่ผมแอบชอบ..

“กะ..กลับดีกว่า..”ผมที่ตัดสินใจ หลังจากที่วิ่งฝ่าฝูงชนและแสงสีดนตรีที่ดังกระหึ่ม มันก็ทำให้ผมเริ่มที่จะตาลายและหายใจไม่ออก..

‘เป็นอะไรอีกวะ อย่าปอดแหกดิ..’เสียงของไอ้จ้อนที่พยายามพูดให้กำลังใจผม มันเป็นเพียงคนเดียวที่ผมพอจะพูดคุยด้วยได้..

“เอาเถอะวันนี้กลับกันก่อน ฉันไม่ไหวจริงๆ..”ผมที่บอกกับไอ้จ้อน..

‘เงินเหลืออยู่แค่ 9,500 อีกไม่นานแกจะอดตายเอานะ อย่างน้อยๆก็ลองหาสมัครงานร้านอาหารแถวนี้ดูก่อนเถอะ..’ไอ้จ้อนที่ให้คำแนะนำ เดี๋ยว..ทำไมมันดูฉลาดเหมือนคนกันฟะ..

“พี่ๆเที่ยวไหมคะ..?”

แต่แล้วในขณะที่ผมกำลังสาดส่องสายตาผ่านเส้นผมที่ปรกตา จู่ๆก็มีสาวในชุดนักศึกษาที่ยืนอยู่ข้างทางเอ่ยปากถามผม..

“ทะ..เที่ยว..?”ผมที่ชะงักไปชั่วขณะ ไม่ใช่เพราะตกใจที่จู่ๆก็มีผู้หญิงมาชวนเที่ยว หากแต่เป็นเพราะทันทีที่ได้เห็นใบหน้าของสาวคนนี้ชัดๆ มันก็ทำให้ผมถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

“ไอซ์..?”ผมที่เรียกชื่อของผู้หญิงตรงหน้า แม้ว่าเธอจะดูเปลี่ยนไป แต่ผมก็จดจำใบหน้าของเธอได้เป็นอย่างดี เธอเป็นผู้หญิงที่สวย แม้แต่ตอนนี้ก็ยังสวย 

ซึ่งผู้หญิงคนนี้อันที่จริงแล้วก็คือผู้หญิงที่ผมเคยแอบชอบเมื่อสมัยที่เรียนมัธยม และก็เป็นคนๆเดียวกันกับที่ไปมีอะไรกับไอ้แมนบนโต๊ะหลังเลิกเรียน วันนี้แม่งเป็นวันอะไรวะเนี่ย..? วันจี้ปมแห่งชาติเหรอ

“หืม..? เดี๋ยวนะ..?”ไอซ์ที่ชะงักไป เธอพยายามเพ็งสายตามองผม ก่อนที่จู่ๆเธอจะเดินเข้ามาเอามือเสยผมที่ปรกตาของผมขึ้น แต่จะว่าไปทำไมเธอถึงใส่ชุดนักศึกษากันล่ะ..?

“อึก..นึกว่าใครที่แท้ก็ไอ้… สตาร์ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ..”

อะไรนะ..? เมื่อกี้ถ้าหูผมไม่ได้ฝาดไปใช่ไหม ยัยไอซ์เหมือนกำลังจะด่าผม แต่จู่ๆเธอก็รีบเปลี่ยนท่าทีอย่างไว..

“อะ..อืม..”ผมที่ตอบกลับอย่างตะกุกตะกัก..

“ไม่เจอกันนานเลย นายดูโทรมขึ้นนะ มาเที่ยวอ่อ..?”ไอซ์ที่ถามอย่างยิ้มๆ..พอเธอรู้ว่าเป็นผม เธอก็เปลี่ยนท่าทีไป แต่มันก็แปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกประหม่าอะไรมากมาย ทั้งๆที่ปกติผมน่าจะเอาแต่ยืนตัวแข็งพูดอะไรไม่ออก และยิ่งเป็นผู้หญิงที่เคยแอบชอบด้วยแล้ว..

‘อู้ว..~ ดูหนองโพทรงโตนั่นสิ นึกว่าใครที่แท้ก็รักแรกนี่เอง..~.’เสียงของไอ้จ้อนที่ร้องออกมาอย่างกระตู้วู้ พร้อมกับเบ่งพลังขยายร่าง..

“หืม..?”ไอซ์ที่หรี่ตาลง พร้อมกับจ้องมอง คงไม่ต้องบอกนะว่าเธอกำลังมองตรงส่วนไหน..

“มาเที่ยวจริงๆด้วย ถ้างั้นก็..”

หมับ..!

“ฮะ..เฮ้ย เดี๋ยว..”ผมที่ร้องออกมา เมื่อจู่ๆไอซ์ก็เข้ามากระชากแขนของผม จนผมที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเกือบจะเซล้มลง..

“วันนี้ฉันเองก็รู้สึกเบื่อๆอยู่พอดี เห็นแก่ที่เราเคยรู้จักกัน นายออกแค่ค่าห้องอย่างเดียวก็พอ..”ไอซ์ที่หันมากล่าวกับผมด้วยรอยยิ้ม..

‘ประเสริฐที่สุด แม่พระมาโปรด..’ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมาราวกับพบแสงสว่าง..

กึก..

“ดะ..เดี๋ยวสิ คิดจะทำอะไรของเธอน่ะ..?”ผมที่หยุดชะงักและไม่เดินไปตามแรงดึง เมื่อไอซ์เห็นเช่นนั้นก็หันมามองผมด้วยสีหน้าสงสัย..

‘ทำบ้าอะไรของเอ็งฟะ..?! สตาร์ได้โปรดเถอะ นานแล้วนะที่พวกเราไม่ได้ง้าบสาว..’ไอ้จ้อนที่ร้องโวยวายออกมา..

‘พูดบ้าอะไรของแก..? นานเนินอะไร เราเคยง้าบสาวที่ไหนล่ะ แกก็น่าจะรู้ว่าพวกเราน่ะ..’ผมที่กล่าวออกมา ก่อนจะกัดเมมริมฝีปากด้วยความเจ็บปวด..

‘ยังซิงอยู่..!’

‘หืม..? เออว่ะ..พวกเรายัง..ซะ..ซิ..ง..?’ไอ้จ้อนที่กล่าวแบบติดๆขัดๆดูเหมือนว่ามันกำลังสับสนอะไรบางอย่าง..

“อะไรของนาย สรุปจะไปไม่ไป..?”ไอซ์ที่เอ่ยถาม และมันก็ทำให้ผมต้องชะงักอีกครั้ง..

‘ไปซิ..ไป สะ..สตาร์ ใจเย็นๆนะ หายใจเข้าลึกๆ นี่คือโอกาสที่พวกเราจะได้สละซิง แกอย่าทำอะไรวู่วามนะ..’ไอ้จ้อนที่พยายามเกลี่ยกล่อม สถานการณ์ในตอนนี้มันคงคล้ายๆกับผมกำลังเอามีดจี้คอใครสักคนอยู่..

‘ไม่..บะ..แบบนี้มันไม่ถูก ยัยนี่เคยหักอกฉัน ถึงจะตกต่ำสักแค่ไหน ฉันก็ไม่มีทางที่จะ..’

หลังจากนั้น..

ซ่า..~

‘วู้วหู้ว..~ ป้าบ ป้าบ..’

เสียงของน้ำจากฝักบัวที่ไหลอยู่ภายในห้องน้ำ ตอนนี้ตัวของผมกำลังนั่งอยู่บนเตียงนอนภายในห้องพักของโรงแรม ท่ามกลางเสียงของไอ้จ้อนที่กำลังกู่ร้องด้วยความดีใจ..

ไหงเป็นงี้..รู้สึกตัวอีกทีก็เหมือนกับไบโพลาร์กำเริบ พ่วงมาด้วยอาการย่ำคิดย่ำทำ..

“เสร็จแล้ว..~”ร่างของไอซ์ที่เดินนุ่งผ้าขนหนูออกมาจากภายในห้องน้ำ ก่อนที่เธอจะเดินอ้อมขึ้นไปนอนลงบนเตียง..

ภาพที่ปรากฏถึงกับทำให้ผมนี่ยืนขึ้นเลยครับ ผมค่อยๆหันหน้ากลับไปมองไอซ์ ก่อนจะพบว่าเธอกำลังนอนนิ่งไม่ขยับ..

“เป็นอะไรไป ขึ้นมาบนเตียงสิ..”ไอซ์ที่กระดิกนิ้วเชื้อเชิญ ซึ่งผมที่ยืนอยู่ก็ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ..

‘ไปเลย..!!!!! อิเค๊..!!!’เสียงของไอ้จ้อนที่ตะโกนออกมา นี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน ผมก็แค่จะออกมาหางานทำ แต่ไหงมันถึงได้มาลงเอยแบบนี้..

‘สตาร์..กูกราบล่ะ อย่าให้ต้องหยาบ ขึ้นไป๊..!!’เสียงของไอ้จ้อนที่ยังคงตะโกนดังอย่างต่อเนื่อง แต่แล้วเมื่อสายตาของผมเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ภายใต้ผ้าขนหนูของไอซ์ อะดีนาลีนภายในร่างของผมก็พุ่งกระฉูด สติของผมจู่ๆก็เหมือนจะวูบดับ ก่อนที่หลังจากนั้นร่างกายของผมจะขยับเคลื่อนไหวไปเอง..

ฟุบ..!

ร่างของผมที่คลานเข่าขึ้นมาบนเตียงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตรงเข้าไปหาไอซ์ แต่คลานไปไม่ทันไร จู่ๆผมก็ต้องหยุดชะงัก..

‘นะ..นี่น่ะเหรอ อะ..ไอ้นั่น..?’ผมที่เอ่ยถามกับตัวเอง สายตาก็พลางจ้องมองไปยังบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ตรงหน้าซึ่งมันไม่สามารถที่จะบรรยายออกมาแบบตรงๆหรืออ้อมๆได้ สรุปเอาเป็นว่าเราจะเรียกเจ้าสิ่งนั้นว่าไอ้นั่น..! (เพราะจะบินยังไงล่ะ)

‘อืม..ก็ใช่น่ะสิ มันคือไอ้นั่นยังไงล่ะ..!’ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา..

‘ดะ..เดี๋ยวๆ ฉันว่ามันแปลกๆนะ..’

‘อะไรของแกอีกวะ..? ทำอย่างกับไม่เคยเห็นในคลิปไปได้..? จุดธูปไหว้เลยไหมล่ะ..?’ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น..

‘ไม่ๆ ที่ฉันกำลังหมายถึงคือไอ้ตรงนั้นมันมีแสงสีดำด้วยเหรอ..?’ผมที่เอ่ยถามออกมา เมื่อไอ้จ้อนได้ยินก็หยุดชะงักไป จากภาพของหลุมสีดำที่มีลักษณะคล้ายกับก้นหอยที่ปรากฏอยู่ตรงไอ้นั่น..

‘ฮะ..เฮ้ย เชี้ยอะไรวะเนี่..ย..!’

ซูม..!!!!!!!

ยังไม่ทันที่ไอ้จ้อนจะได้พูดอะไร จู่ๆร่างของผมก็ถูกหลุมดำตรงหน้าดูดกลืน มันดูดแขนทั้งข้างของผมเข้าไป..

 

“กรี๊ด..!!!!!!!”ไอซ์ที่กรี๊ดออกมาเสียงดังลั่น 

“เฮ้ย..!!!!!!”เสียงของสตาร์ที่ร้องตะโกนแหกปากออกมา ร่างของชายหนุ่มพยายามจะดึงแขนต้านทานแรงดูด แต่ก็ไม่สามารถจะต้านทานได้ ก่อนที่สุดท้ายแล้วร่างทั้งร่างของชายหนุ่มจะถูกหลุมดำดูดหายเข้าไปข้างในต่อหน้าต่อตาของไอซ์ที่ช็อคจนหมดสติไป

ซึ่งนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของตำนาน หนึ่งทรชนพันธุ์ระยำกับไอ้จ้อนผู้ไร้เทียมทาน..!

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด