Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. 16

Now you are reading Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. Chapter 16 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แสงที่ 16 ความปรารถนาดีของผู้บังคับบัญชา

หลังจากที่สตาร์หมดสติไปเจมิสก็อธิบายเกี่ยวกับพลังของชายหนุ่มให้ซิลเวียได้รับรู้ ซึ่งมันก็ได้สร้างความวิตกให้แก่อีกฝ่ายเป็นอย่างมาก จนเกิดเป็นความกังวลกลัวว่าพลังของเขาจะสงบลงในระหว่างที่กำลังทำภารกิจ..

แต่ถึงอย่างนั้นแล้วด้วยแผนการที่เพอร์เฟคของสตาร์ ถึงต่อให้ภารกิจนี้จะไม่มีเขา ซิลเวียก็อยากจะลองเดิมพันกับมันดูสักครั้ง..

4 ชั่วโมงต่อมา..

หลังจากที่ซิลเวียกับเจมิสทบทวนแผนการของสตาร์จนมั่นใจ คนทั้งสองก็ได้สั่งเรียกรวมพล ก่อนจะเคลื่อนกำลังพลมุ่งหน้าสู่เนินที่ราบสูง 

ซึ่งการเคลื่อนพล..เท่าที่ซิลเวียได้พิจารณาจากแผนการของสตาร์ดูแล้ว เธอจึงตัดสินใจที่จะไม่ใช้ม้าเป็นพาหนะ และให้ทหารทุกนายเดินเท้าไป..

โดยภารกิจในครั้งนี้มันได้สร้างความกดดันให้แก่เหล่าทหารทั้งกองร้อยเป็นอย่างมาก เมื่อรู้ว่าจะต้องเข้าปะทะกับกองร้อยของศัตรูที่มีกำลังพลที่เหนือกว่า

แต่ถึงอย่างนั้นขวัญและกำลังใจของทุกๆคนก็ได้ถูกกู้คืนกลับมา เมื่อเห็นว่าผู้บัญชาการอย่างซิลเวียได้ลงมาบัญชาการภารกิจในครั้งนี้ด้วยตัวเอง อีกทั้งยังมีวีรบุรุษอย่างเจมิสที่ทหารทุกๆนายต่างเข้าใจผิดคิดว่าเธอคือผู้ที่สามารถเอาชนะกองกำลังของข้าศึกได้ด้วยตัวเพียงคนเดียวเมื่อวันก่อน นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้ทหารทั้งกองร้อยต่างพากันรู้สึกฮึกเหิม..

ซึ่งก่อนที่กองร้อยของเอลเดียจะเคลื่อนพลมาถึงเนินที่ราบสูง ซิลเวียก็ได้ส่งเจมิสให้ลองเข้าไปตรวจสอบดูลาดเลาว่ามีทหารของเมลันเทียที่ถูกส่งให้มาตรวจสอบพื้นที่อยู่บนที่ราบสูงหรือไม่..

โดยที่เจมิสเองก็ได้เข้าไปตรวจสอบ ก่อนจะพบเข้ากับทหารของเมลันเทียจำนวนสามนายที่ถูกส่งมาจากป้อมปราการ ดูเหมือนว่าพวกมันจะถูกส่งให้มาตรวจสอบภารกิจของซาเมล..

และหลังจากที่พวกทหารได้รับรู้ว่ากองร้อยของซาเมลได้ถูกกวาดล้างไปจนหมดสิ้น ทหารหน่วยสอดแนมของเมลันเทียทั้งสามนายก็ได้รีบเร่งนำเรื่องนี้กลับไปรายงานให้ผู้บัญชาการของมันได้รับรู้

ซึ่งเมื่อเจมิสเห็นว่าทหารของศัตรูได้จากไปแล้ว เธอจึงนำเรื่องนี้กลับมารายงานต่อซิลเวีย ก่อนที่อีกฝ่ายจะสั่งให้กองร้อยเคลื่อนพลมุ่งหน้าขึ้นไปสู่จุดหมาย จนกระทั่งท้ายที่สุดกองร้อยของเอลเดียก็สามารถที่จะขึ้นมาปักหลักยังบนเนินที่ราบสูงได้จนสำเร็จ..

ณ บนเนินที่ราบสูง..

ภายในป่าที่รกทึบ ภาพที่ปรากฏให้เห็นอยู่คือกองกำลังของเอลเดียที่ปักหลักชั่วคราว โดยซิลเวียได้สั่งให้ทหารบางส่วนกระจายกำลังกันเพื่อเฝ้าสังเกตการอยู่รอบๆบริเวณบนเนินที่ราบสูง เพราะกลัวว่าจะมีทหารของเมลันเทียที่ย้อนรอยกลับมาตรวจสอบอีกครั้ง 

อีกทั้งในระหว่างที่กำลังรอ ซิลเวียยังสั่งห้ามไม่ให้ทหารตั้งแคมป์หรือก่อกองไฟ เพราะกลัวว่าควันที่ลอยขึ้นไปบนฟ้าจะทำให้ศัตรูสังเกตเห็น..

ซึ่งบนเนินที่ราบสูงแห่งนี้ เมื่อมองออกไปก็จะสามารถมองเห็นหอคอยของป้อมปราการที่ตั้งอยู่ห่างไกลออกไป แต่ถึงอย่างนั้นก็มองเห็นได้ไม่ชัดนัก ในทางกลับกันที่ยอดหอคอยก็สามารถที่จะมองเห็นเนินแห่งนี้ ซิลเวียจึงต้องกำชับกับทหารและระวังเป็นพิเศษ

มาที่ทางด้านของสตาร์ ตั้งแต่ที่เขาหมดสติไป เจมิสก็ได้ให้ทหาร 2 นายยกร่างของเขาใส่เปสนาม ก่อนจะพาออกเดินทางมายังจุดหมายปลายทาง 

แต่ทว่าแม้เวลาจะผ่านไปนานกว่า 4 ชั่วโมง จนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเข้าสู่ช่วงเวลากลางคืนไปแล้ว แต่สตาร์ก็ยังไม่วี่แววว่าจะฟื้น..

“นี่มันก็สี่ชั่วโมงแล้วนะ..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา เธอกำลังยืนกอดอกอยู่เหนือร่างของสตาร์ที่กำลังนอนหมดสติอยู่ 

โดยที่ทางเบื้องหลังของเธอห่างออกไปไม่ไกลก็ได้ปรากฏให้เห็นเป็นร่างของทหารเกือบทั้งกองร้อยที่กำลังนั่งจัดแถวตอนเรียง 8 แต่ละแถวประกอบไปด้วยทหาร 10 นาย รวมเป็น 80 นาย ส่วนอีก 20 นายที่เหลือก็ได้กระจายกองกำลังไปอยู่รอบๆเนินที่ราบสูงอย่างที่บอกเอาไว้

“เวรเอ้ย..! ฟื้นเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้ตัวปัญหาไร้ประโยชน์ แผนก็แผนของแกลุกกลับขึ้นมารับผิดชอบเดี๋ยวนี้เลยนะ..”เจมิสที่ยืนอยู่เหนือร่างพลันกระชากของเสื้อเขย่าร่างของสตาร์..

“ร้อยตรีเจมิสในระหว่างที่รอเธอไปบอกแผนการกับหัวหน้าหมู่ก่อนเถอะ ถ้าเกิดว่าที่สิบตรีสตาร์ฟื้นเมื่อไหร่ เราก็จะเริ่มภารกิจเลย..”ซิลเวียที่บอกกับเจมิส..

“รับทราบค่ะท่าน..”เจมิสที่ขานรับ ก่อนจะปล่อยร่างของสตาร์และเดินฟึดฟัดจากไป เธอดูเหมือนจะหงุดหงิดไม่ใช่น้อย..

“อืม..”ซิลเวียที่ยกฝ่ามือขึ้นมาชายคาง เธอเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบาง ก่อนที่ต่อจากนั้นเธอจะค่อยๆย่อตัวลงไปยังร่างของสตาร์

“นี่..ว่าที่สิบตรีสตาร์..”ซิลเวียที่ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของสตาร์ แต่ทว่าชายหนุ่มก็ยังไม่ฟื้น 

เมื่อเห็นดังนั้นซิลเวียจึงอยากจะทดลองอะไรบางอย่าง เธอพลันหันไปมองยังเจมิสอยู่ขณะ เพื่อตรวจสอบว่าอีกฝ่ายมองมาทางนี้หรือเปล่า

และทันทีที่ซิลเวียเห็นว่าเจมิสกำลังจดจ่ออยู่กับการบอกแผนการให้เหล่าทหารได้รับรู้ เธอจึงหันหลังให้กลับเจมิสและเหล่าทหาร ก่อนจะจับมือของสตาร์ขึ้นมาแตะสัมผัสที่หน้าอกของเธอ..

ฟุบ..!

ราวกับปาฏิหาริย์ ดวงตาของสตาร์ที่หลับอยู่พลันเบิกลืมขึ้นมา ก่อนจะชำเลืองมองมาที่ซิลเวีย ซึ่งภาพแรกที่เห็นเขาโฟกัสไปที่ใบหน้าของเธอ โดยไม่ทันได้สังเกตว่าตอนนี้มือของเขากำลังจับอยู่ที่ตำแหน่งไหน

[สตาร์]

“คุณเป็นใคร..?”ผมที่เอ่ยถามออกไป ผู้หญิงสวยที่ดูมีอายุคนนี้มานั่งทำอะไรอยู่ข้างๆผมกันนะ แล้วที่นี่มันที่ไหนอีกล่ะ เดี๋ยวนะ.. เฮ้ย..มือๆ..

“ว้าว..รุ่นใหญ่ เฮ้ย..อะไรเนี่ย อู้ว..~~..?”ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา แต่แล้วจู่ๆมันกับผมก็ถึงกับต้องช็อค เมื่อสายตาของผมเลื่อนลง จนได้พบว่ามือของผมในตอนนี้กำลังจับอยู่ที่..หน่มน้มของผู้หญิงตรงหน้า

“อึก..!!”ดวงตาของผมที่เบิกกว้าง ภายในชั่วพริบตาภาพความทรงจำต่างๆมากมายได้ไหลเข้ามาภายในหัวของผม จนกระทั่งความทรงจำได้ถูกปลุกขึ้น..

《ชาร์จพลังงาน 20 หน่วย》

“ทะ..ท่านผู้บัญชาการ ทำไ..ม..”

“ชู่~”ซิลเวียที่ยกนิ้วชี้ขึ้นมาจ่อปาก พร้อมกับส่งเสียงให้ผมเงียบ..

“ฉันได้ยินมาจากเจมิสน่ะ ดูเหมือนว่าความทรงจำของเธอจะมีปัญหาจริงๆ..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา เจมิสคงจะเล่าเรื่องความทรงจำของผมให้เธอได้ฟังแล้วแน่ๆ..

“เอาล่ะ..ในเมื่อเธอฟื้นแล้ว ก็ไปรวมพลกันเถอะ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นจะเอาไปบอกใครก็ได้นะ ฉันไม่สนหรอก..”ซิลเวียที่ชันตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะบอกกับผมด้วยรอยยิ้ม นี่สินะ..รุ่นใหญ่ผู้มากประสบการณ์..

“ขอบคุณท่านผู้บัญชาการครับผม..!”เสียงของไอ้จ้อนที่กู่ร้องออกมา อารมณ์ในตอนนี้มันคงจะกำลังทำท่าวันทยาหัตถ์..

ฟุบ..!

ผมที่ชันตัวลุกขึ้นยืน พร้อมกับก้าวเดินออกไปยังเจมิสที่กำลังบอกแผนให้ผบ.หมู่และทหารทั้งกองร้อยที่นั่งอยู่ฟัง..

“พวกแกเข้าใจแผนใช่ไหม..?”เจมิสที่เอ่ยถาม ซึ่งผบ.หมู่ที่ต้องรับหน้าที่ควบคุมทหารภายใต้สังกัดทั้ง 8 คนก็ต่างพยักหน้าพร้อมกัน..

“เข้าใจก็ดี..ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ฉันจะให้เวลาพวกแกได้พัก มีคำสั่งเคลื่อนพลเมื่อไหร่จะแจ้งให้ทราบอีกที..”เจมิสที่บอกกับเหล่าทหาร..

ฟุบ..!

“ขออนุญาติครับ..”ทหารยศจ่าสิบตรีหรือหัวหน้าหมู่ที่ 5 ที่ยกมือขึ้น..

“ว่าไง แกมีคำถามงั้นเหรอ..?”เจมิสที่เอ่ยถาม..

“ครับ..ผมและทหารทุกๆนายในที่นี้ต่างอยากที่จะรู้..เรื่องที่ท่านร้อยตรีสามารถกวาดล้างกองกำลังของไอ้พวกสวะเมลันเทียด้วยตัวเพียงคนเดียวนั้น เป็นความจริงหรือเปล่าครับ..?”เสียงเอ่ยถามของผบ.หมู่ กลุ่มที่ 5 โดยที่ทหารทุกๆนายก็ต่างพากันกลืนน้ำลายและจดจ่อรอฟัง..

ส่วนทางด้านตัวของเจมิสที่ได้ยินในคำถามก็ชะงักไป เธอค่อยๆก้มหน้าลง จนทำให้เหล่าทหารเริ่มที่จะส่งเสียงซุบซิบนินทา..

“กะแล้วเชียว..ท่านร้อยตรีเจมิสโครตแข็งแกร่ง..”

“นั่นดิ..กองทัพทารอนของพวกเราช่างโชคดีจริงๆที่มีท่านร้อยตรีเจมิส..”

“เปล่า..คนที่กวาดล้างกองกำลังทหารไม่ใช่ฉัน..”

ท่ามกลางการสนทนาของเหล่าทหาร เจมิสที่ยืนอยู่ก็กล่าวออกมา คำตอบที่ได้รับมันทำให้เหล่าทหารต่างต้องพากันงุนงง โดยเฉพาะชิออน เอลซ่า ฟอร์เน่และมีน่าที่นั่งฟังอยู่ภายในแถว..

“คนที่กวาดล้างกองกำลังของข้าศึก อันที่จริงแล้วก็คือ..”

“เอาล่ะ..ทุกคน..”

ในขณะที่เจมิสกำลังจะบอกความจริง จู่ๆซิลเวียที่ยืนฟังอยู่ก็ได้เดินเข้ามา ส่งผลทำให้กองกำลังทหารที่นั่งอยู่ต่างเตรียมที่จะลุกฮือขึ้น..

“ไม่ต้องๆ นั่งอยู่อย่างงั้นแหละ..”ซิลเวียที่บอกกับเหล่าทหาร จึงทำให้ทุกร่างต้องทรุดกลับลงไปนั่งดังเดิม..

“หืม..ฟื้นแล้วสินะ ไอ้เวร..”เจมิสที่หันมากล่าว ทันทีที่เธอเห็นผมเดินเข้ามา..

“ต่อไปนี้ฉันจะขอแนะนำให้พวกเธอทุกคนได้รู้จัก ทหารนายนี้คือว่าที่สิบตรีสตาร์ เขาจะมารับหน้าที่เป็นผู้ควบคุมดูแลภารกิจในครั้งนี้ หรือผบ.ร้อยชั่วคราว..”ซิลเวียที่ผายมือมายังผม ก่อนที่ผมจะก้าวเดินออกไป เท่านั้นแหละ..เสียงซุบซิบนินทาก็ดังขึ้นอีกครั้ง..

“ว่าที่สิบตรี..? ให้ว่าที่สิบตรีมาเป็นผบ.ร้อยเนี่ยนะ..?”

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย..?”

“ท่านผู้บัญชาการคิดจะส่งพวกเราไปตายอย่างงั้นเหรอ..?”

เหล่าทหารที่เริ่มแตกตื่นและเสียงขวัญกำลังใจ เมื่อเห็นว่าซิลเวียแต่งตั้งให้ทหารยศน้อยเข้ามาบัญชาการกองร้อย..

“หุบปาก..!”เจมิสที่ตวาดออกมา เธอพยายามที่จะควบคุมเสียงไม่ให้ดังไปมากกว่านี้ เพราะกลัวว่าศัตรูที่อยู่ห่างไกลออกไปจะได้ยิน..

“ไอ้ตัวไหนที่ไม่เห็นด้วยไหนลองยกมือขึ้นมาดิ่..”เจมิสที่กล่าว แน่นอนว่าทหารส่วนใหญ่ไม่กล้าที่จะยก แต่ก็มีอยู่คนหนึ่ง..

“ผมจ่าสิบตรี..เรซิส ผบ.หมู่ที่ 2 ขออนุญาติโต้แย้งครับ ผมรู้สึกไม่เห็นด้วยที่จะให้ทหารชั้นผู้น้อยมาควบคุมกองร้อย..”ร่างของจ่าสิบโทหรือผบ.หมู่ที่ 2 ซึ่งเป็นตัวแทนของทหารทุกนาย พลันชันตัวลุกขึ้นยืน โดยที่เขาคือทหารคนเดียวกันกับเมื่อวานนี้ที่ไล่ผมให้ไปต่อแถวใหม่ จนเกิดเป็นหมู่ที่ 12 ขึ้น..

“งั้นเหรอ..? เรซิส..เมื่อวานในช่วงที่รวมแถว ฉันเองก็สังเกตเห็นว่าแกจะมีปัญหาเรื่องระดับชั้นสินะ..เอาเถอะ ยังไงซะมันก็คือธรรมเนียมปฏิบัติ 

แต่ถึงอย่างนั้นแล้วแกกำลังดูหมิ่นการตัดสินใจของท่านผู้บัญชาการซิลเวีย แกคิดว่าท่านจะตัดสินใจทำอะไรลงไปโดยไม่ได้ไตร่ตรองหรือยั้งคิดเอาไว้ก่อนอย่างงั้นเหรอ..?”

“อึก..เปล่าครับท่าน..!”เรซิสที่ถึงกับหน้าเสีย เขารีบปฏิเสธอย่างไว..

“การที่ตัวของท่านลงมาบังคับบัญชาการด้วยตัวเอง ทั้งๆที่ความสามารถด้านการรบของท่านก็ไม่ได้สูงนัก ท่านยอมที่จะลงมาเสี่ยงแทนที่จะนั่งอยู่ ณ ศูนย์บัญชาการ พวกแกตระหนักได้ถึงความรับผิดชอบนี้และเสียสละหรือไม่..?”เจมิสที่แผดเสียงเอ่ยถามต่อทหารทุกนาย ซึ่งพอพวกมันลองไตร่ตรองคำพูดของเจมิสดูดีๆ แต่ละคนก็เริ่มที่ตระหนักได้ว่าซิลเวียจะต้องมีเหตุผล..

“ขออภัยครับท่าน..!”เสียงของเหล่าทหารที่กล่าวออกมา ส่วนทางด้านของเรซิสก็ได้จำใจยอมที่จะกลับลงไปนั่งดีๆ

“ก่อนอื่นฉันจะขอประกาศให้ทุกๆคนในที่นี่ได้รับรู้และทราบโดยทั่วกัน คนที่กวาดล้างกองร้อยของไอ้พวกเมลันเทียเมื่อวานนี้ อันที่จริงแล้วคือฝีมือของว่าที่สิบตรีสตาร์เพียงแค่คนเดียว ถ้าฉันไม่ได้มันช่วยเอาไว้ ฉันเองก็คงจะตายไปแล้วเหมือนกัน..”สิ้นคำพูดของเจมิส ทหารทุกนายก็ต่างพากันอ้าปากค้าง โดยเฉพาะชิออน เอลซ่า ฟอร์เน่และมีน่า..

“มันอาจจะฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่การที่พวกแกยังมีลมหายใจและสามารถเดินลอยหน้าลอยตาได้อยู่จนถึงตอนนี้ นั่นก็เพราะทหารยศชั้นผู้น้อยนายนี้..”เจมิสที่กล่าว และแล้วเหล่าทหารก็เริ่มที่จะเข้าใจ แต่ละคนทำหน้าสำนักผิดและมองว่าตัวเองเป็นคนโง่ที่ตัดสินคนเพียงแค่ภายนอก..

ฟุบ..!

ทันใดนั้นทหารทั้งกองร้อยก็ต่างลุกฮือขึ้น แต่ละคนต่างจ้องมองไปที่สตาร์..

“ทำความเคารพท่านผบ.ร้อย..”เรซิสที่เป็นตัวแทนเปล่งเสียงออกมา..

“ขออภัยครับท่าน..!”เหล่าทหารที่เปล่งเสียง ทุกๆนายต่างกล่าวคำขอโทษออกมาจากใจจริง ถึงแม้ว่าเสียงมันจะไม่ดังมากก็ตาม..

“ไม่เป็นไร..ผมไม่ได้ติดใจอะไร ยังไงภารกิจนี้ก็ขอรบกวนด้วย จุดมุ่งหมายเดียวของพวกเราคือชัยชนะ ยึดป้อมปราการคืนมาและกวาดล้างไอ้พวกเมลันเทียให้สิ้น..”ผมที่กล่าวออกมา พร้อมกับแสยะรอยยิ้ม 

เมื่อเหล่าทหารทุกนายได้เห็นก็ต่างพากันอึ้ง ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าผมเป็นเพียงแค่ทหารยศว่าที่สิบตรี ซึ่งถ้าไม่บอกทุกๆคนก็คงจะคิดว่าผมคือนายทหารยศสูงที่ผ่านสมรภูมิมาอย่างโชกโชน..

“พวกท่านมีอะไรจะพูดก่อนหรือเปล่า..?”ผมที่หันไปถามกับเจมิสและซิลเวีย 

“เชิญแกตามสบายเลย..”เจมิสที่ยืนกอดอกกล่าวออกมา..

“เอาล่ะ..ถ้างั้นผมจะเข้าสู่โหมด ผบ.ร้อยเต็มตัวแล้วนะ..”ผมที่กล่าวออกมา ก่อนที่ต่อจากนั้นผมจะเริ่มส่งมอบหน้าที่ให้ ผบ.หมู่ในแต่ละหมู่

เมื่อทุกๆคนได้รับฟังขั้นตอนจากปากของผมโดยตรง แต่ละคนก็รู้สึกทึ่งในแผนนี้ เพราะนอกจากมันจะดูมีแบบแผนแล้ว มันยังมีความเสี่ยงที่ค่อนข้างน้อย..

 

“เอาล่ะในเมื่อพวกนายเข้าใจแผนการแล้ว ก่อนอื่นเลยฉันมีสิ่งที่อยากจะถามทหารบางนายอยู่ ทหารนายนั้นน่ะ..นายกลัวตายหรือเปล่า..?”ผมที่ชี้นิ้วไปยังหัวหน้าหมู่ที่ 7 เมื่ออีกฝ่ายได้ยินก็ยืดอก ก่อนจะให้คำตอบ..

 

“ไม่กลัวครับ..!”

 

“แล้วทหารนายนั้นล่ะ..?!”

 

“ไม่กลัวครับ..!”

 

“งั้นเหรอ..? แต่ว่าฉันกลัวตายน่ะสิ..”ผมที่กล่าวออกมา เมื่อซิลเวียกับเจมิสที่ยืนอยู่ได้ยินก็พากันขมวดคิ้ว พวกเธอต่างประหลาดใจที่ผมพูดคำนี้ออกมา..

 

“ใครที่บอกว่าไม่กลัวน่ะ พวกแกมันก็แค่ตอแหล ไม่มีใครที่ไม่กลัวตายจริงๆหรอก ถึงตอนนี้พวกแกจะมั่นใจอยู่เต็มอก แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตายจริงๆ ในชั่วขณะนั้นไม่ว่าใครก็ต่างต้องรู้สึกกลัวตายกันทั้งนั้น..”ผมที่อธิบายออกมา เมื่อเหล่าทหารได้ยิน แต่ละนายก็ต่างพิจารณาความรู้สึกของตัวเองดูดีๆ..

 

“ขออนุญาติครับ..! สำหรับคนอื่นนั้นผมไม่รู้ แต่สำหรับผม..ผมจะขอพูดตามตรงเลย ผมเองก็กลัวตาย กลัวว่าจะไม่ได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป..”

 

ทันใดนั้นจู่ๆเรซิสก็ยกมือขึ้น ก่อนจะเปล่งเสียงกล่าวออกมาตามตรงอย่างไม่รู้สึกอาย..

 

“ดีมาก..นายไม่ได้โกหกความรู้สึกของตัวเอง..”ผมที่บอกกับเรซิส ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มอ่อนๆ..

 

“เอาล่ะ..ฉันจะขอถามอีกครั้ง ตอบมาตามตรง..ถ้าใครกลัวตายฉันอยากจะขอให้ยกมือขึ้นมา..”ผมที่เปล่งเสียงกล่าวออกมา เมื่อเหล่าทหารได้ยินก็ค่อยๆยกมือขึ้นช้าๆทีละคน จากสองคนเป็นสามคน จากสามคนกลายเป็นทั้งกองร้อย ไม่ว่าใครก็ต่างที่จะกลัวตาย ไม่เว้นแม้กระทั่ง..

 

ฟุบ..!

 

เจมิสและซิลเวียที่ชูมือขึ้น พวกเธอเองก็ไม่ได้คิดที่จะปิดบังความรู้สึกของตัวเอง 

 

“อืม..! จงจำในสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกเอาไว้ให้ดี ความกลัวมันไม่ใช่เรื่องที่ผิด พวกนายอาจจะยังไม่รู้ว่าความกลัวคือบ่อเกิดแห่งความกล้า ไม่มีความกล้าใดที่ปราศจากความกลัว จงหวาดกลัวแล้วพวกนายจะกล้าหาญขึ้น..”ผมที่เปล่งเสียงกล่าวออกมา เมื่อเหล่าทหารทุกๆนายได้ยินก็ต่างพากันอึ้ง..

 

“โครตคม..~”ไอ้จ้อนที่กล่าวแซว..

 

“ในตอนนี้พวกนายทุกๆคนได้เข้าใจความหมายของคำว่าความกลัวแล้ว ถ้าเกิดต่อจากนี้มีใครสักคนที่มาถามกับพวกนายว่าพวกนายกลัวตายหรือเปล่า พวกนายก็สามารถที่จะตอบคนๆนั้นไปได้อย่างเต็มปากเลยว่า..พวกนายไม่กลัวที่จะตาย เพราะพวกนายได้รู้และเข้าใจแล้วว่าความกลัวคืออะไร..!”สิ้นคำพูดของผม เหล่าทหารที่ได้ยินก็ต่างพากันเบิกดวงตากว้างขึ้น แววตาของพวกเขาจ้องมองมาทางผมด้วยความเคารพนับถือ ไม่เว้นแม้แต่เจมิสที่เผลอมองผมด้วยแววตาแบบนั้นไปชั่วขณะ..

 

“รับทราบ..!!!”เสียงของเหล่าทหารที่ตะโกนออกมา..

“ในเมื่อทุกหมู่เข้าใจแล้ว ฉันจะให้เวลาพวกนายสามสิบนาทีในการจัดเตรียมความพร้อม..”ผมที่บอกกับเหล่าทหาร..

“รับทราบ..!”สิ้นเสียงขานรับ ทหารทุกนายก็เลิกแถว ก่อนจะไปจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ผบ.หมู่บางคนก็ได้เรียกทหารภายใต้สังกัดมาทบทวนถึงแผนการ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดูกระตือรือร้น

 

“พูดได้หนิ..ฉันชอบคำพูดปลุกใจของเธอมาก..”ซิลเวียที่เดินเข้ามาเอ่ยกล่าวกับผม..

 

“ไม่หรอกครับ..มนุษย์มักจะชอบโกหกตัวเองอยู่เรื่อย ผมก็แค่ไม่อยากจะให้พวกเขาได้เข้าใจความหมายของมัน..”ผมที่ตอบกลับซิลเวีย ซึ่งเธอก็มองผมด้วยแววตาที่อธิบายยาก..

“ฉันมีเรื่องสงสัย แล้วหน้าที่ของฉันล่ะ..?”เจมิสที่เดินเข้ามาถามผม..

“หน้าที่ของเธ..อ..อึก ท่าน..”ผมที่เผลอหลุดปากออกมา ลืมไปซะสนิทว่าซิลเวียก็ยืนอยู่ด้วย..

“อะแฮ่ม..หน้าที่ของท่านนั้นสำคัญที่สุด..”ผมที่บอกกับเจมิส พอเธอได้ยินก็ชะงักไป ก่อนจะปั้นสีหน้าเคร่งขรึม เมื่อรู้ว่าหน้าที่ของตัวเองนั้นสำคัญที่สุด..

“ฉันต้องทำอะไรบ้าง..?”

“ท่านต้องคอยคุมดูแลกองกำลังทุกหมู่อยู่ตรงบริเวณตีนเนินที่ราบสูงแห่งนี้ ภายในสองชั่วโมงทันทีที่เห็นสัญญาณของผม ท่านจะต้องรีบสั่งให้กองกำลังกระจายตัวโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ท่านมีเวลาเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น..”

“แล้วถ้าเกิดเวลาคลาดเคลื่อนจนเกิน 10 นาที ไปล่ะ ภารกิจจะล้มเหลวเหรอ..?”เจมิสที่ถามผม ซึ่งผมก็ส่ายหน้าไปมา พร้อมกับยิ้มจางๆ..

“ภารกิจจะสำเร็จลุล่วงอย่างแน่นอน แต่ถ้าเกิดท่านมาไม่ทันเวลาที่ผมระบุเอาไว้..ตัวของผมนั้นอาจจะตายอยู่ภายในวงล้อมของศัตรู..”สิ้นคำพูดของผม ดวงตาของเจมิสก็เบิกกว้างขึ้น สิ่งที่ผมกำลังจะบอกคือผมได้ฝากชีวิตของตัวเองเอาไว้ในมือของเธอแล้ว..

“อึก..เข้าใจแล้ว ฉันจะรับผิดชอบชีวิตของแกเอง ฉันให้สัญญา..”เจมิสที่ก้มหน้ากล่าวออกมา และทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มที่สุดแสนจะชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของผม..

“แล้วหน้าที่ของฉันล่ะ..?”ซิลเวียที่เงียบฟังมานานเอ่ยถามขึ้น..

“หน้าที่ของท่านผู้บัญชาการคือ..รอประกาศชัยชนะของเอลเดีย..”ผมที่ตอบกลับด้วยความมั่นใจ โดยที่ซิลเวียก็อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะกระตุกรอยยิ้มออกมา..

“เข้าใจแล้ว..”

“มาแล้วครับ..”

ทันใดนั้นร่างของทหารนายหนึ่งก็วิ่งเข้ามายังทิศทางของพวกเรา ภายในมือของเขามีชุดและมีดพกที่ผมสั่งเอาไว้

ฟุบ..!

“ว่าที่สิบตรีสตาร์ ฉันมีเรื่องที่อยากจะคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว ยังไงก็ช่วยตามมาด้วย..”ซิลเวียที่เอื้อมมือไปรับชุดและอุปกรณ์ของผมมาจากนายทหาร พร้อมกับหันมาบอกกับผม ก่อนที่เธอจะเดินนำออกไป ท่ามกลางสายตาของเจมิสที่จ้องมองด้วยความสงสัย..

ซึ่งเมื่อผมได้ยินเช่นนั้น ท้ายที่สุดผมก็เดินตามซิลเวียไป หลังจากที่ตามมาได้ไม่นาน อีกฝ่ายก็ได้พาผมเดินปลีกตัวเข้ามาหยุดอยู่ ณ จุดๆหนึ่งที่ห่างไกลจากจุดที่ทหารอยู่..

“ที่เรียกมาฉันอยากจะถามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องความทรงจำของเธอ เธอจะอยู่ในสภาพนี้ได้นานแค่ไหน แล้วมีปัจจัยสำคัญอะไรไหมที่จะยื้อไม่ให้เธอหมดสติไปก่อน..?”ซิลเวียที่หันมาเอ่ยถามต่อผม..

“อะ..เออคือ ถ้าจะให้พูดตรง ผมไม่ค่อยที่จะสะดวกขนาดท่านร้อยตรีเจมิสยังไม่รู้เลย ยิ่งท่านเป็นผู้บังคับบัญชาของผมแล้ว เรื่องแบบนี้มัน..”

“บอกมาเถอะ..”

“เออคือ..ความทรงจำนี้มันจะอยู่ไปจนกว่าที่ความต้องการทางด้านอารมณ์ของผมจะสงบลง ถ้าเกิดมีอะไรไปกระตุ้น มันก็จะต่อเวลาและอยู่ได้นานขึ้น..”ผมที่บอกกับซิลเวียตามตรง ถ้าจะให้อธิบายเรื่องการหลั่งของอะดรีนาลีนพูดไปเธอก็คงจะไม่เข้าใจ..

“อย่างงั้นเองสินะ แสดงว่าเป็นไปอย่างที่ฉันเดาเอาไว้จริงๆ..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา ก่อนที่จู่ๆเธอจะเดินเข้ามาคุกเข่าลงต่อหน้าของผม พร้อมกับวางชุดและอุปกรณ์ลง..

“อะ..อึก ทะ..ท่านผู้บัญชาการ.”ผมที่ผงะ ในระหว่างนั้นจู่ๆซิลเวียก็เอื้อมมือมาปลดเข็มขัดของผมออก

“ฉันเองก็อยากที่จะมีส่วนร่วมกับภารกิจในครั้งนี้ ถ้าเทียบกับการที่เธอต้องไปขอจับหน้าอกของสิบเอกชิออนกับเอลซ่าแล้ว ฉันที่พอจะมีประสบการณ์อยู่บ้างน่าจะช่วยเธอได้มากกว่า หรือว่าเรื่องอายุของฉันจะเป็นปัญหาสำหรับเธอ..?”ซิลเวียที่เอ่ยถาม นั่นไม่ใช่ปัญหาเลย เธอดูสวยแบบคนที่มีอายุ ถึงจะบอกว่าเธออายุ 50 แต่ผิวของเธอกลับยังคงเต้งตึงเหมือนกับสาวอายุ 30 ต้นๆ ไม่ใช่ป้าที่มีรอยตีนกาอยู่บนใบหน้าแต่อย่างใด

“สตาร์..ถ้าแกปฏิเสธนะฉันจะเอาลำตัวทุบไอ้เจ้าไข่นุ้ยทั้งสอง เอาให้แกจุกตายไปเลยคอยดู..”เสียงของไอ้จ้อนที่ข่มขู่ ไอ้เจ้าไข่นุ้ยที่ว่าก็คือไอ้นั่นของผมนั่นแหละ

“อะ..อึก ผมไม่มีปัญหาครับ ถ้านั่นคือความปราถนารถดีของท่าน ผมก็จะขอน้อมรับเอาไว้..”

“มันต้องอย่างงั้น..! จู๋ติดหนี้แกแล้ว..!”ไอ้จ้อนที่กู่ร้อง..

“ไม่ต้องห่วง ฉันจะทำแบบไม่ล้ำเส้น มันจะไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา พร้อมกับใช้ฝ่ามือเลื่อนถอดกางเกงของผมลง..

“จะเกินก็ได้ครับผม..! ผมไม่มีปัญหาครับผม..!”ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมาด้วยความเข้มแข็งเหมือนกับทหาร..

《ชาร์จพลัง 40 หน่วย》

 

 

 

ไรท์:คอมเม้น..~วันนี้แถมไป 4

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด