Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. 50

Now you are reading Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. Chapter 50 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แสงที่ 50 เซ้าซี้กันจัง..

“ช่วยปล่อยมือออกจากคอเสื้อของผมด้วยครับ..”ผมที่บอกกับเครเซอร์..

“อึก..แก..!”เครเซอร์ที่โกรธจนหน้าดำหน้าแดงและไม่ยอมที่จะปล่อยมือง่ายๆ แถมยังเลื่อนมือที่จับคอเสื้อขึ้นมาบีบคอของผม..

ฟุบ

หมับ..!

ผมที่เห็นท่าไม่ดีจึงเอามีดสั้นที่ซ่อนเอาไว้ออกมาจี้เข้าไปที่ลำคอของเขา..

ชิ้ง..!

“เฮ้ย..แก..!!!”มิลันเซียกับสไปร์สที่ตะโกนออกมา พร้อมกับชันตัวลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นตระหนก..

“หืม..? ใจกล้าไม่เบาหนิไอ้สวะ..! ก็เอาเลยซิ..แกกล้าแทงหรือเปล่..า..”

สึบๆ ๆ..!!!!!!

ยังไม่ทันทีที่เครเซอร์จะได้พูดอะไรจนจบ ผมที่ถูกเขาบีบคอจนขาลอยก็ได้เอามีดสั้นเสียบเข้าไปที่ลำคอของเขาจนมิดด้าม แถมยังแทงซ้ำไปถึงสองแผล ทำให้เขาพลันต้องปล่อยมือออกจากร่างของผม ก่อนจะผงะถอยหลังออกไป..

“อะ..อ่อก นะ..นี่ กะ..แก..”

เครเซอร์ที่เอามือจับลำคอของตัวเองกล่าวออกมาอย่างติดๆขัดๆ เมื่อมีดที่เสียบอยู่ถูกดึงออกไป ก็ทำให้เลือดพุ่งทะลักออกมาจากบาดแผลของเขา..

“เจี๊ยกกกกกก สตาร์แกทำบ้าอะไรวะเนี่ย…!!!!”เสียงของไอ้จ้อนที่กรีดร้องออกมา นี่จู๋จริงปะวะร้องซะเหมือนลิงเลย..

‘หนวกหูน่า แทงไปแค่นั้นไม่ตายหรอก แกจำไม่ได้เหรอว่ายัยนั่นเคยพูดถึงตาลุงนี่อยู่..’ผมที่บอกกับไอ้จ้อน ก่อนหน้านี้ที่อยู่ในทาทารัส ผมเคยได้ยินเรื่องเล่าของเครเซอร์มาอยู่บ้าง เขาคือหนึ่งในทหารเดนตายที่ผ่านมาหลายสมรภูมิโดยไร้ซึ่งบาดแผล..

“ดะ..เดี๋ยวนะ อึกอย่าบอกนะว่า..”ไอ้จ้อนที่ดูเหมือนจะพึ่งนึกออก 

“หนึ่งในเก้ากระทิงแห่งคีทารัส กระทิงอมตะ พลโทเครเซอร์..”ผมที่กล่าวออกมา เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่บาดแผลตรงบริเวณลำคอของเครเซอร์จะถูกรักษาจนหาย ราวกับฮิลลิ่งแฟคเตอร์..

“กรอด..ไอ้เด็กเวร..”เครเซอร์ที่สบถออกมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ..

“ถ้าเป็นพลโทคนอื่นท้า ผมไม่กล้าแทงนะเนี่ย ไม่งั้นมีหวังถูกส่งไปที่ทาทารัสอีกแหงๆ แต่ยังไงก็เถอะ ขอล่ะครับ..ท่านพูดแล้ว ผมหวังว่าท่านจะรักษาคำพูด..”ผมที่กล่าวออกมา ก่อนจะบอกกับเมอรัส..

ฟุบ..!!!!

ชิ้ง..!!!!

ภายในชั่วพริบตาเดียวสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆร่างของมิลันเซียก็วาปมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้า พร้อมกับชี้มีดจ่อจี้เข้าที่คอของผม..

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมถึงกับผงะ ผมนั้นแทบจะไม่ทันได้ตั้งตัวเลย ซึ่งถ้าเกิดว่าเธอต้องการที่จะฆ่าผม หัวของผมก็คงจะถูกตัดจนขาดไปแล้ว..

วิ๊ง..

แต่แล้วผมก็ได้เข้าใจ เมื่อสายตาของผมเหลือบมองไปเห็นวงแหวนเวทสีแดงจำนวนหนึ่งวงที่คล้องอยู่บนแขนของมิลันเซีย ความรวดเร็วของเธอคงจะมาจากการที่เธอเปิดวงจรเวท..

“หยุดอย่าขยับ ไม่อย่างงั้นหัวแกขาดแน่..”มิลันเซียที่บอกกับผม เมื่อเห็นว่าผมกำลังจะขยับหนี..

“อึก..”ผมที่ได้แต่กลืนน้ำลายด้วยความกดดัน จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น..

“ยัยหนูแว่น..ลดอาวุธซะ..”เครเซอร์ที่ยืนก้มหน้าอยู่พลันกล่าวออกมา..

“แต่ว่าท่านคะ..”

“ฉันบอกให้ลดอาวุธก็ลดเถอะ มันก็แค่การทดสอบเท่านั้น เจ้านั่นไม่ถือว่ามีความผิด..”เครเซอร์ที่กล่าวออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะแยกแยะออก 

เมื่อได้ยินแบบนั้นมิลันเซียก็ได้แต่กัดฟันจำใจยอมลดอาวุธ..

“ที่แกกล้าแทงฉันก็เพราะว่าแกรู้ถึงความสามารถเจมิไนท์ของฉันสินะ..?”เครเซอร์ที่เปิดประเด็นเอ่ยถาม ดูเหมือนว่าความสามารถเจมิไนท์ของเขาคือเร่งการฟื้นฟูสินะ..

“ใช่ครับ..มีใครบ้างล่ะที่จะไม่รู้ ถ้าเกิดว่าท่านไม่มีความสามารถนั้นผมก็ไม่กล้าแทงหรอก..”

“ไม่ๆ ถึงต่อให้เป็นคนอื่นฉันว่าแกก็กล้าแทง แต่สิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงคือแกจะกล้าแทงจริงๆ..”เครเซอร์ที่กล่าวออกมา ก่อนจะย่างกายเดินตรงเข้ามาหาผม โดยมิลันเซียที่กำลังยืนขวางทางอยู่ก็รีบเขยิบออกไปทางด้านข้าง..

หมับ..!

“มาเป็นผู้สืบทอดของฉันซะ..”เครเซอร์ที่เดินเข้ามาจับบ่าของผม พร้อมทั้งกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม..

“ขอปฏิเสธครับ..!”ผมที่ปฏิเสธทันควันถึงกับทำให้อีกฝ่ายแทบทรุด..

“เอาน่า..มาเป็นผู้สืบทอดของฉันเถอะแล้วฉันดูแลแกเป็นอย่างดี..”เครเซอร์ที่พยายามเซ้าซี้พลางฝืนยิ้ม..

“ขอปฏิเสธครับ ผมดูแลตัวเองได้..”

“กรอด..มาเป็นเถอะ..”เครเซอร์ที่เริ่มจะกัดฟัน รอยยิ้มของเขาเปลี่ยนกลายเป็นรอยยิ้มสุดเหี้ยม เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็ยิ้มตาหยีส่งคืนไป ก่อนจะให้คำตอบ..

“ไม่ครับ..!”

“แล้วมันเพราะอะไรกันล่ะฟะ..!!!”เครเซอร์ที่หมดความอดทนตะโกนใส่หน้าผมด้วยความหัวร้อน พลางเขย่าร่างของผมรัวๆจนหัวส่ายไปมา..

“ก็เพราะว่าผมผ่านบทสอบได้สำเร็จ ยังไงไม่ก็คือไม่ครับ..”ผมที่ให้เหตุผลและยังคงปฏิเสธหัวชนฝาพลางเบนหน้าไปทางอื่น..

ท่ามกลางสายตาของทุกๆคนที่จ้องมองมา ไม่ว่าใครก็ต่างพากันตกตะลึงจนตาค้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนนี้หนึ่งในเสาหลักเก้ากระทิงแห่งคีทารัสกำลังอ้อนวอนเซ้าซี้ให้พลทหารอย่างผมไปเป็นผู้สืบทอดของเขา..

“หนอย..นี่แก..!”

“อุ๊บ..ฮ่าๆ ๆ เครเซอร์..ยอมรับซะเถอะ เซ้าซี้เป็นเด็กไปได้..”เสียงหัวเราะของเมอรัสที่ดังขึ้น เขาได้กระโดดลงมาสู่ลานประลอง ก่อนจะเดินตรงเข้ามาผมกับเครเซอร์..

“มาอยู่กับฉันเถอะ..!”เครเซอร์ที่หันกลับมาบอกกับผม เขาเปลี่ยนมาใช้วิธีอ้อนวอน อะไรมันจะขนาดนั้น..

“เฮ้อ..ขอโทษจริงๆครับ ตอนนี้ผมยังไม่อยากจะเป็นผู้สืบทอดของใครทั้งนั้น..”

“ตอนนี้..? ถ้างั้นก็แสดงว่าอนาคตแกจะตกลงสินะ..?”เครเซอร์ที่ตีความหมายคำพูดของผม..

“ไม่ล่ะครับ จะตอนนี้ตอนไปไหนก็ไม่อยู่ดี..”ผมที่บอกกับเครเซอร์ เมื่อเขาได้ยินถึงแม้จะรู้สึกไม่พอใจมากแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรผมได้..

“จะว่าไปแล้ว แกถูกใจเจ้านี่ตรงไหนเหรอ..?”เมอรัสที่เอ่ยถามต่อเครเซอร์..

“ถามได้..ก็ถูกใจทุกตรงนั่นแหละ เจ้านี่มันแข็งแกร่ง มันผ่านบททดสอบของฉันทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความสามารถด้านการต่อสู้หรือการตัดสินใจ เจ้านี่ล้วนทำได้ยอดเยี่ยม แต่สิ่งที่ทำให้ฉันถูกใจมันมากที่สุดนั่นก็คือความเลือดเย็นของมัน นี่แหละคือผู้สืบทอดที่ฉันต้องการ เห็นแล้วทำให้นึกถึงตัวเองสมัยหนุ่มๆ..”เครเซอร์ที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะหันขวับมาเซ้าซี้ผมต่อ..

“มาเป็นผู้สืบทอดของฉันเถอะ..”

“ไม่ครับ..”สิ้นคำตอบของผม เครเซอร์ที่ยืนอยู่ก็ถึงกับหน้าแห้งคอตกไปในทันที ดูเหมือนว่าเขาจะจนปัญญาแล้ว..

“อืม..แกคงอยากจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสินะ ฉันเข้าใจ..”เมอรัสที่กล่าวพร้อมกับเดินเข้ามาแตะบ่าของผม..

“เพราะฉะนั้นแล้วฉันนี่แหละคือสิ่งที่ดีที่สุด มาเป็นผู้สืบทอดของฉันเถอะ..”

“อ้าวเอ้ย..! นี่แก..!”เครเซอร์ที่เงยหน้ากลับขึ้นมากู่ร้อง เมื่อเห็นว่าเมอรัสกำลังแอบเนียนคิดที่จะแย้งสิ่งที่เขาหมายตาเอาไว้..

“ก็ไม่อยู่ดีนั่นแหละครับ ท่านก็พึ่งจะแพ้ผมไป..~”ผมที่ตอบกลับเมอรัส ถึงกับทำให้อีกฝ่ายที่ถูกจี้ปมต้องคอตกตามเครเซอร์ไป..

ในขณะเดียวกัน ณ ประตูทางเข้าของสนามสอบแผนกสู้รบ..

“อึก..สัตว์ประหลาด เจ้านั่นมันจะต้องเป็นสัตว์ประหลาดแน่ๆ..”เสียงสบถของเอลิเซียที่ดังออกมา ในตอนนี้ร่างของหญิงสาวกำลังยืนเกาะขอบประตูซ่อนตัวอยู่ที่หลังประตูทางเข้าออกของสนามประลอง พลางชะโงกหน้าออกไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เป็นระยะ..

ซึ่งตั้งแต่ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้น เอลิเซียก็ได้แอบสะกดรอยตามสตาร์กับฮิตเลอร์มา ถึงปากของเธอบอกว่าจะไม่อยากมาด้วย แต่สุดท้ายเธอก็แอบตามมาดูแบบลับๆ

“นั่นสิ..ไอ้เจ้านั่นมันต้องเป็นสัตว์ประหลาดแน่ๆ..”เสียงอีกเสียงที่กล่าวเสริมเอลิเซีย เสียงนั้นดังอยู่เหนือร่างของหญิงสาวที่กำลังเกาะขอบบานประตูอยู่

ซึ่งเมื่อเอลิเซียเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบเข้ากับร่างของใครบางคนที่กำลังซุ้มดูสถานการณ์อยู่กับเธอ..

“ทะ..ท่าน ผะ..ผู้อำนว..ย..อุ๊บ..!”

“ชู่~..”

ในขณะที่เอลิเซียกำลังจะกู่ร้องออกมา เธอก็ได้ถูกร่างของชายคนนั้นเอามือปิดปากเอาไว้ ก่อนที่เขาจะยกนิ้วขึ้นมา พลางส่งสัญญาณให้เธอเงียบ..

ซึ่งร่างที่กำลังแอบซุ้มดูอยู่นั่นก็คือวิลเลี่ยม ก่อนหน้านี้ที่เขาปลีกตัวออกไป เขาก็ตั้งใจว่าจะกลับไปที่ห้องทำงาน แต่สุดท้ายแล้วด้วยความอยากรู้ก็ทำให้เขาอดใจไม่ไหวจนต้องแอบตามมาดู และก็ได้พบเข้ากับผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด..

“อย่าเอะอะไป เข้าใจไหม..?”วิลเลี่ยมที่บอกกับเอลิเซีย เมื่อเธอได้ยินก็พยักหน้า ก่อนที่เขาจะค่อยๆเลื่อนมือออก..

“เมอรัส..! นี่แกคิดจะแย้งผู้สืบทอดของฉันงั้นเหรอ..?”เสียงของเครเซอร์ที่ตะโกนดังออกมา 

“ใครแย่งฟะ..? ฉันเจอมันก่อนแกอีก..!”เมอรัสที่ตะโกนสวนกลับ ในระหว่างนั้นคนทั้งสองก็ต่างแยกเขี้ยวเอาหน้าผากชนกันเข้าห่ำหั่น ท่ามกลางร่างของมิลันเซียที่ทำท่าอยากจะเข้าไปห้ามแต่ก็ไม่สามารถที่จะทำได้..

“เฮ้อ..ถ้างั้นก็ผมไปแล้วนะ..”ผมที่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะเตรียมเดินกลับไปยังบันไดทางขึ้น แต่ทันทีที่หันไปมอง ภาพที่ปรากฏให้เห็นนั่นก็คือร่างของสไปร์สกับฮิตเลอร์ที่กำลังนั่งตาเหลือกกันอยู่..

“เดี๋ยวก่อน..”เสียงของเครเซอร์ที่เรียกขานผม..

“ครับ..?”

“ฉันยังมีเรื่องที่สงสัยอยู่ ทำไมเมื่อกี้แกถึงไม่เปิดวงจร แกกำลังดูถูกฉันอยู่อย่างงั้นเหรอ..?”เครเซอร์ที่เอ่ยถามกับผม เขาคงจะรู้สึกติดใจกับเรื่องนี้ไม่ใช่น้อย..

“เปล่าครับ..ผมก็แค่ไม่อยากจะฆ่าตัวตาย เงื่อนไขเอมพาสของผมมันไม่เหมือนกับชาวบ้านชาวเขาก็เท่านั้น..”ผมที่ตอบกลับ พอทุกๆคนได้ยินก็ต่างขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ ส่วนทางด้านของสไปร์สก็ถึงกับหน้าถอดสี 

“เงื่อนไขเอมพาสของแกมันคืออะไร..?”เครเซอร์ที่เอ่ยถาม..

“นั่นสิ..”เมอรัสที่กล่าวเสริม เขาเองก็อยากที่จะรู้เหมือนกัน

“มันคือ..”ผมที่กล่าวออกมา เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่สไปร์สจะชันตัวลุกขึ้นยืน สีหน้าของเธอในตอนนี้กำลังแดงก่ำ อีกทั้งยังดูกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก..

“ความลับสุดยอดครับ..”ผมที่ให้คำตอบกับเครเซอร์และเมอรัส เมื่อคนทั้งสองได้ยินก็พากันกระพริบทำตาปริบๆ..

“แล้วมันคืออะไรล่ะวะ..?!”เครเซอร์กับเมอรัสที่ตะโกนออกมาด้วยความหัวร้อน..

“พยัคฆ์น่ะมันไม่เผยจุดอ่อนให้ศัตรูรู้หรอกนะ ในเมื่อจบการทดสอบแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ..”ผมที่กล่าวคำพูดทิ้งท้ายเอาไว้ ก่อนจะตัดบทพลโททั้งสองและรีบชิ่งออกไปในทันที..

 

“อ่อ..ยังมีอยู่อีกวิธีนะครับ ถ้าใครทำได้ผมก็จะไปเป็นผู้สืบทอดของคนนั้น..”ผมที่ฉุกคิดขึ้นมาได้พลันหันไปกล่าวกับทั้งสอง เมื่อเมอรัสกับเครเซอร์ได้ยินก็ต่างหันขวับมามองยังทิศทางของผม

 

“ว่ามา..!!”

 

“ย้อนเวลาแล้วกลับไปเอาชนะผมให้ได้ ฮ่าๆ..”ผมที่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนไปขอกวนประสาทคนสักหน่อยก็ไม่เลว..

“กรอด..!”เสียงกัดฟันของเครเซอร์และเมอรัสที่ดังออกมา ก่อนที่คนทั้งสองจะสบถออกมาพร้อมกันว่า..

“ก่อนวันเลือกหน่วย ฉันจะต้องเอามันมาเป็นผู้สืบทอดให้ได้..!”เครเซอร์กับเมอรัสที่กล่าวออกมา เมื่อพูดจบพวกเขาก็พากันนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะหันมามองหน้ากัน..

“มันจะต้องเป็นผู้สืบทอดของฉันเว้ย..!”

“ตลกเถอะของฉันต่างหาก..!”

“นี่แกจะเอาใช่ไหม เดี๋ยวซัดเปรี้ยงเลยนี่..?”

“แน่จริงก็มาสู้กันสักกระดานสิฟะ ไอ้พวกสมองกล้ามดีแต่จะใช้แต่กำลัง..!”

เสียงของเครเซอร์กับเมอรัสที่เริ่มจะทะเลาะกันอีกครั้ง เฮ้อ..ชักน่ารำคาญแล้วสิแบบนี้ ดูเหมือนจะเล่นใหญ่เกินไปหน่อย..

“กลับหอกันเถอะ ฉันหิวแล้ว..”ผมที่หันไปบอกกับฮิตเลอร์ที่กำลังนั่งช็อคจนสติหลุดลอย..

“อะ..เออคือ คะ..ครับ..”ฮิตเลอร์ที่ดึงสติกลับมาได้พลันชันตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินเข้ามาหาผม..

“อ้อ..อาจารย์ ขอบคุณมากนะครับ ถึงจะเป็นเพียงแค่หนึ่งวันสั้นๆ แต่ผมก็ได้เรียนรู้อะไรจากคุณไปเยอะเลย..”ผมที่หันไปกล่าวกับสไปร์ส เพราะนับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ผมก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปเข้าห้องเรียนแล้ว..

“อะ..อึก สตาร์..แกทำได้ยังไงกัน..?”สไปร์สที่เอ่ยถามผม เธอเองก็ยังคงอึ้งไม่หาย..

“ก็เพราะอาจารย์นั่นแหละ ถ้าผมไม่ได้คุณช่วยเอาไว้เมื่อวาน ผมก็จะคงตายไปแล้วและคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ต่อจากนี้ก็คอยมองดูอนาคตของผมเอาไว้นะครับ..”ผมที่บอกกับสไปร์ส พอเธอได้ยินก็เบิกดวงตากว้างขึ้น ก่อนจะคลี่รอยยิ้มออกมาจางๆ..

“แล้วฉันรอดูนะ..”

สิ้นคำตอบของสไปร์ส ผมก็เตรียมที่จะเดินออกจากสนามสอบแห่งนี้ เพื่อที่จะกลับไปยังหอพัก แต่ทว่า..

“เอ๋..จะว่าไปแล้วก่อนหน้านี้มีคนไม่อยากจะมาเชียร์ฉัน แต่ทำไมถึงได้แอบอยู่ที่นี่กันน้า..~”ผมที่กล่าวออกมา อันที่จริงก็สังเกตเห็นมาตั้งนานแล้วล่ะว่ามันมีอะไรผลุบๆโผล่ๆอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า..

“อะ..อึก..”ร่างของเอลิเซียที่เดินออกมา ใบหน้าของเธอกำลังแดงก่ำ ผสานกับคิ้วที่ขมวดแน่น ส่วนวิลเลี่ยมก็ได้ปลีกตัวกลับไปแล้ว..

“เอลิเซีย..”ฮิตเลอร์ที่กล่าวออกมา..

“อะ..อย่าได้เข้าใจผิดนะ ฉะ..ฉันก็แค่กะจะแวะมาถามว่าเย็นนี้จะกินอะไรก็เท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจว่าจะมาเชียร์หรืออะไรเลยสักนิด..”เอลิเซียที่กล่าวออกมาอย่างติดๆขัดๆ..

“ตั้ลลาค..~ ซึนเดเระแหละ..~”เสียงของไอ้จ้อนที่กู่ร้องออกมา..

“งั้นเหรอ..? เย็นนี้ฉันอยากกินเธออ่ะ..”

“ห้ะ..!? อะ..อึก นะ..นี่นาย..!”เอลิเซียที่ผงะหน้าแดงก่ำ วันนี้ทั้งวันเธอคงจะหวั่นไหวกับผมไปหลายครั้ง ถึงเธอจะยังไม่ได้ชอบผมก็ตาม เพราะเท่าที่เห็นเธอกำลังอยู่ในสภาวะทำใจหลังจากที่พึ่งจะอกหักจากฮิตเลอร์มา..

“ฮ่าๆ พูดเล่นๆ เธอทำอะไรฉันก็กินหมดแหละ..”ผมที่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา พอเอลิเซียได้ยินก็โกรธจนหน้าดำหน้าแดง..

“ขอโทษนะ..ที่ก่อนหน้านี้ฉันล่วงเกินเธอไป..”ผมที่บอกกับเอลิเซีย เธอที่ได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไป ก่อนจะเบนหน้าไปทางอื่น..

“นั่นมันจูบแรกของฉันนะ ไอ้เจ้าบ้า..”เอลิเซียที่บ่นอุบอิบออกมา ก่อนที่เธอจะบอกกับผมว่า “แค่อย่ามีอีกก็พ..อ..”

“เอาไว้รอบหน้าฉันจะให้เธอได้ตั้งตัวก่อน..”

ผมที่กล่าวแทรกเอลิเซีย พอเธอได้ยินแก้มทั้งสองข้างก็ค่อยๆแดงเหมือนกับปรอท

“นี่นาย..!!!”

“ฮ่าๆ กลับหอกันเถอะ..”ผมที่หัวเราะออกมา ส่วนเอลิเซียก็ได้แต่ถลึงตามองผม แม้ว่าเธอจะฉวยโอกาสลอบเข้ามาชกผมในช่วงจังหวะที่ผมเดินผ่าน แต่สุดท้ายผมก็สามารถที่จะโยกตัวหลบได้ 

“อย่าหลบสิยะ..!”

และในวันนี้ผมก็สามารถที่จะทำตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ได้สำเร็จอย่างงดงาม อีกไม่นานผมก็จะได้สังกัดเข้ากองทัพ และจะดำเนินการตามเป้าหมายต่อไปที่ได้วางเอาไว้..

ครึ่งชั่วโมงต่อมา..

ณ ห้องพัก..

“เมื่อกี้เธอว่ายังไงนะ..!!!!”

ปัง..!!

ผมที่ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น พร้อมกับชันตัวลุกขึ้นยืนฟาดฝ่ามือลงไปบนโต๊ะอาหาร เมื่อได้รับรู้อะไรบางอย่างจากฮิตเลอร์..

“ไม่เห็นจะต้องตกใจขนาดนั้นเลย ไอ้เจ้าบ้านี่..!”เอลิเซียที่สบถออกมาด้วยความหัวเสีย ในขณะที่เธอกำลังลงมือหั่นสเต็ก..

“ไม่ตกใจบ้านเธอสิ นี่ฉันจะต้องทนอยู่ที่นี่ไปอีก 6 เดือนเนี่ยนะ..?!”ผมที่กู่ร้องออกมา ซึ่งผมก็พึ่งจะได้มารู้จากฮิตเลอร์เอาตอนนี้ว่าถึงต่อให้จะจบหลักสูตรไปแล้ว แต่การจะจำแนกเข้าหน่วยจำเป็นที่จะต้องรอจนกว่าจะถึงช่วงกลางเทอม..

“ฉันว่าดีออกจะตายไป อย่างน้อยๆก่อนเข้าหน่วย พวกเรายังมีเวลาว่างที่จะใช้ทบทวนกลยุทธ์..”เอลิเซียที่กล่าวออกมา..

“ใช่..คิดในแง่ดี พวกเรายังมีเวลาสร้างความสัมพันธ์กับพวกเธอ เผลอๆอาจจะได้กินแซนด์วิชด้วย..”เสียงของไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา แม่งเอ้ย..ถ้างอกจู๋ได้ใหม่ ผมจะตัดแม่งให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

“ไม่ดีเว้ย..ฉันไม่อยากจะทนอยู่ในสนามเด็กเล่นเวรนี่อีกแล้ว ฉันอยากเข้ากองทัพ..!”ผมที่กล่าวออกมาและเริ่มจะสติแตก..

“ทำไมคุณสตาร์ถึงอยากจะรีบเข้ากองทัพขนาดนั้นล่ะ..?”ฮิตเลอร์ที่เอ่ยถามผม..

“เพราะฉันอยากจะพัฒนาเอมพาสยังไงล่ะ..อยู่ที่นี่ฉันทำไม่ได้..”ผมที่ตอบกลับฮิตเลอร์ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่เหตุผลส่วนหนึ่ง..

“พัฒนาเอมพาส..? จะว่าไปแล้วเงื่อนไขเอมพาสของคุณสตาร์คืออะไรเหรอ..? ถ้ามีเงื่อนไขเอมพาสแบบเฉพาะก็แสดงว่าเอมพาสของคุณจะต้องเป็นเอมพาสระดับ 2 หรือไม่ก็ระดับ 3 สินะ..”ฮิตเลอร์ที่เอ่ยถามออกมา อึก..เวรแล้วไงจะให้บอกไปตรงๆมีหวังถูกมองด้วยสายตาขยะแขยงแหงๆ..

ซึ่งก็เพราะแบบนี้แหละที่ทำให้ผมอยากจะเข้ากองทัพและออกทำภารกิจ การอยู่ที่นี่มันวางแผนหลอกผู้หญิงมาอัพระดับดาวไม่ได้ เพราะมันไม่มีสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่จะใช้มาเป็นข้ออ้าง..

“ความลับ..”ผมที่ตอบกลับฮิตเลอร์..

“ความลับเหรอ..? นี่นายไม่ไว้ใจพวกเราหรือยังไง..? ทั้งๆที่พวกเราก็อยู่กลุ่มเดียวกัน..”เอลิเซียที่กล่าวออกมา..

“นี่..เอลิเซีย เรื่องบางเรื่องมันควรจะเก็บเอาไว้เป็นความลับจะดีที่สุดนะ เพราะถ้าเกิดฉันบอกไป มันจะทำให้ความไว้ใจของพวกเธอที่มีต่อฉันต้องสูญสลายหายไป..”ผมที่บอกกับเอลิเซียและฮิตเลอร์ ถึงกับทำให้คนทั้งสองต่างพากันสะอึก..

“เราว่ามันไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก ยังไงเราก็ไว้ใจคุณสตาร์..”ฮิตเลอร์ที่กล่าวออกมา ถึงมันจะเข้าทางก็เถอะ แต่ไหงกับพวกใสซื่อบริสุทธิ์ผมถึงไม่อยากจะทำกันนะ

“สำหรับฉัน ปกติฉันเองก็ไม่เคยไว้ใจนายอยู่แล้ว จะรู้ไม่รู้ก็คงมีค่าเท่ากัน..”เอลิเซียที่กล่าวออกมาด้วยอีกคน เยี่ยมค่าความสัมพันธ์ดีจัดเลย..~

“เฮ้อ..ฉันขอไม่บอกละกัน..”

“อะ..อึก..!×2″เอลิเซียกับฮิตเลอร์ที่ถึงกับสะอึก ยัยสองคนนี้พากันจ้องหน้าของผมตาเขม็ง สีหน้าที่แสดงออกมาบ่งบอกให้เห็นว่าพวกเธออยากที่จะรู้ความลับนี้แบบสุดๆ..

‘แม่งเอ้ย..อีกตั้ง 6 เดือน ไม่ได้การฉันคงต้องหาทางทำอะไรสักอย่างแล้ว ไม่แน่ว่ายัยสองคนนี้..’ผมที่ครุ่นคิดอย่างเซงๆ จะให้กลับไปหาอาจารย์สไปร์สก็กะไรอยู่ คงมีแต่ต้อง..

“เราอยากรู้ง่ะ บอกมาเถอะนะ..”ฮิตเลอร์ที่จับชายเสื้อของผม พลางแหงนหน้ามองด้วยแววตาที่กำลังอ้อนวอน 

“ก็ไม่ได้อยากรู้หรอกนะ แต่ถ้านายไม่บอก แสดงว่าตัวของนายเองนั่นแหละที่ไม่เชื่อใจพวกเรา..”เอลิเซียที่กล่าวออกมา..

 

“ใช่..ครั้งล่าสุดที่เชื่อใจใคร ฉันได้สูญเสียดวงตาไปสองข้าง จนต้องเอาผมลงมาปรกตาแบบนี้..!”

 

“แซนด์วิช แซนด์วิช แซนด์วิช..!!”เสียงของไอ้จ้อนที่กู่ร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง วันนี้แม่งเป็นวันอะไรวะ เจอแต่พวกชอบเซ้าซี้..

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด