Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. 6

Now you are reading Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. Chapter 6 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แสงที่ 6 เปิดฉากปะทะ..!

“ห้ะ..? ดะ..เดี๋ยวสิครับท่าน ทำไมผมถึงกลายเป็นว่าที่สิบตรีไปได้ล่ะ ไม่สิ..เท่าที่จำได้ผมควรจะถูกส่งมายังค่ายทหารสามัญ เพราะไม่ผ่านบททดสอบไม่ใช่เหรอ หรือว่าที่นี่จะ..?”ผมที่กล่าวออกมาด้วยความสับสน..

“ที่นี่คือชายแดนทางทิศใต้ นี่แกจำอะไรไม่ได้เลยอย่างงั้นเหรอ..?”เจมิสที่ถามผม เธอกำลังหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง เหมือนจะพยายามจับเท็จ..

“จำอะไรไม่ได้..? ผมไม่เข้าใจว่าท่านกำลังหมายถึงอะไร..”ผมที่ตอบกลับเจมิส..

“นี่แกแกล้งทำเป็นจำไม่ได้สินะ แกไม่ต้องห่วงหรอก หลังจากที่ยึดจุดยุทธศาสตร์คืนมาได้เมื่อไหร่ ฉันจะรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้เบื้องบนได้เข้าใจเอง..”เจมิสที่กล่าวออกมา เธอดูเหมือนจะไม่เชื่อว่าผมกำลังสับสนอยู่จริงๆ 

 

นั่นก็อาจจะเป็นเพราะครั้งก่อนผมแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่ถูกเธอจูบ จึงทำให้ในครั้งนี้กลายเป็นว่าพอผมพูดประโยคนี้ออกไป เธอก็เลยนึกว่าผมแค่แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น..

“ไปกันใหญ่แล้วครับท่าน ครั้งนี้ผมไม่เข้าใจสถานการณ์จริงๆ ไม่ใช่ว่าแกล้งจำไม่ได้ แล้วยึดจุดยุทธศาสตร์ที่ว่ามันหมายความว่าอะไร ทำไมผมถึงมาอยู่ที่ชายแดนได้ล่ะ ไหนจะเรื่องรายงานเบื้องบนนั่นอีก..?”ผมที่ยิงคำถามใส่เจมิสด้วยความงุนงง ราวกับว่าก่อนหน้านี้ผมไปสร้างเรื่องอะไรไว้ ทั้งๆที่ผมก็จำได้ว่าล่าสุดผมหมดสติไป

“ว่าที่สิบตรีสตาร์ ฉันไม่สนหรอกนะว่าแกจะจำได้หรือไม่ได้ แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ แกจะต้องเข้าสู่สมรภูมิรบ จงเตรียมตัวให้พร้อม..”เจมิสที่กล่าวตัดบท เดี๋ยวนะเข้าสู่สมรภูมิรบ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย..?

“ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าแกจำอะไรไม่ได้จริงดิ..?”เสียงของไอ้จ้อนที่พูดขึ้น

‘นี่แกรู้เหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้น..?’ผมที่ถามกับไอ้จ้อน..

“ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ฉันจำได้ลางๆว่ามันจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ หลังจากที่แกจับนมยัยนั่น แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกเหมือนกับความทรงจำในช่วงนั้นมันขาดหายไป..”ไอ้จ้อนที่ตอบกลับ พูดมาซะยาว..สรุปก็คือไม่รู้นั่นแหละ

“ว่าที่สิบตรีสตาร์ แกจะยืนงงอยู่อีกนานไหม..?”เสียงของเจมิสที่ปลุกสติของผม..

“ตอนนี่แกเป็นทหารภายใต้สังกัดของฉันชั่วคราว ไปเปลี่ยนชุดแล้วไปรวมพลที่ลานกว้าง..”เจมิสที่กล่าวออกมา พร้อมกับโยนชุดยูนิฟอร์มสีน้ำตาลส่งมาให้กับผม

โดยชุดเครื่องแบบของทหารในโลกนี้มีลักษณะคล้ายกับชุดเครื่องแบบของทหารญี่ปุ่นจะแตกต่างกันก็เพียงแค่สีเท่านั้น..

“ครับท่าน..!”ผมที่ตอบกลับ ยังไงตอนนี้ก็คงทำได้แค่ไหลตามน้ำไปก่อน ซึ่งหลังจากนั้นเจมิสก็เดินไปที่ลานกว้าง เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ซิลเวียจะส่งคนให้นำแผนการรบมาให้..

ซึ่งเมื่อเจมิสอ่านและทำความเข้าใจมันเสร็จ เธอก็ได้สั่งรวมพล..

“รวมพล..!!!”เสียงของเจมิสที่แผดดังไปทั่วบริเวณ ส่งผลทำให้เหล่าทหารที่ยืนอยู่ต่างพากันวิ่งมารวมพลกันยังลานกว้าง โดยที่จำนวนคนมีอยู่ด้วยกันประมาณหนึ่งร้อยนาย แทบจะไม่เต็มกองร้อยแบบสมบูรณ์ด้วยเลยซ้ำ โดยปกติแล้วหนึ่งกองร้อยอันที่จริงจะต้องมีประมาณ 176 คน แต่ที่นี่กลับมี 100 เป๊ะๆ (ข้อมูลจากกูเกิ้ล~)

โดยรูปแบบการจัดแถวของทหารในโลกนี้มันค่อนข้างที่จะแตกต่างจากโลกเดิมของผม เจมิสได้สั่งให้ทหารทุกๆคนมาเข้าแถว โดยแบ่งเป็นแถวตอนเรียงหนึ่ง 11 แถว แถวละ 10 คน หรือ 11 หมู่ 

 

“ทหารฝึกหัด..แกมายืนทำอะไรตรงนี้..!”

ในขณะที่ผมกำลังรวมกลุ่ม จู่ๆก็มีทหารนายหนึ่งที่ตะโกนถามผม โดยจุดที่ผมยืนอยู่คือตรงบริเวณด้านหน้าสุดของหมู่ที่ 11 เอ๊ะ..หรือว่าผมจะไปยืนทับที่ของเขากันนะ ผมเป็นพวกที่ชอบยืนอยู่หน้าห้องหรือหน้าแถวซะด้วยสิ..

“อะ..เออคือ..”

“แกเป็นใคร..?”เจมิสที่เปล่งเสียงถามนายทหารที่ตะค่อกใส่ผม..

ฟุบ..!

“ผมจ่าสิบตรี..เรซิส รายงานตัวครับท่าน ผบ.ร้อย..!”ทหารที่ชื่อเรซิสพลันแนะนำตัว พร้อมกับทำความเคารพเจมิส..

“ไหนบอกฉันซิเรซิสว่าแกมีปัญหาอะไรกับทหารนายนี้..?”

“เรียนท่านร้อยตรี เขากำลังยืนอยู่ในที่ของผมครับ ดูๆแล้วถ้านับตามลำดับยศ เขาเป็นเพียงแค่พลทหารฝึกหัดขั้น 1 เขาน่าจะไปยืนอยู่ข้างหลังครับ..!”จ่าสิบตรีที่กล่าวออกมา ก่อนที่เสียงฮือฮาของทหารบางส่วนจะดังขึ้น..

“ว่าไงนะ ทหารฝึกหัดขั้น 1 มาทำอะไรที่ชายแดนนี้กัน..?”

“นั่นสิ..ในกองร้อยยศต่ำที่สุดก็มีแค่สิบตรี..”

ซึ่งเมื่อผมได้ยินเช่นนั้น ผมก็เตรียมที่จะมูนวอล์คไปต่อข้างหลังในทันที โดยที่ระดับยศของทหารในโลกนี้ก็คล้ายๆกับโลกเดิมของผม จะแตกต่างกันตรงเพียงแค่พลทหารอย่างผมมีระดับขั้นเพิ่มมาด้วยก็เท่านั้น..

《ระดับยศ》

พลทหารหรือทหารฝึกหัด (ขั้น 1-3)

สิบตรี,สิบโท,สิบเอก (ยศต่ำสุดคือสิบตรี ใหญ่สุดคือสิบเอก)

จ่าสิบเอก,จ่าสิบโท,จ่าสิบตรี 

ร้อยตรี,ร้อยโท,ร้อยเอก

พันตรี,พันโท,พันเอก

พลตรี,พลโท,พลเอก

จอมพล

“ว่าที่สิบตรีสตาร์ อยู่เฉยๆ..”เจมิสที่กล่าวออกมา ก่อนจะส่งสัญญาณให้ผมเขยิบไปข้างๆหรือไปเริ่มแถวใหม่เป็นแถวที่สิบสอง ซึ่งผมก็ทำตามที่เธอสั่ง

ฟุบ..!

“สิบเอกชิออน”

“ค่ะ..!

“สิบเอกมีน่า”

“ค่ะ..!”

“สิบเอกเอลซ่า”

“ค่ะ..!”

“สิบเอกฟอร์เน่”

“มาเข้าแถวตรงนี้..!”เจมิสที่เรียกขานทหารหญิงสี่นาย ซึ่งทุกๆคนๆก็ขานรับตามลำดับ โดยที่เจมิสก็ได้สั่งให้พวกเธอมาต่อแถวข้างหลังของผม

ฟุบ..!

ทหารหญิงทั้งสี่นายที่เดินเข้ามาต่อแถวข้างหลังผม โดยที่ผมก็สังเกตเห็นว่าพวกเธอบางคนชักสีหน้าไม่พอใจ..

“เอาล่ะต่อไปฉันจะบอกแผนการรบ กลุ่ม(หมู่)ที่หนึ่งถึงห้าโจมตีทางปีกซ้ายขับไล่และเข้ายึดหลุมหลบภัยกลับคืนมา ส่วนกลุ่มที่หกถึงสิบโจมตีทางปีกขวา และสุดท้ายกลุ่มที่สิบเอ็ด ตามฉันมาพวกเราจะบุกทะลวงไปข้างหน้าและปะทะกับข้าศึกโดยตรง..!”

“รับทราบ..!!!”เสียงขานรับของนายทหารที่ได้รับมอบหมายหน้าที่..

“ต่อไปนี้ฉันขอแต่งตั้งให้กลุ่มที่สิบสอง(หมู่)ของพวกแกคือหน่วยรบพิเศษ สิ่งที่พวกแกจะต้องทำคือการแอบลอบโจมตีตัดกำลังของข้าศึกให้ได้มากที่สุด..”เจมิสที่หันมาออกคำสั่งกับกลุ่มของผม..

“รับทราบ..!!!!”เสียงของทหารหญิงทั้งสี่นายที่ขานรับ แต่ผมที่ยังคงงงๆกลับขานไม่ทัน จนทำให้ตกเป็นเป้าสายตาของเจมิส..

“เข้าใจคำสั่งหรือเปล่าว่าที่สิบตรีสตาร์..?”

“ครับท่าน..!!”ผมที่ขานรับคำสั่ง 

“ครับท่าน..? อุ๊บ ฮ่าๆ..”เสียงของทหารบางส่วนที่หัวเราะดังขึ้น..

“หึ..แกต้องตอบว่ารับทราบ แต่ก็เอาเถอะ..”เจมิสที่กล่าวออกมา..

ฟุบ..!

“ฉันสิบเอกชิออนแผนกสู้รบ รุ่นที่ 327 มีคำถามค่ะ..!”เสียงของหญิงสาวผมสีน้ำเงินที่ยืนอยู่ข้างหลังผม จู่ๆก็ชูแขนขึ้น เธอเป็นผู้หญิงที่สวย อีกทั้งยังดูดุดัน มีขนาดหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่เอาการ 

“อู้ว..~ ดูหนองโพนั่นซี้ ทำไมกลุ่มเราถึงมีแต่สาวสวยๆทรงโตกันนะ..”เสียงของไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา โดยที่น้ำเสียงของมันฟังดูโรคจิตเป็นอย่างมาก..

“ว่ามาสิบเอกชิออน..”เจมิสที่อนุญาติให้ชิออนถาม..

“ภารกิจในครั้งนี้ ไม่ทราบว่าท่าน ผบ.ร้อยจะให้ใครเป็นผู้นำกลุ่มที่สิบสองกันเหรอคะ..?!”ชิออนที่เอ่ยถาม ซึ่งในทุกๆกลุ่มจะมีผู้นำอยู่ ถ้าเป็นปกติจะเรียกว่า ผบ.หมู่ ส่วนใหญ่จะเป็นยศจ่าสิบเอก แต่ถ้าอ้างอิงจากระบบของทหารในโลกนี้ ยศจ่าสิบตรีก็น่าจะเป็นได้แล้ว..

“หึ..ถามได้ดี..”เจมิสที่กล่าว พลางกวาดสายตามองทหารหญิงทุกๆคน ก่อนที่สายตาของเธอจะเลื่อนมาหยุดอยู่ที่..

“ฉันขอมอบหมายให้ว่าที่สิบตรีสตาร์เป็นผู้นำกลุ่มของภารกิจในครั้งนี้..”

“อะไรนะ..?”ชิออนที่เผลอหลุดปากกล่าวออกมาแบบห้วนๆ ทำให้เจมิสที่ยืนอยู่ชักสีหน้าไม่พอใจ

“มีปัญหาอะไร สิบเอกชิออน..?”

“ปะ..เปล่าค่ะ เพียงแต่ว่านายทหารผู้นี้เป็นเพียงแค่ยศสิบตรี อีกทั้งยังเป็นแค่ว่าที่ นั่นก็หมายความว่าเขายังเป็นแค่ทหารฝึกหัดขั้นที่ 3 ดิฉันเกรงว่าประสบการณ์ในการออกรบของเขาคงจะยังไม่มากพอที่จะเป็นผู้นำได้ ถ้าให้เทียบในบรรดากลุ่มของพวกเราแล้..ว..”

“สิบเอกชิออน เธอกล้าสงสัยในคำสั่งของฉันอย่างงั้นเหรอ..?!!!”

ในขณะที่ชิออนกำลังให้เหตุผล จู่ๆเจมิสก็แผดเสียงตวาดแทรกเข้ามา ส่งผลทำให้ร่างของอีกฝ่ายกระตุกวูบ ใบหน้าของเธอพลันซีดเสียไปในทันที..

“ปะ..เปล่าค่ะ..!!!”ชิออนที่ยืดตัวตรง พร้อมกับเปล่งเสียงตะโกนออกมา 

สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้ชิออนตระหนักได้ว่าตัวเธอเองนั้นคิดน้อยจนเกินไป อีกฝ่ายเป็นถึงนายทหารหญิงที่เคยร่วมศึกและคว้าชัยชนะมากว่าหลายสมรภูมิ จนขึ้นกลายเป็นร้อยตรีได้ในระยะเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 7 ปี ตั้งแต่ที่เข้ารวมกองทัพ อีกทั้งยังเคยบัญชาการกองร้อย จนสามารถยึดฐานที่มั่นลำดับที่สามกลับมาได้ เมื่อไม่กี่ปีก่อน..

ซึ่งจากผลงานทั้งหมด มันจึงเป็นตัวชี้วัดว่าเจมิสไม่ใช่คนที่จะทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล..

“ถ้าเช่นนั้นก็ดีแล้ว ยังไงก็ฝากด้วยนะว่าที่สิบตรีสตาร์..”

“ครั..บ อึก..รับทราบ..!!!”ผมที่เปล่งเสียงตะโกนขานรับ ไหงเรื่องราวมันถึงได้มาลงเอยแบบนี้ เจมิสคิดจะทำอะไรของเธออยู่กันแน่..

ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ มันได้ทำให้ภายในกองร้อยเริ่มที่จะเกิดเสียงซุบซิบนินทา เท่าที่ผมได้ยินมาแว่วๆ เห็นบางคนแอบคิดไปเองว่าผมคือไพ่ตายลับที่จะเป็นตัวแปรของการสู้รบในครั้งนี้ มันใช่ที่ไหนล่ะฟะ..! ตายแหงแซะ..

“จะรอดไหมเรา..”ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมาด้วยความสิ้นหวัง ชีวิตของคนกับจู๋แม่งโครตจะรันทดเลยตอนนี้..

“ในเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็..เคลื่อนพลได้..!!!”เจมิสที่เห็นว่าทุกอย่างพร้อมแล้วได้แผดเสียงตะโกนออกมา ก่อนที่กองร้อยจะไปเตรียมอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมไปถึงพาหนะอย่างม้าออกมาและเคลื่อนพลมุ่งหน้าสู่ป้อมปราการหรือฐานที่มั่นในทันที..

ซึ่งหลังจากที่เคลื่อนพลออกมาจากศูนย์บัญชาการได้ไม่นาน กองร้อยก็ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่ป่า..

“ท่านผบ.หมู่ ไม่ทราบว่าท่านกำลังจับตรงไหนอยู่กันคะ..?”เสียงของชิออนที่กัดฟันเอ่ยถาม โดยที่ผมในตอนนี้กำลังนั่งซ้อนท้ายอยู่บนหลังม้าของเธอ แน่นอนว่าผมขี่ม้าไม่เป็น..

“อะ..เออ ขอโทษครับ..”ผมที่ตอบกลับ ก่อนจะปล่อยมือออกไปจากเอวของเธอ

“จะว่าไปแล้ว ท่านผบ.หมู่ ถือครองเอมพาสประเภทไหนเหรอคะ..? กักเก็บหรือว่ายุทโธปกรณ์..?”เสียงของหญิงสาวผมทองหน้าตาสะสวยที่ควบม้าเข้ามาตีคู่ข้างๆ ก่อนจะเอ่ยถามผม ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าเธอจะชื่อฟอร์เน่..

“ยุทโธปกรณ์..? เออคือ..”ผมที่ชะงักไป ดูเหมือนว่าจะมีเอมพาสสายอื่นๆที่ผมยังไม่ได้ตรวจสอบดูในข้อมูล..

“ไม่มีเลยต่างหากล่ะ อย่าว่าแต่เอมพาสเลย เจ้านี่ไม่มีแม้แต่คริสตัลมานาด้วยซ้ำ..”เสียงของเจมิสที่กล่าวดังออกมา เธอที่น่าจะควบม้านำทัพกลับมาอยู่ทางขวามือผม..

“ห้ะ..?! ไม่มีคริสตัลมานา..?!”เสียงของนายทหารหญิงทั้งสี่ภายในกลุ่มของผมที่ร้องอุทานออกมา แต่ละคนต่างหน้าเหว๋อไปในทันที..

“ก็ตามนั้นแหละ แต่ถึงอย่างนั้นเจ้านี่ก็ไม่ได้อ่อนแอหรอกนะ ยังไงก็เชื่อฟังคำสั่งของเขาด้วยล่ะ..”

“ค่ะ..! ท่านผบ.ร้อย..!”เสียงของทหารหญิงทั้งสี่ที่ขานรับเจมิส

“อ่อ..ชิออน แล้วอย่าลืมเรื่องที่เธอคุยกับฉันเอาไว้ก่อนหน้านี้เสียล่ะ..”เจมิสที่กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะควบม้ากลับไปยังทางด้านหน้าของกองทัพ..

ซึ่งในช่วงจังหวะที่เจมิสกล่าว ผมก็สัมผัสได้ว่าร่างของชิออนนั้นกระตุกวูบไปชั่วขณะ อีกทั้งก่อนหน้านี้ผมยังแอบเห็นว่าเจมิสได้เรียกเธอไปคุยเรื่องอะไรสักอย่าง และพอตอนที่เธอเดินกลับมา เธอก็จ้องมองผมด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความขยะแขยง..

“อึก..ยังไงตอนนี้พวกเราจำเป็นที่จะต้องวางแผนกันก่อน ฉันเชี่ยวชาญวงจรเวทเสริมกำลัง..”ชิออนที่เปิดประเด็นกล่าวออกมา..

“ส่วนฉันกับสิบเอกมีน่าเชี่ยวชาญวงจรเวทโจมตีระยะไกล แถมฉันยังใช้วงจรรักษาได้นิดหน่อย..”ฟอร์เน่ที่กล่าวออกมา พลางพูดแทนผู้หญิงผมสีเขียวที่ควบม้าอยู่ข้างๆ โดยที่เธอคนนั้นชื่อว่ามีน่า เป็นผู้หญิงที่มีขนาดหน้าอกแน่น เอ้ย..เป็นผู้หญิงที่ดูสุขุมมากที่สุด..

ซึ่งพอผมได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองยังผู้หญิงคนสุดท้ายที่เอาแต่จ้องผมมาตลอดทาง เท่าที่เห็นดูเธอจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ จากสีหน้าและแววตาของเธอที่มองผมด้วยความดูถูกเหยียดหยาม..

แต่ถ้านอกเหนือจากเรื่องอารมณ์ ผู้หญิงคนนี้เธอมีใบหน้าที่สวยเอามากๆ ถึงจะเทียบกับเจ๊เจมิสไม่ได้ก็เถอะ

“อะ..เออคือ เธอคนนี้ชื่อว่าเอลซ่า เชี่ยวชาญวงจรเวทเสริมกำลัง เธอมีความว่องไวเป็นเลิศ อีกทั้งยังแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเรา..”ฟอร์เน่ที่กล่าวแนะนำแทน ในบรรดากลุ่มของเรา ดูเธอจะมีนิสัยเป็นมิตรมากที่สุด..

“หยุด..!!”

ทันใดนั้นจู่ๆเจมิสก็ตะโกนสั่งให้หยุดเคลื่อนพล ส่งผลทำให้กองร้อยทั้งกองร้อยต่างหยุดนิ่ง..

“เกิดอะไรขึ้น..?”ชิออนที่สบถออกมา ก่อนที่จู่ๆจะมีเสียงของอะไรบางอย่างที่ดังแว่วๆมาจากทางด้านหน้า เสียงนั้นค่อยๆดังชัดขึ้นเรื่อยๆ

“อ้ากกกกกก..!!!”เสียงร้องตะโกนที่ดังนำออกมา ท่ามกลางผืนป่าทางเบื้องหน้าของกองร้อย ทันใดนั้นจู่ๆก็มีร่างของทหารจากเอลเดียจำนวนเกือบสามสิบนายที่วิ่งกรูตรงเข้ามา..

“นั่นมัน..! กองกำลังที่ประจำอยู่ที่ป้อมปราการไม่ใช่เหรอ..?”เจมิสที่สบถออกมา เมื่อเห็นว่าทหารฝ่ายจักรวรรดิของตัวเองกำลังวิ่งหนีตายอะไรบางอย่างมา..

“ช่วยด้วย..! ป้อมปราการแตกพ่ายแล้ว พวกเมลันเทียมันยึดฐานที่มั่นได้แล้ว..!”เสียงของหนึ่งในทหารที่กำลังวิ่งตรงเข้ามาพลันตะโกนดังขึ้น เพื่อรายงานสถานการณ์เบื้องต้น..

ตู้ม..!!!!!!!

แต่แล้วทันใดนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ท่ามกลางร่างของเหล่าทหารกว่าสามสิบชีวิตที่กำลังวิ่งหนีตาย จู่ๆก็มีลูกบอลเพลิงขนาดใหญ่ที่พุ่งตามพวกเขาเข้าจากทางด้านหลัง ก่อนจะระเบิดออกอย่างรุนแรง ส่งผลทำให้นายทหารกว่าหลายคนถูกแรงระเบิดอัดจนปลิวกระเด็นออกไป..

“ชิ..นี่พวกเรามาช้าไปเหรอเนี่ย..?”เจมิสที่เดาะลิ้นสบถออกมา 

ฟ้าว..!!

ปึด ๆ ๆ ๆ ๆ..!!

“อ้ากกกกกก..!!”

เสียงร้องตะโกนของเหล่าทหารที่กำลังวิ่งหนี จากการที่จู่ๆก็มีกระสุนแสงสีเขียวที่ระดมยิงเข้ามาจากทางด้านหลังของพวกเขา อานุภาพของกระสุนดังกล่าวสามารถเจาะทะลวงเข้าสู่ผิวหนังได้ ทำให้ทหารบางส่วนที่กำลังวิ่งต้องต่างพากันล้มหน้าคะมำลงไป..

“ฆ่าพวกเอลเดียให้หมด..!”เสียงตะโกนที่ดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของชายร่างใหญ่สูงเกือบสองเมตรที่กำลังนั่งอยู่บนแผ่นหลังของม้า เขานั้นแต่งกายด้วยเครื่องแบบทหารสีเทา..

“เฮ..!!!!”เสียงเฮที่ดังลั่นไปทั่วทั้งบริเวณ ทันใดนั้นพื้นที่ทางเบื้องหน้าของกองร้อยฝ่ายเอลเดีย ห่างไกลออกไปจนเกือบจะลับตา พลันปรากฏเป็นร่างของทหารฝ่ายศัตรูจำนวนเกือบหนึ่งร้อยนายที่วิ่งแห่ออกมาจากภายในผืนป่า ก่อนที่พวกมันจะพากันวิ่งขึ้นไปยังบนเนินที่ราบสูง..

“คุ้มกันผู้บาดเจ็บให้อพยพไปแนวหลัง..!”เจมิสที่ตะโกนออกคำสั่ง เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่กลุ่มทหารของเอลเดียที่วิ่งหนีมาจะวิ่งผ่านไป..

“ทหารทุกกลุ่มเตรียมพร้อมกระจายกำลังกัน ทำตามกลยุทธ์เดิมที่วางเอาไว้..!”

“รับทราบ..!!”

เจมิสที่แผดเสียงตะโกน โดยที่ทหารทุกนายก็ต่างเตรียมพร้อม 

“เปิดวงจร..”เจมิสที่กล่าวออกมา ทันใดนั้นที่กลางหน้าอกของเธอก็มีช่องว่างสีแดงที่ปรากฏ เธอพลันล้วงมือเข้าไปข้างใน ก่อนจะดึงนำดาบเล่มสีแดงเพลิงออกมา อีกทั้งที่แขนของเธอยังมีวงแหวนเวทสีม่วงที่ปรากฏออกมาคล้องจนมีลักษณะคล้ายกับกำไล..

“เฟรมซอร์ด..!”

ซูม..!

“เปิดวงจร..!!!!”เสียงของกองกำลังทหารทั้งกองร้อยที่ตะโกนออกมา 

ทันใดนั้นที่อกซ้ายหรือตำแหน่งหัวใจของแต่ละคนก็เปล่งแสง โดยที่ต้นตอของแสงนั้นนั่นก็คือคริสตัลมานาที่ปลดปล่อยเอมพาส 

ก่อนที่จู่ๆแขนของแต่ละคนจะมีวงแหวนเวทที่ปรากฏออกมา โดยที่สีของวงแหวนเวทในแต่ละคนนั้นมีลักษณะที่ไม่เหมือนกัน อีกทั้งยังมีจำนวนวงแหวนเวทที่ไม่เท่ากัน

ชิ้ง..!!!!

ทหารทุกๆนายที่ต่างพากันชักอาวุธ มีเพียงแค่ไม่กี่คนที่สามารถนำอาวุธออกมาจากกลางหน้าอกเหมือนกับเจมิสได้..

“ถ้าพร้อมแล้ว..!”

ซูม..!

เจมิสที่ตวัดดาบ..สายตาอันแสนเกรี้ยวกราดของเธอกำลังจ้องมองไปยังกองทัพฝ่ายศัตรูที่วิ่งตรงเข้ามา 

โดยที่กองร้อยฝ่ายเอลเดียก็ต่างเตรียมพร้อม เหลือเพียงแค่รอฟังสัญญาณเจมิส..

“โจมตีได้..!!!!!!!”

 

 

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด